ในแง่ของความแข็งแกร่ง ราชายาเม็ดมีพละกำลังเทียบเท่ากับราชันย์เทพเจ้าเลยทีเดียว
“ฮึ่มมมม!”
จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด เขาหยุดกึกเพื่อหลบการโจมตี ก่อนจะตอบโต้ด้วยดาบในมือ เขาพบว่าแม้จะสูญเสียพลังปราณเทียบฟ้าไป แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็ไม่ได้ลดลงเลย กลับแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ปัญหาเดียวก็คือเขามีพลังปราณในปริมาณที่น้อยกว่าเมื่อก่อนมาก จึงไม่อาจใช้พลังปราณอย่างบุ่มบ่ามได้
ด้วยเหตุนี้ จบการต่อสู้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!
ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาไม่ได้มีแค่การสูญสลายของพลังปราณและการหลบหนีของราชายาเม็ด แต่เรื่องนี้ยังก่อให้เกิดความวุ่นวายระดับหนึ่งด้วย เขารู้สึกได้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่อึดใจ ผู้คนหลายสิบกำลังใช้การรับรู้จิตวิญญาณของตัวเองสำรวจมาทางนี้ ถ้าเขาไม่รีบแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว สถานการณ์จะบานปลายจนเกินควบคุมแน่
ความตายเท่านั้นที่ทำให้หนอนไหมปล่อยเส้นใย เถ้าถ่านเท่านั้นที่ทำให้น้ำตาเทียนเหือดแห้ง!
จางเซวียนสำแดงศิลปะเพลงดาบที่เขาทำความเข้าใจได้จากเวทนาสวรรค์ เส้นด้ายเรียวยาวพุ่งออกจากดาบของเขา ตรงเข้าห่อหุ้มราชายาเม็ดเอาไว้ ราวกับแสงไฟวูบสุดท้ายก่อนเทียนจะมอดดับ หรือเส้นไหมเส้นสุดท้ายของหนอนไหมตัวหนึ่ง เส้นด้ายเรียวยาวนั้นรัดรึงราชายาเม็ดไว้อย่างแน่นหนา ทำให้มันไม่อาจหลบหนีได้
“คุณ…”
ราชายาเม็ดถึงกับอัศจรรย์ใจ
เทพเจ้าสวรรค์สร้างกับราชันย์เทพเจ้าควรจะเป็นนักรบที่เรียกได้ว่าอยู่คนละชั้น มันคิดว่าตัวมันคงใช้พละกำลังที่มีอยู่กำจัดชายหนุ่มออกไปได้อย่างง่ายดาย ใครจะไปรู้ว่าจะติดกับเสียตั้งแต่ยังไม่ทันเสร็จสิ้นการโจมตี?
นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงทรงพลังขนาดนี้เชียวหรือ?
“จัดการ!”
รู้ดีว่าคงไม่อาจรักษาสภาพนี้ไว้ได้นานเพราะพลังงานที่มีจํากัด การต่อสู้ด้วยพละกำลังเต็มพิกัดเมื่อครู่และการสำแดงศิลปะเพลงดาบถึงสองชนิดทำให้พลังของเขาเหือดแห้งไวมาก จางเซวียนรีบดึงเส้นด้ายที่ทำจากกระแสดาบฉีเข้าหาตัวเพื่อจับราชายาเม็ดให้อยู่หมัด
“อ๊ากกกกก!”
ราชายาเม็ดส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างของมันค่อยๆหดเล็กลง แปรสภาพจากชายหนุ่มมาเป็นยาเม็ดกลมๆ ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นในนั้นก็แหลกสลายไปด้วย
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อในที่สุดก็ปราบราชายาเม็ดได้สำเร็จ เขายื่นมือออกไป กำลังจะคว้าราชายาเม็ดเอาไว้ ก็พอดีกับที่ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่การไหลเวียนของกระแสพลังปราณก็ขัดขืนเจตจำนงของเขา ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ
จากนั้น เขาเห็นสุภาพสตรีหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา
เธอใช้นิ้วเรียวยาวคีบราชายาเม็ดไว้อย่างแผ่วเบา
“สหาย ยาเม็ดนี้คือยาที่ศาลาหญ้าเขียวอ่อนของฉันทุ่มเงินมหาศาลเพื่อหลอมมัน ขอบคุณที่ช่วยจับไว้ให้ ฉันรู้สึกสำนึกในบุญคุณอย่างยิ่งต่อความช่วยเหลือของคุณ” สุภาพสตรีผู้นั้นพูดยิ้มๆ
“ศาลาหญ้าเขียวอ่อน?” จางเซวียนทวนคำพร้อมกับหรี่ตา เขาพยายามถ่ายทอดพลังปราณเพื่อทำลายฉนวนที่สกัดกั้นเขาไว้
ราชายาเม็ดคือยาที่มีอานุภาพช่วยให้นักรบคนหนึ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้ ไม่มีกลุ่มอำนาจไหนในสรวงสวรรค์ที่ต้านทานไหวกับความเย้ายวนใจขนาดนี้
จางเซวียนจึงกังวลมาตลอดว่าอาจจะมีใครพยายามฉกฉวยราชายาเม็ดไปจากเขา ซึ่งก็ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
แม่นี่ดูละโมบโลภมาก เธอตั้งใจมาที่นี่เพื่อฉกฉวยทรัพย์สมบัติของเขา แถมยังมีหน้าอ้างความชอบธรรมสูงส่งและชื่อเสียงของตัวเองด้วย
สรวงสวรรค์คือสถานที่ที่ไร้กฎเกณฑ์ ลงท้าย กำปั้นที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นคือผู้ชนะ
“ใช่” สุภาพสตรีผู้นั้นตอบอย่างวางมาดขณะนำตราหยกอันหนึ่งออกมา “นี่คือตราสัญลักษณ์ของศาลาหญ้าเขียวอ่อนของเรา ในเมื่อคุณมีความดีความชอบครั้งใหญ่ พวกเราก็ควรมอบรางวัลให้เป็นการตอบแทน ด้วยตราหยกอันนี้ คุณมีสิทธิ์เลือกหนังสือเทคนิควรยุทธเล่มไหนก็ได้ตามแต่ต้องการที่ศาลาหญ้าเขียวอ่อนของเรา!”
เธอสะบัดข้อมือแล้วยื่นตราหยกให้จางเซวียน
“นี่คือเรื่องที่คุณแต่งขึ้นเพื่อขโมยทรัพย์สมบัติของผมหรือ?” จางเซวียนคำรามขณะหักตราหยกเป็น 2 ท่อนโดยไม่ลังเล “ในสายตาคุณ ผมดูเหมือนไอ้โง่หรือไง?”
การที่อีกฝ่ายจะสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเขาและขโมยยาเม็ดไปก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เธอถึงกับกล้าทึกทักว่ายาเม็ดนั้นเป็นของเธอด้วย จางเซวียนไม่เคยเห็นใครหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้!
“ขโมยทรัพย์สมบัติของคุณ? นั่นคือยาเม็ดที่ฉันจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อหลอมมันนะ ใครก็ตามที่พอจะมีสามัญสำนึกสักหน่อยย่อมดูออกว่ามันเหนือชั้นเกินกว่าที่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงคนหนึ่งจะมีปัญญาหลอม!” สุภาพสตรีผู้นั้นสะบัดแขนเสื้อและคำราม “จะพูดอะไรก็คิดให้ดีเสียก่อน!”
“การหลอมยาเม็ดนี้อาจเกินความสามารถของผมก็จริง ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ฟู่เจียงเฉิน ผมนำสมุนไพรและเทคนิคการหลอมยามาให้เขา แต่สุดท้าย ยาเม็ดก็หลบหนีไปทันทีที่เราหลอมมันสำเร็จ คุณบอกว่าคุณคือผู้หลอมมัน ถ้าอย่างนั้น…ทำไมไม่บอกผมสักหน่อยว่าใช้สมุนไพรชนิดไหนบ้าง และขั้นตอนการหลอมเป็นอย่างไร?” จางเซวียนถาม
“ฟู่เจียงเฉิน?” สุภาพสตรีผู้นั้นหัวเราะลั่น “ดูเหมือนคุณจะรู้ไม่น้อยเลยนี่ ใช่! ฉันคือผู้สั่งการให้เขาหลอมยาเม็ดให้ ซึ่งฉันก็จัดหาสมุนไพรให้เขาด้วย เด็กน้อย มันไม่ถูกต้องหรอกนะที่จะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่แน่ล่ะ ฉันจะพิสูจน์ความชอบธรรมให้คุณ เรียกฟู่เจียงเฉินมาที่นี่ และให้เขายืนยันว่าใครคือเจ้าของยาตัวจริง!”
เมื่อพูดจบ เธอก็หันกลับไปทางคฤหาสน์แล้วตะโกนก้อง “ฟู่เจียงเฉิน รีบออกมาที่นี่เลย!”
คำพูดของเธอถูกส่งตรงไปหาฟู่เจียงเฉินผ่านทางพลังปราณ
ระหว่างนั้น จางเซวียนรีบประเมินสถานการณ์อย่างเคร่งเครียด
บริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลย แต่เขารู้สึกได้ว่ามีผู้คนจำนวนหลายสิบกำลังใช้การรับรู้จิตวิญญาณเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ เหตุที่สุภาพสตรีผู้นี้กล่าวอ้างว่ายาเม็ดเป็นของเธอตั้งแต่ต้นก็เพื่อยืนยันความชอบธรรม ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีใครมีเหตุผลหนักแน่นพอที่จะแย่งชิงราชายาเม็ดกับเธอ
เพราะไม่อย่างนั้น ก็สุ่มเสี่ยงกับการสูญเสียชื่อเสียง
ด้วยสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีสถานภาพสูงส่งไม่เบาในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง
“คุณนี่แน่นอนจริงๆนะ ไม่มีความละอายสักนิดที่ขโมยยาเม็ดของคนอื่น บอกผมมาว่าคุณเป็นใคร?” จางเซวียนคำราม
“คุณรู้จักศาลาหญ้าเขียวอ่อน แต่ไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร?” สุภาพสตรีผู้นั้นหัวเราะเบาๆ
“ฉันคือไป๋เย่ฉิงหง!”
“ไป๋เย่ฉิงหง?” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที “ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ?”
ตอนที่จางเซวียนเพิ่งมาถึงเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองทั่วไปภายในเมืองหลวงแห่งนี้จากองครักษ์ที่ประจำอยู่บริเวณค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ เขาได้รู้ว่านอกจากเทพธิดาหลิงหลง ยังมีอีกสองคนที่ควรจับตา
ทั้งสองคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติชางกวนหยุนหวันกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่ฉิงหง
ทั้งคู่มีสถานภาพทัดเทียมกัน แต่ละคนกุมอำนาจครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง
ในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นสุภาพสตรีที่งดงาม เธอมีทั้งผู้สวามิภักดิ์และกลุ่มอำนาจผู้ทรงพลังคอยติดตามเธออยู่มากมาย
จางเซวียนนึกว่าแม่ผู้หญิงหน้าไม่อายที่พยายามฉกฉวยยาเม็ดของเขา อย่างมากก็คงเป็นแค่นักรบระดับราชันย์เทพเจ้า นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ
แต่เมื่อคิดดูอีกที ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะอยากได้ราชายาเม็ดไว้ในครอบครอง เพราะยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าแต่ละเม็ดมีศักยภาพในการสร้างราชันย์เทพเจ้าคนใหม่ ซึ่งอานุภาพของราชายาเม็ดย่อมสูงกว่านั้นอีกหลายเท่า หากใช้มันอย่างเหมาะสม อาจสร้างราชันย์เทพเจ้าคนใหม่ขึ้นได้อีกอย่างน้อย 4 คนเลยทีเดียว
ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็คงไม่อาจระงับความโลภไว้ได้เมื่อมีผลประโยชน์ก้อนใหญ่อยู่ตรงหน้า!
เมื่อเห็นว่าในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้จักตัวตนของเธอ ไป๋เย่ฉิงหงเอาสองมือไพล่หลังไว้ วางท่าราวกับราชินี เธอลดสายตาลง เห็นฟู่เจียงเฉินที่ยังอ่อนระโหยโรยแรงบินเข้ามาอย่างช้าๆ
เมื่อครู่นี้เขาใช้พลังงานไปจนหมด แต่ก็เรียกคืนพลังงานกลับมาได้ไม่น้อยด้วยการกินยาเม็ดที่มีอยู่กับตัว
“ฟู่เจียงเฉินคารวะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่!”
ฟู่เจียงเฉินประสานมือและโค้งคำนับอย่างงาม ไม่กล้าแสดงความกระด้างกระเดื่องแม้แต่น้อย
ไป๋เย่ฉิงหงพยักหน้า
“ที่ฉันเรียกคุณมาที่นี่ ก็เพื่อให้คุณบอกกล่าวให้ทุกคนได้รู้แน่ชัดว่าใครคือเจ้าของยาเม็ดนี้…ฉันคือผู้จัดหาสมุนไพรและสูตรยาสำหรับการหลอมยาเม็ดนี้ให้คุณใช่ไหม?”
“คือ…” ฟู่เจียงเฉินหน้าเสียเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาชำเลืองมองจางเซวียนอย่างกระวนกระวายก่อนจะกัดริมฝีปาก “ใช่!”
“นักปรุงยาฟู่ คุณ…”
จางเซวียนคิดไม่ถึงว่าฟู่เจียงเฉินจะทรยศเขาดื้อๆแบบนี้ คำที่เขาใช้เรียกขานอีกฝ่ายเปลี่ยนจาก ‘พี่ฟู่’ ไปเป็น ‘นักปรุงยาฟู่’ โดยอัตโนมัติ
“นักปรุงยาจาง เป็นความจริงที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่เป็นผู้สั่งการให้ผมหลอมยานี้ ผมว่าคงจะดีที่สุดถ้าคุณยอมถอยไปเสียและไม่สร้างความวุ่นวาย…”
“ผมสร้างความวุ่นวาย?” จางเซวียนตัวสั่นด้วยแรงโทสะ แต่แล้วก็หัวเราะลั่นพร้อมกับส่ายหน้า “ดูเหมือนน่านฟ้าหลิงหลงจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งคนนอกอย่างผมนะ”
เขานำหญ้าราชันย์เทพเจ้ามาที่นี่ และยอมจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อให้การหลอมยาเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้พวกนั้นกลับขโมยยาไปเป็นของตัวเอง!
ดูเหมือนคนเหล่านี้ใช้ความได้เปรียบจากวรยุทธที่อ่อนด้อยของเขามาบิดเบือนความจริงเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว
“บังอาจ! ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่เมตตาถึงขนาดไม่ถือสากับความอวดดีของคุณ เพราะคุณมีความดีความชอบที่จับยาเม็ดนั้นได้ แต่แทนที่คุณจะแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อเธอ กลับอาจหาญพูดจาอวดดีออกมา รนหาที่ตายหรือไง?” ฟู่เจียงเฉินตวาดก้องอย่างวางอำนาจ
คำพูดนั้นทำให้ความโมโหของจางเซวียนทะลุจุดเดือด แต่หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงโทรจิตของฟู่เจียงเฉินดังอยู่ในหัว