อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1988 พวกคุณยังมีอะไรจะแก้ตัวอีก?
“ตลอดระยะเวลาแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของสำนักดาบเมฆเหิน นี่เป็นครั้งแรกที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!”
“ผมไม่รู้ว่าใครในหมู่พวกคุณที่เป็นผมน่ะถ่อมตัว แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเอาชนะศิษย์สายตรงกว่าห้าพันคนได้ด้วยตัวเขาเพียงคนเดียวถือเป็นเรื่องใหญ่ของทางสำนัก ถือว่าเขาคู่ควรแก่การยกย่อง! ส่วนพวกคุณที่เหลือ ขนาดมีกันถึงห้าพันคนก็ยังสังหารเขาไม่ได้ ผมขอถามพวกคุณหน่อย ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้พวกคุณร่ำเรียนอะไรกัน? ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ใช่ไหม?”
ผู้อาวุโสหวงเหยามีสีหน้าเรียบเฉย ยากที่จะบอกได้ว่าเขากำลังโกรธหรือตื่นเต้น ฝูงชนต่างไม่แน่ใจ ว่าควรคาดเดาอย่างไร
แต่ถึงอย่างนั้น คำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้ทุกคนก้มหน้าด้วยความอับอาย
มันคือความขายหน้าครั้งใหญ่ที่พวกเขาเอาชนะนักรบเพียงคนเดียวไม่ได้ ไม่มีอะไรให้โต้แย้งได้เลย
เพียงแต่…
ถ้าพวกเราจำไม่ผิด ผู้อาวุโสหวงเหยา…คุณเองก็ไปที่นั่นและถูกสังหารเหมือนกันไม่ใช่หรือ? แล้วมาเทศนาพวกเราแบบนี้ มันถูกต้องแล้วหรือไง?
แต่ก็แน่นอนว่าไม่มีศิษย์สายตรงฝ่ายในคนไหนกล้าพูดคำนั้นออกมาดังๆ
“จริงอยู่ว่าพวกเราเทียบชั้นกับผมน่ะถ่อมตัวไม่ได้ แต่…ด้วยความเก่งกาจของเขา มีความเป็นไปได้ไหมที่เขาจะเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดปลอมตัวมา?” ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่งตั้งคำถาม
ทันทีที่คำถามนั้นดังขึ้น ผู้คนมากมายก็พากันพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง
ในฐานะศิษย์สายตรงฝ่ายในด้วยกัน พวกเขารู้ระดับความสามารถของพวกเดียวกันเป็นอย่างดี หากมีใครสักคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาเล็กน้อยปรากฏตัว ก็ยังไม่น่าแปลกใจอะไร แต่ผมน่ะถ่อมตัวไปไกลกว่านั้น ไกลเกินกว่าระดับที่จะเอ่ยถึง ทำให้พวกเขาเกิดความคิดนั้นขึ้นมา
รู้ดีว่าบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในจะต้องตั้งคำถามนี้ หวงเหยาโบกมือ “ผู้อาวุโสมู่และพวกเราที่เหลือได้ไปที่ศาลาเพลงดาบเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว พละกำลังของเขาคือนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกเท่านั้น นี่คือผลการตรวจสอบ…”
วิ้งงงง!
มีบันทึกภาพปรากฏขึ้นกลางอากาศ แสดงให้เห็นภาพของผู้อาวุโสทั้ง 10 ที่เดินหน้าเข้าสู่กำแพงเพื่อตรวจสอบพละกำลังของผมน่ะถ่อมตัว ไม่ช้ากำแพงนั้นก็เปิดเผยผลลัพธ์ซึ่งตรงกับที่ผู้อาวุโสมู่ได้บอกไว้
“เขาเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก…เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในเหมือนพวกเรา!”
“เป็นไปได้หรือที่ศิษย์สายตรงฝ่ายในจะทรงพลังขนาดนี้?”
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าเพียงแค่ทักษะเหล่านั้นจะทำให้ใครสักคนเก่งกาจกว่าคนอื่นๆได้หลายเท่า!”
ภาพนั้นทำให้ความแคลงใจที่ว่าผมน่ะถ่อมตัวอาจไม่ใช่ศิษย์สายตรงฝ่ายในถูกปัดตกไป
“พวกคุณยังมีอะไรจะแก้ตัวอีก?” หลังจากเปิดบันทึกภาพ ผู้อาวุโสหวงเหยามองเหล่าศิษย์สายตรงที่อยู่โดยรอบด้วยสีหน้าเย็นชา “พอพวกคุณเอาชนะเขาไม่ได้ ก็คิดไปทันทีว่าเขาเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เคยพยายามค้นหาตัวเองไหมว่าทำไมถึงพ่ายแพ้?”
ยังไม่ทันที่ฝูงชนจะได้ตอบคำถาม รังสีของผู้อาวุโสหวงเหยาก็แผดกล้าและคมกริบขึ้นทันที ทำให้ทุกคนหายใจหายคอไม่ออก “ทำไมผมน่ะถ่อมตัวถึงแข็งแกร่งกว่าพวกคุณ? เหตุผลก็เหมือนกับสมญานามของเขานั่นแหละ เขาพากเพียรฝึกฝนอย่างหนัก หนักกว่าพวกคุณทุกคน ไม่วุ่นวายอยู่กับเรื่องไร้สาระอย่างชื่อเสียงและเกียรติยศ เขาไม่เคยเสียเวลาโอ้อวดทักษะของเขาต่อหน้าใครๆ หรือเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งหมดที่อยู่ในหัวใจของเขาคือการฝึกฝนวรยุทธ ฝึกฝนวรยุทธ และฝึกฝนวรยุทธเท่านั้น! เพราะการเสียเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตามากกว่าใครๆที่ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ระดับนี้ได้ แล้วพวกคุณที่เหลือล่ะ?”
ผู้อาวุโสหวงเหยาเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ “พวกคุณหมกมุ่นอยู่แต่กับศักดิ์ศรีและความรุ่งโรจน์ การต่อสู้จะช่วยพัฒนาทักษะของคุณได้ แต่คุณพอใจอยู่แต่กับการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า และจมอยู่กับสภาพแวดล้อมเดิมๆที่คุ้นชิน เพื่อที่จะได้เอาชนะการประลองได้ คุณมองว่าความพ่ายแพ้เป็นเรื่องน่าสะพรึง ด้วยกรอบความคิดแบบนี้ พวกคุณจะฝึกฝนศิลปะเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้อย่างไร? จะมีวันไหนที่จะได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง?”
คำพูดเหล่านั้นตีแสกหน้าทุกคน เมื่อหวนนึกถึงเวลามากมายที่พวกเขาสูญเสียไปกับการไขว่คว้าหาเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ ก็ได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความอับอาย
ส่วนจางเซวียนก็พูดอะไรไม่ออกกับการที่ตัวเขาได้รับการยกย่องขนาดนั้น
เหตุผลที่เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากมายหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระก็เพราะนี่เป็นวันแรกที่เขาเข้าสู่สำนัก ต่อให้เขาอยากทำ ก็ทำไม่ได้!
แต่ก็นั่นแหละ การที่ผู้อาวุโสหวงเหยาพูดถึงเขาว่าเพราะการเสียเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตามากกว่าใครๆ เขาจึงมาถึงจุดนี้ได้ เรื่องนั้นเป็นความจริงอย่างยิ่งทีเดียว
“อย่าเพิ่งพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี อย่าตีกรอบตัวเองให้จมอยู่กับสิ่งที่รู้ดีอยู่แล้ว และอย่ากล่าวโทษใครๆเมื่อสู้เขาไม่ได้ ถึงพวกคุณจะไม่ได้ปราดเปรื่องเท่าอีกฝ่าย แต่นั่นก็เป็นเพราะความพากเพียรของพวกคุณไม่ได้ใกล้เคียงกับเขาเลย!” เสียงของผู้อาวุโสหวงเหยาดังกึกก้องไปทั่ว “นับจากวันนี้ ผมหวังว่าพวกคุณจะโยนเรื่องไร้สาระทิ้งไป และทำให้แผนกศิษย์สายตรงฝ่ายในแข็งแกร่งกว่าที่เคย ทำได้ไหม? มีความมั่นใจมากพอหรือเปล่า?”
“ขอรับ ผู้อาวุโสหวง!”
“พวกเรามั่นใจว่าทำได้!”
บรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในกำหมัดแน่นและคำรามด้วยความฮึกเหิม
เห็นความฮึกเหิมของฝูงชน จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาคิดว่าเหล่าผู้อาวุโสจะมาสืบเสาะหาตัวตนของเขา จึงเผ่นหนีมาด้วยความหวาดกลัว แต่ลงท้าย พวกนั้นก็แค่ใช้ตัวตนของเขาเป็นแรงบันดาลใจและจุดประกายความฮึกเหิมให้กับบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคน
“ทั้งหมดที่ผมจะพูดในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ ผมได้ฟังคำตอบของพวกคุณแล้ว และกำลังรอคอยความสำเร็จนั้น” ผู้อาวุโสตอบ “เรื่องสุดท้าย ไม่ว่าผมน่ะถ่อมตัวจะเป็นใคร ผมหวังว่าพวกคุณจะสามารถตามหาตัวเขาให้ผมได้!”
“เอาล่ะ แยกย้าย!”
เมื่อเห็นว่าตัวตนของเขายังไม่ถูกเปิดเผย จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เขาออกจากที่ซ่อน และขณะที่กำลังจะมุ่งหน้าไปที่หุบเขาฝนโปรย ก็มีเสียงร้องอย่างตื่นเต้นดังขึ้นด้านหลัง
“นั่นเขา! นั่นเขา!”
เสียงนั้นทั้งตื่นเต้นและเร่งร้อน ดึงดูดความสนใจของทุกคน
จางเซวียนหันขวับ เหงื่อแตกซิก เขาแทบลมจับไปเดี๋ยวนั้น
ผู้ที่ตะโกนออกมายังคงชี้ไม้ชี้มือมาที่เขาอย่างตื่นเต้น ทำให้ตัวเขาตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน
“บ้าแล้ว?” จางเซวียนขนลุกขนชันทั่วทั้งตัว
เขาคงไม่ถูกจับได้ด้วยวิธีแบบนี้หรอก ใช่ไหม?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง…เขาจะถ่อมตัวต่อไปได้อย่างไร?
ที่สำคัญกว่านั้น ทันทีที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไม่มีเวลาฝึกฝนวรยุทธอีก บรรดาผู้เข้าท้าทายคงเข้ามารบกวนเขาอย่างไม่หยุดหย่อนราวกับฝูงแมลงน่ารำคาญ หวังจะได้ดวลกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าใครคนหนึ่งสามารถหงุดหงิดรำคาญใจจนตายได้ เขาก็คงจะตายเพราะเหตุนั้น
อีกอย่าง ใครบ้างที่ไม่อยากสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง หากพวกนั้นเอาชนะตัวเขาที่เล่นงานศิษย์สายตรงฝ่ายในไปถึงห้าพันคนได้ ก็แน่นอนว่าจะได้สวมตำแหน่งของเขาทันที
“ไม่ ไม่ใช่ผมนะ คุณน่ะตาไม่ดี จำคนผิดแล้ว” จางเซวียนตอบขณะหันหลังกลับและเตรียมเผ่น
ขณะที่ทุกคนยังคงงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น จางเซวียนก็โจนทะยานออกไปราวกับม้าที่หลุดจากบังเหียน แทบจะหายวับไปในชั่วพริบตา
“อย่าวิ่งนะ!” ศิษย์สายตรงฝ่ายในที่ตะโกนออกมาก่อนหน้านี้ถึงกับจังงังกับการเคลื่อนไหว อันรวดเร็วของจางเซวียน เขากำลังจะไล่ตามอีกฝ่าย ก็พอดีกับที่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วงที่ถาโถมลงมา ผู้อาวุโสหวงมาอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้และตั้งคำถาม “คุณบอกว่านั่นเขา แล้วเขาเป็นใคร?”
“เขาคือคนขายยาปลอม เอ่อ…ไม่ใช่ ผมหมายความว่าเขาคือพ่อค้ายาของจริง!” ศิษย์สายตรงฝ่ายในผู้นั้นรีบตอบพร้อมกับโค้งคำนับ
ผู้อาวุโสหวงเหยากระพริบตาปริบๆ
ถ้าทำได้ ก็อยากจะตบหมอนี่ให้จมลงไปถึงก้นบึ้งมหาสมุทร
เมื่อครู่นี้เองที่เขากำลังพูดถึงผมน่ะถ่อมตัว ก็พอดีที่หมอนี่ร้องโวยวาย “นั่นเขา!” ผู้อาวุโสหวงเหยาลิงโลดขึ้นมาทันทีเพราะนึกว่าในที่สุดก็ได้พบตัวนักดาบผู้ทรงพลังคนนั้น แต่กลับกลายเป็นแค่พ่อค้ายาคนหนึ่ง
คุณจะต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยหรือกับอีแค่พบตัวพ่อค้ายา?
เห็นผู้อาวุโสหวงเหยาหน้าหงิกขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์สายตรงฝ่ายในผู้นั้นรีบอธิบาย “นี่เป็นคำขอจากศิษย์พี่ไป๋เหรินชิง พวกเรายังไม่พบตัวเขาสักที ผมจึงอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อในที่สุดก็หาตัวเขาเจอ…”
แม้ศิษย์สายตรงฝ่ายในผู้นี้จะไม่ได้ตั้งแผงอยู่ใกล้กับจางเซวียนที่ตลาดของศิษย์สายตรงฝ่ายในเมื่อครั้งนั้น แต่เขาก็เคยจับตามองจางเซวียนตอนที่อีกฝ่ายเจรจาซื้อขายกับไป๋เหรินชิง
ตอนนั้นจางเซวียนไม่ได้ใส่ใจบรรดาพ่อค้าที่อยู่ในตลาด จึงจำศิษย์สายตรงฝ่ายในผู้นี้ไม่ได้
“ไป๋เหรินชิงกำลังตามหาเขา?” ผู้อาวุโสหวงเหยาขมวดคิ้ว
แม้จะเป็นผู้อาวุโส แต่เขาก็รู้เรื่องราวของไป๋เหรินชิงมามาก ว่าแต่ทำไมจู่ๆหลานสาวของผู้อาวุโสไป๋เย่ถึงตามหาศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่ง?
“ดูเหมือนยาที่เธอซื้อจากเขาจะใช้ได้ผลดีมาก เธอจึงอยากซื้อเพิ่ม” ศิษย์สายตรงฝ่ายในตอบ
“เข้าใจแล้ว ไปตามหาตัวเขาเถอะ อย่าทำให้ไป๋เหรินชิงอารมณ์เสีย” ผู้อาวุโสหวงเหยาโบกมืออย่างจนปัญญา ในเมื่อหมอนั่นไม่ใช่ผมน่ะถ่อมตัว เขาก็ไม่อยากใส่ใจเรื่องนี้อีก
รู้ดีว่ามีเวลาไม่มากพอที่จะรายงานหลิวลู่จี่กับคนอื่นๆ ศิษย์สายตรงฝ่ายในผู้นั้นรีบพุ่งทะยานลงจากภูเขาเพื่อตามล่าจางเซวียน
“เกือบไปแล้วสิเรา”
หลังจากวิ่งมาได้สักพัก จางเซวียนมองไปข้างหลังและเห็นว่าไม่มีใครตามมา เขาหยุดพักพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็กุมขมับ
เขาก็แค่อยากเป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตแบบธรรมดา ทำไมมันยากเย็นนัก?
เราไม่ได้อยากเกิดมาโดดเด่นเสียหน่อย!
แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อมีคนจำเราได้แล้ว นั่นก็หมายความว่าตัวตนของเราถูกเปิดเผย
จางเซวียนไม่รู้ว่าความลับของเขาถูกเปิดเผยได้อย่างไร แต่ตราบใดที่เขายืนกรานปฏิเสธและไม่สำแดงพละกำลังที่แท้จริงออกมา อีกฝ่ายก็ไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าเขาคือผมน่ะถ่อมตัวจริงๆหรือไม่
เห็นทีจะต้องทำลายตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล
หากเขาไม่ทำลายมัน ใครสักคนก็อาจนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของเขาไปเทียบกับสถิติที่บันทึกไว้ และนั่นจะเป็นหลักฐานชั้นดีในการยืนยันตัวตนของเขา หากถึงตอนนั้น เขาก็ไม่อาจพูดอะไรเพื่อเป็นการแก้ตัวได้อีก