อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2016 พวกเราควรจับตัวเขาไหม?
การที่อีกฝ่ายสำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะระดับล่างตั้งแต่อายุยังน้อย ก็หมายความว่าเขามีวิธีการและระบบระเบียบของตัวเอง แล้วทำไมจู่ๆถึงฝ่าฝืนกฎของตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น?
“ตอนนี้เหรินชิงก็อยู่กับเขา ผมจะถามเธอเอง” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูด
หานเจี้ยนชิวพยักหน้ารับ
ผู้อาวุโสไป๋เย่ส่งข้อความไป ไม่นานก็ได้รับการตอบกลับ เมื่อเห็นคำตอบ เขาขยี้ตาอย่างแรงราวกับกลัวว่าจะตาฝาด
เห็นทีท่าแปลกประหลาดของผู้อาวุโสไป๋เย่ หานเจี้ยนชิวขมวดคิ้ว “มีอะไร?”
“ไป๋เหรินชิงบอกผมว่าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกับใครๆบอกเธอว่าจางเซวียนเป็นนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้นเท่านั้นตอนที่เขาเข้าสู่สำนักของเราเมื่อวาน!” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบด้วยอาการงุนงงสุดขีด
“นักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้น? เดี๋ยวก่อน…คุณกำลังบอกผมว่าเพียงชั่วข้ามวัน เขาก็ยกระดับวรยุทธจากผู้ทำลายล้างมิติมาเป็นนักรบเสมือนอมตะหรือ? มันห่างกันหนึ่งขั้นเต็มๆเลยนะ!” หานเจี้ยนชิวหรี่ตา
จริงอยู่ว่าวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ไม่ได้สูงส่งอะไรมากมาย แต่การยกระดับวรยุทธได้ถึงหนึ่งขั้นเต็มๆในชั่วข้ามวัน…นั่นเป็นวีรกรรมที่เรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้
“ไม่เพียงเท่านั้นนะ เท่าที่ผมได้รู้จากเหรินชิง ดูเหมือนตอนนี้เขาสำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะสรวงสวรรค์แล้ว” ผู้อาวุโสไป๋เย่เสริม
“เสมือนอมตะสรวงสวรรค์?”
ทุกคนถึงกับจังงัง
พวกเขาเพิ่งต่อสู้กับชายหนุ่มเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน ซึ่งอีกฝ่ายน่าจะเป็นแค่นักรบเสมือนอมตะระดับล่างเท่านั้น เอาเวลาที่ไหนไปยกระดับวรยุทธได้รวดเร็วขนาดนี้?
หานเจี้ยนชิวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะสั่งการ “เรียกตัวผู้อาวุโสลู่อวิ๋นมา”
ด้วยคำสั่งโดยตรงของท่านเจ้าสำนัก ไม่ช้าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็มาถึงสภาผู้อาวุโส
“ผมอยากให้คุณทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองชวนเจียงอย่างละเอียด” หานเจี้ยนชิวพูดพร้อมกับโบกมือ
“ขอรับ ท่านเจ้าสำนักหาน” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นรีบสาธยายทุกอย่างที่เขาได้เห็นและได้ยิน
“คุณบอกว่า…จางเซวียนทำให้ตั้นเฉี่ยวเทียนฝ่าด่านวรยุทธจากนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 มาเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงหรือ?”
ทุกคนพากันตัวสั่นจนแก้มที่เหี่ยวย่นของพวกเขากระตุกไม่หยุด
ในฐานะนักรบอมตะขั้นสูง พวกเขาได้เห็นเรื่องเหลือเชื่อในโลกนี้มามากมาย แต่ไม่เคยมีใครได้ยินว่านักรบคนหนึ่งจะสามารถฝ่าด่านวรยุทธได้ถึง 2 ขั้นเต็มๆภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง!
“ใช่ ผมรู้ว่ามันฟังดูเหลวไหล แต่ผมเห็นมากับตา!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูด “ผมแน่ใจว่าในเวลานั้น ระดับวรยุทธของจางเซวียนคือผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้นเท่านั้น”
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว คุณไปพักผ่อนได้ อย่าบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับใครก็แล้วกัน” หานเจี้ยนชิวพูดขณะปล่อยให้ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกลับไป
เมื่ออีกฝ่ายจากไปแล้ว สภาผู้อาวุโสก็ตกอยู่ในความเงียบ
พวกเขาเคยคิดว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นไม่น่าทำอะไรได้นอกจากโอ้อวดตัวเองไปวันๆ แถมยังไม่ใส่ใจการฝึกฝนวรยุทธอีกต่างหาก แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่สร้างความอึกทึกครึกโครมมากมายภายในสำนัก เขาก็สามารถยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้นไปเป็นนักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ได้ด้วย!
พัฒนาได้รวดเร็วขนาดนี้…ต่อให้ผู้ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินก็ยังเหงื่อตกหากต้องประชันขันแข่งกับเขา!
“แล้ว…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งโพล่งออกมาท่ามกลางความเงียบ “พวกเราควรจับตัวเขาไหม?”
เมื่อครู่นี้เองที่หานเจี้ยนชิวกับผู้อาวุโสเหอกำลังหารือกันเรื่องการจะลากตัวจางเซวียนกลับมา ไม่ให้ไปสร้างความวุ่นวายที่ไหนและบีบบังคับให้อีกฝ่ายฝึกฝนวรยุทธ แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าความรวดเร็วในการยกระดับวรยุทธของจางเซวียนนั้นน่าสะพรึงกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก หากจะเปรียบเทียบกัน พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับหอยทาก…
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ควรไปจับตัวเขาไหม?
“เหตุผลที่เขาฝึกฝนวรยุทธได้รวดเร็วน่าจะเป็นเพราะเขามีวิถีทางในการฝึกฝนวรยุทธของตัวเอง ตอนนี้เราอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้นเลย” หานเจี้ยนชิวใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะสั่งการ “ผู้อาวุโสโฉว ผมอยากให้คุณแอบติดตามเขาไป ดูให้แน่ใจนะว่าเขาไม่รู้ตัว แต่ก็ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยให้เขาด้วย เข้าใจไหม?”
“ขอรับ ท่านเจ้าสำนักหาน” ผู้อาวุโสโฉวประสานมือก่อนจะรีบออกจากสภาผู้อาวุโส
ความเงียบเข้าครอบงำสภาผู้อาวุโสอีกครั้ง ขณะที่คนที่เหลือพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่
พูดกันตามตรง ความตื่นตระหนกที่ว่าที่เจ้าสำนักของพวกเขาทำลงไปช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ศิลปะเพลงดาบที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ ผนึกกำลังกันกับความรวดเร็วในการพัฒนาวรยุทธอย่างเหลือเชื่อ…
ยังมีเรื่องน่าประหลาดใจรอพวกเขาอยู่อีกมากมายแค่ไหน?
“ดูเหมือนเขาจะมีความเข้าใจอย่างล้ำลึกในศิลปะเพลงกระบี่ด้วย เขากดข่มเจตจำนงเพลงดาบของผมได้อย่างง่ายดาย” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งข้อสังเกตเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดในวันนั้น
“เขาใช้เจตจำนงเพลงกระบี่ของเขากดข่มเจตจำนงเพลงดาบของคุณได้อย่างนั้นหรือ? อธิบายให้ละเอียดหน่อยสิ!” หานเจี้ยนชิวพูด
คนอื่นๆพากันหันมา
ไม่ช้าผู้อาวุโสไป๋เย่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างละเอียด
ทุกคนต่างอับจนถ้อยคำอีกครั้ง
ศิลปะเพลงดาบ ค่ายกล ศิลปะเพลงกระบี่…เจ้าหนุ่มคนนั้นเก่งกาจไปเสียทุกอย่างได้อย่างไร?
“นำตัวตั่นเฉี่ยวเทียนมาที่นี่!” หานเจี้ยนชิวสั่งการ
ไม่ช้า ตั่นเฉี่ยวเทียนก็ถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้าสภาผู้อาวุโส
“บอกผมมาตามตรง เทคนิคการโยนดาบที่คุณเชี่ยวชาญน่ะ คุณร่ำเรียนจากจางเซวียนใช่ไหม?” หานเจี้ยนชิวตั้งคำถาม
รู้ดีว่าไม่มีทางปกปิดเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ตั้นเฉี่ยวเทียนตัดสินใจพูดหมดเปลือก “ใช่ ถึงผมจะบอกใครต่อใครว่าเขาเป็นสหาย แต่อันที่จริงเขาคือท่านอาจารย์ของผมเอง”
“นึกแล้วเชียว!” หานเจี้ยนชิวพยักหน้า “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น…ผมอยากให้คุณใช้เทคนิคการโยนดาบนั้นสู้กับพวกเรา เพื่อที่เราจะได้ทดสอบประสิทธิภาพของมัน”
“ฮะ? บอกคุณตามตรงนะ ผมเพิ่งเรียนกับท่านอาจารย์ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และความรู้ที่ผมได้จากเขาก็จำกัดจำเขี่ยมาก แต่ถ้าคุณต้องการล่ะก็ ท่านเจ้าสำนักหาน…ผมก็จะลองดู” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบอย่างลังเล
“ไม่กี่ชั่วโมง? เอาเถอะ…พวกเราจะออมมือให้!” หานเจี้ยนชิวตอบยิ้มๆ
3 นาทีต่อมา ประตูของสภาผู้อาวุโสก็เปิดออก ผู้ที่ก้าวออกมาคือตั้นเฉี่ยวเทียน
ในห้องนั้น ทั้งหานเจี้ยนชิว ผู้อาวุโสเหอ และคนอื่นๆล้วนมีดาบปักอยู่ที่ศีรษะคนเล่ม แม้จุดสำคัญในร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ดาบนั้นก็ยังแทงทะลุผิวหนัง ทำให้เลือดซึมออกมาจากศีรษะ
คนที่เหลือรีบเข้าไปดึงดาบออกจากศีรษะของพวกเขา ขณะที่ทั้งห้องเงียบงันไปอีกครั้ง
ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าที่เสียงแหบพร่าของหานเจี้ยนชิวจะดังขึ้น “เขาเพิ่งเรียนกับจางเซวียนแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่พวกเราก็สู้เขาไม่ได้แล้ว…”
ฟังดูเหมือนหานเจี้ยนชิวร่ำๆจะปล่อยโฮออกมา
เท่าที่ได้ฟังจากตั้นเฉี่ยวเทียน ดูเหมือนก่อนหน้าที่จะพบกับจางเซวียน เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะเพลงดาบเลย แต่หลังจากได้เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็สู้ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่ได้แล้ว
ส่วนไป๋เหรินชิง เธอได้เรียนกับจางเซวียนเพียง 1 ชั่วโมง แต่ก็เก่งกาจจนไม่มีศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนไหนเทียบชั้นได้
มันจะเหลือเชื่อไปหน่อยไหม?
ทำไมถึงดูเหมือนกับว่าการฝึกฝนวรยุทธตลอดหลายปีที่ผ่านมาของพวกเขาไม่ได้เรื่องได้ราวเลย?
บรรยากาศภายในสภาผู้อาวุโสหนักอึ้งเสียจนทุกคนแทบหายใจหายคอไม่ออก
“พวกเรา…ควรขอให้เขาถ่ายทอดความรู้ให้พวกเราไหม หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจแล้ว?” ผู้อาวุโสเหอเปรยอย่างลังเล
พวกเขารู้ดีว่าจางเซวียนทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ แต่คิดว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญเพียงแค่ศิลปะเพลงดาบเท่านั้น ในแง่ของความเข้าใจศิลปะเพลงดาบโดยภาพรวม เจ้าหนุ่มคนนั้นไม่น่าจะเทียบชั้นกับพวกเขาได้ เพราะถึงอย่างไร ผู้อาวุโสทุกคนก็ฝังตัวอยู่ในโลกของศิลปะเพลงดาบอันล้ำลึกมาเนิ่นนานจนนับปีไม่ถ้วน
แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจผิดมหันต์!
แม้จะท้อใจ แต่ก็รู้ดีว่านี่คือโอกาสครั้งใหญ่
หากพวกเขายอมละทิ้งศักดิ์ศรีและร้องขอการถ่ายทอดความรู้จากอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมถ่อมตัว ก็น่าจะพัฒนาวิถีทางของเพลงดาบให้ตัวเองได้มาก
“ดี เราจะขอให้เขาถ่ายทอดความรู้ให้เราหลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจแล้ว” หานเจี้ยนชิวพยักหน้ารับ
…..
จางเซวียนไม่รู้เรื่องที่ระดับวรยุทธปลอมของเขาถูกไป๋เหรินชิงเปิดเผย ในตอนนั้น เขากำลังจ้องมองเมืองใหญ่โตโอ่อ่าที่อยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
สมกับที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในอาณาบริเวณโดยรอบสำนักดาบเมฆเหิน ในแง่ของขนาด เมืองอู๋ไห่ไม่ได้ด้อยกว่าเมืองหลวงของจักรวรรดิอันทรงเกียรติเลย
หลังจากเดินทางมาได้ราวสองพันลี้ เมืองใหญ่โตโอ่อ่าที่มีค่ายกลอันซับซ้อนปกป้องไว้หลายชั้นก็ปรากฏแก่สายตา มีผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวให้เห็นอยู่ทั่วไป พร้อมด้วยร่องรอยของกองทหารอันทรงพลังที่ลาดตระเวนอยู่ในเมือง
“ท่านเจ้าเมืองอู๋ไห่เป็นนักรบอมตะขั้นสูง เขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าท่านปู่ของฉันเลย” ไป๋เหรินชิงอธิบาย
แม้เธอจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ก็พอนึกภาพออกว่าเมืองอู๋ไห่เป็นอย่างไรจากเรื่องเล่าที่ได้ฟังจากท่านปู่ จึงไม่ประหลาดใจนักกับสิ่งที่เห็น
“นักรบอมตะขั้นสูง?” จางเซวียนพยักหน้าช้าๆ
ไม่แปลกใจแล้วที่เมืองนี้เป็นเมืองขั้น 1 ของทวีปที่ถูกลืม ลำพังแค่ความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองก็เพียงพอที่จะดึงดูดนักรบผู้ทรงพลังและปราดเปรื่องให้เข้ามา ส่งผลให้ทั้งเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง
เป็นไปได้ว่าน่าจะมีนักรบอมตะตัวจริงอยู่ในเมืองนี้มากมาย
“ใช่” ไป๋เหรินชิงพยักหน้าก่อนจะหันกลับมามองจางเซวียนอย่างเคร่งขรึม “เพราะฉะนั้น ถึงเราจะเป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง…”
“ตามนั้น!”
ที่ไหนก็ตามที่มีผู้เชี่ยวชาญมารวมตัวกันมากมาย ก็ย่อมมีการแข่งขันและการแบ่งพรรคแบ่งพวก ทุกอย่างอาจกลายเป็นหายนะได้หากไปล้ำเส้นของกลุ่มอำนาจใดๆเข้าโดยบังเอิญ
“ถ้าอย่างนั้น…อาจารย์ลุง เราจะตรงไปที่ตลาดอู๋ไห่เพื่อเข้าร่วมภารกิจตรวจสอบสมบัติเลยไหม?” ไป๋เหรินชิงถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ต้องรีบหรอก อยู่ที่นี่…เราจะหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลได้จากที่ไหน? ไปแวะชมหอนิรันดร์ของเมืองนี้ก่อนเถอะ” จางเซวียนตอบยิ้มๆ