ถูกโจมตี!
จางเซวียนก้มศีรษะ เห็นป่าทึบอยู่เบื้องล่าง ตึกรามบ้านช่องโอ่อ่าของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนอยู่ด้านหลังตัวเขา ห่างออกไปไม่ถึง 5 เมตร
พูดง่ายๆก็คือทันทีที่พ้นอาณาเขตเมืองหลวง ก็มีใครคนหนึ่งตรงเข้าเล่นงานเขาทันที
จางเซวียนไม่ได้บอกใครเรื่องที่เขาจะใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ในวันนี้ เว้นแต่ซุนฉางกับท่านพ่อท่านแม่ แต่อีกฝ่ายก็ยังซุ่มโจมตีเขาได้
คงมีใครสักคนคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว
เขาประเมินความเย้ายวนใจของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธกับยาเม็ดเพิ่มความงามต่ำไป
จางเซวียนพุ่งเข้าหาพื้นดินด้วยความเร็วสูง ซึ่งไม่ช้าจะต้องกระแทกพื้นแน่ แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าคือศัตรูที่อยู่ด้านบน
อสูรสวรรค์สร้างบินได้ 6 ตัวกำลังพุ่งลงมาโจมตีเขา แต่ละตัวมีชายเสื้อคลุมสีดำกุมบังเหียนพร้อมถือหอกในมือ
หนึ่งในนั้นคือผู้สังหารอสูรสวรรค์สร้างบินได้ของเขา
ในสรวงสวรรค์ มีแต่ราชันย์เทพเจ้าเท่านั้นที่บินได้ ถึงวรยุทธของจางเซวียนจะเข้าถึงระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงแล้ว แต่ก็ไม่อาจเคลื่อนไหวกลางอากาศได้หากไม่มีอสูรบินได้คอยช่วยเหลือ
ดูเหมือนเราควรเรียนรู้วิธีบินเสียก่อนที่จะปรับปรุงศิลปะเพลงดาบของเราให้สมบูรณ์ จางเซวียนคิด
ด้วยพละกำลังที่มีอยู่ในเวลานี้ ประกอบกับประสบการณ์ของเขาจากทวีปแห่งปรมาจารย์ การจะเรียนรู้วิธีการบินก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป เพียงแต่เขาเพิ่งสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้ไม่นาน และยังไม่มีเวลาศึกษามันมากนัก
ด้วยความคับขันของสถานการณ์ตอนนี้ หากเขาไม่ศึกษาวิธีการบินให้เชี่ยวชาญในอีก 2-3 วินาทีข้างหน้า ต่อให้เอาชีวิตรอดจากการตกจากที่สูงระดับนี้ได้ ก็คงต้องสูญเสียประสิทธิภาพการต่อสู้ไปกว่าครึ่ง
คงยากที่จะรับมือกับการตีวงล้อมของศัตรูในสภาพอ่อนแอแบบนั้น
ชายทั้ง 6 ที่อยู่กลางอากาศใช้หอกชี้จางเซวียน เกิดลมหอบใหญ่พัดใส่เขา
ทุกคนล้วนเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง!
แถมยังใช้พละกำลังเต็มพิกัดตั้งแต่ต้น
จางเซวียนมีกายเนื้อที่แข็งแกร่ง จึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับการโจมตีของชายทั้ง 6
ขนาดกรงเล็บมังกรเลือดบริสุทธิ์ยังทำให้เขาบาดเจ็บไม่ได้ แล้วหอกของชายกลุ่มนี้จะมีปัญญาทำอะไร
ปัญหาเดียวก็คือถ้าเขาเผชิญหน้ากับหอกเหล่านั้นโดยตรง ความหนักหน่วงของแรงปะทะก็จะทำให้เขาร่วงลงไปด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม ดังนั้น การตกกระแทกพื้นย่อมอันตรายแน่ ต่อให้เป็นตัวเขาก็เถอะ
ถึงกายเนื้อของจางเซวียนจะแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก แต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยงกับอะไรก็ตามที่ยังไม่แน่ใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู
เราไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ คงต้องทำแบบนี้…
ขณะที่หอกใกล้เข้ามาทุกที จางเซวียนหลับตา
ชายทั้ง 6 ต่างงุนงง
หมอนี่จะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้หรือ?
อย่างน้อยที่สุด ก็พยายามดิ้นรนต่อสู้สักหน่อยดีไหม?
คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราเตรียมกี่ยุทธวิธีไว้เล่นงานคุณ? คงกระอักกระอ่วนสิ้นดีหากจับตัวคุณได้ง่ายดายขนาดนี้ทั้งที่ใช้เวลาวางแผนไม่รู้กี่ชั่วโมง!
ในตอนนั้น สมาธิของจางเซวียนดำดิ่งอยู่กับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง
ศัตรูใกล้ถึงตัวเขาเต็มที แต่เท่าที่เห็น ยังเหลือเวลาอีก 2 วินาทีก่อนที่ร่างของเขาจะถึงพื้น ซึ่งสำหรับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง นั่นหมายถึง 20000 วินาทีหรือ 5 ชั่วโมงครึ่ง!
เวลาเท่านี้ก็นานพอจะทำให้เขาศึกษาเทคนิคการบินที่ทำให้รักษาสภาวะปกติของตัวเองไว้ได้แม้ต้องต่อสู้กลางอากาศ
เหตุผลที่จางเซวียนมั่นใจก็เพราะเขาเคยฝึกฝนเทคนิควรยุทธที่มีชื่อว่าบันไดสวรรค์ธุลีแดงตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์
เทคนิคนั้นทำให้ขาวบินได้ทั้งที่เป็นแค่นักรบเหนือมนุษย์ ถึงสภาพแวดล้อมตอนนี้จะแตกต่างกับตอนนั้น แต่เขาก็ยังสำแดงเทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดงได้อยู่ดีหากปรับเปลี่ยนมันสักหน่อย
เมื่อคิดได้ จางเซวียนรีบนำเทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดงออกจากชั้นหนังสือในหอสมุดเทียบฟ้าและประมวลมันเข้ากับหนังสือเล่มอื่นๆที่เขาถ่ายโอนมาจากสรวงสวรรค์
ประมวล!
หนังสือเล่มใหม่ปรากฏ
จางเซวียนกระดิกนิ้ว แล้วความรู้ที่อยู่ในนั้นก็ลอยเข้าสู่หัวสมอง
ดูเหมือนเราจะไม่อาจนำเทคนิคของทวีปแห่งปรมาจารย์มาใช้ในสรวงสวรรค์โดยตรงได้…
เขาเคยคิดว่าน่าจะประมวลเคล็ดวิชาเทียบฟ้าได้จากการรวบรวมหนังสือที่ถ่ายโอนไว้จากสรวงสวรรค์เข้ากับเทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาค่อนข้างจะแย่
เพราะสรวงสวรรค์คืออีกโลกหนึ่งที่แตกต่างกับทวีปแห่งปรมาจารย์อย่างสิ้นเชิง เครือข่ายทางเดินพลังปราณและสภาวะร่างกายของนักรบจึงแตกต่างกันมาก ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงไม่อาจฝึกฝนเทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดงได้อย่างที่ควรจะเป็น
เขาต้องทำการปรับเปลี่ยนมันให้เข้ากับสภาวะร่างกายเสียก่อนถึงจะฝึกฝนได้
จางเซวียนจึงตั้งต้นทบทวนเทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดงและค่อยๆปรับเปลี่ยนมันทีละน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะทำสำเร็จ
นักรบที่ฝึกฝนเทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดงจะต้องขับเคลื่อนพลังปราณให้ไหลเวียนไปตามวงจรที่กำหนด เพื่อให้ปล่อยพลังได้สูงสุด หลักการของมันทำความเข้าใจได้ไม่ยาก แต่การปฏิบัติจริงนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
มันคือเทคนิคที่นักรบต้องสำแดงออกมาให้ได้อย่างไร้ที่ติ ไม่อย่างนั้นก็ล้มเหลว
ดังนั้น ต่อให้ใครสักคนทำความเข้าใจแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังเทคนิคนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังต้องทดลองอีกหลายหนกว่าจะนำมาใช้กลางอากาศจริงๆได้
จางเซวียนโชคดีที่เคยฝึกฝนมาก่อน จึงปรับเปลี่ยนและสำแดงมันได้ในทันที เขาขับเคลื่อนพลังปราณให้ไหลเวียนไปทั่วร่าง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสามารถควบคุมพลังงานที่อยู่รอบตัวได้
ตอนนี้จางเซวียนอยู่ห่างจากพื้นไม่ถึง 20 เมตร และหอกก็เกือบจะจ่อที่ตัวเขาแล้ว หอกพวกนั้นเปล่งประกายวาบเข้าตาขณะที่จางเวียนปล่อยเสียงทรงพลัง 2 เสียงออกจากปาก
“มู! มู!”
แปดโน้ตมังกรสวรรค์!
แม้ประสิทธิภาพของมันจะลดลงเมื่อใช้กับอสูรที่ไม่ได้มาจากเผ่าพันธุ์มังกร แต่เสียงนั้นก็เหมือนกับเสียงคำรามดุเดือดของราชสีห์ มันสั่นคลอนจิตวิญญาณและบั่นทอนความกระเหี้ยนกระหือรือในการต่อสู้ของอสูรเหล่านั้น
ตอนนี้จางเซวียนอยู่ใกล้พื้นดินมากแล้ว เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้!
หลังจากเล่นงานอสูรสวรรค์สร้างทั้ง 6 ตัวและทำให้การโจมตีของชายเสื้อคลุมสีดำทั้ง 6 เกิดความปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง จางเซวียนก็รีบสำแดงเทคนิคบันไดสวรรค์ธุลีแดงเพื่อขัดจังหวะการร่วงหล่นของตัวเขา
ตอนนี้ ความเร็วในการร่วงของจางเซวียนเร็วเกินกว่าที่เขาจะหยุดกึกได้ ลงท้ายจึงร่วงลงมากระแทกพื้นพร้อมกับการระเบิดดังสนั่น แรงกระแทกนั้นทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่รอบตัว มีรัศมีราว 10 เมตร แต่จางเซวียนก็เอาตัวรอดมาได้โดยบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ทันทีที่ถึงพื้น เขากระโจนเข้าใส่อสูรสวรรค์สร้างบินได้ทั้ง 6 ตัวที่อยู่กลางอากาศทันที
ระหว่างนั้น อสูรสวรรค์สร้างบินได้ทั้ง 6 ตัวพร้อมกับผู้กุมบังเหียนต่างก็ร่วงลงมาด้วยความเร็วสูง ชายเสื้อคลุมสีดำพวกนั้นไม่อาจหยุดการเคลื่อนไหวของมันได้เพราะอานุภาพของแปดมังกรสวรรค์ทำให้ประสาทสัมผัสของพวกมันปั่นป่วน
กว่าจะรู้ตัว ก็อยู่ห่างจากพื้นดินเพียง 1 เมตร
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
เกิดเสียงระเบิดกึกก้อง 6 ครั้งขณะที่อสูรสวรรค์สร้าง 6 ตัวกับผู้กุมบังเหียน 6 คนร่วงลงมากระแทกพื้น เกิดหลุมขนาดใหญ่ที่แผ่กว้างออกไปหลายร้อยเมตร
ก่อนหน้านี้ จางเซวียนบินอยู่ที่ความสูงระดับ 2000 เมตร อานุภาพของแรงโน้มถ่วงทำให้ตัวเขาร่วงลงมาด้วยความเร็วสูง ส่วนนักฆ่าทั้ง 6 ก็ไล่ตามมาติดๆเพื่อจะจับตัวเขาให้ทัน
ซึ่งก็พอคาดเดาได้ว่าแรงกระแทกครั้งนี้ทำให้พวกเขาเกือบเสียชีวิต
โดยเฉพาะกับอสูรสวรรค์สร้างทั้ง 6 ตัวซึ่งรับแรงกระแทกไปเต็มๆ อวัยวะภายในของมันแหลกสลาย คงต้องตายแน่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
จางเซวียนคำรามเยาะเมื่อเห็นสภาพเละเทะที่อยู่ด้านล่าง
เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้ใครก็ตามที่ไล่ล่าตัวเขาเพื่อตอบสนองความละโมบของตัวเอง
จางเซวียนกระดิกนิ้ว จากนั้นก็ปล่อยกระแสดาบฉี 6 สายเข้าใส่นักฆ่าทั้ง 6 คน
ฟิ้วววว!
กระแสดาบฉีพุ่งตรงเข้าสู่หว่างคิ้วของอีกฝ่าย ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร ทุกคนก็หมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย
หลังจากสังหารคนเหล่านั้นแล้ว จางเซวียนรีบปลดแหวนเก็บสมบัติและยึดหอกของอีกฝ่ายมา
หอกพวกนี้เป็นของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง จึงยังมีประโยชน์กับเขา ส่วนแหวนเก็บสมบัติก็มีเงินอยู่ในนั้นมากมาย แต่นอกเหนือจากเงิน ก็ไม่มีอะไรที่มีค่ามากพอให้สนใจ
หลังจากเก็บของมีค่ามาหมดแล้ว จางเซวียนก็เดินไปหาอสูรสวรรค์สร้างบินได้ตัวหนึ่ง ตั้งใจจะรักษามันเพื่อใช้เดินทางต่อ แต่ทันใดนั้น ขมับทั้งสองข้างก็กระตุก
มันคือสัญชาตญาณที่บอกเขาว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา
จางเซวียนรีบหลบออกไปด้านข้าง
ในพริบตานั้น กระแสดาบฉีสายหนึ่งก็ตัดผ่านจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ เกิดเป็นรอยกรีดยาวหลายร้อยเมตร
ขนาดแผ่นหินที่อยู่ด้านล่างก็ยังถูกตัดเป็น 2 ซีกอย่างง่ายดายราวกับเป็นเต้าหู้
ถึงจางเซวียนจะมีกายเนื้อทรงพลัง แต่ก็คงบาดเจ็บสาหัสแน่ถ้าปะทะกับการโจมตีนั้นตรงๆ
จางเซวียนมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาหันไปมองทิศทางที่กระแสดาบฉีพุ่งออกมา เห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวลงมาหาเขาจากกลางอากาศ
บินได้…เขาเป็นราชันย์เทพเจ้าหรือ? จางเซวียนกำหมัดแน่น
ดูเหมือนผู้บงการตัวจริงที่ต้องการสูตรยาจะปรากฏตัวแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!
ราชันย์เทพเจ้าทุกคนได้รับความเคารพอย่างสูงจากผู้คนในสรวงสวรรค์ แต่หมอนี่อยากครอบครองสมบัติของเขาจนตรงเข้าเล่นงานเขาทันทีที่พ้นอาณาเขตเมืองหลวง
“ผมแปลกใจเหลือเกิน คุณบินได้ทั้งที่ไม่ได้เป็นราชันย์เทพเจ้า แถมยังฆ่าลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 6 คนของผมได้โดยตัวเองไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ผมควรจะประเมินผู้ที่อยู่เบื้องหลังยาเม็ดเพิ่มความงามกับยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธให้สูงกว่านี้ ต้องบอกว่าครั้งนี้เป็นการเปิดโลกให้ผมทีเดียว” ชายวัยกลางคนพูดขณะหยุดยืนอยู่ห่างจากจางเซวียนราว 30 เมตร
เขาคิดว่าคงจับตัวนักปรุงยาผู้นี้ได้สบายโดยไม่จำเป็นต้องลงมือเอง แต่เป้าหมายกลับเก่งกาจกว่าที่คิดไว้มาก ยังไม่ทันจะรู้ตัว ลูกน้องของเขาก็ตายหมดแล้ว
จางเซวียนมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นชา “คุณเป็นใคร? ต้องการอะไร? ไม่กลัวว่าจะทำให้ตระกูลฉีขุ่นเคืองหรือ?”
ตามที่ฉีหลิงเอ๋อบอกไว้ ดูเหมือนตระกูลฉีจะประกาศให้รู้ทั่วกันแล้วว่าพวกเขาปกป้องจางเซวียน แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้นี้ก็ยังกล้าหาเรื่อง ไม่กลัวการแก้แค้นของตระกูลฉีเลยหรือไง?