“นี่มัน…” จางเซวียนผงะ “…เครื่องเก็บงำมิติ?”
ลูกทรงกลมนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่เป็นมรดกตกทอดกันมาภายในตระกูลหลัว และตอนนี้อยู่ในครอบครองของหลัวฉีฉี…เครื่องเก็บงำมิติ!
หลัวชวนฉิงเคยบอกไว้ตั้งแต่ตอนที่เขาออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ไม่นานว่าหลัวฉีฉีก็ออกจากที่นั่นมาแล้วเช่นกัน เขาคิดว่าเธอน่าจะเดินทางไปยังมิติเบื้องบน แต่แม้จะมอบหมายภารกิจให้ทั้ง 6 สำนักใหญ่ตามหาตัวเธอแล้ว ก็ยังไม่มีแม้แต่ข่าวคราว
ด้วยเหตุนั้น จางเซวียนจึงสงสัยว่าเธออาจเดินทางมาที่สรวงสวรรค์ จึงสั่งการให้ 6 สำนักใหญ่ตามหาตัวเธอต่อไป และหากพบก็ให้ดูแลเธอให้ดีระหว่างที่เขามุ่งหน้ามายังสรวงสวรรค์
เมื่อมาถึงสรวงสวรรค์แล้ว จางเซวียนได้ข่าวบางอย่างที่พอจะเป็นเงื่อนงำว่าหลัวฉีฉีอยู่ที่นี่ แต่นั่นแหละ เขาไม่นึกเลยว่าเธอจะปรากฏตัวอย่างปุบปับในช่วงเวลาแบบนี้ แถมปกป้องเขาจากการโจมตีของจอมราชันย์ด้วย!
ใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศก็ชะงักที่ถูกขัดจังหวะ
มันตั้งคำถามอย่างหงุดหงิด “ฉีฉี คุณทำอะไรน่ะ?”
ฟึ่บ!
เครื่องเก็บงำมิติสั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนจะกลายร่างเป็นสาวสวยคนหนึ่ง สาวสวยคนนั้นประสานมือและตอบว่า “ฝ่าบาท เขาคือคนที่ฉันชอบ ขอวิงวอนให้เมตตาเขาด้วย!”
เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลัวฉีฉี
ครั้งล่าสุดที่จางเซวียนพบเธอก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เธอยังคงเป็นสาวน้อยผู้อ่อนหวานและเงียบขรึมในความทรงจำของเขาเหมือนเดิม เมื่อเธอหันมามองเขา จางเซวียนเห็นร่องรอยของความคาดหวังระคนกับอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลายซับซ้อน
แม้เธอจะดูไม่ต่างจากเดิม แต่พละกำลังที่มีกลับเหนือชั้นกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็พบว่าเธอเป็นนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดแล้ว เหมือนกับฟู่เจียงเฉิน
จางเซวียนเคยสงสัยว่าทำไมกระแสจิตปรารถนาที่เขาได้มาจึงเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เมื่อคิดดูอีกที อารมณ์และความรู้สึกของหลัวฉีฉีน่าจะมีบทบาทไม่น้อย
เครื่องเก็บงำมิติที่มีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุด…
ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ แน่นอนว่าเธอแข็งแกร่งกว่าฟู่เจียงเฉินมาก บางทีอาจสู้ตัวต่อตัวกับไป๋เย่ฉิงหงได้ด้วยซ้ำ
เห็นสาวน้อยเอาตัวเองเข้าขวางราชันย์เทพเจ้าโดยไม่ลังเลเพื่อประโยชน์ของเขา จางเซวียนได้แต่กำหมัดแน่น
“ ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณ…ไม่ใช่แค่ความชอบ” หลัวฉีฉีพูดขณะยิ้มอย่างขมขื่น
จากนั้น เธอก็หันไปประสานมือให้ใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ “เขา…คือคนที่ฉันชอบ ฝ่าบาท, ฉันขอวิงวอนให้คุณไว้ชีวิตเขาด้วย!”
เห็นภาพนี้ จางเซวียนอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงครั้งหนึ่งที่สาวน้อยถึงกับยอมเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลของตัวเองเพื่อเขา ทำให้รู้สึกว่าประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยเดิม
นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยและไม่มีวันเข้าใจ ตัวเขาไม่เคยแม้แต่จะให้คำสัญญาหรือความหวังกับเธอสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น หลัวฉีฉีก็ยังพร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อเขา
เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนทั้งสำนึกในบุญคุณและรู้สึกผิด
“คนที่คุณไม่อาจลืมเขาได้…คือชายผู้นี้หรือ?” ใบหน้าขนาดใหญ่ถามด้วยความสงสัย “แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลยนะ ฉันมองตาของเขาออก รู้เลยว่าเขามีคนอื่นอยู่ในหัวใจแล้ว ฉีฉี…มันคุ้มค่าแล้วหรือที่คุณจะเป็นปฏิปักษ์กับฉัน เพื่อใครคนหนึ่งที่ไม่แม้แต่จะมีใจให้คุณด้วยซ้ำ?”
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง คำพูดนั้นดูคล้ายกับคำแนะนำจากเพื่อนสู่เพื่อน
“ฉันก็ไม่รู้…แต่ขอแค่เขาปลอดภัย…”
หลัวฉีฉียืนจังก้าอยู่ตรงหน้าจอมราชันย์ สีหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์มากนัก มีเพียงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
“…เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว!”
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?” ใบหน้านั้นถอนหายใจเฮือก
เทพธิดาหลิงหลงรู้มาตลอดว่าสาวน้อยมีชายผู้หนึ่งอยู่ในหัวใจของเธอตลอดมา แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นชายคนนี้
หลัวฉีฉีเงยหน้า “ฝ่าบาท ฉันเชื่อว่าคุณคงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่มีความละโมบโลภมาก เธอจงใจและพยายามเอาเปรียบเขา จางเซวียนเพียงแค่ตอบโต้การคุกคามของเธอเท่านั้น หากเราสืบสาวราวเรื่องให้ดี ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมหากจะป้ายความผิดให้เขา ดังนั้น ฝ่าบาท, ฉันขอวิงวอนให้คุณไว้ชีวิตจางเซวียนและปล่อยให้เขาจากไป!”
เธอไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนหัวรั้น แต่หากเกี่ยวข้องกับจางเซวียน ก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมถอย
“ตรงนั้นไม่ใช่ปัญหา ต่อให้ลูกน้องของฉันทำผิด ฉันก็ควรเป็นคนลงโทษเธอเอง ถ้าเขาซึ่งเป็นคนนอกลอยนวลไปได้หลังจากจงใจสังหารลูกน้องของฉัน น่านฟ้าหลิงหลงของเราจะตกเป็นที่ครหาเย้ยหยันของคนอื่นๆ” ใบหน้าขนาดใหญ่ตอบ
เธอรู้ดีว่าจางเซวียนไม่ใช่คนผิด แต่น่านฟ้าหลิงหลงเป็นส่วนหนึ่งของสรวงสวรรค์ ไม่ใช่มิติปิดที่แยกตัวออกจากส่วนอื่นๆของโลก ชื่อเสียงมีความสำคัญมากเมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เธอจึงไม่อาจประนีประนอมได้
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เต็มใจรับการลงโทษแทนเขา” หลัวฉีฉีกัดฟันตอบ
นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยจะยอมทำขนาดนี้ ใบหน้าที่อยู่กลางอากาศขมวดคิ้ว
“ฉีฉี ถอยไป ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” จางเซวียนโพล่งออกมาขณะโผขึ้นสู่กลางอากาศและมายืนอยู่ตรงหน้าสาวน้อย
เขาเป็นหนี้บุญคุณตัวเธอมากพอแล้ว จะปล่อยให้เธอต้องเดือดร้อนเพราะเขาอีกได้อย่างไร?
พละกำลังของเขาอาจยังอ่อนด้อย แต่เมื่อได้รับสายเลือดของไก่น้อย ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งและทนทายาด ด้วยสภาพนี้ เทพธิดาหลิงหลงย่อมไม่อาจสังหารเขาได้โดยง่าย
แถมเขายังมีหน้าหนังสือสีทองอีกหน้าหนึ่งอยู่กับตัว มันอาจไม่เพียงพอจะรับมือกับพละกำลังของจอมราชันย์ แต่ก็น่าจะต้านทานเศษเสี้ยวเจตจำนงของเทพธิดาหลิงหลงได้
“ฉันก็คิดว่าคุณคงมีดีพอตัว…” ใบหน้านั้นตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นอากัปกิริยาของจางเซวียน “กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาของคุณด้วยตัวเอง แปลว่าคุณยังพอมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง”
ถ้าเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ก็คงไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าจอมราชันย์ แต่ชายหนุ่มพร้อมจะเผชิญกับทุกอย่างเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา
บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หลัวฉีฉียอมทุ่มเทและอุทิศชีวิตให้
“คำพิพากษาเบื้องต้นของฉันคือตัดตอนวรยุทธของคุณเสีย แต่ในเมื่อฉีฉีช่วยวิงวอนให้คุณ ฉันก็จะยกเว้นและผ่อนปรนให้ เศษเสี้ยวของเจตจำนงของฉันที่คุณเห็นอยู่นี้ก่อตัวขึ้นจากพลังจิตวิญญาณภายในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง มีพละกำลังราวหนึ่งในร้อยส่วนของพละกำลังทั้งหมดที่ฉันมี ถ้าคุณต้านทานการโจมตีด้วยพละกำลังเต็มพิกัดจากฉันได้ ฉันจะปล่อยผ่านเรื่องวันนี้ไป แต่ถ้าไม่…โทษตัวเองก็แล้วกันที่ไม่ได้เรื่อง!” ใบหน้านั้นกล่าว
“ฝ่าบาท…” หลัวฉีฉีทักท้วงด้วยสีหน้าซีดเผือด
แม้ใบหน้าขนาดใหญ่จะก่อตัวขึ้นจากพลังจิตวิญญาณ แต่เรื่องจริงก็คือมันมีเจตจำนงของจอมราชันย์อยู่ อย่าว่าแต่จางเซวียน ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติโดยทั่วไปก็ไม่อาจต้านทานมันได้!
“ฉันตัดสินใจแล้ว ถ้าอ่อนข้อให้ขนาดนี้แล้วเขายังเอาตัวไม่รอด เขาก็ไม่คู่ควรให้คุณใส่ใจแล้วล่ะ!”
เจตจำนงอันทรงพลังร่อนลงมาจากกลางอากาศ หลัวฉีฉีเงียบกริบ ไม่อาจส่งเสียงพูดหรือเคลื่อนไหวได้
เป็นไปได้ว่าเทพธิดาหลิงหลงน่าจะสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเธอไว้ชั่วคราวเพื่อไม่ให้เธอเข้ามาก้าวก่าย
“เริ่มเถอะ!”
เมื่อรู้แล้วว่าไม่มีทางหนีพ้น จางเซวียนตั้งต้นถ่ายทอดพลังปราณของเขาจนเต็มพิกัดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีของเทพธิดาหลิงหลง
แม้การโจมตีจะมีความรุนแรงเพียงหนึ่งในร้อยส่วนของพละกำลังที่เธอมี แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้
ฟึ่บ!
จางเซวียนโบกมือ ดาบระดับราชันย์เทพเจ้าลอยละลิ่วกลับเข้าสู่ฝ่ามือของเขา เขากวัดแกว่งมันเข้าใส่ใบหน้านั้น
จางเซวียนสำแดงศิลปะเพลงดาบ 3 ชนิดของเวทนาสวรรค์ออกมาพร้อมๆกัน จากนั้นก็ควบคุมกระแสดาบฉีให้ก่อตัวเป็นปราการขนาดใหญ่ตรงหน้า
“ทั้งที่อายุยังน้อย แต่ก็ทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบของตัวเองได้แล้ว ไม่เลว…” ใบหน้าขนาดใหญ่พยักหน้า
ครู่ต่อมา พละกำลังมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่จากด้านบน ปราการที่สร้างขึ้นโดยใช้ศิลปะเพลงดาบทั้ง 3 ชนิดแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว
“ช่างเป็นพละกำลังที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้…” จางเซวียนพึมพำ
สำหรับจอมราชันย์ น้อยกว่านี้คงไม่ได้ แม้พละกำลังเพียงหนึ่งในร้อยส่วนของเทพธิดาหลิงหลง ก็เหนือชั้นเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว
“คงต้องเสี่ยงแล้วล่ะ…”
หากศิลปะเพลงดาบของเขาพ่ายแพ้และพละกำลังนั้นพุ่งมาถึงตัวเมื่อไหร่ เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่
พูดกันตามตรง จางเซวียนออกจะมั่นใจว่าเขาจะเอาตัวรอดจากบททดสอบครั้งนี้ได้ เพราะหลังจากที่กายเนื้อได้รับการบ่มเพาะจากทะเลสาบจันทร์กระจ่างแล้ว มันก็สามารถเยียวยาตัวเองให้ฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บสาหัสต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ขอแค่เขามีเวลามากพอ
แต่ปัญหาก็คือเขาต้องรีบกลับน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดเพื่อให้ทันการประลอง จะได้มีคุณสมบัติเพียงพอต่อการได้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ
หากเขาพลาดโอกาส ครั้งต่อไปคืออีก 100 ปีนับจากนี้ จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!
จางเซวียนจึงพยายามสุดตัวที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ
เพราะไม่มีทางเลือก เขาเรียกหน้าหนังสือสีทองจากหอสมุดเทียบฟ้าออกมา
แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัว “ให้ผมทำแทนเถอะ!”
จากนั้น ไก่น้อยก็กระโดดออกจากจุดตันเถียนและอ้าปากกว้าง
“กร๊วบ!”
มันสูดหายใจเฮือก จากนั้นก็กลืนใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศลงไป ร่างของไก่น้อยพองโตจนดูเหมือนบอลลูนพองเกินขนาดที่ลอยอยู่อย่างเงียบๆกลางอากาศ
จางเซวียนอ้าปากค้าง
เขารู้ว่าไก่น้อยสามารถกลืนกินของล้ำค่าและของอื่นๆที่แข็งแกร่งกว่ามันหลายเท่าได้ แต่นี่คือเศษเสี้ยวเจตจำนงของจอมราชันย์นะ!
แกคิดดีแล้วหรือที่กลืนของแบบนี้ลงไป?
อย่างน้อย เหลือหน้าของเธอไว้สักหน่อยจะดีกว่าไหม?
ไม่ใช่เฉพาะจางเซวียนที่ผงะเมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนที่ได้เห็นก็มีสภาพไม่ต่างจากเขา
ใบหน้านั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของเทพธิดาหลิงหลง แต่แล้วไก่ตัวหนึ่งก็กลืนมันลงไป
หลัวฉีฉีมองไก่น้อยด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
ถ้าเธอรู้เสียก่อนว่าจางเซวียนมีไม้ตายที่ทรงพลังขนาดนี้ คงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวตั้งแต่แรก
“เอิ๊กกกก!”
ไก่น้อยร่างอ้วนปล่อยเสียงเรอดังสนั่นออกมาต่อหน้าต่อตาทุกคน ก่อนที่ลำตัวของมันจะหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเดิม
ขณะที่กำลังหดตัว มันก็เลียริมฝีปากด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยพอใจ
วิ้งงง!