ตอนที่ 2125 ผมอยากติดตามคุณ!
เขาออกจะรู้สึกแปลกๆที่มีศิษย์หลานทั้งที่ตัวเองเพิ่งอายุ 20 ต้นๆ
“ใช่” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพยักหน้า
“ถ้าเขาคืออำมาตย์คนใหม่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แล้วหลิวหยางอยู่ไหน? ขงซือเหยา จ้าวหย่า กับคนอื่นๆล่ะ?” จางเซวียนถามต่อ
เขามอบหมายให้ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ส่งข้อความหาอำมาตย์เฉินหย่งคนปัจจุบันเพื่อแจ้งอีกฝ่ายให้ประกอบพิธีกรรม ต่อให้เขาไม่ได้ระบุว่ากำลังวางแผนจะกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ หลิวหยางกับคนอื่นๆก็น่าจะอยากเห็นการประกอบพิธีกรรมที่นำไปสู่มิติเบื้องบน
“ปรมาจารย์จาง ศิษย์สายตรงทั้ง 9 คนของคุณเดินทางผ่านทางเดินแห่งมิติที่คุณใช้ตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนก่อนและเข้าสู่มิติเบื้องบนแล้ว…” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบ
“พวกเขาเดินทางไปมิติเบื้องบน?” จางเซวียนถึงกับผงะ
ถ้าพวกนั้นเข้าสู่มิติเบื้องบนตั้งแต่ 3 เดือนก่อน ก็ตกราว 9 วันในมิติเบื้องบน…ในเวลานั้น เขาอยู่ที่ทะเลพลัดดาวและกำลังให้คำชี้แนะผู้อาวุโสหงอู่กับคนอื่นๆ
“ค่อยไปตามหาพวกนั้นหลังจากที่เรากลับถึงมิติเบื้องบนก็แล้วกัน…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
ในเมื่อทั้งกลุ่มจากไประยะหนึ่งแล้วและไม่ได้พบกันในทางเดินแห่งมิติ ก็เป็นไปได้ว่าตอนนี้ทุกคนคงอยู่ที่เมืองชวนเจียง เขาจึงตัดสินใจไม่คิดอะไรมาก
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะพูดต่อ ก็เห็น 2 ร่างบินตรงเข้ามา
ทั้งคู่คือพ่อกับแม่ของเขา เซียนดาบชิงเหมิง!
“เซวียนเอ๋อ…”
เซียนดาบเหมิงร้องเรียกอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นลูกชายไม่เป็นอะไร นัยน์ตาของเธอแดงก่ำขณะระบายลมหายใจยาว “แม่ดีใจที่ลูกสบายดี…”
มิติเบื้องบนเต็มไปด้วยอันตราย นับตั้งแต่ลูกชายของเธอเดินทางไปสถานที่แห่งนั้น ไม่มีสักวันที่เธอจะไม่เป็นห่วงเป็นใยเขา การที่ไม่มีข่าวคราวใดๆจากจางเซวียนเลยทำให้เธอหนักอกหนักใจมากว่า 1 ปีแล้ว เมื่อได้เห็นกับตาว่าจางเซวียนไม่เป็นอะไร เธอถึงถอนหายใจอย่างโล่งอกได้
จางเซวียนยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นเซียนดาบชิงเหมิง “ท่านแม่กับท่านพ่อ ผมสบายดี”
พ่อแม่ของเขาฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อีกระหว่างที่เขาจากไป ตอนนี้ทั้งคู่เป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4
จางเซวียนซักไซ้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของทวีปแห่งปรมาจารย์ และพบว่าทวีปแห่งปรมาจารย์ก้าวหน้าไปมาก ระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ที่ปรมาจารย์หยางเป็นผู้ผลักดันใช้การได้ดี ส่วนเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นก็ไม่สร้างปัญหาใดๆอีกนับตั้งแต่หลิวหยางรับตำแหน่งอำมาตย์เฉินหย่งคนต่อไป แม้จะมีความตึงเครียดอยู่บ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมถือว่าสงบสุข
ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์สามารถลดความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทลงไปจนอยู่ในระดับที่นักรบที่เป็นมนุษย์ธรรมดาสามารถซึมซับได้โดยปราศจากปัญหา ในเมื่อเป็นแบบนี้ โอกาสเกิดสงครามก็ถือว่ามีน้อยมาก
จางเซวียนมุ่งหน้าสู่ห้องโถงใหญ่ที่ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ใช้ต้อนรับแขก เขาเห็นใบหน้าคุ้นตาของคนกลุ่มหนึ่ง…หัวหน้าตระกูลหลัว หัวหน้าตระกูลเจียง หยางชวนจากสภาปรมาจารย์…
ก็เหมือนที่เซียนดาบชิงเหมิงบอกไว้ พวกเขาล้วนเป็นนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ถ้าเหล่านักรบที่อารักขาทางเดินแห่งมิติพยายามจะบุกรุกเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์อีกครั้ง ก็น่าจะถูกสังหารทันที
พวกเขาพูดคุยกันเพื่อไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ
ระหว่างการสนทนา หลัวชวนฉิงมองจางเซวียนอย่างวิตกและถามว่า “จางเซวียน คุณพบน้องสาวของผมบ้างหรือเปล่าตอนที่อยู่ในมิติเบื้องบน?”
“น้องสาวของคุณ?” จางเซวียนชะงัก “ฉีฉีไม่ได้อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์หรือ?”
ตอนนั้นเขาออกเดินทางตามลำพัง และไม่ได้พบหลัวฉีฉีในมิติเบื้องบนด้วย
“เมื่อ 1 ปีก่อน หลังจากที่คุณออกเดินทางไปมิติเบื้องบนได้ไม่นาน เธอก็บอกว่าเธอจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อตามหาคุณ…” หลัวชวนฉิงส่ายหน้าและถอนหายใจ
“ตามหาผม? เธอเข้าสู่มิติเบื้องบนโดยใช้ทางเดินแห่งมิติเหมือนกันหรือ?” จางเซวียนย้อนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่ เธอใช้เครื่องเก็บงำมิติฝ่าปราการมิติของทวีปแห่งปรมาจารย์ออกไป” หลัวชวนฉิงตอบ
จางเซวียนถึงกับจังงัง
ด้วยวรยุทธของเขาในตอนนี้ เขาสามารถฝ่าปราการแห่งมิติได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทางเดินแห่งมิติเพื่อกลับสู่มิติเบื้องบนแล้ว แต่สำหรับหลัวฉีฉีเมื่อ 1 ปีก่อน ต่อให้เธอจะทรงพลังแค่ไหน อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่นักปราชญ์โบราณขั้น 4 แล้วเธอฝ่าปราการมิติของทวีปแห่งปรมาจารย์ได้อย่างไร?
“คุณรู้ไหมว่าทำไมเธอถึงเรียกตัวเองว่าฉีฉี?” จู่ๆหลัวชวนฉิงก็ตั้งคำถาม
เพราะรู้ดีว่าตัวเขากับจางเซวียนแตกต่างกันมาก ความปรารถนาที่จะแข่งขันกับชายหนุ่มคนนี้จึงมอดดับไปแล้ว ทั้งหมดที่เขาหวังก็คืออยากให้ชายหนุ่มตามหาน้องสาวของเขาและดูแลเธอ
“เธอไม่ได้เรียกตัวเองว่าฉีฉีเพราะมีพี่ชาย 6 คนหรือ?” จางเซวียนดูเหมือนจะจดจำเรื่องราวได้
“ก็ใช่ เธอมีพี่ชาย 6 คน ผมคือพี่ชายคนที่ 6 ของเธอ และพี่ชายทั้ง 5 ของผมก็เสียชีวิตไปแล้ว ด้วยสถานภาพและอำนาจของตระกูลหลัวในทวีปแห่งปรมาจารย์ คุณไม่รู้สึกว่ามันประหลาดหรือที่พี่ชายทั้ง 5 ของผมล้วนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร” หลัวชวนฉิงถาม
จางเซวียนอึ้งไป
ตอนนั้นเขาก็สงสัย แต่เลือกที่จะไม่ซักไซ้รายละเอียด
ด้วยสถานภาพของตระกูลหลัวในทวีปแห่งปรมาจารย์ ต่อให้เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นบุกเข้าโจมตี ก็ไม่มีทางที่จะสังหารลูกชายทั้ง 5 คนของตระกูลผู้ทรงเกียรติได้อย่างง่ายดายแบบนี้
“เป็นเพราะเครื่องเก็บงำมิติ” หลัวชวนฉิงตอบ “มันคือของล้ำค่าที่บรรพบุรุษของเราได้มา มีพละกำลังและอำนาจมหาศาล คุณคงเคยได้ยินแล้วว่าน้องสาวของผมสามารถซึมซับมันได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่นานหลังจากที่เธอเกิดมาเพราะสายเลือดบริสุทธิ์ของเธอ…เรื่องนั้นไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมดหรอก ที่สำคัญกว่าก็คือเพราะพี่ชายทั้ง 5 ของผม เธอถึงทำแบบนั้นได้!”
“ในตอนนั้น มีบางอย่างกระตุ้นการทำงานของเครื่องเก็บงำมิติ มันเกือบจะฉีกกระชากปราการแห่งมิติและหลบหนีไป ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ตระกูลหลัวจะต้องร่วงลงจากตำแหน่ง 3 ตระกูลใหญ่ของทวีปแห่งปรมาจารย์แน่ เพื่อปกป้องไม่ให้ตระกูลเสื่อมถอย พี่ชายทั้ง 5 ของผมจึงยอมสละชีวิตโดยมอบเลือดของพวกเขาให้เครื่องเก็บงำมิติ เพื่อให้อีกฝ่ายสงบลง ผลที่ได้ก็คือจิตวิญญาณที่อยู่ในเครื่องเก็บงำมิตินั้นถูกปลุกให้ตื่นอย่างช้าๆ…จนในที่สุดก็กลายมาเป็นฉีฉีที่คุณรู้จัก!”
“เดี๋ยวนะ คุณจะบอกว่าแท้ที่จริงแล้วฉีฉีคือจิตวิญญาณของอาวุธในเครื่องเก็บงำมิติหรือ?” จางเซวียนหรี่ตาอย่างตกตะลึง
“จิตวิญญาณดวงหนึ่งเล็ดลอดเข้าไปในครรภ์ของท่านแม่ของผม และสุดท้ายท่านแม่ก็คลอดฉีฉีออกมา เธอคือจิตวิญญาณของเครื่องเก็บงำมิติ แต่ก็แน่นอนว่าเป็นน้องสาวของผมด้วย เพราะถึงอย่างไรเลือดเนื้อของเธอก็มีต้นกำเนิดจากตระกูลหลัวของเรา” หลัวชวนฉิงพูด
จางเซวียนพยักหน้าช้าๆ
เขาเคยเห็นจิตวิญญาณของอาวุธมามากมาย ทั้งยังเคยทำให้พวกมันยอมจำนนด้วย แต่ในบรรดาจิตวิญญาณพวกนั้น ไม่มีดวงไหนเป็นอิสระจากการถูกกักขังในร่างของพวกมันได้ แม้แต่ของล้ำค่าระดับกึ่งสรวงสวรรค์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
จึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่จิตวิญญาณของเครื่องเก็บงำมิติสามารถออกจากร่างของมันและมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์
“แล้วเธอฝ่าปราการแห่งมิติได้อย่างไร? คุณรู้ได้อย่างไรว่าเธอมุ่งหน้าไปมิติเบื้องบน?” จางเซวียนถามต่อ
“เมื่อคุณจากไปได้ไม่นาน ความตั้งใจของเธอที่จะติดตามคุณไปสู่มิติเบื้องบนก็เข้มข้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เครื่องเก็บงำมิติตอบสนองความปรารถนาของเธอด้วยการมอบพลังงานมหาศาลที่ทำให้เธอก้าวข้ามขีดจำกัดของวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ได้สำเร็จ วรยุทธของเธอเข้าถึงขั้นล้ำลึกเกินหยั่ง ทำให้ถูกสรวงสวรรค์ของทวีปแห่งปรมาจารย์ปฏิเสธ สุดท้ายเธอก็ถูกบีบให้ออกจากโลกนี้ไปพร้อมกับเครื่องเก็บงำมิติ” หลัวชวนฉิงพูด
“เหล่าผู้เชี่ยวชาญในตระกูลหลัวของเราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ไม่อาจยับยั้งเธอไม่ให้จากไป…”
จางเซวียนเงียบกริบ
ก็เหมือนกับการที่หลัวลั่วชิงจากไปในคราวนั้น ทั้งคู่ถูกมิติของทวีปแห่งปรมาจารย์บีบให้ออกไป
เหมือนท่อนซุงที่เจอกระแสน้ำเชี่ยว ไม่ว่าจะพยายามกดท่อนซุงให้จมน้ำด้วยเรี่ยวแรงมากแค่ไหน ทันทีที่หลุดมือ มันก็จะลอยกลับสู่ผิวน้ำ
ด้วยเหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่หลัวฉีฉีจะถูกบีบบังคับให้เข้าสู่มิติเบื้องบน
“เอาเถอะ ผมจะสำรวจดูเมื่อผมกลับไป ถ้าพบตัวเธอ จะรีบส่งข่าวให้อำมาตย์คนใหม่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจทันที” จางเซวียนพูด
จางเซวียนบันทึกเรื่องของหลัวฉีฉีไว้ในใจ
ทวีปที่ถูกลืมนั้นกว้างใหญ่ แต่ในฐานะผู้นำของ 4 สำนัก การที่เขาจะค้นหาที่อยู่ของใครคนหนึ่งคงไม่ยากเกินไป
หลังจากแยกกันกับหลัวชวนฉิง จางเซวียนพูดคุยกับปรมาจารย์หยางและคนอื่นๆเพื่อสอบถามข่าวคราว ก่อนจะถ่ายทอดเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ที่เขาประมวลขึ้นใหม่ให้คนเหล่านั้น สภาปรมาจารย์จะได้แบ่งปันความรู้นี้ให้กับทั้งโลก
เวลา 1 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เหตุผลที่ผมกลับมาคราวนี้ก็เพื่อขอยืมแท่นบูชา ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องจัดการเมื่อกลับสู่มิติเบื้องบน ผมจึงจะไม่พักที่นี่…”
จางเซวียนรู้ดีว่าเขามีเวลาจำกัด หลังจากได้แท่นบูชาแล้ว จึงเรียกหวู่เฉินมา ตั้งใจจะฝ่าปราการแห่งมิติกลับสู่มิติเบื้องบนโดยไม่ต้องผ่านทางเดินแห่งมิติอีก
ในตอนนั้น เสียงหนึ่งก็ร่ำร้อง
“นายน้อย พาผมไปด้วย!”
ซุนฉางรีบเข้ามาหาขณะมองจางเซวียนด้วยสายตาวิงวอน
ไม่นานหลังจากที่จางเซวียนจากไป ซุนฉางก็รู้ตัวว่าความอวดดื้อถือดีของเขาทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาตัวเอง เขาต้องยอมรับความจริงอันเจ็บปวดว่าไม่อาจได้อยู่ใกล้ชิดจางเซวียนอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามฝึกฝนอย่างหนักตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และเพราะเห็นแก่การที่เขาเคยเป็นพ่อบ้านของจางเซวียน สภาปรมาจารย์และตระกูลจางจึงมอบทรัพยากรคุณภาพดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนวรยุทธให้เขา
ซุนฉางจึงสำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้น ไม่ต่างกับคนอื่นๆ
“คุณอยากไปมิติเบื้องบนหรือ?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใช่ ผมอยากติดตามคุณ!” ซุนฉางตอบอย่างมุ่งมั่น
เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นพวกหลงใหลในวัตถุ ชื่นชอบการใช้อิทธิพลและชื่อเสียงในฐานะพ่อบ้านของจางเซวียนและนักรบระดับนักปราชญ์โบราณ ความเคารพยกย่องที่คนอื่นๆมีให้ทำให้เขาโอหังและหยิ่งผยอง แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง…เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป เกิดเป็นความว่างเปล่าที่ไม่น่าพิสมัยอยู่ภายใน
มีบางอย่างที่เขาปรารถนามาชั่วชีวิต
แต่เมื่อเขามีทุกอย่างแล้ว ก็พบว่าตัวเองโหยหาวันคืนเก่าๆ การหวนนึกถึงเหตุการณ์น่าตื่นเต้นที่เขาตำหนิติเตียนผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธสูงกว่าตัวเขาอย่างมั่นอกมั่นใจทำให้หัวใจเต้นตึกตัก