ฝงจิ่วเกอนัยน์ตาแดงก่ำอีกครั้งขณะมองจางเซวียนอย่างสำนึกในบุญคุณ
จางเซวียนตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นฝงจิ่วเกอมองเขาด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอีกรอบ เขารีบหันไปทางอื่นขณะพูดว่า “สำหรับเวลาที่เหลือในวันนี้ คุณควรตั้งใจฝึกฝนวรยุทธให้ดี ผมจะออกไปข้างนอกสักครู่ แล้วจะกลับมาให้ทันการประลองวันพรุ่งนี้”
ยังเหลือเวลาอีกครึ่งวันก่อนจะถึงการประลอง ซึ่งก็เกินพอสำหรับการหลอมหญ้าราชันย์เทพเจ้าให้เป็นยาเม็ด ด้วยยาเม็ดเหล่านี้ จางเซวียนจะฝ่าด่านวรยุทธได้ทันทีที่เขาได้เทคนิควรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้ามา
แน่นอนว่าปัญหาก็คือยาเม็ดที่ช่วยเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้านั้นไม่ใช่จะหลอมกันง่ายๆ มันคือบททดสอบที่แสนจะท้าทายของนักปรุงยา ซึ่งคนแรกที่จางเซวียนนึกถึงก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก…ฟู่เจียงเฉิน!
ฟู่เจียงเฉินมีชื่อเสียงในฐานะนักปรุงยาหมายเลข 1 ของสรวงสวรรค์ แถมเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงพลังด้วย คงจะปลอดภัยหากไว้วางใจมอบหญ้าราชันย์เทพเจ้าให้อยู่ในมือเขา
ที่สำคัญกว่านั้น จางเซวียนเคยพูดคุยกับฟู่เจียงเฉินแล้ว และรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนไว้ใจได้
เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าข่าวคราวเรื่องหญ้าราชันย์เทพเจ้ารั่วไหลออกไป จะต้องเกิดความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ยิ่งกว่าเมื่อครั้งยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธเสียอีก เพราะถึงอย่างไร ราชันย์เทพเจ้าแต่ละคนก็ถือเป็นทรัพยากรแสนล้ำค่าสำหรับทุกตระกูลในสรวงสวรรค์ ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลที่มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ
เขาคงต้องเจอกับการลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่าหากข่าวรั่ว
“ท่านอาจารย์ ระวังตัวด้วยนะ…” ฝงจิ่วเกอประสานมือ
จางเซวียนพยักหน้า เขากำชับฝงจิ่วเกอไม่ให้บอกใครเรื่องหญ้าราชันย์เทพเจ้า ก่อนจะขึ้นขี่อสูรสวรรค์สร้างบินได้อีกครั้งและมุ่งหน้าสู่ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่
ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายแบบนี้ เขามีเวลาถึงครึ่งวัน ซึ่งเกินพอที่จะมุ่งหน้าสู่น่านฟ้าหลิงหลงเพื่อตามหาฟู่เจียงเฉิน จัดการให้อีกฝ่ายหลอมยา และกลับมาที่นี่
การเดินทางสู่ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีราชันย์เทพเจ้ามาเป็นอาหารเย็นของไก่น้อยและทำให้จางเซวียนได้อาวุธกับยาเม็ดมาฟรีๆอีก
พูดกันตามตรง จางเซวียนออกจะผิดหวัง
ราว 1 ชั่วโมงให้หลัง เขาก็มาถึงเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง
น่านฟ้าหลิงหลงได้ชื่อมาจากวลี ‘หัวใจหลิงหลงของ 7 จุดชีพจร’* มันตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสรวงสวรรค์ มีดินแดนเป็นรูปเจ็ดเหลี่ยม จอมราชันย์ของที่นี่เป็นสุภาพสตรี-เทพธิดาหลิงหลง
เทพธิดาหลิงหลงขึ้นชื่อเรื่องความงดงามอย่างไม่มีใครเทียบ วรยุทธของเธอก็สูงส่งจนน่าทึ่ง ไม่ได้เป็นรองจอมราชันย์มังกรเมฆผู้ทรงพลังหรือจอมราชันย์อมตะเลย
2 ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่อยู่ใต้อาณัติของเธอ, ชางกวนหยุนหวันกับไป๋เย่ฉิงหง ก็ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามอย่างหาตัวจับยาก ว่ากันว่ามีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติและราชันย์เทพเจ้ามากมาย แสดงความคลั่งไคล้ต่อเธอทั้งคู่ แต่ก็ถูกปฏิเสธ
ซึ่งก็น่าแปลกที่ฟู่เจียงเฉินซึ่งดูเป็นคนหนักแน่นน่าเชื่อถือก็เป็นแฟนตัวยงของทั้งคู่เช่นกัน สองราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติผู้เลอโฉมคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาเลือกตั้งรกรากที่น่านฟ้าหลิงหลง เพราะอันที่จริง ด้วยทักษะการปรุงยาชั้นยอดของฟู่เจียงเฉิน ไม่ว่าจะไปไหนก็ย่อมมีชีวิตสุขสบาย
ดอกไม้ร่วงหล่นลงจากต้นเพราะการเสียสละของมัน แต่แล้วก็ถูกพัดพาไปโดยแม่น้ำที่ไร้หัวใจ
ก็เหมือนกับจอมราชันย์ของพวกเธอ ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้งสองไม่แยแสการสานสัมพันธ์กับชายใด ด้วยเหตุนี้ ทั้งคู่จึงอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครเคียงข้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลาของประวัติศาสตร์ ก็ไม่เคยปรากฏว่าพวกเธอใกล้ชิดกับบุรุษคนไหน
จางเซวียนรู้ดีว่าเขาเหลือเวลาเพียงครึ่งวันและไม่อาจปล่อยให้อะไรๆยืดเยื้อ จึงรีบเข้าสู่เมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงและส่งข้อความหาฟู่เจียงเฉิน ไม่ช้าก็ได้รับการตอบกลับ
จางเซวียนรออยู่ตรงนั้นอีกครู่หนึ่ง แล้วนักปรุงยาหมายเลข 1 ของสรวงสวรรค์ก็บินลงมาหาเขา
“สหายของผม, จางเซวียน! ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาหาผมเร็วขนาดนี้!” ฟู่เจียงเฉินลูบเคราพร้อมกับยิ้มให้
ตั้งแต่ทั้งคู่แยกจากกันที่เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ก็แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันมาตลอด และจางเซวียนก็ให้สัญญาว่าจะแวะมาน่านฟ้าหลิงหลงเมื่อเขามีเวลา เพียงแต่ฟู่เจียงเฉินไม่คิดว่า จะได้พบชายหนุ่มรวดเร็วขนาดนี้
เขาทำการตรวจสอบยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งพิจารณายาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งประทับใจกับอานุภาพของมันมากขึ้นเท่านั้น
ทักษะการหลอมยาของเขาเป็นเลิศในสรวงสวรรค์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจระบุสูตรยาของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธได้ ไม่ว่าจะตรวจสอบถี่ถ้วนแค่ไหน มันก็ไม่ต่างอะไรกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางโดยทั่วไป
อันที่จริง บางเวลาเขายังแอบสงสัยด้วยซ้ำว่าจางเซวียนอาจให้ยาผิดเม็ด
แต่เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของยา ก็พบว่ามันช่วยรักษาอาการบอบช้ำภายในของนักรบและทำให้พวกเขาฝ่าด่านคอขวดที่สกัดกั้นวรยุทธได้จริง
ลงท้าย ฟู่เจียงเฉินก็สรุปว่าความเชี่ยวชาญด้านการหลอมยาของชายหนุ่มเหนือชั้นกว่าเขามาก
ก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้พบจางเซวียนอีกครั้ง
“บอกคุณตามตรงก็แล้วกัน ผมมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ” จางเซวียนพูดขณะประสานมือ
“อย่างนั้นหรือ?” ฟู่เจียงเฉินออกจะประหลาดใจ “ไม่ต้องมีพิธีรีตองกับผมหรอก ผมยินดีช่วยคุณในทุกปัญหา!”
“ผมขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะ พี่ฟู่!”
ในเมื่อฟู่เจียงเฉินเรียกขานเขาเป็นมิตรสหาย ก็คงจะดูเป็นทางการเกินไปหากเขายังคงเรียกอีกฝ่ายว่า ‘นักปรุงยาฟู่’
จางเซวียนเปลี่ยนไปใช้โทรจิต เขาบอกฟู่เจียงเฉิน “เอาตรงๆเลยนะ ผมอยากให้คุณหลอมยาให้ผมหน่อย”
“หลอมยา?” ฟู่เจียงเฉินแปลกใจที่เห็นจางเซวียนทำท่ามีลับลมคมใน
ครู่ต่อมา เขาก็คิดได้ ฟู่เจียงเฉินพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจขณะส่งโทรจิตตอบ “ทักษะการหลอมยาของคุณน่ะเหนือชั้นกว่าผมมาก ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากผมล่ะก็…แปลว่าคุณกำลังจะหลอมยาเม็ดขั้นราชันย์เทพเจ้าใช่ไหม?”
ในฐานะนักปรุงยาที่หลอมยาอันแสนน่าทึ่งอย่างยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธและยาเม็ดเพิ่มความงามได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเข้าใจเรื่องการหลอมยาของอีกฝ่ายจะต้องเหนือชั้นกว่าเขามาก
แต่จางเซวียนก็ลงทุนเดินทางมาไกลขนาดนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ นั่นหมายความว่ายาเม็ดที่อีกฝ่ายต้องการจะต้องเหนือชั้นกว่าความสามารถที่ตัวเขามี
“ใช่ มันเป็นอย่างนั้นแหละ” จางเซวียนตอบตามตรง
ถ้าจะระบุให้ชัดเจน ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่หลอมจากหญ้าราชันย์เทพเจ้าไม่น่าจะเข้าถึงระดับขั้นของราชันย์เทพเจ้า แต่มูลค่าของมันคงไม่เป็นรองยาเม็ดขั้นราชันย์เทพเจ้าขนานอื่นๆแน่
“มาเถอะ ไปที่บ้านของผมก่อน แล้วค่อยคุยรายละเอียดกัน!”
รู้ดีว่ายานี้อาจดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆอย่างที่พวกเขาไม่ต้องการ ฟู่เจียงเฉินจึงใช้พลังปราณห่อหุ้มร่างของจางเซวียนไว้ แล้วทั้งคู่ก็บินไปยังคฤหาสน์ของเขา
ฟู่เจียงเฉินได้ชื่อว่าเป็นนักปรุงยาชั้นยอดของสรวงสวรรค์ มีสถานภาพสูงส่งมากในน่านฟ้าหลิงหลง แม้จะเป็นแค่ราชันย์เทพเจ้า แต่คฤหาสน์ของเขาก็ใหญ่โตพอๆกับคฤหาสน์ตระกูลฉีเลยทีเดียว
เพราะมีศิษย์สายตรงอยู่มากมาย ฟู่เจียงเฉินจึงมีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักด้วย
ฟู่เจียงเฉินนำจางเซวียนไปยังห้องส่วนตัวของเขาในคฤหาสน์ก่อนจะสร้างปราการปิดกั้นพื้นที่ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็หันมาพูดกับจางเซวียน “น้องจาง บอกคุณตามตรงนะ ระดับวรยุทธของผมน่ะยังจำกัด ตอนนี้ผมสามารถหลอมยาเม็ดขั้นราชันย์เทพเจ้าได้เพียง 8 ขนานเท่านั้น ถ้ายาเม็ดที่คุณต้องการไม่ได้อยู่ใน 8 ขนานนี้ล่ะก็ เกรงว่าผมจะช่วยอะไรคุณไม่ได้”
โดยธรรมชาติของยาเม็ดขั้นราชันย์เทพเจ้า โอกาสที่การหลอมยาจะประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมพลังธรรมชาติและความเข้าใจในวรยุทธขั้นราชันย์เทพเจ้าของนักปรุงยาผู้นั้น ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาล้วนมีอิทธิพลมาก
แน่นอนว่าฟู่เจียงเฉินเป็นนักปรุงยาผู้ปราดเปรื่อง แต่วรยุทธของเขาไม่ได้โดดเด่นกว่านักรบระดับราชันย์เทพเจ้าโดยทั่วไป ด้วยเหตุนี้ ยาเม็ดขั้นราชันย์เทพเจ้าที่เขาหลอมได้จึงมีเพียง 8 ขนาน
“8 ขนาน?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาไม่รู้ว่าในสรวงสวรรค์มียาเม็ดขั้นราชันย์เทพเจ้าอยู่กี่ขนาน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือจะต้องมีมากกว่า 8, แต่ตอนนี้ก็สายไปแล้วที่จะเสาะหานักปรุงยาคนอื่น จางเซวียนจึงตรงเข้าประเด็น
“ยาเม็ดที่ผมต้องการหลอมคือยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธขั้นราชันย์เทพเจ้า ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินชื่อยาขนานนี้ไหม, พี่ฟู่?”
“ยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธขั้นราชันย์เทพเจ้า?” ฟู่เจียงเฉินชะงัก “มียาชนิดนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ?”
แม้เขาจะมีความรู้กว้างขวางเรื่องการหลอมยา แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่ามียาชนิดไหนที่ช่วยให้นักรบฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้
“ผมเพิ่งได้สูตรยาเมื่อไม่นานมานี้ และยังไม่มีโอกาสทดสอบ” จางเซวียนตอบ
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการหลอมยาของเขาในเวลานี้ เขาสามารถเปลี่ยนแปลงสูตรยาให้ตรงตามความต้องการของตัวเองได้
ซึ่งตลอดการเดินทาง จางเซวียนได้ศึกษาองค์ประกอบและศักยภาพของหญ้าราชันย์เทพเจ้า จากนั้นก็ปรับปรุงให้เป็นสูตรยาที่ดึงเอาคุณสมบัติทางยาของหญ้าราชันย์เทพเจ้าออกมาได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด แต่ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นทฤษฎีเท่านั้น ยังไม่มีโอกาสปฏิบัติจริง
แต่นั่นแหละ เขาใช้หอสมุดเทียบฟ้าประมวลความเป็นไปได้ของมันแล้ว ซึ่งก็ไม่มีข้อผิดพลาดใด ขอแค่ทำการหลอมยาตามสูตรของเขาอย่างเคร่งครัดตั้งแต่ต้นจนจบ ยาที่หลอมได้ก็น่าจะมีอานุภาพช่วยนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงให้กลายเป็นราชันย์เทพเจ้า
“คุณได้สูตรยามาแล้ว?”
ฟู่เจียงเฉินมองจางเซวียนขณะอ้าปากค้างอยู่นาน
เขาคิดว่าเพียงเท่านี้ก็น่าทึ่งพออยู่แล้วที่ชายหนุ่มสามารถหลอมยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธที่ทำให้นักรบฝ่าด่านคอขวดในวรยุทธขั้นต้นได้ ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะไปไกลถึงขนาดมีสูตรยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธขั้นราชันย์เทพเจ้า…
—–
*หัวใจหลิงหลงของ 7 จุดชีพจรคือหัวใจลึกลับที่มีจุดชีพจร 7 จุด กันว่าใครก็ตามที่มีหัวใจแบบนี้จะมีลักษณะของความไร้เดียงสาแต่กำเนิด ทั้งยังมีความสามารถพิเศษในการได้ยินเสียงของธรรมชาติและสื่อสารกับมันได้