ตอนที่ 2107 คุณสองคนตามหาผม?
“เรื่องนั้นไม่ยากหรอก แต่ปัญหาก็คือเหล่านักรบของหอเทพเจ้าทรงพลังเกินไป…ในเวลานี้ พวกเราไม่มีตัวแทนนักรบที่มีโอกาสเอาชีวิตรอดจากพวกเขาได้เลย” หานเจี้ยนชิวพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
เพราะถ้าสำนักดาบเมฆเหิน หอนานาอสูร และสำนักดาวเจ็ดดวงมีสมาชิกภายในสำนักที่ไว้วางใจได้ พวกเขาคงไม่ต้องทำถึงขั้นเสนอชื่อคนนอกที่เพิ่งพบหน้ากันให้เป็นเจ้าสำนักคนใหม่!
จริงอยู่ว่าพวกเขาสามารถคัดเลือกตัวแทนเพื่อเติมโควต้าให้เต็มได้ แต่หากตัวแทนผู้เข้าท้าทายเหล่านั้นไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จเลย ก็ไม่แตกต่างอะไรกับการผลักดันพวกเขาไปตาย
จางเซวียนคิดหนักครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เลือกตัวแทนของพวกคุณแล้วส่งมาให้ผม ผมจะสอนพวกเขาเป็นการส่วนตัว มีเวลาไม่มากนักก่อนสะพานเบื้องบนจะลงมา แต่หากทุกคนทุ่มเทศึกษาเล่าเรียน ผมก็เชื่อว่าจะยังพอมีโอกาส”
มันอาจเป็นการเตรียมตัววินาทีสุดท้าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะเมื่อเขา คือผู้ถ่ายทอดความรู้ด้วยตัวเอง
นอกจากเขาจะมีความเข้าใจอันล้ำลึกในเทคนิคการต่อสู้และเทคนิควรยุทธ ก็ยังได้สู้รบกับเหล่านักรบจากหอเทพเจ้ามาแล้วหลายครั้ง เป็นบุคคลเดียวของ 6 สํานักใหญ่ที่เข้าใจสไตล์การต่อสู้ของพวกเขาได้ดีที่สุด
หลังจากนั้น จางเซวียนก็วางแนวทางการปฏิบัติในอนาคตให้กับทั้ง 4 สำนัก
แม้เขาจะไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้หากต้องการ
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นชายผู้เป็นสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์ หนังสือมากมายนับไม่ถ้วนที่เขาได้ผ่านตาก่อตัวกันเป็นความรู้ของเขา เขาสามารถใช้มุมมองที่ล้ำลึกและทันสมัยกว่าในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ทำให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น
ในตอนแรก ผู้อาวุโสทั้ง 4 ยังกังวลว่าเขาอายุน้อยเกินไปที่จะรับบทบาทนี้หรือไม่ แต่วุฒิภาวะของจางเซวียนทำให้พวกเขาประทับใจมาก
ความคิดที่จางเซวียนนำเสนอประกอบขึ้นจากมุมมองที่หลากหลาย และทุกความคิดนำมาซึ่งผลลัพธ์อันชัดเจน
ถ้าพวกเขาทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย ทั้ง 4 สำนักก็จะรวมตัวเป็นหนึ่งได้อย่างกลมเกลียว ทำให้พวกเขาสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อความเจริญก้าวหน้า ในเวลาเดียวกัน ก็จะมีพละกำลังและความเป็นเอกเทศที่แข็งแกร่งพอจะต้านทานหอเทพเจ้าได้
หลังจากร่างแผนการให้ทั้ง 4 สำนักแล้ว จางเซวียนก็นำตราหยกสัญลักษณ์ออกมา 12 อันและยื่นให้ “นี่คือชุดเทคนิควรยุทธจากขั้นนักปราชญ์โบราณไปถึงอมตะขั้นสูงที่ผมปรับเปลี่ยนจากเทคนิควรยุทธที่พวกคุณใช้อยู่ ถ่ายทอดให้บรรดาศิษย์สายตรงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้เลย จะทำให้พวกเขายกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว”
เขาได้ศึกษาเทคนิควรยุทธของทั้ง 4 สำนักและปรับเปลี่ยนมันให้เหมาะสมแล้ว
แม้เทคนิควรยุทธเหล่านี้จะไม่เรียบง่ายเท่าเคล็ดวิชาเทียบฟ้า แต่ก็แข็งแกร่งกว่าเทคนิควรยุทธที่เหล่าศิษย์สายตรงฝึกฝนอยู่ในเวลานี้มาก มันจะเป็นสิ่งล้ำค่าที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ของแต่ละสำนัก
4 ผู้อาวุโสรับตราหยกสัญลักษณ์ไป หลังจากอ่านรายละเอียด ก็พากันเงียบกริบ
ครู่ต่อมา พวกเขาก็ตัวสั่น
เทคนิควรยุทธที่จางเซวียนมอบให้ถือเป็นผลงานของอัจฉริยะ หากพวกเขาถ่ายทอดให้เหล่าศิษย์สายตรงล่ะก็ ทำนายล่วงหน้าได้เลยว่าพละกำลังโดยรวมของทั้งสำนักจะต้องพุ่งพรวดเหมือนต้นไผ่ที่ได้น้ำฝน สำนักป้อมปราการกระจกดำกับสำนักอมตะเลือนหายจะเป็นผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง!
“เอาล่ะ พอเท่านี้ก่อน รีบไปจัดการสิ่งที่ต้องทำเถอะ!” จางเซวียนโบกมือให้ทั้งกลุ่มสลายตัว
เหล่าผู้อาวุโสรีบออกจากห้อง
เมื่อพวกนั้นจากไป จางเซวียนได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เหล่าผู้อาวุโสรู้ดีว่าอันตรายกำลังรุกคืบเข้าสู่ทวีปที่ถูกลืม พวกเขาจึงเห็นความสำคัญของการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นจึงเต็มใจที่จะยอมรับเขาเป็นเจ้าสำนัก
แต่การหว่านล้อมบรรดาศิษย์สายตรงให้มีความคิดเห็นแบบเดียวกันย่อมเป็นเรื่องยาก เพราะพวกเขาไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้ถึงความลับของทวีปที่ถูกลืม สำหรับคนเหล่านั้น เกียรติยศและศักดิ์ศรีของสำนักมาก่อนสิ่งอื่นใด ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงต้องใช้วิธีการอื่นเพื่อเอาชนะใจคนเหล่านั้นให้หันมาเป็นพรรคพวกของเขา
ด้วยการถ่ายทอดเทคนิควรยุทธให้ ไม่เพียงแต่ศิษย์สายตรงเหล่านั้นจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ยังจะกลายเป็นอนาคตอันสดใสของสำนักที่อยู่ภายใต้การนำของเขา
สิ่งนั้นจะทำให้สถานภาพที่เคยคลอนแคลนของจางเซวียนมั่นคงขึ้น
แอ๊ดดดด!
ประตูพลันเปิดออก เด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
“นายน้อย!” เด็กชายวัยรุ่นโค้งคำนับและร้องออกมา
“หวู่เฉิน! คุณสบายดีหรือ?”จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น
ผู้ที่เพิ่งเข้ามาในห้องไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอดีตอำมาตย์เฉินหย่งของทวีปแห่งปรมาจารย์ ใครจะไปคิดว่าตู้ชิงหย่วนจะช่วยชีวิตเขาได้จริงๆ และถึงกับหลอมกายเนื้อใหม่ให้ด้วย!
“ใช่แล้ว นายน้อย ผมยังมีชีวิตอยู่!” หวู่เฉินตอบด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
แม้เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในทวีปแห่งปรมาจารย์จะมีความขัดแย้งกัน แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มคนนี้ได้ช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้ง
“ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? เรียกระดับวรยุทธคืนมาได้หรือยัง?” จางเซวียนถาม
เขาจ้องมองหวู่เฉิน แล้วก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าไม่อาจมองทะลุระดับวรยุทธของอีกฝ่ายได้
“ตอนนี้ผมสบายดี หลังจากหัวหน้าตู้พาผมมาที่นี่ เธอก็ใช้ของล้ำค่าบางอย่างหลอมกายเนื้อให้ผมใหม่ ทั้งยังมอบโลหิตเทพเจ้าให้ด้วย ดังนั้น ไม่เพียงแต่ผมจะหายดี ยังยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ด้วย!” หวู่เฉินรีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดหลังจากที่เขามาถึงทวีปที่ถูกลืม
จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยรังสีออกมา สำแดงพละกำลังเต็มพิกัดของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
เมื่อครั้งที่เขายังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ หลัวลั่วชิงได้ถ่ายทอดเทคนิคการปลอมตัวให้ ดังนั้น แม้วรยุทธของเขาจะเข้าถึงขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว แต่หากเขาไม่เต็มใจเปิดเผยรังสีของตัวเอง ก็จะไม่มีใครมองเห็นพละกำลังของเขาได้เลย!
จางเซวียนตกตะลึง
ตอนที่หวู่เฉินถูกหัวหน้าตู้นำตัวไป เขาเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 3 โลกจารึกเท่านั้น ยังห่างไกลจากการเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติ ใครจะไปคิดว่าด้วยระยะเวลาอันสั้นเท่านี้ เขาจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้?
ดูเหมือนหัวหน้าตู้ไม่ได้ให้คำสัญญาลอยๆ เธอทำตามคำขอของเขาอย่างสุดความสามารถ
“ที่ผ่านมา คุณติดตามหัวหน้าตู้มาตลอดหรือ?” จางเซวียนถาม
เพราะมีความแตกต่างระหว่างกระแสกาลเวลาของ 2 โลก วันที่หวู่เฉินมาถึงทวีปที่ถูกลืมจึงไม่น่าจะห่างจากเขามากนัก
“ใช่” หวู่เฉินตอบขณะลดระดับวรยุทธลงอีกครั้ง “เมื่อ 2-3 วันก่อน พวกเราได้ข่าวว่าคุณกลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน หัวหน้าตู้กับผมจึงไปตามหาคุณ”
“คุณสองคนตามหาผม?” จางเซวียนชะงัก
หวู่เฉินรีบอธิบายรายละเอียด
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จางเซวียนได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มเจื่อนๆ
เขาไม่นึกเลยว่าจะคลาดกันกับตู้ชิงหย่วนด้วยเหตุผลแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่รู้ว่าตู้ชิงหย่วนคือเทพเจ้าที่หวู่เฉินเรียกมาในคราวนั้น จึงไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าเธอมาตามหา
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่และถามต่อ “ในเมื่อคุณติดตามหัวหน้าตู้มาตลอด แล้ว…คุณได้ข่าวของหลัวลั่วชิงบ้างไหม?”
ถ้าจะมีใครในทวีปที่ถูกลืมนอกเหนือจากตู้ชิงหย่วนที่รู้เรื่องราวของหลัวลั่วชิง ก็จะต้องเป็นหวู่เฉิน
หวู่เฉินคือผู้ประกอบพิธีกรรมเรียกหลัวลั่วชิงมาสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ และติดสอยห้อยตามเธอตลอดการเดินทางที่ผ่านมา
“นายหญิงกลับสู่สรวงสวรรค์แล้ว” หวู่เฉินตอบ “เธอเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของสรวงสวรรค์ และกลับสู่โลกของเธอหลังจากได้สิ่งที่ต้องการจากทวีปแห่งปรมาจารย์”
“เท่าที่ผมรู้ นายหญิงได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่ลงมาสู่มิติเบื้องบน ปราการแห่งมิติของสรวงสวรรค์กับทวีปที่ถูกลืมนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนเธอไม่อาจก้าวข้ามมันได้อย่างอิสระแม้จะเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณที่ใครๆยำเกรง เธอต้องการให้ใครสักคนจากทวีปที่ถูกลืมเรียกตัวเธอ เพื่อจะได้ก้าวข้ามปราการนั้นให้ได้”
“ในครั้งนั้น หัวหน้าตู้กับผมประกอบพิธีกรรมจากทวีปที่ถูกลืมและทวีปแห่งปรมาจารย์พร้อมๆกัน เพื่อให้เธอลงจากสรวงสวรรค์ได้…แต่โชคร้ายที่ปราการแห่งมิติแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิดไว้ ลงท้ายเธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เป็นตอนนั้นที่หัวหน้าตู้ได้โลหิตเทพเจ้ามา ซึ่งเธอนำมาใช้ช่วยผมให้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ” หวู่เฉินอธิบาย
เรื่องราวดูจะคล้ายคลึงกับที่จางเซวียนสรุปได้จากคำบอกเล่าของฉลามหมายเลข 1
“คุณรู้ไหมว่าทำไมเธอถึงเดินทางเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์?” จางเซวียนถาม
แม้ด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ เขาก็ยังไม่อาจฝ่าปราการแห่งมิติเพื่อกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ นับประสาอะไรกับข้อเท็จจริงที่หลัวลั่วชิงฝ่าปราการแห่งมิติถึง 2 แห่งได้พร้อมกัน!
ความยากเย็นของมันเรียกได้ว่าเกินกว่าจะจินตนาการ
แล้วอะไรที่ทำให้เธอยอมลงทุนขนาดนั้น ถึงขนาดได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย?
“ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง” หวู่เฉินตอบ
จางเซวียนยังไม่คล้อยตาม “มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงทรงพลังก็จริง แต่ไม่น่าทำให้เธอยอมลงทุนขนาดนั้น”
มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่สุดของทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ในทวีปที่ถูกลืมก็มีทรัพย์สมบัติที่มีค่าพอๆกันอยู่ แถมยังมีสรวงสวรรค์อีก
การที่หลัวลั่วชิงฝ่าปราการแห่งมิติไปได้พร้อมกันถึง 2 แห่งบ่งบอกถึงระดับวรยุทธอันล้ำลึกเกินหยั่งของเธอ การที่คนเก่งกาจระดับเธอจะตามหาทรัพย์สมบัติที่ไม่ได้ทรงพลังอะไรมากมายแบบนี้…
เรื่องนี้ดูไม่มีเหตุผลเลย!
“ผมก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน ในครั้งนั้นผมเคยถาม และนายหญิงตอบว่ามีใครคนหนึ่งที่เธออยากพบ คนผู้นั้นมีความเก่งกาจอย่างน่าทึ่งที่แม้แต่ตัวเธอก็รับมือได้ยาก เธอจึงต้องการทรัพย์สมบัติมากเท่าที่จะหาได้เพื่อทำความเข้าใจทักษะของเขา” หวู่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ
จางเซวียนขมวดคิ้ว
มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงคือของล้ำค่าที่ใช้ควบคุมมิติและเวลา หรือว่าบุคคลที่หลัวลั่วชิงอยากพบมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเรื่องกฎเกณฑ์ของมิติและเวลา?
“ผมไม่กล้าขุดคุ้ยเรื่องนี้มากนัก คนธรรมดาอย่างผมไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้ล่วงรู้ความลับของเหล่าเทพเจ้าหรอก” หวู่เฉินเสริมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความยำเกรง
“แล้ว…คุณรู้ไหมว่าผมจะติดต่อเธอได้อย่างไร?”
“หัวหน้าตู้สามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับสรวงสวรรค์ได้โดยผ่านแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาว แต่ต้องใช้เครื่องบรรณาการมากมายในการทำแบบนั้น และไม่มีอะไรรับประกันด้วยว่าพวกเราจะเข้าถึงนายหญิงได้หรือไม่” หวู่เฉินตอบ
“แท่นบูชา…” นัยน์ตาของจางเซวียนเป็นประกาย