Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2146 ข่าวร้าย

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2146 ข่าวร้าย

ตอนที่ 2146 ข่าวร้าย
จนถึงตอนนี้ วรยุทธของเจ้าไก่นี่ก็หยุดนิ่งอยู่แค่ระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ในเมื่อมันยังไม่สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แล้วจะกลืนกินเทพเจ้าตัวจริงได้อย่างไร?

ฝันกลางวันชัดๆ!

อีกอย่าง แม้โครงกระดูกสีดำจะทำตัวเป็นปฏิปักษ์ในตอนแรก แต่ก็ชี้ทางออกให้กับปัญหาที่เขาเผชิญอยู่

“เชอะ ขี้เหนียว…”

ไก่น้อยพึมพำอย่างขัดใจ ขณะจิกยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ของมันต่อไป

หลังจากจัดการไก่น้อย จางเซวียนเดินกลับออกไปตามเส้นทางที่เขาเข้ามา ก็พอดีกับที่พลันนึกบางอย่างได้ เขานำจี้สีแดงก่ำออกมาและหันไปประสานมือให้โครงกระดูกสีดำอีกครั้ง “ขออภัยด้วยเถอะที่ต้องรบกวนคุณ แต่ผมขอถามคำถามสุดท้าย ผู้อาวุโส…คุณรู้ที่มาของจี้อันนี้ไหม?”

จางเซวียนจำได้ว่าโครงกระดูกสีดำพูดถึงบางอย่างเกี่ยวกับน่านฟ้าดาบสวรรค์และน่านฟ้าเสรี แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าคำเหล่านั้นหมายความว่าอะไร แต่ก็แน่ใจว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับสรวงสวรรค์แน่

อีกอย่าง ตอนแรกโครงกระดูกสีดำก็จงใจทำร้ายพวกเขาแต่หลังจากได้เห็นจี้สีแดงก่ำที่คล้องคอจางเซวียนอยู่ ก็เปลี่ยนทีท่าทันที นั่นหมายความว่ามันจดจำจี้สีแดงก่ำอันนี้ได้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่โครงกระดูกตัวนี้จะรู้จักมักคุ้นกับหลัวลั่วชิง!

แต่โครงกระดูกสีดำก็ยืนเฉย ไม่ยอมพูดอะไร

รู้ดีว่าต่อให้เขาซักไซ้มากกว่านี้ โครงกระดูกก็คงไม่ปริปาก จางเซวียนส่ายหัวก่อนจะถอยออกจากพื้นที่นั้น

ทั้งคู่กลับมาที่จุดเดิม หลังจากเผชิญกับความรู้สึกที่ไม่คุ้นชินครู่หนึ่ง ก็มาปรากฏตัวเหนือแท่นบูชาอีกครั้ง

“กลับกันเถอะ”

ถึงรังสีสวรรค์ที่เขาได้มาจะไม่บริสุทธิ์ แต่ก็ยังพอมีทางชำระมันได้ด้วยการประกอบพิธีกรรมที่โครงกระดูกสีดำถ่ายทอดให้

4 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาอยู่ที่ตำหนักคว้าดาว

หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆกำลังเดินวนเป็นหนูติดจั่นตอนที่จางเซวียนกับตู้ชิงหย่วนมาถึง ทุกคนหันมาจับจ้องทั้งคู่อย่างร้อนใจ

“หวู่เฉิน เตรียมแท่นบูชา!” จางเซวียนสั่งการขณะถ่ายทอดกระบวนการประกอบพิธีกรรมให้อีกฝ่าย

หลังจากศึกษารายละเอียดทั้งหมด หวู่เฉินย่นหน้าผากอย่างเคร่งเครียด “ผมเกรงว่าการประกอบพิธีกรรมแบบนี้คงไม่อาจสำเร็จโดยง่าย…”

“แล้วต้องใช้อะไร?” หานเจี้ยนชิวถาม

“พิธีกรรมนี้ต้องการการมีส่วนร่วมของนักรบขั้นอมตะตัวจริงถึง 100,000 ชีวิต พวกเขาจะต้องปล่อยใจ เปิดจิตวิญญาณ ห้ามแสดงอาการขัดขืนต่อต้านแม้แต่น้อย!” หวู่เฉินตอบพร้อมกับส่ายหน้า

การเปิดใจและกระโจนเข้าใส่ความศรัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมหมายความว่าผู้นั้นจะอ่อนแอและเปราะบางอย่างสิ้นเชิง ไม่ต่างอะไรกับการไว้วางใจฝากชีวิตไว้ในมือคนอื่น ถ้าใครสักคนในค่ายกลมีเจตนาร้ายต่อพวกเขา ก็หมายถึงจุดจบ

แม้จางเซวียนจะเป็นผู้นำของสี่สำนักใหญ่ เป็นไอดอลของชายหนุ่มมากมายนับไม่ถ้วนในทวีปที่ถูกลืม แต่ก็ไม่ได้มีอิทธิพลมากพอจะหว่านล้อมผู้คนจำนวนมากขนาดนั้นให้ยอมทำเพื่อเขา

ไม่มีมนุษย์คนไหนปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง นับประสาอะไรกับคนเป็นแสน!

“ผมรู้ว่าไม่ง่าย แต่เราก็ต้องลอง” จางเซวียนตอบหนักแน่น

เขาหันไปมองหานเจี้ยนชิว คุ่ยเฉี่ยว และฉิงหย่วนก่อนจะถามว่า “เหล่าศิษย์สายตรงและผู้อาวุโสของสำนักดาบเมฆเหิน สำนักดาวเจ็ดดวง และหอนานาอสูรมาพร้อมกันที่นี่แล้วหรือยัง?”

เมื่อความขัดแย้งระหว่างเขากับปรมาจารย์ขงตัวปลอมปะทุ จางเซวียนก็รีบสั่งการให้หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆรวบรวมบรรดาศิษย์สายตรงและผู้อาวุโสในสำนักของพวกเขา ให้คนเหล่านั้นมารวมตัวกันที่เกาะคว้าดาว เขารู้ดีว่าต้องใช้พละกำลังมากที่สุดเท่าที่จะหาได้เพื่อรับมือกับหอนิรันดร์และปรมาจารย์ขงผู้ทรงพลัง

เขาออกคำสั่งตั้งแต่เมื่อ 1 เดือนก่อน ป่านนี้พวกนั้นคงมาถึงแล้ว

“พวกเขามาถึงแล้ว และพร้อมทำตามคำสั่งของคุณ” หานเจี้ยนชิวตอบ “แต่เรารวบรวมนักรบขั้นอมตะตัวจริงขึ้นไปได้เพียง 20,000 คนเท่านั้น”

ปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลานี้ของพวกเขาไม่ใช่การรวบรวมจิตใจของนักรบทั้งหนึ่งแสนคนให้เป็นหนึ่งเดียว แต่คือการที่ยังไม่อาจรวบรวมนักรบขั้นอมตะตัวจริงในจำนวนมากมายขนาดนั้นได้!

ทั้ง 4 สำนักใหญ่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย แต่มีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่เข้าถึงวรยุทธขั้นอมตะตัวจริง ใครๆก็รู้ว่ามีแต่นักรบขั้นอมตะตัวจริงขึ้นไปเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้เป็นศิษย์สายตรงหรือผู้อาวุโสขั้นสูงสุดในสำนักของพวกเขา

แม้ทั้งสี่สำนักใหญ่จะมีมรดกตกทอดที่ถ่ายทอดกันมาหลายพันปี ทั้งยังรวมเอาบริวารและกลุ่มอำนาจที่แฝงตัวอยู่เข้ามาด้วย ก็ยังหาสมาชิกที่มีวรยุทธระดับอมตะตัวจริงได้เพียง 20,000 คนเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงยังไม่บรรลุเงื่อนไขที่กำหนดว่าจะต้องมีนักรบอมตะตัวจริงจำนวนนับแสนในการประกอบพิธีกรรม

อันที่จริง ก็ยังน่าสงสัยอยู่ว่าทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืมจะมีนักรบอมตะตัวจริงมากขนาดนั้นหรือเปล่า

“นักรบอมตะตัวจริง 20,000 คน?” จางเซวียนมีสีหน้าเคร่งเครียด

ตัวเขากับหวู่เฉินเพิ่งมาถึงทวีปที่ถูกลืมได้ไม่นาน ความรู้ความเข้าใจที่มีต่อทวีปแห่งนี้จึงยังคงอ่อนด้อย พวกเขามัวกังวลอยู่กับคำถามที่ว่าจะรวบรวมเจตจำนงของทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวได้หรือไม่ จนละเลยปัญหาสำคัญที่สุดที่จ่ออยู่ตรงหน้า นั่นคือจะหานักรบอมตะตัวจริงจำนวน 100,000 คนได้อย่างไร?

ใครๆก็รู้ว่าจำนวนนักรบอมตะตัวจริงที่มีอยู่ในมิติเบื้องบนก็จำกัดพอๆกับจำนวนนักปราชญ์โบราณที่มีอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เหตุผลเดียวที่จางเซวียนรวบรวมมาได้มากขนาดนี้ก็เพราะเขามีเส้นสายกับ 4 สำนักใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในทวีปที่ถูกลืม

ลำพังแค่รวบรวมนักรบอมตะตัวจริงได้ 20,000 คนก็ยากพอแล้ว นับประสาอะไรกับจำนวนนับแสน!

“เจ้าสำนักจาง ข่าวร้าย!”

ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ก็พรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

จางเซวียนหันมามอง

“เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นรอบเกาะคว้าดาว ฉันเกรงว่าด้วยพละกำลังของพวกเราในเวลานี้ การขับไล่พวกมันออกไปคงทำได้ยาก!” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่อุทานอย่างร้อนใจ

“อสูร?” จางเซวียนชะงักกับคำบอกเล่าปุบปับนั้น

เขารีบออกจากห้องโถงใหญ่พร้อมตู้ชิงหย่วนกับคนอื่นๆ เห็นทั้งผืนน้ำและท้องฟ้ารอบเกาะคว้าดาวคลาคล่ำไปด้วยอสูรทุกขนาด

ปู หอย ปลาหมึก ปลา ล็อบสเตอร์ เม่นทะเล…

“ผมหิว…” ไก่น้อยที่จู่ๆก็ปรากฏตัวบนบ่าของจางเซวียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่และพึมพำออกมา

“….” จางเซวียน

นี่มันไม่ใช่เวลาเลย!

มีข้าศึกมากมายกว่าที่เขาคิดไว้ มากกว่ากองกำลังที่พวกเขามีอยู่หลายเท่า

แน่นอนว่าในบรรดาอสูรเหล่านี้ ไม่มีตัวไหนสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ซึ่งทำให้พวกเขายังถือไพ่เหนือกว่า แต่หากลงไปตะลุมบอนกับอสูรในเวลานี้ อาจเอาชนะได้ก็จริง แต่ก็ยับเยิน ด้วยสถานการณ์คับขันที่พวกเขาเผชิญอยู่ ทุกคนไม่อาจปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอกว่านี้ได้อีก

“นายท่าน ผมเกณฑ์เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่เชี่ยวชาญการต่อสู้มาไว้ที่นี่แล้ว!”

ขณะที่จางเซวียนกำลังขบคิดหาวัตถุประสงค์ของอสูรเหล่านี้ ฉลามสามพี่น้องและเต่าตัวมหึมาก็โผล่พรวดขึ้นจากก้นมหาสมุทร

พวกมันคืออสูรของเขา!

จางเซวียนยกมือทาบอกอย่างโล่งใจขณะพลันนึกขึ้นได้

เขาสั่งการให้อสูรทั้งสี่รวบรวมกองกำลังอสูรใต้น้ำมาที่เกาะคว้าดาวเพื่อรับมือกับปรมาจารย์ขงและหอเทพเจ้า เพียงแต่มัวหมกมุ่นกับปัญหาตรงหน้าจนหลงลืมเรื่องนี้ไป

“มาได้เวลาพอดี!” จางเซวียนตาโตและเกือบหัวเราะลั่นด้วยความยินดีปรีดา

เขายังลำบากใจอยู่ว่าจะหานักรบอมตะตัวจริงหนึ่งแสนชีวิตมารวมตัวกันในที่เดียวได้อย่างไร ก็พอดีกับที่เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำเหล่านี้ปรากฏตัว บางทีพวกมันอาจช่วยให้เขาบรรลุเงื่อนไขของการมีนักรบอมตะตัวจริงนับแสนได้!

เมื่อคิดขึ้นได้ จางเซวียนถามฉลามหมายเลข 1 “ตรงนี้มีเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่สำเร็จวรยุทธอมตะตัวจริงอยู่กี่ตัว?”

“นายท่าน เรามีอสูรใต้น้ำราวสี่หมื่นตัวที่สำเร็จวรยุทธอมตะตัวจริงขึ้นไป” ฉลามหมายเลข 1 ตอบ

“แค่สี่หมื่นหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

พูดกันตามตรง จำนวนเท่านี้ถือว่าน่าทึ่งแล้ว เพราะขนาด 4 สำนักใหญ่ก็ยังมีนักรบอมตะตัวจริงแค่สองหมื่นคนเท่านั้น

ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำกล้ารวมหัวกันโค่นล้มอำนาจของ 6 สำนักใหญ่ เพราะลำพังแค่จำนวนนักรบอมตะตัวจริงที่มีอยู่ในหมู่พวกมันก็เพียงพอจะเล่นงานสำนักไหนๆได้สบาย

แปลว่าตอนนี้จำนวนนักรบอมตะตัวจริงที่พวกเขามีอยู่ก็ตกราวหกหมื่น ยังห่างไกลนักกับเป้าหมายที่หนึ่งแสน

“กำลังพลของเรายังไม่พอ จะหานักรบอมตะตัวจริงมากกว่านี้ได้จากที่ไหน?” หวู่เฉินถาม

“นี่คือปัญหาใหญ่” จางเซวียนพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง

เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดหนักครู่หนึ่งก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งใหม่ “เกณฑ์นักรบทุกคนของ 4 สำนักใหญ่และทะเลพลัดดาวที่สำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะให้มารวมตัวกันที่นี่”

“ได้!”

แม้จะไม่รู้ว่าจางเซวียนคิดอะไร แต่หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆก็ทำตามคำสั่งของเขาทันที

2 ชั่วโมงต่อมา บรรดานักรบและเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำอีกจำนวนหนึ่งก็มาปรากฏตัวในอาณาเขตของเกาะคว้าดาว

“พวกเรารวบรวมนักรบขั้นเสมือนอมตะได้สองแสนคน และอสูรขั้นเสมือนอมตะได้อีกสี่แสนตัว ในจำนวนนี้ มีอยู่ราวแปดหมื่นชีวิตที่สำเร็จวรยุทธเสมือนอมตะสรวงสวรรค์แล้ว” หานเจี้ยนชิวเดินเข้ามารายงานตัวเลขกับจางเซวียน

“ราวแปดหมื่น?” จางเซวียนพยักหน้า “คงจะดีถ้ามีมากกว่านี้ แต่เท่านี้ก็พอไหว”

หานเจี้ยนชิวยังไม่เข้าใจว่าจางเซวียนคิดอะไร เขามองหน้าอีกฝ่ายอย่างลังเลขณะตั้งคำถาม “ท่านอาจารย์ คุณมีเหตุผลอะไรถึงต้องรวบรวมนักรบขั้นเสมือนอมตะมากมายมาไว้ที่นี่? แล้วพวกเราจะช่วยอะไรได้อีกไหม?”

“ได้สิ ผมอยากให้คุณนำธงค่ายกล 10,000 อันมาให้ผมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” จางเซวียนตอบ

“ธงค่ายกล 10,000 อัน?” หานเจี้ยนชิวออกจะแปลกใจ เขาหันไปพูดกับผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยว “สำนักของเราไม่สามารถรวบรวมธงค่ายกลมากขนาดนั้นได้ในระยะเวลาอันสั้นหรอก ดูเหมือนต้องพึ่งพาสำนักดาวเจ็ดดวงของคุณแล้วล่ะ!”

“ได้สิ ไม่มีปัญหา” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวหัวเราะหึๆอย่างมั่นใจ เขารีบนำตราหยกสื่อสารออกมาอันหนึ่งและถ่ายทอดคำสั่งลงไป

ไม่ช้า ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวก็นำแหวนเก็บสมบัติมาให้จางเซวียนแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ นี่คือธงค่ายกล 100,000 อันที่คุณต้องการ”

ด้วยทรัพยากรบวกกับช่องทางการสื่อสารและการขนส่งของสำนักดาวเจ็ดดวง การรวบรวมธงค่ายกลหนึ่งแสนอันให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นจึงไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยว

“คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณจากผม!”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 2100 อ่านนิยาย

อ่านต่อเลือกตอนข้างล่าง


จางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท