Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2008 เรื่องเป็นอย่างนี้…

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2008 เรื่องเป็นอย่างนี้…

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2008 เรื่องเป็นอย่างนี้…
“มีโอกาสสูงที่ผมจะได้เป็นเจ้าสำนักของพวกคุณในอนาคตอันใกล้?” จางเซวียนถึงกับผงะ

เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้มากมายหลายประการ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าสำนักดาบเมฆเหินจะคาดหวังให้เขารับตำแหน่งเจ้าสำนัก…

พูดตามตรง จางเซวียนสนใจข้อเสนอนี้มาก สถานภาพใหม่นี้จะทำให้เขาได้รับการปกป้องอย่างดีและเอาตัวรอดได้ในมิติเบื้องบน ที่สำคัญกว่านั้น ด้วยอิทธิพลของสำนักดาบเมฆเหิน การที่เขาจะพลิกแผ่นดินเพื่อค้นหาร่องรอยของหลัวลั่วชิงก็คงง่ายขึ้นมาก!

“ใช่” ผู้อาวุโสไป๋เย่พยักหน้า

“เข้าใจแล้ว ผมจะตามคุณไปที่สภาผู้อาวุโส แต่มีเรื่องหนึ่งจะขอร้อง…ผมเข้าใจว่าผมน่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสคนอื่นๆด้วย จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องรับรู้ตัวตนที่แท้จริงของผม แต่ถึงอย่างนั้น หากเป็นไปได้ ผมก็หวังว่าเรื่องนี้จะไม่แพร่งพรายไปเข้าหูผู้คนมากมายเกินไปนัก” จางเซวียนพูด

ต่อให้ผู้อาวุโสไป๋เย่กับทางสำนักดาบเมฆเหินไม่มีเจตนาทำร้ายเขา แต่ก็ดีที่สุดหากจะทำอะไรอย่างระมัดระวัง อย่างคำกล่าวที่ว่ากันว่า ‘ต้นไม้ที่สูงโดดเด่นเกินไปในป่า สุดท้ายก็ต้องโค่นเพราะเปลวเพลิง’

เหตุผลที่จางเซวียนตั้งใจจะปกปิดตัวตนไว้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก คือหากคนอื่นๆรู้ว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครพยายามทำร้ายเขา

“ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่มีเจตนาจะทำอะไรให้คุณต้องเดือดร้อน!” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบพร้อมกับพยักหน้า

เขารู้ดีว่าอันตรายของการทำให้คนคนหนึ่งเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆคืออะไร

ผู้อาวุโสไป๋เย่หันไปสั่งการอย่างเคร่งขรึมกับไป๋เหรินชิง “เหรินชิง ห้ามพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ใครฟังเด็ดขาด ปู่จะออกไปกับน้องจางสักครู่!”

จากนั้น เขาก็หันไปพูดกับจางเซวียน “ไปกันเถอะ!”

ผู้อาวุโสไป๋เย่ใช้พลังปราณห่อหุ้มร่างของจางเซวียนไว้โดยเร็ว ก่อนจะโผขึ้นสู่กลางอากาศ

ตั้นเฉี่ยวเทียนเฝ้ามองจางเซวียนหายลับขอบฟ้าไป เขาอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดหนักในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน “มีโอกาสสูงที่ท่านอาจารย์จะได้เป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักดาบเมฆเหินหรือ?”

เขารู้อยู่แล้วว่าจางเซวียนคือนักรบผู้ปราดเปรื่องและมีประสิทธิภาพการต่อสู้เหนือชั้นกว่าธรรมดา แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจถึงขนาดทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้

ทั้งที่อายุยังน้อยแค่นี้ แต่จางเซวียนก็ได้จ่อรอคิวเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำของ 1 ใน 6 สำนักใหญ่แล้ว!

ส่วนเฉาเฉิงลี่ก็ตาโตด้วยความตกใจเมื่อรู้เรื่อง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมนายน้อยถึงตั้งกฎประหลาดพิสดารมากมาย สั่งเขาว่าต้องเข้าสู่บ้านพักโดยไม่ให้ใช้ทั้งขาซ้ายและขาขวา…

เขาบังอาจวิพากษ์วิจารณ์ผมน่ะถ่อมตัวออกมาดังลั่นต่อหน้านายน้อย นั่นไม่เท่ากับดูถูกนายน้อยต่อหน้าต่อตาหรือ?

เฉาเฉิงลี่ใช้มือกุมหน้าอกไว้เพื่อสงบใจ เขานึกขอบคุณสวรรค์ที่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ทั้งที่เขาเพิ่งทำผิดมหันต์ลงไป

…..

ที่ศาลาเพลงดาบ

เจ้าสำนักหาน ผู้อาวุโสเหอ และคนอื่นๆกำลังจับจ้องที่กำแพงตรงหน้า ดูราวกับว่าพวกเขากำลังจะขุดหลุมที่กำแพงนั้น

เสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังขึ้นเป็นชุดจากด้านนอก

ผู้อาวุโสเหอหันขวับไปมองผู้อาวุโสที่เพิ่งเข้ามาและถามว่า “มีข่าวคราวของผมน่ะถ่อมตัวไหม?”

“ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก…มีใครคนหนึ่งท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหมดทุกคน!” ชายชราอุทานออกมาอย่างร้อนใจ

เขาคือชายชราคนเดียวกันกับที่อยู่กับผู้อาวุโสไป๋เย่ก่อนหน้านี้

“ใครคนหนึ่งท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหมดทุกคน? หรือว่าจะเป็น ‘ผมน่ะถ่อมตัว’?” ผู้อาวุโสเหอหรี่ตาด้วยความตกใจขณะลุกพรวด “ไม่สิ ไม่ใช่หรอก วรยุทธของเขาคือนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกไม่ใช่หรือ?”

“หมอนั่นมีสมญานามว่า ‘ผมนะหล่อมาก’ เขาท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหลายสิบคนพร้อมๆกัน และสังหารทุกคนเรียบ ผู้อาวุโสไป๋เย่กับผมแฝงตัวเข้าไปที่นั่น แต่พวกเราก็ลงเอยด้วยการถูกสังหารเหมือนกัน…” ชายชราพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“เขาสังหารศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดไปหลายสิบคน รวมถึงผู้อาวุโสไป๋เย่กับคุณด้วย…เขาจะต้องเป็นอัจฉริยะผู้สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้แน่” เจ้าสำนักหานพยักหน้า เขาหันไปมองกำแพงและสั่งการ “ค้นหาว่าตอนนี้ผมน่ะหล่อมากอยู่ที่ไหน!”

ถ้าเป็นแค่การสังหารศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหลายสิบคน ก็ยังไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เขาจะจัดการได้ แต่หากคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายรวมถึงผู้อาวุโสไป๋เย่กับชายชราที่อยู่ตรงหน้าด้วย ต่อให้ตัวเขาก็คงรับมือได้ยาก

ไม่ต้องสงสัยแล้วว่า ‘ผมน่ะหล่อมาก’ กับ ‘ผมน่ะถ่อมตัว’ จะต้องเป็นคนเดียวกัน!

วิ้งงงง!

กำแพงที่อยู่ตรงหน้าฉายแสงวาบ แต่ไม่มีอะไรปรากฏ

“เจ้าสำนักหาน ชายผู้นั้นออกจากหอนิรันดร์ไปแล้วหลังจากที่สังหารเหล่าศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด” ชายชราอธิบาย “แต่ผู้อาวุโสไป๋เย่ดูจะแน่ใจว่าตัวตนที่แท้จริงของหมอนั่นเป็นใคร ตอนนี้เขากำลังไปพบชายผู้นั้นอยู่ และร้องขอให้คุณกับผู้อาวุโสคนอื่นๆกลับไปรอเขาที่สภาผู้อาวุโสก่อน เขาเชื่อว่าจะสามารถพาตัวชายผู้นั้นไปที่สภาผู้อาวุโสได้ในเร็วๆนี้”

“ผู้อาวุโสไป๋เย่แน่ใจในตัวตนของผู้นั้นแล้วหรือ?”

ผู้อาวุโสสองสามคนมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อ

รู้ๆกันอยู่ว่าผู้อาวุโสไป๋เย่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

เพราะสภาพร่างกายแบบนั้น เขาถึงกับถอนตัวออกจากสภาผู้อาวุโส แล้วจู่ๆมาแน่ใจในตัวตนของบุคคลที่ทุกคนกำลังพูดถึงได้อย่างไร?

“อ๋อ เรื่องเป็นอย่างนี้…” ชายชราตั้งต้นอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

เขาไม่รู้เรื่องที่ไป๋เหรินชิงซื้อยาจากจางเซวียน แต่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น เขารู้สึกว่ามันคือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังข้อสันนิษฐานของผู้อาวุโสไป๋เย่เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของชายที่ใครๆต่างกล่าวขวัญถึง

“ไป๋เหรินชิงได้เรียนศิลปะเพลงดาบเพียง 2 กระบวนท่าจากเขา แต่อันดับของเธอพุ่งพรวดจากอันดับที่ 17 ไปสู่อันดับที่ 1 เธอถึงกับดวลกับหลานชายของผม และผลออกมาเสมอกันด้วย?” ผู้อาวุโสเหอตาโตอย่างแทบไม่อยากเชื่อ

หากเมื่อครู่นี้เขายังออกจะไม่แน่ใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าผู้อาวุโสไป๋เย่เจอเข้ากับของจริง

“พวกเรารีบกลับกันเถอะ!”

รู้ดีว่าเรื่องนี้ได้รับการคลี่คลายแล้ว ฝูงชนรีบเดินทางกลับสู่สภาผู้อาวุโส

ทันทีที่เข้าประจำที่ ประตูก็เปิดออก ผู้อาวุโสไป๋เย่เดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง

“ท่านเจ้าสำนักหาน คุณกลับมาแล้ว!” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตาโตเมื่อเห็นผู้ที่นั่งอยู่บริเวณใจกลางห้อง เขารีบผายมือไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆและแนะนำ “นี่คือบุคคลผู้สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ, จางเซวียน!”

“จางเซวียน?”

ฝูงชนมองหน้ากันด้วยความสงสัย

พวกเขาประหลาดใจที่พบว่าอีกฝ่ายมีอายุเพียง 20 ต้นๆเท่านั้น นั่นคือระดับอายุที่ไม่น่าเชื่อสำหรับการที่นักรบคนหนึ่งจะเข้าถึงศิลปะเพลงดาบที่เป็นสุดยอดของมิติเบื้องบนได้!

“จางเซวียน นี่คือท่านเจ้าสำนักของเรา, หานเจี้ยนชิว!” ผู้อาวุโสไป๋เย่แนะนำชายชราที่นั่งอยู่ใจกลางห้อง

“ท่านเจ้าสำนัก?” จางเซวียนมองไป

หานเจี้ยนชิวดูมีอายุราว 60 ปี สวมเสื้อคลุมสีเขียว การปรากฏตัวของเขาดูจะหลอมรวมเข้ากับเจตจำนงเพลงดาบอันเฉียบคม ทำให้ไม่อาจกะระดับความล้ำลึกของวรยุทธของเขาได้

*ตำนานกล่าวว่า เก้าดาบของตู๋กูคือดาบ 9 เล่มที่เป็นอิสระต่อกัน สามารถก่อเกิดเป็นศิลปะการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ได้ เป็นที่รู้กันว่ามันยืดหยุ่นและไร้รูปแบบ ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐานมากมายที่สามารถแปรเปลี่ยนโครงสร้างไปได้อย่างไร้จุดจบ ทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจคาดเดาการเคลื่อนไหวและตอบโต้ด้วยศิลปะเพลงดาบที่เหมาะสมได้เลย

จากหนังสือมากมายที่จางเซวียนได้อ่าน ไม่มีระบุไว้ว่าวรยุทธที่เหนือกว่านักรบอมตะขั้นสูงคืออะไร และผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็ไม่รู้ แต่สัญชาตญาณของจางเซวียนบอกเขาว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้า, เจ้าสำนักหานเจี้ยนชิว, สำเร็จวรยุทธถึงขั้นที่ไม่มีใครรู้นั้น

จางเซวียนดูออกว่าหานเจี้ยนชิวผู้นี้ไม่มีเจตนาร้ายต่อเขา แต่ถ้าอีกฝ่ายนึกอยากเล่นงานเขาขึ้นมา เขาก็คงไม่มีปัญญาตอบโต้

“จางเซวียน คุณสะดวกใจสำแดงศิลปะเพลงดาบของคุณให้พวกเราชมไหม?” หานเจี้ยนชิวตั้งคำถามพร้อมกับหัวเราะหึๆ

“ไม่ทราบว่าคุณต้องการให้ผมสำแดงศิลปะเพลงดาบของผมเพื่ออะไร?” จางเซวียนย้อนถาม

“คุณเป็นแค่นักรบเสมือนอมตะระดับล่าง เข้าสู่หอนิรันดร์ของผู้อาวุโสไม่ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ไปที่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดและดวลกันที่นั่นดีกว่า ผมคิดว่าไม่มีวิธีไหนที่จะแสดงออกถึงศิลปะเพลงดาบของใครสักคนได้ดีกว่าการเข้าร่วมการต่อสู้จริงๆ”

เหล่าผู้อาวุโสมีหอนิรันดร์ของตัวเอง แต่ต้องสำเร็จวรยุทธตามระดับที่กำหนดไว้ถึงจะเข้าไปได้ เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้ยังไม่บรรลุเงื่อนไขนั้น พวกเขาจึงควรจะดวลกันในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดแทน

เห็นอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาจงใจกดข่มระดับวรยุทธไว้ จางเซวียนตอบยิ้มๆ “เข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหรือ? มันออกจะยุ่งยากไปหน่อย ทำไมคุณไม่ลดระดับวรยุทธของตัวเองและสู้กับผมที่นี่ล่ะ?”

“ที่นี่? คุณแน่ใจนะ?” ยังไม่ทันที่หานเจี้ยนชิวจะได้พูดอะไร ผู้อาวุโสเหอก็ขัดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว “ทั้งวรยุทธ ปริมาณพลังปราณ และประสิทธิภาพของกายเนื้อของเหล่านักรบจะอยู่ในระดับเดียวกันเมื่ออยู่ในหอนิรันดร์ จึงถือเป็นสนามประลองที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับพวกเราทุกคน แต่หากเป็นที่นี่ ต่อให้พวกเราลดระดับวรยุทธลง ก็ยังคงมีความเหลื่อมล้ำในความแข็งแกร่งของกายเนื้อ จิตวิญญาณ และความบริสุทธิ์ของพลังปราณอยู่ดี มันไม่ใช่ปัจจัยที่พวกเราจะควบคุมได้”

การเข้าสู่หอนิรันดร์ใช้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของจิตใต้สำนึกเท่านั้น ซึ่งจะได้รับการจับคู่กับกายเนื้อที่มีองค์ประกอบเหมือนกันกับคนอื่นๆ พูดอีกอย่างก็คือ เหมือนกับการที่จิตใต้สำนึกของแต่ละคนถูกใส่เข้าไปในร่างของหุ่นกระบอก มีแต่ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นที่ความแตกต่างในศิลปะเพลงดาบของแต่ละคนจะถูกสำแดงออกมาให้เห็นชัดเจน

หากอยู่ในโลกของความเป็นจริง ต่อให้พวกเขาลดระดับวรยุทธลง ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณของนักรบอมตะขั้นสูงก็ยังคงมีความได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้อยู่ดี ไม่มีทางที่นักรบเสมือนอมตะระดับล่างจะมีโอกาสเอาชนะพวกเขาได้เลย!

“ไม่มีปัญหาหรอก” จางเซวียนตอบ

ถึงเขาจะใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบศิลปะเพลงดาบของคู่ต่อสู้และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาในหอนิรันดร์ได้ แต่ข้อมูลที่ได้รับก็มีจำกัด แต่ถ้าเขาใช้หอสมุดเทียบฟ้าในโลกของความเป็นจริง จะสามารถแกะรอยไปถึงบรรพบุรุษของผู้นั้นได้เลยทีเดียว ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้นมา ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการช่วยชีวิตของเขา

“ฮึ่มมม! ถ้าคุณตัดสินใจแล้ว พวกเราก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าจะทรงพลังแค่ไหน!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขณะลุกขึ้นยืน

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 2100 อ่านนิยาย

อ่านต่อเลือกตอนข้างล่าง


จางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท