อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2119 คุณไม่ใช่ปรมาจารย์ขง!
ตอนนั้นจางเซวียนนึกสงสัยว่าหลัวลั่วชิงจงใจทำแบบนั้นเพื่อกีดกันไม่ให้เขาได้รู้ว่าปรมาจารย์ขงจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไว้วางใจเธอ จึงไม่ได้คิดมาก
แต่เท่าที่ได้ฟังตอนนี้ กลับกลายเป็นว่าหลัวลั่วชิงพยายามช่วยชีวิตเขา!
ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวลั่วชิงฉุดเขาออกมา จางเซวียนคงถูกริบหอสมุดเทียบฟ้าออกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ซึ่งถ้าเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นจริง ก็ถือว่าเขาจบเห่
ตอนนั้นวรยุทธของเขายังอ่อนด้อย พิธีกรรมระดับนี้คงทำให้จิตวิญญาณของเขาสูญสลายไปด้วย
จางเซวียนเกิดความคิดมากมาย เขารีบตั้งคำถาม “นี่หมายความว่าการที่เทพเจ้าซึ่งมีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ลงมาที่อาณาจักรคุนฉื่อในตอนนั้นก็เป็นฝีมือคุณหรือ?”
ในครั้งนั้น ตอนที่เทพเจ้าซึ่งมีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ลงมาจากมิติเบื้องบน อีกฝ่ายได้พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ ‘เจ้าสำนัก’
เมื่อได้รู้จัก 6 สํานักใหญ่ จางเซวียนเคยนึกสงสัยว่าตัวการอาจเป็นหนึ่งในพวกนั้น เพราะถึงอย่างไรการฝ่าปราการแห่งมิติก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้มันอ่อนแรงลงไป แต่นักรบที่มีวรยุทธแค่นักปราชญ์โบราณขั้น 4 ก็ไม่น่าจะทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่ออีกฝั่งหนึ่งไม่ได้ประกอบพิธีกรรมเพื่อเรียกตัวเขา!
แต่หลังจากที่จางเซวียนตระเวนจากสำนักหนึ่งไปอีกสำนักหนึ่ง ก็พบว่าคนเหล่านั้นดูจะไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ซึ่งนั่นทำให้เขายังคงกังขา แต่ถ้าตัวการคือหอนิรันดร์ล่ะก็ ทุกอย่างจะสมเหตุสมผลทันที!
ในฐานะผู้ที่มาจากทวีปแห่งปรมาจารย์ ปรมาจารย์ขงย่อมรู้จักเส้นทางที่จะนำไปสู่อาณาจักรคุนฉื่อดี
ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไม ‘เทพเจ้า’ ถึงอยากได้สายเลือดของขงซือเหยา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสายเลือดปรมาจารย์ขงที่บริสุทธิ์ที่สุดในรอบหมื่นปี
ถ้า ‘เทพเจ้า’ ผู้นั้นทำสำเร็จ ความเก่งกาจปราดเปรื่องของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก และน่าจะได้รับการยกย่องอย่างสูงจากปรมาจารย์ขงด้วย
“คุณนี่ฉลาดไม่เบา ผมคือคนที่ส่งเขาไปอารักขาทางเข้านั้น” ปรมาจารย์ขงยอมรับ
“แต่อีกฟากหนึ่งของเส้นทางนั้นคือลูกศิษย์และเหล่าทายาทของคุณนะ ชีวิตและความตายของพวกเขาไม่มีความหมายกับคุณเลยหรือไง?” จางเซวียนแทบไม่เชื่อหู
ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้ชื่อว่ายอมสละแม้ร่างของลูกศิษย์ของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้พลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทรั่วไหลเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์และสร้างความพินาศครั้งใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมอบหมายให้ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ปกป้องดูแลอาณาจักรคุนฉื่อด้วย…
เขาทำแบบนั้นก็เพื่อให้มวลมนุษยชาติก้าวหน้า…
แล้วทำไมถึงทำได้ขนาดส่งคนลงไปเพื่อสังหารขงซือเหยา?
จางเซวียนพอเข้าใจว่าทำไมปรมาจารย์ขงถึงอยากพบตัวเขา เพราะถึงอย่างไรหอสมุดเทียบฟ้าก็เป็นทรัพย์สมบัติที่ประเมินค่ามิได้ ถ้าอีกฝ่ายได้มันไปพร้อมกับลิขิตสวรรค์ ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวอีก
สิ่งนี้คงทำให้ปรมาจารย์ขงอยากผลักดันตัวเองให้เข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น บางทีเขาอาจทำได้แม้กระทั่งฝ่าปราการแห่งมิติและขึ้นสู่สรวงสวรรค์…
คงจะเป็นการคาดหวังมากไปหากจะคิดว่าปรมาจารย์ขงควรจะเป็นบุคคลที่ไร้ความเห็นแก่ตัวอย่างสิ้นเชิง
แต่มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เขาจะทอดทิ้งเหล่าทายาทและศิษย์สายตรงให้ตกที่นั่งลำบาก
ในฐานะครูบาอาจารย์ของโลกผู้ขึ้นชื่อเรื่องความเมตตากรุณาในทวีปแห่งปรมาจารย์ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่เขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เพียงเพราะได้เข้าสู่มิติเบื้องบน เหมือนเป็นคนละคนเลยทีเดียว!
เมื่อความคิดนี้แวบเข้ามา จางเซวียนหรี่ตา
“คุณ…คุณไม่ใช่ปรมาจารย์ขง!”
“บังอาจ! กล้าดีอย่างไรถึงพูดว่าผมไม่ใช่ปรมาจารย์ขง!”
ปรมาจารย์ขงโยนบุคลิกนุ่มนวลอ่อนโยนออกไป เขาจ้องหน้าจางเซวียนอย่างโกรธเกรี้ยว “ทำไมผมถึงจะไม่ใช่เขา? คุณไม่บอกผมสักหน่อยล่ะว่าอะไรที่ทำให้ผมแตกต่างจากปรมาจารย์ขง?”
“ปรมาจารย์ขงคือผู้โอบกอดทั้งโลกไว้ด้วยความเมตตากรุณา เขาจะไม่มีวันทำในสิ่งที่คุณทำลงไปอย่างแน่นอน” จางเซวียนส่ายหน้าขณะให้คำตอบ
เขาไม่เคยพบปรมาจารย์ขงตัวเป็นๆมาก่อน แต่การกระทำและความเชื่อของอีกฝ่ายยังยืนยงอยู่ทั่วโลก ทำให้ทุกคนคาดเดาได้ว่าหากยังมีชีวิตอยู่ เขาจะเป็นคนอย่างไร
การปลอมตัวและเลียนแบบนิสัยของใครคนหนึ่งอาจเป็นไปได้ แต่ไม่มีทางที่จะปลอมตัวอยู่ได้เนิ่นนานหลายปี โดยเฉพาะเมื่อผู้นั้นก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอดของโลกแล้ว
“โอบกอดทั้งโลกไว้ด้วยความเมตตากรุณา? ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกสิ้นดี! ต่อให้ผมฆ่าคุณตรงนี้และเดี๋ยวนี้ โลกทั้งโลกก็ยังคิดว่าผมคือผู้มีเมตตากรุณาอยู่ดี!” ปรมาจารย์ขงคำราม
เขาร่ายมนต์ต่อไป ส่งผลให้เปลวเพลิงบนแท่นบูชาลุกโพลงอย่างโกรธเกรี้ยว จางเซวียนกำลังจะถูกเปลวเพลิงลามเลียทั้งตัว
แต่แทนที่จะตื่นตระหนก จางเซวียนกลับนิ่งงันและสุขุม เขาถอนหายใจด้วยนัยน์ตาที่มีแววสมเพช “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมคิดว่าคุณคือผู้ที่ควรค่าแก่การเคารพ แต่ผมคงคิดผิด…”
“ถึงอย่างไร หอสมุดที่คุณมีก็จะตกเป็นของผมเร็วๆนี้ ทันทีที่คุณสูญเสียการเชื่อมโยงกับสวรรค์ ก็จะต้องเผชิญกับแรงตีกลับของสวรรค์และถูกเล่นงานย่อยยับ เลือดเนื้อและกระดูกของคุณจะแหลกสลายเป็นธุลี…อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แต่ผลลัพธ์จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!” ปรมาจารย์ขงคำรามเยาะ ไม่ใส่ใจสิ่งที่จางเซวียนพูด
จางเซวียนคือนักรบผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า เป็นเพราะการปกป้องคุ้มกันของหอสมุดเทียบฟ้าที่ทำให้สรวงสวรรค์ไม่อาจทำอะไรกับการเบี่ยงเบนของธรรมชาติครั้งนี้ได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่จางเซวียนสูญเสียหอสมุดเทียบฟ้าของเขาไป ก็จะถูกระเบียบและกฎเกณฑ์ของโลกเล่นงานทันที
ไม่มีทางที่เขาจะเอาชีวิตรอด
“อย่างนั้นหรือ?” เสียงเรียบเฉยเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ
ปรมาจารย์ขงชะงัก เขามองเห็นว่าเสียงนั้นไม่ได้มาจากจางเซวียน แล้วใครกันที่กำลังพูดกับเขา?
เขาหันกลับไปด้วยความระแวง เห็นจางเซวียนอีกคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล อีกฝ่ายมีสีหน้าผิดหวัง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้จางเซวียนจะไม่ได้ยำเกรงในตัวปรมาจารย์ขงมากเท่ากับคนอื่นๆในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ปรมาจารย์ขงก็เป็นบุคคลที่เขาเคารพยกย่อง ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นคนแบบนี้!
“คุณ…”
ปรมาจารย์ขงก็คิดไม่ถึงว่าจางเซวียนอีกคนจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เขาได้แต่ตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
“หอเทพเจ้าพยายามจับตัวผมมาตลอด แล้วผมจะไม่เตรียมตัวได้อย่างไรก่อนจะก้าวเข้าสู่กับดัก? คนที่คุณพยายามเค้นเอาหอสมุดเทียบฟ้าออกไปน่ะคือตัวโคลนของผม!” จางเซวียนตอบพร้อมกับส่ายหน้า
ก่อนจะเข้าสู่หอเทพเจ้า จางเซวียนสลับที่กับตัวโคลนของเขาและเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติเป็นการชั่วคราว
ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาไม่เป็นอันตรายแม้ตอนที่ปรมาจารย์ขงพาเขาข้ามสิ่งกีดขวางทะลุมิติ
เหตุผลที่จางเซวียนให้ตัวโคลนต่อปากต่อคำกับปรมาจารย์ขงก็เพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริงจากอีกฝ่าย เพียงแต่เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าคำตอบที่ได้รับจะน่าผิดหวังขนาดนี้
“ไม่เลว ไม่เลวเลย ผมคงคาดหวังอะไรน้อยกว่านี้ไม่ได้จากผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ แต่แน่ล่ะ มันไม่มีอะไรง่ายหรอก ไม่มีทางง่ายอย่างแน่นอน…” ปรมาจารย์ขงพึมพำด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่ง “ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณคิดหรือว่าผมจะปล่อยให้คุณออกจากที่นี่ไปอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อตอนนี้คุณปรากฏตัวต่อหน้าผมแล้ว?”
บึ้มมมมม!
ปรมาจารย์ขงก้าวออกมาจากเปลวเพลิง รังสีทรงพลังแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณนั้น ดูเหมือนมิติที่อยู่โดยรอบพร้อมจะพังทลายลงมาทับพวกเขาได้ทุกเมื่อ
ปรมาจารย์ขงเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ถึง 8 คนเมื่ออยู่ที่หอเทพเจ้า ซึ่งนั่นหมายความว่าอย่างน้อยที่สุด อีกฝ่ายก็แข็งแกร่งกว่าจางเซวียนหลายเท่า
“คุณไม่ลองคิดกลับกันดูบ้างล่ะ? ผมจะมาอยู่ตรงหน้าคุณเพียงเพื่อวิ่งหนีหรือ?” จางเซวียนคำราม “ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว ทำไมถึงไม่ไขข้อข้องใจข้อสุดท้ายให้ผมหน่อย? หอเทพเจ้าตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณแล้วใช่ไหม?”
นับตั้งแต่ฟู่เฉิงสื่อจนถึงภาพลวงตาของหัวหน้าหอเทพเจ้า ก็มีปรมาจารย์ขงเป็นเงามาตลอด
“ผมสังหารหัวหน้าและเหล่านักรบของหอเทพเจ้าหมดแล้ว พวกเขาเป็นแค่เหลือบริ้นที่สรวงสวรรค์ส่งลงมาเพื่อควบคุมมิติเบื้องบน จึงสมควรตายตกตามกันเสียให้หมด ผมจะสร้างโลกใบใหม่ขึ้นในมิติเบื้องบน จะนำพาโลกใบนี้ไปสู่ความยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน! หอเทพเจ้าและหอนิรันดร์ล้วนอยู่ใต้การควบคุมของผมแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะไปทางไหนก็ไม่มีวันหนีรอดจากเงื้อมมือของผมได้หรอก!” ปรมาจารย์ขงหัวเราะลั่น
หัวหน้าหอเทพเจ้าคนปัจจุบันก็คือเขา และผู้ลักพาตัวตู้ชิงหย่วนก็เป็นเขาเช่นกัน
เหตุผลหลักก็เพราะเขาต้องการฉกฉวยหอสมุดเทียบฟ้าของจางเซวียนมาเป็นของตัวเอง
“ผมไม่มีคำถามแล้วล่ะ” จางเซวียนพูด
จากนั้น เขาก็หันไปตะโกนใส่ตัวโคลนที่อยู่บนแท่นบูชา “คุณจะมัวรีรอหาอะไร ลงมาเร็วๆเข้า!”
“ได้…ได้”
ร่างของตัวโคลนแปรสภาพเป็นแผ่นบางราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำให้หลุดรอดจากโซ่โลหะที่พันธนาการร่างของเขาไว้และมายืนอยู่ข้างจางเซวียน
ตัวโคลนขับเคลื่อนพลังปราณ ทำให้รังสีทรงพลังระเบิดออกมา ก็เหมือนปรมาจารย์ขง เขาเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว
ฟึ่บ!
จากนั้น จางเซวียนก็นำเต่าหลังดำ ฉลามสามพี่น้อง มังกรอสรพิษ และอสูรตัวอื่นๆออกมาพร้อมกับอาวุธประดามีที่เขาครอบครอง
“แปะ! แปะ!”
“เยี่ยมจริงๆ คุณเตรียมไม้ตายไว้เยอะสินะ” ปรมาจารย์ขงพยักหน้าขณะปรบมือดังลั่น “แต่แค่นั้นน่ะไม่พอหรอก ผมคือผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์ของโลก!”
ขณะที่พูด เขาก็ก้าวออกมาก้าวหนึ่งและกดฝ่ามือลงไป ทั้งเต่าหลังดำ ฉลามสามพี่น้อง และอสูรตัวอื่นๆถูกตรึงไว้กับพื้นดิน ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้
ทุกตัวเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่ก็ยังอ่อนแอกว่าปรมาจารย์ขงมาก ถึงขนาดที่ไม่อาจต่อสู้กับอีกฝ่ายได้เลย
“พวกมันอาจไม่มีค่าในสายตาคุณ แต่ในสายตาผม คุณก็ไม่มีค่าเหมือนกัน!” ตัวโคลนหัวเราะลั่น
พลั่ก!
ตัวโคลนพุ่งออกไปและปล่อยหมัดเข้าใส่ปรมาจารย์ขง
ขณะที่ตัวโคลนปะทะกับปรมาจารย์ขง มิติที่อยู่โดยรอบก็แตกสลายทันทีเพราะแรงปะทะหนักหน่วงนั้น
แม้เมื่อตอนที่พวกเขามีวรยุทธระดับเดียวกัน จางเซวียนก็สู้ตัวโคลนไม่ได้อยู่แล้ว นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ตัวโคลนของเขาเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ในแง่พละกำลัง ตัวโคลนไม่ได้อ่อนด้อยกว่าปรมาจารย์ขงเลย
แถมร่างที่ไม่อาจถูกทำลายของตัวโคลนก็สร้างความปวดหัวอย่างหนักให้คู่ต่อสู้ ขนาดปรมาจารย์ขงมีพละกำลังมหาศาล ก็ยังจนปัญญาที่จะหาทางเล่นงานอีกฝ่าย