ทั้งคู่ผ่านประตูบานหนึ่งเข้าไป แล้วสังเวียนประลองขนาดใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้า ทั้งคู่เห็นภาพที่ทำให้จังงัง
มีนักรบมากกว่า 12 คนนอนแผ่อย่างอ่อนระโหยอยู่บนสังเวียนประลอง ทุกคนหน้าซีดเผือด ท่ามกลางคนเหล่านั้น ชายเสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความเป็นผู้ชนะ
ราวครึ่งนาทีก่อน…
หลังจากการต่อสู้ทั้งหมดผ่านพ้นไป ก็เหลือเสิ่นถูเฟิงเพียงคนเดียว
“นี่คือผู้ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนหรือ? ผมว่านะ…มันไม่ควรจะมีอีกแล้วล่ะถ้านักรบที่ติดโผมีความสามารถแค่นี้…”
น้ำเสียงของอ้าวหัวไม่ได้บ่งบอกการดูถูก มันเรียบเฉยราวกับเขากำลังพูดถึงข้อเท็จจริงธรรมดาๆข้อหนึ่ง
เขาไม่คิดว่า 10 อันดับแรกของผู้ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าจะอ่อนแอขนาดนี้ ดูเหมือนจัดอันดับไปก็ไร้ประโยชน์
“คุณจะรีบพูดไปหน่อยไหม? เอาชนะผมให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยพูด!” เสิ่นถูเฟิงคำราม
เพียง 2-3 นาที อ้าวหัวไม่เพียงแต่เอาชนะฉีเยว่ ยังรวมถึงนักรบอีก 7 คนใน 10 อันดับแรกด้วย เขาไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ใดๆเลย อาศัยแค่พละกำลังของร่างกายเท่านั้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน อ้าวหัวก็เล่นงานอีกฝ่ายได้ภายในกระบวนท่าเดียว
เรื่องนี้ชี้ชัดว่ากายเนื้อของอ้าวหัวเข้าถึงระดับที่เรียกว่าเป็นสุดยอด
“หยุดพล่ามแล้วดวลกันเสียทีดีไหม?” อ้าวหัวพูดอย่างเคร่งขรึมขณะพุ่งเข้าใส่เสิ่นถูเฟิง
เสิ่นถูเฟิงสะบัดข้อมือและชักดาบออกมา เขาแทงมันออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
ประกายเย็นเยียบของดาบแทบจะตัดอากาศให้ขาดด้วยความคมกริบของมัน
พละกำลังของผู้ที่ติดโผการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้านั้นถือว่าน่าทึ่ง กายเนื้อของเขามีประสิทธิภาพสูง ศิลปะเพลงดาบที่สำแดงออกมาก็ทรงพลังเสียจนแม้แต่ดาบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงของเขาก็แทบจะต้านทานความแข็งแกร่งนั้นไม่ได้
“น่าสนใจนี่!”
เห็นศิลปะเพลงดาบอันไร้เทียมทานของเสิ่นถูเฟิง อ้าวหัวไม่กล้าต่อสู้อย่างบุ่มบ่ามเหมือนเคย เขายับยั้งการโจมตีไว้และยืดแขนออกไป แขนนั้นกระตุกและเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่
ในชั่วพริบตา รังสีแรงกล้าก็ระเบิดออกมา ทำให้ทุกคนพากันหายใจหายคอไม่ออก
สายเลือดมังกรเลือดบริสุทธิ์!
ดาบของเสิ่นถูเฟิงถูกกรงเล็บมังกรเล่นงานอย่างหนัก เสียงเคร้งของโลหะดังก้องไปทั่ว ไม่ว่าเสิ่นถูเฟิงจะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่อาจแทงทะลุเกล็ดเหล่านั้นได้
กายเนื้อที่มีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้า? เสิ่นถูเฟิงตัวเย็นเฉียบ
หลังจากได้สู้กับอ้าวหัวตัวต่อตัว เขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายน่าสะพรึงแค่ไหน
นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมอ้าวหัวถึงเอาชนะนักรบอีก 9 คนได้ด้วยการใช้พละกำลังของร่างกายเพียงอย่างเดียว อันที่จริง ลำพังกายเนื้อของเขาก็เทียบได้กับของล้ำค่าระดับราชันย์เทพเจ้าแล้ว
ไม่สิ คงไม่ใช่น่ะ เราคิดว่าคงมีแค่กรงเล็บของเขาเท่านั้นที่มีวรยุทธถึงขั้นราชันย์เทพเจ้า ส่วนกายเนื้อน่าจะยังเทียบเท่ากับของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงอยู่ แต่แค่นี้ก็น่ากลัวแล้ว เสิ่นถูเฟิงคิด
ถ้าทั้งเนื้อทั้งตัวของอ้าวหัวมีวรยุทธเทียบเท่ากับราชันย์เทพเจ้า คงไม่มีทางที่เขาจะเป็นแค่ผู้รั้งอันดับ 9 ของน่านฟ้ามังกรเมฆ เพราะแค่กรงเล็บอันเดียวก็มีประสิทธิภาพเกินพอแล้ว
สมกับที่เป็นมังกรสายเลือดบริสุทธิ์
สายเลือดนี้น่าเกรงขามเหลือเกิน นักรบคนไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับมันก็ล้วนแต่สิ้นหวัง
หลังจากปะทะกันอีกหลายครั้ง ดาบในมือของเสิ่นถูเฟิงก็แหลกละเอียดก่อนที่เขาจะถูกกระแทกอย่างจังเข้าที่หน้าอก จากนั้นก็เหมือนกับคนอื่นๆ เขาล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
เสิ่นถูเฟิงยกมือกุมหัวใจไว้แน่น เขาหอบหายใจหนักหน่วง พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ทั้งที่เป็นผู้รั้งอันดับ 1 ของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้า แต่เขาก็สู้อ้าวหัวไม่ได้!
“น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนทำได้เท่านี้หรือ?” อ้าวหัวส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
ในตอนนั้น สองร่างก็เดินเข้ามา
จางเซวียนกับฉีหลิงเอ๋อ
“ดูเหมือนเราจะมาได้เวลาพอดี พวกเขากำลังต่อสู้กันเพื่อจัดอันดับ!” จางเซวียนตาโตด้วยความยินดีปรีดา
เขายังกังวลอยู่ว่าคงต้องรอนานกว่าจะมีใครสักคนตอบรับคำท้าดวล ใครจะไปรู้ว่าจะได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ในสังเวียนประลองแล้ว ซึ่งเท่าที่เห็น ดูเหมือนพวกเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการดวลไปหมาดๆ
ถ้าอย่างนั้น เขาก็แค่ท้าทายผู้ที่ยังยืนอยู่เพื่อเข้าแทนที่อันดับของอีกฝ่าย
ง่ายดายเหลือเกิน!
เขายังดวงดีไม่น้อยทีเดียว!
“ผมเห็นแล้วว่าคุณเอาชนะคู่ต่อสู้ได้หลายคน คุณคงแข็งแกร่งไม่เบา” จางเซวียนพูดขณะชำเลืองมองผู้บาดเจ็บที่นอนระเกะระกะอยู่บนสังเวียนประลอง
ขนาดฉีเยว่ซึ่งรั้งอันดับ 6 ก็ยังพ่ายแพ้ นั่นหมายความว่าชายเสื้อคลุมสีขาวที่ยืนอยู่บนเวทีมีอันดับสูงกว่านั้นอีก ใช่ไหม?
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาไม่ได้อยากเป็นอันดับ 1 ของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าอยู่แล้ว ทั้งหมดที่ต้องการก็แค่สิทธิ์ในการเข้าใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่เท่านั้น
“ไอ้งั่งใจกล้าอีกคนหนึ่งสินะ?”
เห็นชายหนุ่มเดินตรงเข้าหาเขาโดยปราศจากความกลัว อ้าวหัวระเบิดเสียงหัวเราะ เขามองชายหนุ่มและถามเย้ย “คุณคิดจะท้าดวลกับผมหรือ?”
“ใช่ อันดับของคุณในการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้าคือเท่าไหร่? ต้องขออภัยด้วยที่พูดแบบนี้ แต่ผมไม่อยากเสียเวลาสู้กับใครที่อยู่ในอันดับเกินกว่า 30” จางเซวียนตอบ
แม้ฉีเยว่ซึ่งรั้งอันดับ 6 จะนอนแผ่ แต่จางเซวียนก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นฝีมือของชายเสื้อคลุมสีขาวคนนี้หรือไม่ ทั้งยังไม่เห็นราชันย์เทพเจ้าผู้ดูแลสังเวียนเลยสักคน จึงไม่แน่ใจว่าการดวลที่เพิ่งจบลงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับหรือเปล่า
ดังนั้น พูดจากับชายเสื้อคลุมขาวให้เข้าใจกันเสียก่อนย่อมดีกว่า
อ้าวหัวคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้มาใหม่จะโอหังยิ่งกว่าตัวเขา สีหน้าของเขาเคร่งเครียด นัยน์ตาเย็นเยียบขณะตอบว่า “ผมรั้งอันดับ 9”
“ไม่แปลกใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้า
เป็นไปได้ว่านักรบอันดับ 9 คนนี้น่าจะประสบความโชคดีบางอย่างที่ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เคย ถึงขนาดที่ฉีเยว่ซึ่งรั้งอันดับ 6 ก็สู้ไม่ได้
เห็นชายหนุ่มจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่ใส่ใจเขา อ้าวหัวออกจะหงุดหงิด
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร? ผมคือ…”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องลำบากลำบนแนะนำตัวหรอก ขอแค่คุณอยู่ใน 30 อันดับแรก ก็ไม่แตกต่างอะไรสำหรับผม” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
เขากระโจนขึ้นไปบนเวที จากนั้นก็โบกมือและถามว่า “เราจะเริ่มกันได้หรือยัง?”
“ไอ้หนุ่มโอหัง คงอยากถูกซ้อมเต็มทีสินะ!”
อ้าวหัวรู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะเล่นงานชายหนุ่มโอหังคนนี้ก็คือใช้พละกำลังเหนือชั้นจากหมัดของเขา จึงกระทืบเท้าอย่างแรงและพุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยความเร็วสูงราวกับทะลุมิติ
ภาพนั้นทำให้จางเซวียนตาโต
สมกับเป็นนักรบที่รั้งอันดับสูงของการจัดอันดับศักยภาพราชันย์เทพเจ้า ความเร็วของเขาเหนือชั้นกว่านักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทั่วไปเสียอีก!
จางเซวียนไม่หลบ เขาก้าวออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับแรงโถมของอ้าวหัว
จางเซวียนกำลังอยากให้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการประชันประสิทธิภาพของกายเนื้ออยู่พอดี จึงเรียกได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเขา เพราะจุดอ่อนของเขาในเวลานี้คือระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ
เสิ่นถูเฟิงที่นอนแผ่อยู่กับพื้นถึงกับตกตะลึงที่เห็นชายหนุ่มกล้าประจันหน้ากับอ้าวหัว เขาพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวดแสนสาหัสเอาไว้แล้วตะโกนออกไปเพื่อเตือนชายหนุ่ม “อย่าประจันหน้ากับการโจมตีของเขา!”
อ้าวหัวคือผู้เชี่ยวชาญของน่านฟ้ามังกรเมฆซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ประสิทธิภาพของกายเนื้อ การใช้กำลังปะทะกับหมอนั่นย่อมไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!
ขณะที่ทุกคนคิดว่าจางเซวียนจะต้องถูกอ้าวหัวเล่นงานยับเหมือนพวกเขา เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
พลั่ก!
พละกำลังที่ไม่มีใครต้านทานได้ของอ้าวหัวปะทะร่างของจางเซวียนอย่างจัง แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ดูเหมือนแรงปะทะนั้นจะตีกลับเข้าใส่ตัวเขา ทำให้ร่างของอ้าวหัวกระเด็นไปและร่วงลงมากระแทกพื้น
“อะไรกัน?” เสิ่นถูเฟิงกับคนอื่นๆที่ยังไร้เรี่ยวแรงพากันตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
อ้าวหัวใช้กระบวนท่าเดียวกันกับที่เล่นงานพวกเขาจนราบคาบไปเมื่อครู่ ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาก็ใช้กระบวนท่าแบบเดียวกันนั้นปราบอ้าวหัวได้
เอาชนะปีศาจจากน่านฟ้ามังกรเมฆด้วยการประชันประสิทธิภาพของกายเนื้อ…
สุดแสนจะเหลือเชื่อ!
อ้าวหัวก็งุนงงกับสถานการณ์ที่พลิกผัน เขาเงยหน้าขึ้นประเมินคู่ต่อสู้ เห็นอีกฝ่ายเอี้ยวคอซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังอบอุ่นร่างกาย
ชายหนุ่มมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตาเปี่ยมความกระตือรือร้นขณะพูดว่า “น่าทึ่งมาก! คุณฝึกฝนกายเนื้อมาอย่างดีทีเดียว มาเถอะ ดวลกันต่อ อย่ามองผมด้วยสายตาตกอกตกใจแบบนั้น…ผมยังไหว และจะปล่อยให้คุณทำทุกอย่างตามใจ ตกลงไหม?”
ตั้งแต่ผ่านการบ่มเพาะร่างกาย จางเซวียนยังไม่พบอาวุธชิ้นไหนที่แทงทะลุผิวหนังของเขาได้ จึงไม่อาจระบุประสิทธิภาพของเส้นสายสีทองที่ซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อของเขา
กว่าจะพบคู่ต่อสู้สักคนที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งพอก็ไม่ง่าย เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยโอกาสทองในการทดสอบความแข็งแกร่งของกายเนื้อให้หลุดมือไป
“คุณ…”
อ้าวหัวโมโหจนแทบบ้า
นี่คุณพยายามจะเยาะเย้ยผมด้วยการบอกว่าผมไม่มีทางทำให้คุณบาดเจ็บได้ใช่ไหม?
ไอ้สารเลว! แกกล้าเย้ยหยันคนของเผ่าพันธุ์มังกรแบบฉันได้อย่างไร?
ให้อภัยไม่ได้!
อ้าวหัวใช้มือยันพื้นเพื่อลุกขึ้นยืน เขาก้าวยาวๆออกไปและพุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ขณะที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ เกล็ดก็เริ่มปรากฏบนผิวหนังของเขา มันคือการแปรสภาพร่างกายบางส่วนของเผ่าพันธุ์มังกรเมฆ
เทคนิคนี้คือการป้องกันตัวที่ทำให้ผู้นั้นปกป้องตัวเองจากการถูกโจมตีร่างกายได้ ความทนทานของเกล็ดจะทำให้ผิวหนังแข็งแกร่งจนไม่มีดาบหรือหอกเล่มไหนสามารถแทงทะลุ
นักรบทั่วไปไม่อาจฝ่าด่านการป้องกันตัวแบบนี้ได้เลย
แต่ขณะที่อ้าวหัวโถมตัวเข้าใส่จางเซวียนอีกครั้ง ความเจ็บปวดแสนสาหัสแบบเดิมก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกราวกับกระดูกซี่โครงทั้งหมดถูกหักเป็นท่อนๆ อ้าวหัวถูกสอยกระเด็นไปอีกครั้ง
“โอ้โห! คราวนี้ดีกว่าเดิมอีกนะ ไม่เลวเลย ดูเหมือนคุณก็ทำได้ถ้าตั้งใจจริง มาเถอะ ลองอีกสักครั้งหนึ่ง ขอแค่คุณทำให้ผมบาดเจ็บได้ ผมก็ไม่รังเกียจที่จะมอบเงินให้หรือแม้แต่รับคุณเป็นศิษย์!” จางเซวียนพูดอย่างตื่นเต้น