อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2082 เราต้องไปแล้ว!
เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมเมื่อครู่นี้จางเซวียนถึงเห็นสัตว์น้ำมากมาย แต่แล้วพวกมันก็หายวับไป เป็นไปได้ว่าเขาคงเห็นตอนที่พวกมันกำลังขานรับเสียงเรียกและรีบไปรวมตัวกัน
“เป้าหมายแรกของเราคือตำหนักคว้าดาว เกาะคว้าดาวของพวกนั้นตั้งอยู่บริเวณใจกลางทะเลพลัดดาว ผมหารือกับอีกสองราชาแล้ว พวกเราจะบุกเข้าโจมตีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเพื่อให้พวกนั้นรู้ว่าเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำจะไม่อดทนอีกต่อไป ขอแค่เราสำแดงพละกำลังได้มากพอ…6 สำนักใหญ่จะไม่กล้าทำอะไรเราอีก!” ฉลามตัวที่นั่งบัลลังก์กลางพูดอย่างวางมาด
มหาสมุทรมีทรัพยากรมหาศาล และแก่นอสูรของเหล่าอสูรใต้น้ำก็เป็นประโยชน์มากในการฝ่าด่านวรยุทธของนักรบ ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีอันตรายอยู่ทั่วมหาสมุทร แต่ 6 สำนักใหญ่ก็มักส่งบรรดาศิษย์สายตรงลงมาปฏิบัติภารกิจออกล่าอยู่เนืองๆ
โดยเฉพาะตำหนักคว้าดาว เพราะพวกเขาอาศัยอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งพาทรัพยากรจากมหาสมุทร
หากพวกมันอยากรวบรวมเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำให้เป็นหนึ่งเดียวและทำให้ 6 สำนักใหญ่ยำเกรง ก็ไม่มีเป้าหมายไหนจะเหมาะสมไปกว่าตำหนักคว้าดาว!
ปลาดุกทะเลตัวหนึ่งที่มีหูมากมายออกความเห็น “ฝ่าบาท คงจะดีที่สุดหากพวกเราทำให้ตำหนักคว้าดาวเป็นเป้าหมายแรกได้ แต่ผมเชื่อว่าเราจำเป็นไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน จากการหาข่าวของผม…ผู้ที่ประกอบพิธีกรรมเรียกเทพเจ้าสาวน้อยผู้นั้นลงมาเมื่อ 2 เดือนก่อนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตู้ชิงหย่วน หัวหน้าตำหนักคว้าดาว!”
“เธออยู่เบื้องหลังเรื่องนั้น?” ฉลามตัวที่อยู่บัลลังก์กลางชะงักไปครู่หนึ่งกับข่าวที่ได้รับ “คุณแน่ใจหรือ?”
เหตุผลที่พวกมันทั้งสามฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จก็เพราะหยดเลือดของเทพเจ้าสาวน้อยที่ร่วงลงสู่ทะเล
“ฝ่าบาท ผมส่งบริวารหนึ่งแสนตัวไปสืบเสาะเรื่องนี้แล้ว และผมแน่ใจมาก!” ปลาดุกทะเลตอบอย่างหนักแน่น
ฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางใช้เวลาระงับอารมณ์ครู่หนึ่งก่อนจะคำราม “ฮึ่มมม! ต่อให้เธอเรียกเทพเจ้ามาได้ ก็แล้วอย่างไรล่ะ? เท่าที่ผมเห็นในวันนั้น หลังจากเข้าสู่ทวีปที่ถูกลืมได้ไม่นาน เทพเจ้าก็ทำลายมิติโดยรอบบางส่วนเพื่อมุ่งหน้าไปที่อื่น และจากนั้นเธอก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ขอแค่เทพเจ้าไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ พวกเราก็มีโอกาสเล่นงาน 6 สำนักใหญ่ได้!”
“พี่ใหญ่ของเราพูดถูก! แม้แต่เทพเจ้าที่ลงมายังทวีปที่ถูกลืมก็ยังมีพละกำลังลดลงเมื่ออยู่ที่นี่” ฉลามตัวที่อยู่ทางซ้ายตั้งข้อสังเกต “ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้ไม่มีเทพเจ้าลงมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวใดๆของที่นี่ นอกจากหอเทพเจ้า ต่อให้ตำหนักคว้าดาวสื่อสารกับเทพเจ้าได้ ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเรียกตัวเทพเจ้าให้มาต่อสู้แทนได้เสียเมื่อไหร่!”
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เรายังต้องกลัวอะไร? ถึงหัวหน้าตำหนักคว้าดาวจะทรงพลังแค่ไหน เธอก็หัวเดียวกระเทียมลีบ หากพวกเราทั้งสามผนึกกำลังกันล่ะก็ การฆ่าเธอย่อมง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก!”
“การที่สวรรค์อนุญาตให้พวกเราฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จก็บอกชัดแล้วว่าโชคชะตากำลังเข้าข้าง เผ่าพันธุ์อสูรที่อยู่ใต้น้ำ พวกเราควรฉกฉวยโอกาสนี้ไว้ แทนที่จะปล่อยให้มันหลุดมือไป” ฉลามตัวที่อยู่ทางขวากล่าวเสริม “ยุคสมัยของพวกเราใกล้เข้ามาแล้ว ที่ผ่านมาพวกเราเคยเข่นฆ่ามนุษย์ไปมากมายเท่าไหร่…หลังจากนี้จะมากกว่านั้นเป็น 2 เท่า! เราจะทำให้พวกเขารู้ว่าจะมาดูถูกพวกเราไม่ได้!”
“พวกเราไม่ได้เกิดมาให้ใครดูถูก!”
คำพูดนั้นจุดประกายและสร้างความเร่าร้อนให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกุ้งฝอย ปลาหมึก ปู หอยนางรม…ทุกตัวพากันสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำประกาศนั้น
หลายพันปีที่ผ่านมา เผ่าพันธุ์มนุษย์จาก 6 สํานักใหญ่กุมอำนาจในทวีปที่ถูกลืมมาตลอด ทำให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำไม่กล้าเหยียบย่างพื้นดิน เพราะเกรงจะถูกฆ่า แต่ในเมื่อตอนนี้พวกมันมีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คอยหนุนหลังแล้ว ก็ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก
จางเซวียนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว “หัวหน้าตำหนักคว้าดาว?”
ตำหนักคว้าดาวก่อตั้งโดยเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น ในเมื่อหลัวลั่วชิงเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะตอบรับเสียงเรียกร้องของพวกเขา
หากสิ่งที่ใครๆพูดถึงหลัวลั่วชิงเป็นความจริงล่ะก็ เป็นไปได้ว่าหัวหน้าตู้ชิงหย่วนเรียกตัวเธอลงมาสู่มิติเบื้องบน และจากนั้นหลัวลั่วชิงก็ลงไปยังทวีปแห่งปรมาจารย์เพื่อฉกฉวยมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง!
เท่าที่เห็น การเข้าถึงหัวหน้าตู้ชิงหย่วนให้ได้คือหัวใจของการไขข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง!
เขารีบร้อนมาที่นี่หลังจากสันนิษฐานว่าหินโลหิตเทพเจ้ามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิง แต่ดูเหมือนประเด็นของเขาจะผิดไป
ถ้าตู้ชิงหย่วนคือผู้ที่เรียกหลัวลั่วชิงลงมา เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลัวลั่วชิงเป็นใครและอยู่ที่ไหน?
เราต้องกลับเสียที จางเซวียนบอกตัวเองหลังจากได้รู้ข้อมูลสำคัญ
นอกจากความจริงที่ว่ามีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่ตรงนี้ถึง 3 ตัว เพียงแค่อสูรระดับอมตะขั้นสูงอีกหลายร้อยตัวก็เกินพอจะเล่นงานเขาแล้ว
เหตุผลหลักที่เขาพยายามเสาะหาต้นกำเนิดที่แท้จริงของโลหิตเทพเจ้าก็เพื่อจะตรวจสอบว่าหลัวลั่วชิงมาที่มิติเบื้องบนจริงหรือไม่ และจากนั้นเธอไปไหน ในเมื่อเขาสามารถสอบถามข้อมูลเหล่านี้จากหัวหน้าตู้ชิงหย่วนได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ควรแกว่งเท้าหาเสี้ยน!
จางเซวียนค่อยๆถอยฉาก แต่ขณะที่กำลังจะออกจากถ้ำ ก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังจิตวิญญาณจากภายใน พลังงานนั้นทำให้จี้ที่ห้อยอยู่รอบลำคอของเขาเกร็งขึ้นเล็กน้อย ความร้อนอย่างน่าสะพรึงแผ่ซ่านออกจากตัวมัน
จางเซวียนรีบหันกลับไป และเห็นฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางนำเลือดสีแดงก่ำหยดหนึ่งออกมาให้เผ่าพันธุ์อสูรทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าได้เห็น
เลือดหยดนั้นมีขนาดเพียงแค่เมล็ดงา แต่พลังงานที่มันแผ่ออกมาจัดว่ารุนแรงมาก ราวกับโลกทั้งโลกถูกบีบอัดเข้าไปในนั้น ถ้าพลังงานในปริมาณระดับนั้นถูกปลดปล่อยออกมา ทั้งมหาสมุทรจะต้องเดือดพล่าน!
“นี่คือโลหิตเทพเจ้า” ฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางพูดขณะลุกขึ้นจากบัลลังก์ “มันคือกุญแจที่ทำให้พวกเราสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ พวกคุณควรจงรักภักดีและยอมรับใช้เรา โดยปราศจากเงื่อนไข แล้วจะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่ได้รับ!”
“ฝ่าบาท พวกเรายินยอมพร้อมใจมอบชีวิตให้คุณ!”
การปรากฏของโลหิตเทพเจ้าทำให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำตาโตขณะกู่ก้องคำรามอย่างตื่นเต้น
แค่เลือดหยดเดียวของเทพเจ้าตัวจริงก็เกินพอจะทำให้พวกมันสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่โลหิตเทพเจ้าจะเป็นของล้ำค่าที่ดึงดูดเผ่าพันธุ์ใต้น้ำทุกสายพันธุ์
เมื่อเห็นว่าเรียกความฮึกเหิมจากเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำได้ ฉลามตัวที่อยู่ตรงกลางพยักหน้าอย่างพอใจ
ด้วยลูกล่อลูกชนและการใช้พระเดชพระคุณ มันมั่นใจว่าบริวารเหล่านี้จะรับใช้พวกมันอย่างจงรักภักดี
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์พวกนี้ไม่อาจสบประมาทได้จริงๆ จางเซวียนคิดอย่างระแวง
พละกำลังของพวกมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าฉลามสามพี่น้องจะเก่งกาจเชี่ยวชาญในศิลปะการออกคำสั่งด้วย ดูเหมือนที่ผ่านๆมา เผ่าพันธุ์มนุษย์จะประเมินความเฉลียวฉลาดของเจ้าพวกนี้ต่ำไป
เราต้องไปแล้ว!
แน่นอนว่าจางเซวียนสนอกสนใจโลหิตเทพเจ้า แต่ก็รู้ดีว่าด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ ไม่มีทางฉกฉวยมันมาได้ ความเสี่ยงที่ต้องแบกรับมีมากเกินไป
อีกอย่าง เขาก็ไม่จำเป็นต้องออกโรงด้วยตัวเอง แน่นอนว่าตำหนักคว้าดาวกับอีก 5 สำนักที่เหลือจะต้องเล่นงานฉลามสามพี่น้องแน่เมื่อรู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่อาจยอมรับความเสี่ยงที่จะปล่อยให้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำสร้างกลุ่มอำนาจของตัวเอง
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็แค่ยืมมือ 6 สำนักใหญ่เล่นงานฉลามสามพี่น้องนั่น
“ใครน่ะ?”
ครืนนนน!
เสียงกึกก้องราวสายฟ้าฟาดทำให้ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ฝุ่นร่วงกราวลงพื้น
จากนั้น รังสีอันทรงพลังไร้ขอบเขต 3 สายก็ระเบิดออกมา
เกิดอะไรขึ้น? จางเซวียนคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว
เขากดข่มรังสีของตัวเองไว้ตลอดเวลา อีกฝ่ายไม่น่าตรวจจับการปรากฏตัวของเขาได้ง่ายๆ อีกอย่าง ถ้าพวกมันรู้ว่าเขามา ก็น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าไปในถ้ำแล้ว มันเรื่องอะไรถึงมารู้เอาเมื่อตอนที่เขากำลังจะกลับ?
จางเซวียนหันกลับไปอย่างงุนงง แต่แล้วก็แทบลมจับด้วยความพรั่นพรึง
โลหิตเทพเจ้าที่ลอยอยู่ตรงหน้าเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำให้เกิดความอลหม่านอย่างหนักภายในถ้ำ
ฉลามขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 3 ตัวโมโหเดือด พวกมันปล่อยรังสีทรงพลังออกมา ตั้งใจจะฉีกตัวการให้แหลกเป็นชิ้นๆ
“นั่น!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ
จากนั้น กระแสน้ำก็ระเบิดกระแทกเพดานถ้ำ ทำให้หินร่วงกราวลงพื้น
จางเซวียนมองตามกระแสน้ำ สิ่งที่เห็นเกือบทำให้เขาเข่าอ่อน
ที่มุมหนึ่งของถ้ำ ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยกำลังกระพือปีกอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในกระแสน้ำ ในเวลาเดียวกัน ก็เรอออกมาดังสนั่น พลังงานของโลหิตเทพเจ้าพลุ่งพล่านอยู่ภายในตัวมัน
เห็นได้ชัดว่าใครคือตัวการที่ขโมยโลหิตเทพเจ้าไป
“ฉันจะไม่ร่วมวงกับความพยายามฆ่าตัวตายของแกหรอกนะ…”
จะให้จางเซวียนทำอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากหันหลังกลับและเผ่นหนี?
เจ้าไก่นี่ปัญญาอ่อน!
มีอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 3 ตัว แถมด้วยเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงอีกหลายร้อย แต่เจ้าโง่นั่นก็ยังเข้าไปขโมยโลหิตเทพเจ้าของพวกมันได้ ทำแบบนี้ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย?
“เจ้านาย รอผมด้วย!”
ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะไปได้ไกล ลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยก็ร้องลั่น…
พริบตาต่อมา มันก็ตามเขาทัน
“พละกำลังของโลหิตเทพเจ้ายิ่งใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้ ผมใช้แรงหมดเกลี้ยงเลย ขยับตัวไม่ไหวแล้ว ต้องขอพักสักหน่อย…”
ฟึ่บ!
หลังจากพูดจบ ไก่น้อยก็มุดเข้าไปในกระสอบอสูร
จางเซวียนมองไปรอบๆ เห็นกองทัพอสูรใต้น้ำกำลังจับจ้องเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง ทำเอาเขาแทบปล่อยโฮ
สวรรค์โปรด…ผมทำอะไรผิด ถึงต้องถูกลงโทษแบบนี้?
แกก็เล่นง่าย เข้าไปหลับ แล้วทิ้งภาระทุกอย่างไว้ให้ฉัน คราวนี้ฉันจะทำอย่างไร?
จางเซวียนพึมพำสาปแช่ง เขาอยากจะย่างเจ้าไก่สารเลวนั่นทั้งเป็น แต่ก็รู้ดีว่าการจะทำแบบนั้นได้ ก็ต้องเอาชีวิตออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน
จางเซวียนรีบสำแดงศิลปะการเคลื่อนไหวเทียบฟ้าและเผ่นหนีโดยไม่ลังเล
หากมัวรีรอต่อไปคงได้ตายแน่