ตอนที่ 2021 ผมเคยได้ยินเรื่องของเขา…
หากไม่ได้พบชายหนุ่มคนนี้ ไม่ช้าไม่นานเขาก็คงถูกเจตจำนงชั่วร้ายที่อยู่ในประติมากรรมเล่นงานแน่ เขาอาจต้องฆ่าตัวตายเหมือนเจ้ากระต่ายตัวเมื่อครู่
ทั้งความหวาดกลัวและความฉุนเฉียวเดือดพล่านระคนกันอยู่ในหัวสมองของหัวหน้าหวังขณะที่เขาหันไปตวาดผู้อาวุโสเหอ “ผู้อาวุโสเหอ มันเกิดอะไรขึ้น? นี่คือผลของความไว้วางใจที่ผมมีให้คุณหรือ?”
โดยปกติ เขาไม่กล้าพูดจากับผู้อาวุโสเหอแบบนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขาเข้าใกล้ความตายเสียจนไม่อาจรักษากิริยาได้!
“ผม…” ผู้อาวุโสเหอตัวสั่น
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ผู้อาวุโสเหอทรุดตัวลงนั่งยองๆเพื่อเก็บเศษหินขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะพินิจพิจารณาอย่างไร มันก็คือหินโชกเลือด ไม่มีร่องรอยของความเป็นหินสงบใจแม้แต่น้อย
ในชั่วพริบตานั้น เขาดูแก่ไปอีก 10 ปี
หลังจากเงียบงันไปนาน ในที่สุดผู้อาวุโสเหอก็หันไปถามจางเซวียน “ไม่ทราบว่า…ผมควรเรียกคุณอย่างไร?”
“ผมคือจางเซวียน!” จางเซวียนตอบ
“น้องจาง ผมแน่ใจจริงๆว่าสิ่งที่ผมเห็นในประติมากรรมเมื่อครู่นี้คือหินสงบใจ” ผู้อาวุโสเหอพูด “แล้วทำไม…”
เขาไม่หลงเหลือทีท่าหยิ่งผยองอย่างเดิมอีกแล้ว และการเรียกขานจางเซวียนก็เปลี่ยนไป โดยใช้คำว่า ‘น้องจาง’ ซึ่งสุภาพกว่าเดิม
เขาแน่ใจว่าการตรวจสอบสมบัติของตัวเองไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทุกอย่างกลับกลายเป็นแบบนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ล่วงหน้า ก็น่าจะรู้ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร
อคติที่เขามีต่อศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินไม่ได้ไร้เหตุผล ศิษย์สายตรง 2 คนมาที่นี่ก่อนหน้าจางเซวียนเพื่อเสี่ยงดวง แต่แล้วทั้งคู่ก็แทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการตรวจสอบสมบัติ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองอับอายขายหน้า ยังพลั้งมือทำลายของล้ำค่าไปชิ้นหนึ่งด้วย
ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสเหอจึงมีทีท่าอย่างที่เห็นในตอนแรก
เขาไม่ประทับใจนักกับศิษย์สายตรงจากสำนักดาบเมฆเหินที่พยายามจะทำตัวเป็นนักตรวจสอบสมบัติ และเมื่อเห็นว่าจางเซวียนอายุยังน้อย จึงเหมาทันทีว่าอีกฝ่ายแค่พยายามเสี่ยงโชค ใครจะรู้ว่าเขาจะสะดุดเข้ากับผู้เชี่ยวชาญตัวจริงอย่างจัง?
ในแง่ของความสามารถในการหยั่งรู้ ชายหนุ่มคนนี้ดูจะเหนือชั้นกว่าเขามาก
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อจางเซวียนเห็นผู้อาวุโสเหอละทิ้งทีท่าหยิ่งผยองแล้ว ก็ไม่ใช้คำพูดห้วนๆอีกต่อไป เขาเก็บเศษเสี้ยวของหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆอยู่กับพื้นขึ้นมาและตั้งต้นอธิบาย “หินสงบใจกับหินโชกเลือดนั้นเหมือน 2 ด้านของเหรียญเดียวกัน แม้จะมีธรรมชาติที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่ ทั้งคู่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ที่อยู่ใกล้มันได้โดยผ่านทางพลังงานที่มันแผ่ออกมา ผมคงไม่ต้องอธิบายในส่วนนี้ให้ยืดยาว ใช่ไหม?”
ฝูงชนพยักหน้ารับ
หากจะอธิบายให้ชัดเจน หินสงบใจกับหินโชกเลือดถือได้ว่าเป็นหินวิเศษ หินวิเศษโดยทั่วไปจะมีองค์ประกอบของพลังจิตวิญญาณอยู่ภายใน เป็นแหล่งผลิตพลังงานให้กับผู้ที่ต้องการฝึกฝนวรยุทธ แต่หิน 2 ชนิดนี้มีองค์ประกอบของพลังงานพิเศษบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้นั้น
“การตรวจสอบสมบัติของผู้อาวุโสเหอใช่ว่าจะผิดไปจากความเป็นจริงเสียทีเดียว ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นของล้ำค่าที่นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอทิ้งไว้จริงๆ และเป็นผลงานที่อีกฝ่ายหลอมขึ้นด้วยตัวเอง อันที่จริง แม้แต่การระบายสีก็เป็นฝีมือของเขา” จางเซวียนอธิบาย
“ถ้ามันเป็นสิ่งที่เขาทิ้งไว้ แล้ว…” ผู้อาวุโสเหองุนงง
ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่น่าจะคิดผิด ทำไมถึงกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
“คุณรู้ไหมว่านักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอเป็นใคร?” จางเซวียนตั้งคำถาม
“ผมเคยได้ยินเรื่องของเขา…” หยวนชิงที่อยู่ข้างๆโพล่งออกมา “เมื่อ 100 ปีก่อน นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอเป็นที่รู้จักกันในชื่อหมอเทวดา ตลอดชีวิตของเขา เขาช่วยชีวิตผู้คนไว้มากมายนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้คนมากมายที่ยกย่องบูชาเขาเป็นแบบอย่าง การสวดอ้อนวอนเขาไม่ได้เป็นแค่การแสดงออกถึงความเคารพ แต่ยังเป็นการร้องขอความปลอดภัยและความอยู่รอดด้วย ผู้ที่มีความดีความชอบมากมายอย่างนักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอจะสร้างสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร?”
ด้วยคุณงามความดีทั้งหมดที่นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอได้ทำไว้ จึงยากที่จะเชื่อว่าเขาจะปลอมแปลงหินโชกเลือดให้อยู่ในรูปของหินสงบใจเพื่อนำพาผู้อื่นไปสู่หายนะ!
“ทำร้าย? คุณเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแล้วล่ะ” จางเซวียนส่ายหน้า “เหตุผลที่นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอสร้างของล้ำค่าชิ้นนี้ขึ้นไม่ใช่เพื่อทำร้ายใคร แต่เพื่อช่วยชีวิตผู้คน!”
“ช่วยชีวิตผู้คน?” คำพูดของจางเซวียนยิ่งทำให้ผู้ฟังสับสนมากขึ้นอีก
“ของล้ำค่าชิ้นนี้สร้างขึ้นจากหินโชกเลือดจริงๆแต่คุณมองข้ามอะไรไปบางอย่าง นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอต้องมีเหตุผลที่อุตส่าห์ระบายสีมันอย่างสวยสดงดงาม แม้ดูเผินๆจะเหมือนเพื่อความสุนทรีย์ แต่อันที่จริง เขากำลังจารึกค่ายกลชนิดพิเศษลงบนของล้ำค่าชิ้นนี้ด้วยหมึกเพื่อกดข่มเจตนาสังหารที่อยู่ภายในไว้ เหมือนกับที่ผมทำเมื่อครู่ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถ่ายทอดพลังงานที่จะแผ่รังสีสงบเย็นออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย” จางเซวียนอธิบาย
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ไม่มีทางที่จะมองทะลุถึงเจตนาสังหารได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้อาวุโสเหอถึงเข้าใจผิดและคิดว่ามันเป็นหินสงบใจ
ผู้อาวุโสเหอพยักหน้ารับ เขาไม่อาจรับรู้ถึงเจตนาสังหารที่อยู่ในหินก้อนนี้ได้จริงๆ
“แต่ก็นั่นแหละ เจตนาสังหารที่ถูกสกัดกั้นไว้ภายในของล้ำค่าชิ้นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อใครโดยตรง แต่ถ้าคุณใช้ค่ายกลและพยายามดึงพลังงานออกจากก้อนหิน นั่นก็จะแตกต่างออกไป การกระทำของคุณจะทำลายค่ายกลที่เขียนขึ้นด้วยหมึกที่นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอระบายไว้บนผิวหน้าของประติมากรรม และทุกอย่างยังเลวร้ายกว่าเดิมอีก เพราะคุณไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีเจตนาสังหารถูกสกัดกั้นไว้ลึกลงไปภายใน เมื่อคุณฝึกฝนวรยุทธโดยใช้ประติมากรรมชิ้นนี้ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เจตนาสังหารจะค่อยๆซึมซาบเข้าสู่ร่างของคุณทีละน้อย ความมีเหตุมีผลของคุณจะถูกกร่อนทำลาย ทำให้คุณค่อยๆกลายเป็นบ้า ไม่เพียงแต่จะพยายามฆ่าตัวตาย ยังอาจทำร้ายครอบครัวและมิตรสหายของคุณด้วย!”
แค่นึกภาพตาม ก็เกินพอจะทำให้หัวหน้าหวังตัวสั่นไม่หยุดแล้ว
ยังไม่ทันจะรู้ตัว ศีรษะของเขาก็ชุ่มเหงื่อ
นั่นคือเหตุผลที่ทำไมนักตรวจสอบสมบัติถึงมีความสำคัญอย่างมากต่อโลกใบนี้ สำหรับของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง หากใช้งานอย่างถูกต้อง ก็ถือเป็นทรัพย์สมบัติที่ประเมินค่ามิได้ หากนักรบไม่อาจล่วงรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของล้ำค่าชิ้นนั้นและใช้มันอย่างประมาท ผลที่ตามมาก็จะเป็นหายนะอย่างคาดไม่ถึง
นี่คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสิ่งนั้น!
“ผมไม่กล้ายืนยันว่าผมมีความเข้าใจในตัวนักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอ แต่ผมคาดว่าวัตถุประสงค์ที่เขาสร้างของล้ำค่าชิ้นนี้ขึ้นมาก็เพื่อช่วยชีวิตคนไข้ที่กำลังโคม่า” จางเซวียนอธิบาย
ไม่มีวิธีไหนดีกว่านี้อีกแล้วในการกระตุ้นสติสัมปชัญญะของผู้ป่วยที่ตกอยู่ในภาวะโคม่าและไม่อาจปลุกให้ฟื้นขึ้นได้ด้วยวิธีการอื่น เริ่มแรก ประติมากรรมชิ้นนี้จะปลดปล่อยรังสีสงบเย็นออกมาเพื่อทำให้ผู้ป่วยลดการต่อต้าน และปล่อยให้จิตสังหารซึมซาบเข้าสู่จิตวิญญาณของผู้นั้นได้ เจตนาสังหารจะค่อยๆปลุกเร้าจิตวิญญาณของผู้ป่วย ทำให้เขาฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้ทำให้เขาหวนนึกถึงเว่ยหรูเหยียนที่เคยตกอยู่ในภาวะโคม่า เพราะไม่อาจต้านทานพละกำลังของสภาวะพิเศษ 2 สภาวะที่เธอเกิดมาพร้อมกับมันได้ ลงท้าย จางเซวียนก็ต้องใช้ยาหลายขนานกว่าจะทำสำเร็จ ถ้าในตอนนั้นเขามีของล้ำค่าชิ้นนี้อยู่กับตัว ก็คงจะใช้การได้ดี
ร่างกายมนุษย์จะได้รับการปกป้องจากกลไกป้องกันตัวโดยอัตโนมัติแม้จะอยู่ในสภาพสลบไสล หากใครสักคนพยายามเล่นงานจิตวิญญาณโดยปล่อยเจตนาสังหารเข้าใส่โดยตรง จิตวิญญาณของผู้นั้นจะปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งถ้าเจตนาสังหารนั้นมีความเข้มข้นถึงขนาด ก็มีโอกาสที่จะเป็นการสังหารผู้ป่วยแทนที่จะปลุกอีกฝ่ายให้ฟื้น
ด้วยเหตุนี้ นักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอจึงคิดค้นวิธีการดังกล่าวขึ้น
เป็นเพราะจางเซวียนเคยมีประสบการณ์แบบเดียวกันในอดีต เขาจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายสร้างของล้ำค่าชิ้นนี้ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ของการรักษา
“เรื่องนี้…ผมเคยศึกษาชีวิตของนักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอ ครั้งหนึ่งลูกสาวคนเล็กของเขาตกอยู่ในภาวะโคม่า ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรเธอก็ไม่ฟื้น เรื่องราวดำเนินไปแบบนั้นกว่าครึ่งปี จนในที่สุดเขาก็พบวิธีการปลุกลูกสาวให้ฟื้นได้สำเร็จ แต่เขาไม่เคยเปิดเผยวิธีนั้น เรื่องนี้จึงยังคงเป็นความลับในหมู่นายแพทย์ทั่วไป…หรือว่านี่คือเหตุผล?” ผู้อาวุโสเหอถึงกับจังงัง
ในฐานะนักตรวจสอบสมบัติ เขาได้ศึกษาชีวประวัติของบุคคลผู้มีชื่อเสียงมากมายเพื่อช่วยในการแยกแยะของล้ำค่าชิ้นต่างๆ เขาเคยอ่านเรื่องราวของนักรบอมตะขั้นสูงตู้เหอมาแล้ว จึงรู้เหตุการณ์เกี่ยวกับลูกสาวของอีกฝ่ายที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น
และเมื่อได้ฟังคำอธิบายของจางเซวียน ทุกอย่างก็พลันกระจ่าง
“น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ ไม่มีของล้ำค่าชิ้นไหนหรอกที่เรียกได้ว่า ‘ดี’ หรือ ‘ร้าย’ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะใช้งานมันอย่างไร” จางเซวียนตอบพร้อมกับพยักหน้า
“ผมเข้าใจแล้ว…” ผู้อาวุโสพยักหน้ารับ เขามองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมยอมรับว่าผมแพ้คุณแล้ว หัวหน้าหวัง…ให้ผมได้ชดใช้ความเสียหายให้คุณด้วยเถอะ”
“ผู้อาวุโสเหอ คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป” หัวหน้าหวังรีบตอบ
จากนั้นผู้อาวุโสเหอก็หันไปโค้งคำนับให้จางเซวียนด้วยความสำนึกในบุญคุณ “น้องจาง ผมสำนึกในบุญคุณของคุณมาก ไม่เพียงแต่คุณจะช่วยชีวิตหัวหน้าหวังเอาไว้ ยังช่วยชีวิตผมทางอ้อมด้วย”
ตอนที่ชายหนุ่มแสดงความแคลงใจในความเชี่ยวชาญในวิชาชีพของเขาและดูถูกเขาต่อหน้าหัวหน้าหวัง เมื่อย้อนนึกไป ก็ถือเป็นการกระทำที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าหวังในระหว่างการฝึกฝนวรยุทธของอีกฝ่ายจริงๆ อาชีพของเขาในฐานะนักตรวจสอบสมบัติคงถึงจุดจบ!
จางเซวียนพยักหน้ารับคำพูดของผู้อาวุโสเหออย่างสุภาพ “ไม่ทราบว่าผมมีคุณสมบัติเพียงพอจะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากสำนักของผมให้สำเร็จได้หรือยัง?”
“แน่นอน แน่นอนสิ!” ผู้อาวุโสเหอพยักหน้า “เชิญทางนี้”
ในเมื่อชายหนุ่มมองทะลุสิ่งที่อยู่เหนือการรับรู้ของเขาได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสามารถในการหยั่งรู้ของอีกฝ่ายเฉียบคมกว่าเขามาก
ชายหนุ่มน่าจะแก้ปัญหาที่ทำให้เขาจนปัญญามาตลอดได้
จางเซวียนเดินตามหลังผู้อาวุโสเหอออกจากห้อง