เหตุผลที่เปลวไฟมีส่วนสำคัญในกระบวนการหลอมยาก็เพื่อทำให้สมุนไพรแต่ละชนิดสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ แต่ด้วยคุณสมบัติที่ตรงข้ามกันของเปลวไฟกับเทคนิคการหลอมยา การผสมผสานสมุนไพรแต่ละชนิดเข้าด้วยกันจึงเป็นเรื่องยาก
สำหรับนักปรุงยาส่วนใหญ่ ขอแค่พวกเขาผสมสมุนไพร 2 ชนิดเข้าด้วยกันได้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว แต่ด้วยการทำตามเทคนิคการหลอมยาและช่วงเวลาที่ชายหนุ่มกำหนด เขาสามารถทำให้สมุนไพรทุกชนิดหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ในระดับที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ!
นี่คือเทคนิคการหลอมยาอันสมบูรณ์แบบ!
สิ่งนี้คือวีรกรรมในตำนานที่แม้แต่จอมราชันย์ยังทำได้ยาก…แต่มันกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา ด้วยคำสั่งของชายหนุ่มคนหนึ่ง!
ในฐานะนักปรุงยาหมายเลข 1, ทักษะของฟู่เจียงเฉินในการควบคุมเปลวไฟและความเข้าใจในคุณสมบัติทางยานั้นถือเป็นเลิศ ทั้งหมดที่จางเซวียนต้องทำคือกำหนดขั้นตอนและระบุเวลาที่ชัดเจนเท่านั้น ซึ่งฟู่เจียงเฉินก็ทำตามได้ด้วยความแม่นยำในระดับที่เรียกว่าน่าทึ่ง
ไม่ช้า สมุนไพรกว่า 100 ชนิดก็ถูกโยนลงไปในหม้อหลอมยา แต่ละชนิดหลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เกิดเป็นของเหลวที่ก่อตัวเป็นรูปทรงกลมซึ่งมีขนาดราวกำปั้น
ตั้งแต่แรก ฟู่เจียงเฉินตกตะลึงทุกครั้งที่เห็นสมุนไพรซึ่งน่าจะผสมผสานกันได้ยากสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ลงท้ายก็มาถึงจุดที่เขาชินชาไปเอง
เขารู้สึกเหมือนกับว่าตราบใดที่ทำตามคำสั่งของจางเซวียนอย่างเคร่งครัด ต่อให้ต้องหลอมรวมสวรรค์กับโลกเข้าด้วยกัน ก็คงทำได้โดยปราศจากที่ติ
เขาเคยสงสัยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่สุดท้ายก็พอจะเข้าใจว่าความสามารถเรื่องการทำความเข้าใจสมุนไพรของชายหนุ่มเข้าถึงระดับที่รู้จักและเข้าถึงพวกมันทุกชนิด
ยกตัวอย่าง เขาสงสัยมาตั้งแต่แรกว่าการใส่หญ้ามังกรอสรพิษลงไปในส่วนผสมของยาจะเกิดอะไรขึ้น เพราะสมุนไพรชนิดนี้ขึ้นชื่อเรื่องการออกฤทธิ์รุนแรง แต่เมื่อเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นถึง 1,300 ดีกรีภายในอึดใจเดียว พิษนั้นก็สลายตัวไปชั่วคราวเป็นเวลาครึ่งอึดใจ ขอแค่เขาใส่ดอกแมกไม้เข้าไปในระหว่างนั้นได้ทันเวลา ไม่เพียงแต่พิษนั้นจะไม่กลับมาอีก ยังส่งผลที่เป็นประโยชน์ต่อการเร่งการทำงานของเซลล์ในร่างกายด้วย
เช่นเดียวกับดอกไม้ใบสีม่วง มันขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการสกัดกั้นพลังปราณให้แข็งทื่อ แต่ด้วยการผสมผสานมันเข้ากับสมุนไพรบางชนิดในอุณหภูมิที่เหมาะสม มันจะออกฤทธิ์ฟื้นฟูทางเดินพลังปราณของนักรบแทน ทำให้นักรบขับเคลื่อนพลังปราณของพวกเขาได้อย่างเข้มข้นและกระชุ่มกระชวยกว่าที่เคย
ชายหนุ่มดึงเอาคุณสมบัติทางยาที่เป็นประโยชน์จากสมุนไพรเหล่านี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ทำให้สิ่งใดสูญเปล่า
ฟู่เจียงเฉินเคยคิดว่าตัวเขาใกล้ถึงความเป็นเลิศด้านการหลอมยาแล้ว แต่ในวันนี้ก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ เขารู้สึกว่าเพดานที่อยู่เหนือตัวเขาแตกซ่านไปหมด เผยให้เห็นท้องฟ้าผืนใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“รอเดี๋ยวนะ แบบนี้ไม่ถูก…”
ขณะที่ฟู่เจียงเฉินกำลังจะถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็พลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขารีบหันไปพูดกับจางเซวียนอย่างร้อนใจ “ผมขัดเกลาและหลอมรวมสมุนไพร 107 ชนิดเข้าด้วยกันแล้ว แต่ทำไมเราถึงยังไม่ใส่ส่วนผสมหลักล่ะ?”
เขามัวยุ่งอยู่กับกระบวนการหลอมยาจนไม่ได้สังเกตเรื่องนั้น แต่เมื่อภาระหนักอึ้งเริ่มเบาลง ก็พลันนึกได้
ตามสูตรยาที่ปรากฏ มีสมุนไพรทั้งหมด 108 ชนิด และเขาก็ใส่ลงไป 107 ชนิดแล้ว ทำไมส่วนผสมหลักถึงยังไม่ปรากฏ?
โดยทั่วไป ส่วนผสมหลักคือหัวใจของการหลอมยา ก็เหมือนกับรากฐานตึก มันคือโครงสร้างที่ทำให้ผลผลิตขั้นสุดท้ายก่อตัวขึ้นได้
สำหรับยาเม็ดส่วนใหญ่ ส่วนผสมหลักคือองค์ประกอบแรกที่จะต้องใส่ลงไปในหม้อ ส่วนสมุนไพรชนิดอื่นจะต้องถูกใส่ตามไปเพื่อเป็นตัวทำละลายและหลอมรวมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แต่ก็น่าแปลกที่เขาหลอมสมุนไพรถึง 107 ชนิดแล้ว แต่ก็ยังเป็นแค่ส่วนผสมรอง…
คุณแน่ใจหรือว่าแบบนี้ใช้การได้?
ก็เหมือนกับการทำข้าวผัดที่พร้อมเสิร์ฟแล้ว แต่ในชามมีแค่หัวหอม ขิง พริกไทย และเครื่องเทศอีกราว 13 ชนิด ไม่มีส่วนผสมหลักให้เห็น!
ชายหนุ่มแกล้งเขาหรือเปล่า?
“ไม่ต้องห่วง เร่งความร้อนของหม้อให้ร้อนขึ้นอีก” จางเซวียนตอบขณะนัยน์ตายังคงจับจ้องที่หม้อหลอมยา
“ได้…”
ฟู่เจียงเฉินงุนงง แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งของจางเซวียน เพราะเกรงว่าความผิดพลาดของเขาจะทำให้กระบวนการหลอมยาล้มเหลว จึงถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปในหม้อหลอมยาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นอีก
อุณหภูมิในหม้อหลอมยาสูงขึ้นจนถึงระดับที่น่าสะพรึง
ไม่ช้า ของเหลวในนั้นก็เริ่มเดือดพล่าน แต่จางเซวียนก็ยังไม่ออกคำสั่งให้เขาหยุด สุดท้าย มันก็ดูเหมือนถึงจุดที่ใกล้ระเบิด
ฟู่เจียงเฉินหันไปถามจางเซวียนอย่างร้อนใจ “เท่านี้พอหรือยัง?”
สมุนไพรก็หลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างดีแล้ว ไม่น่าจะต้องใช้เปลวไฟอีก และหากพวกเขาเร่งอุณหภูมิ จะต้องเกิดการระเบิดแน่
ซึ่งนั่นจะทำให้ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้สูญเปล่า
“ยังไม่พอ เร่งความร้อนขึ้นอีก” จางเซวียนสั่งการ
ฟู่เจียงเฉินกัดฟันขณะถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่หม้อหลอมยาอย่างดุเดือด ทำให้เปลวไฟในหม้อลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
“ผมเพิ่มอุณหภูมิจนใกล้สุดความสามารถของผมแล้ว….”
ผ่านไปเพียง 5 วินาที แต่นักปรุงยาหมายเลข 1 ของสรวงสวรรค์ก็ถึงกับเหงื่อตก
ด้วยระดับวรยุทธที่ยังจำกัดของเขา เขาเร่งอุณหภูมิของเปลวไฟในหม้อได้ถึงระดับนี้เท่านั้น หากโหมแรงหนักขึ้นอีก พลังปราณจะต้องหมดตัวแน่ ซึ่งนั่นจะเป็นปัญหา เขาอาจสูญเสียการควบคุมเปลวเพลิงและทำให้เกิดการระเบิดได้
“อุณหภูมิยังต่ำไปหน่อย…” จางเซวียนขมวดคิ้ว
หญ้าราชันย์เทพเจ้าคือสมุนไพรที่ต้านทานได้แม้แต่คลื่นพลังงานวนแห่งมิติ ดังนั้น อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการขัดเกลามันจึงจำเป็นต้องสูงมาก แม้ฟู่เจียงเฉินจะเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ
“ผมทำได้ไม่มากกว่านี้แล้วล่ะ” ฟู่เจียงเฉินพูดด้วยใบหน้าซีดเผือด “อีกอย่าง ผมเหลือพลังงานเพียงพอหล่อเลี้ยงเปลวไฟอีกแค่ 30 วินาทีเท่านั้น ถ้านานกว่านั้นล่ะก็ พลังปราณของผมจะเหือดแห้ง…”
เขาถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่หม้อหลอมในปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว จึงแน่นอนว่าพลังปราณและจิตวิญญาณจะต้องเหือดแห้งไปมาก จากการคาดการณ์ของเขา 30 วินาทีน่าจะเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดเท่าที่เขาทนได้
หากพลังงานของเขาหมดไปเมื่อไหร่ การทุ่มเทก่อนหน้านี้ก็ย่อมเสียเปล่า
จางเซวียนกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินคำนั้น
แม้จะวางแผนมาอย่างดี แต่เขาก็ไม่ทันคิดหาวิธีจัดการกับปริมาณพลังปราณที่ยังอ่อนด้อยของฟู่เจียงเฉิน…
อีกอย่าง ถ้าอุณหภูมิยังสูงไม่ถึงขั้นที่ต้องการ ต่อให้อีกฝ่ายใช้พลังปราณยื้อได้อีก 30 นาที ก็เปล่าประโยชน์!
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ…”
จางเซวียนหน้าตาเคร่งเครียด เขาหันไปมองฟู่เจียงเฉินและโพล่งออกมา “ตอนนี้คุณเป็นนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงและอยู่ในช่วงที่ใกล้จะฝ่าด่านวรยุทธได้แล้ว…ถึงมันจะไม่ช่วยเพิ่มปริมาณพลังปราณของคุณสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะทำให้พลังปราณบริสุทธิ์ขึ้นมาก ซึ่งนั่นจะทำให้ คุณเพิ่มอุณหภูมิของเปลวเพลิงในหม้อให้ถึงระดับที่ต้องการได้”
นี่คือสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก
เท่าที่เห็น มีเพียงวิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้กระบวนการหลอมยาล้มเหลว ซึ่งนั่นก็คือฟู่เจียงเฉินต้องฝ่าด่านวรยุทธให้ได้!
ขอแค่อีกฝ่ายสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุด ก็จะเพิ่มอุณหภูมิในหม้อหลอมยาได้สูงขึ้นกว่านี้ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาขัดเกลาหญ้าราชันย์เทพเจ้าและหลอมยาเม็ดได้สำเร็จ
ไม่อย่างนั้น ทุกอย่างที่พวกเขาลงทุนลงแรงมาจะไม่เหลืออะไรเลย!
“ฝ่าด่านวรยุทธ?” ฟู่เจียงเฉินพูดไม่ออกหลังจากได้ฟังจางเซวียน “นี่ไม่ใช่เวลาพูดเล่นนะ”
เขารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี หากการฝ่าด่านวรยุทธเป็นไปได้จริง เขาคงทำเสียนานแล้ว คงไม่ต้องรอคอยจนเวลาล่วงเลยมาขนาดนี้
อีกอย่าง ตอนนี้เขาอยู่ระหว่างกระบวนการหลอมยา ถึงจะต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเปลวไฟในหม้อหลอมไว้ให้ได้ แต่เขาจำเป็นต้องฝ่าด่านวรยุทธในสถานการณ์แบบนี้ด้วยหรือ?
“ผมไม่ได้พูดเล่นกับคุณนะ นี่คือวิธีเดียวที่เราจะทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้การหลอมยาล้มเหลว” จางเซวียนพูด “เหตุผลที่วรยุทธของคุณชะงักงันมานานก็เพราะคุณอาศัยยามากเกินไป นั่นส่งผลให้พิษยาเกิดการสะสมตกค้างในร่างกายของคุณ ซึ่งไม่ว่าจะทำอย่างไร คุณก็เลิกใช้มันไม่ได้…”
อย่างที่ใครๆพูดกันว่า ‘ไม่มียาชนิดไหนปราศจากพิษ’ ต่อให้ยาเม็ดขนานที่ดีที่สุดก็ย่อมทิ้งสารพิษตกค้างไว้ในร่างกายของผู้ที่กินเข้าไป ซึ่งในระยะสั้นอาจไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไร แต่เมื่อวรยุทธของผู้นั้นสูงขึ้นถึงระดับหนึ่ง อีกทั้งมีความบริสุทธิ์ของพลังปราณในระดับสูงขึ้น ต่อให้พิษตกค้างแม้เพียงเสี้ยวเดียวก็จะทำให้ทุกอย่างแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ในฐานะนักปรุงยาชั้นยอดของสรวงสวรรค์ แน่นอนว่าฟู่เจียงเฉินเข้าถึงทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธได้มากกว่าราชันย์เทพเจ้าคนอื่นๆ อันที่จริง การที่เขาสำเร็จวรยุทธระดับนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะยาเม็ดขนานต่างๆที่เขากินเข้าไป
จึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พิษยาปริมาณมหาศาลย่อมตกค้างอยู่ในร่างกายของเขา
“ผมจะช่วยคุณกำจัดสารพิษตกค้างเดี๋ยวนี้แหละ คุณไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากการยกระดับวรยุทธ” จางเซวียนพูด
เข็มเงินหลายสิบเล่มปรากฏด้วยการสะบัดข้อมือ
ฟิ้วววว!
เกิดลมหอบใหญ่ แล้วเข็มทุกเล่มก็พุ่งตรงเข้าปักจุดชีพจรของฟู่เจียงเฉิน
ตอนแรก ฟู่เจียงเฉินถึงกับอึ้ง สัญชาตญาณแรกบอกให้เขาต่อต้านเข็มเหล่านั้น แต่แล้วก็พลันเปลี่ยนใจ เขาหลับตา “ช่างหัวมันเถอะ!”
แล้วเข็มเงินก็ปักเข้าสู่ร่างของเขา
นับจากวินาทีที่ทั้งคู่ตั้งต้นหลอมยา ความเคารพยกย่องที่ฟู่เจียงเฉินมีให้จางเซวียนก็เพิ่มขึ้นอีกมาก เขาคิดไม่ออกว่าจะมีเหตุผลใดที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญการหลอมยาระดับนี้คิดจะทำร้ายเขา
เงินทอง? ชื่อเสียง?
ชายหนุ่มจะมีทุกอย่าง เพียงแค่เปิดเผยทักษะที่แท้จริงของเขาสักเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น!
ดังนั้น ฟู่เจียงเฉินจึงยั้งใจไว้และปล่อยให้เข็มเงินตรงเข้าปักร่างของเขา
เขารู้ดีว่ากำลังเสี่ยง แต่รู้สึกว่าการเสี่ยงครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์
ฟิ้วววว!
กระแสพลังปราณไหลเข้าสู่ร่างของเขาผ่านทางเข็มเงิน ภายใต้กระแสพวยพุ่งของพลังงานนั้น ทางเดินพลังปราณที่อุดตันเพราะการสะสมของสารพิษในยาก็ระเบิดออกครั้งแล้วครั้งเล่า
ด้วยสิ่งนี้ พลังปราณที่ถูกปิดกั้นอยู่ในร่างกายของเขาก็ไหลพล่าน เหมือนน้ำที่ไหลบ่าท่วมเขื่อนซึ่งพังทลาย