เธอพ่ายแพ้ราบคาบเพราะแรงกดดันนั้น กระดูกกระเดี้ยวทุกส่วนในร่างกายแตกละเอียด เลือดสดๆไหลออกมาจากทุกทวาร อาบร่างของเธอให้เป็นสีแดงก่ำ
แม้จะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีพละกำลังมหาศาล แต่ก็ยังก้าวไม่พ้นขีดจำกัดของสรวงสวรรค์ แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจต้านทานได้
“ช้าก่อน!”
ลมหอบใหญ่พัดมา แล้วร่างงดงามอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีกคนหนึ่งของน่านฟ้าหลิงหลง ชางกวนหยุนหวัน!
“ไป๋เย่ฉิงหงคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่ได้รับเลือกจากฝ่าบาทโดยตรง การที่คุณสังหารเธอจึงถือเป็นการแสดงความกระด้างกระเดื่องอย่างรุนแรงต่ออำนาจของฝ่าบาท การกระทำของคุณบ่งบอกเจตนาของคุณอย่างชัดเจนแล้ว แต่ฉันขอให้คุณไว้ชีวิตเธอก็แล้วกัน” ชางกวนหยุนหวันพูด
“คุณกำลังขู่ผมในนามของจอมราชันย์หรือ?” จางเซวียนมองชางกวนหยุนหวันด้วยสายตาเย็นเยียบ
ราชันย์เทพเจ้ากับจอมราชันย์ของน่านฟ้าหลิงหลงช่างรวมหัวกันดีเสียจริง ตอนที่ไป๋เย่ฉิงหงพยายามขโมยยาเม็ดของเขา พวกนั้นก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้อีกฝ่ายวางโตโอหังและทำอะไรตามใจ แต่เมื่อสถานการณ์พลิกผัน ก็ ‘เห็น’ และเข้ามาขัดจังหวะทันที
พวกนั้นมีสิทธิ์อะไรมาร้องขอให้เขาประนีประนอม? คิดจะใช้พละกำลังข่มขู่อย่างนั้นหรือ?
ฝันไปเถอะ!
“ต่อให้ฉันไม่พูดอะไร คุณก็ควรจะรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในนั้น เกียรติยศศักดิ์ศรีของจอมราชันย์ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกลบหลู่ได้” ชางกวนหยุนหวันพูด
จอมราชันย์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และไป๋เย่ฉิงหงคือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเทพธิดาหลิงหลงให้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของน่านฟ้าหลิงหลง ดังนั้น ผู้เดียวที่มีอำนาจเหนือเธอก็จะต้องเป็นเทพธิดาหลิงหลงเท่านั้น
การสังหารไป๋เย่ฉิงหงจึงถือเป็นความพยายามท้าทายอำนาจของเทพธิดาหลิงหลงโดยตรง
“ผมเข้าใจดีว่าคุณหมายความว่าอะไร แต่การให้เกียรติคนแบบเธอให้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรตินี่…ดูเหมือนเทพธิดาหลิงหลงจะสายตาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นะ การปล่อยให้คนแบบนี้บริหารและดูแลน่านฟ้าหลิงหลงย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรติของเทพธิดาหลิงหลงแน่ ให้ผมกำจัดแกะดำแทนเธอก็แล้วกัน!” จางเซวียนประกาศ
“มะ-ไม่…!”
ไป๋เย่ฉิงหงร้องโหยหวนก่อนจะบี้แบนอยู่กับพื้น จิตวิญญาณของเธอแหลกสลายไปในทันที ไม่หลงเหลืออะไรเลย
“คะ-คุณ…” ชางกวนหยุนหวันคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าสังหารไป๋เย่ฉิงหงทั้งที่เธออ้างชื่อจอมราชันย์แล้ว ริมฝีปากของเธอสั่นสะท้านขณะชี้หน้าเขา “กล้าดีอย่างไรถึงได้…”
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ อีกฝ่ายก็ส่งสายตาเชือดเฉือนใส่และตอบอย่างเลือดเย็น “หุบปากเสียถ้าคุณไม่อยากตาย!”
ชางกวนหยุนหวันตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่เพราะได้เห็นอานุภาพของหนังสือเล่มนั้นด้วยตาตัวเองแล้ว จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
ขนาดไป๋เย่ฉิงหงที่มีพละกำลังทัดเทียมกับเธอยังถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา ถ้าเธอกล้าพูดอะไรออกไป ก็น่าจะประสบชะตากรรมเดียวกัน
เหล่าราชันย์เทพเจ้าและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่จับตาดูเหตุการณ์อยู่ก็พากันเงียบกริบ ทุกคนตัวสั่นไม่หยุดเมื่อได้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น…
นั่นคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ, ผู้ที่ไม่มีใครยับยั้งได้เว้นเสียแต่จอมราชันย์ แต่ในชั่วพริบตา คนระดับนั้นก็ถูกสังหาร แถมอีกคนก็ถูกว่าใส่หน้าอย่างรุนแรงต่อหน้าสาธารณชนจนไม่กล้ามีปากมีเสียง
เจ้าหนุ่มน่าสะพรึงคนนั้นมาจากไหน?
ในเวลาเดียวกัน ฟู่เจียงเฉินก็ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
เขาให้ความเคารพยกย่องจางเซวียนเสมอ ทั้งยังเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต แต่ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มจะมีพละกำลังสูงส่งถึงขนาดสังหารราชันย์เทพเจ้าและทำให้เทพธิดาของเขาหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ?
โชคดีเหลือหลายที่เขาไม่ได้พยายามทำอะไรระหว่างที่ช่วยอีกฝ่ายหลอมยา ไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงเป็นศพไปแล้ว
…..
“เดี๋ยวก่อน หรือว่าเขาคือ…จางเซวียน?”
“จางเซวียน? คุณหมายถึงจางเซวียนจากน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนที่เป็นผู้คิดค้นยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ…นักปรุงยาจาง?”
“ใช่ เขานั่นแหละ ในงานวันนั้นผมก็อยู่ที่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ได้เห็นเขาด้วย ผมจดจำเขาได้แม่นยำเลยล่ะ….”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายได้ ในฐานะผู้คิดค้นยาเม็ดเพิ่มความงามและยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาจะมียาเม็ดที่น่าทึ่งขนาดนั้น”
“ถ้าเขาสังหารราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย นั่นหมายความว่าเขามีจอมราชันย์คอยหนุนหลังใช่ไหม? สงสัยเหลือเกินว่าเป็นใคร…”
ฝูงชนบางส่วนที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์จดจำจางเซวียนได้
จางเซวียนสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ไว้ที่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ถึงขนาดที่ชื่อเสียงของเขาแพร่สะพัดมาจนถึงที่นี่
หลังจากหักหน้าชางกวนหยุนหวันแล้ว จางเซวียนก็ใช้กระแสดาบฉีมัดราชายาเม็ดไว้ ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในกล่องหยกใบหนึ่ง
ในตอนนั้น เขารู้สึกได้ทันทีถึงรังสีอำมหิตที่มาจากใจกลางเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง
พื้นที่ที่เคยเงียบงันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ขณะที่พลังงานภายในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงพวยพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง แรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากที่ไหนสักแห่ง
“เทพธิดาหลิงหลงก็เอาด้วยหรือ?” จางเซวียนพึมพำขณะหรี่ตา
เขาได้เห็นพละกำลังของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติด้วยตาของตัวเองแล้ว และรู้ว่าหน้าหนังสือสีทองมีประสิทธิภาพมากพอจะเล่นงานพวกนั้น
แต่พลังงานที่รวมตัวกันอยู่กลางอากาศในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเสียอีก มันเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงโตที่ส่องแสงเจิดจ้า มีอานุภาพรุนแรงเสียจนสิ่งมีชีวิตทั้งจากโลกนี้และโลกอื่นไม่อาจต้านทานได้
สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ความเป็นไปได้เพียงข้อเดียวคือมีราชันย์เทพเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง!
ดูเหมือนเทพธิดาหลิงหลงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงจะยังให้ความสำคัญกับกิจธุระต่างๆในดินแดนของเธออยู่มาก เธอไม่อาจนิ่งเฉยได้เมื่อเห็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติในอาณัติของตัวเองถูกสังหาร
“ฝ่าบาท?”
ฟู่เจียงเฉินกับคนอื่นๆก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทุกคนหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึง พวกเขารีบก้มศีรษะและโค้งคำนับจนศีรษะแตะพื้น ไม่กล้าแม้จะเงยหน้า
ชางกวนหยุนหวันก็ทรุดตัวลงคุกเข่า แต่สีหน้าตึงเครียดของเธอถูกแทนที่ด้วยความโล่งอก
เธอคงไม่รู้จะทำอย่างไรหากจอมราชันย์ยังนิ่งเฉยทั้งที่เห็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของเธอถูกสังหารในดินแดนของตัวเอง
ฟึ่บ!
พลังงานนั้นสะสมรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและแปรสภาพเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ดูราวกับดวงอาทิตย์
แทนที่จะปรากฏตัว เทพธิดาหลิงหลงเลือกส่งเจตจำนงเศษเสี้ยวหนึ่งของเธอมาแทน
“ไม่นึกเลยว่าจะมีใครบังอาจถึงขนาดกล้าสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉัน!”
เสียงเทพธิดาหลิงหลงเสียดแทงเข้าไปในจิตวิญญาณของทุกคน ทำให้ผู้ฟังจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกอับจนปัญญา
ใบหน้าขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่คือเศษเสี้ยวหนึ่งของเจตจำนงของจอมราชันย์ แต่เพียงเท่านั้น ก็เหนือชั้นเกินกว่าที่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงอย่างเขาจะรับมือได้
“ยอมรับโทษทัณฑ์ของคุณซะ!”
จางเซวียนรู้ดีว่าเขาคงถูกสังหารแน่หากเทพธิดาหลิงหลงลงมือ จึงรีบเตรียมหน้าหนังสือสีทองไว้ หน้าหนังสือสีทองนั้นสูญเสียพลังงานไปกว่าครึ่งแล้วหลังจากเล่นงานไป๋เย่ฉิงหง แต่ก็ยังคงไม่หายไป จางเซวียนจึงคิดจะใช้มันเล่นงานใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ
ใบหน้านั้นคำราม “คุณประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วล่ะ!”
ฟึ่บ!
หน้าหนังสือสีทองหายวับไปทันที ราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน
ท่าไม้ตายที่ทำให้เขาเอาชนะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้อย่างง่ายดายไม่อาจต้านทานได้แม้เพียงเศษเสี้ยวเจตจำนงของจอมราชันย์!
จางเซวียนตัวแข็งเมื่อเห็นภาพนั้น
เขาเคยคิดว่าต่อให้ทำร้ายเทพธิดาหลิงหลงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะถ่วงเธอไว้ได้สักระยะหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาอาจไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ได้?
จางเซวียนยังมีหน้าหนังสือสีทองอีกหน้าหนึ่งอยู่ในหอสมุดเทียบฟ้า แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่กล้าใช้มันอย่างบุ่มบ่าม
“คนหนุ่มก็เลือดร้อนแบบนี้แหละ แต่ความโอหังเกินขนาดก็เป็นเรื่องไม่สมควร” ใบหน้านั้นโพล่งออกมาขณะก้มลงจับจ้องจางเซวียน
จางเซวียนใจเต้นตึกตัก
เขารีบชูดาบระดับราชันย์เทพเจ้าและสำแดงศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป
แต่ยังไม่ทันที่กระแสดาบฉีของเขาจะไปได้ไกล มันก็เริ่มแยกตัวออกจากกัน พริบตาต่อมา จางเซวียนรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนก่อนที่ดาบระดับราชันย์เทพเจ้าจะถูกสอยกระเด็นจนหลุดมือ แล้ว พละกำลังหนักหน่วงก็ตรงเข้าปะทะแผงอกของเขา ทำให้เขาร่วงลงไปกองกับพื้นและบาดเจ็บสาหัส
เส้นสายสีทองในกล้ามเนื้อของจางเซวียนจัดการเยียวยาบาดแผลอย่างรวดเร็ว
“คุณแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดนะ…”
ใบหน้าขนาดใหญ่ออกจะประหลาดใจที่เห็นจางเซวียนต้านทานการโจมตีได้ มันตั้งต้นประเมินเขาอีกครั้งก่อนจะพูดออกมา “ในฐานะจอมราชันย์ ฉันจะไม่เอาความอ่อนด้อยของคุณมาเป็นข้อได้เปรียบ ฉันไว้ชีวิตคุณก็ได้ แต่การลงโทษก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ทั้งที่เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่คุณบังอาจสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉันในดินแดนของฉันเอง ไม่แม้จะแยแสหรือให้เกียรติฉันสักนิด หากฉันปล่อยผ่านการกระทำอันชั่วร้ายครั้งนี้ไป น่านฟ้าหลิงหลงคงถูกเย้ยหยันไปอีกนาน!”
เสียงนั้นประกาศก้อง “ฉันขอประกาศเลยว่าคุณจะต้องถูกถอดถอนวรยุทธ!”
จางเซวียนพบว่าร่างของเขาถูกพละกำลังมหาศาลชนิดหนึ่งบีบรัดไว้ พลังปราณที่อยู่ภายในจุดตันเถียนเริ่มเสื่อมสลายไปราวกับถูกใครสูบมันออกจากร่าง
“ฮะ…”
ด้วยความตกใจ จางเซวียนพยายามต่อต้านพละกำลังนั้น แต่พบว่าหมดเรี่ยวแรงจนไม่อาจทำอะไรได้เลย
ราวกับคำบัญชาของเทพธิดาหลิงหลงได้กลายเป็นกฎเกณฑ์ของโลก ทำให้เขาไม่อาจต่อสู้ดิ้นรนได้
เราจะต้องพบจุดจบที่นี่จริงๆหรือ? ไม่น่ะ…ต่อให้เธอเป็นจอมราชันย์ ก็แล้วอย่างไร? เราไม่ยอมถูกสังหารอย่างง่ายดายแบบนั้นหรอก!
จางเซวียนกัดฟันและกำลังจะนำหน้าหนังสือสีทองหน้าสุดท้ายออกมาเพื่อเล่นงานใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศ ก็พอดีกับที่พละกำลังที่บีบรัดร่างของเขาไว้แตกสลายไปอย่างฉับพลัน
จางเซวียนเงยหน้ามอง เห็นลูกทรงกลมลูกหนึ่งหมุนติ้วอยู่ระหว่างตัวเขากับใบหน้านั้น การปรากฏของมันทำให้มิติที่อยู่ในพื้นที่ดูจะแข็งทื่อไป แม้พละกำลังมหาศาลของจอมราชันย์ก็ไม่อาจเอาชนะการควบคุมมิติของลูกทรงกลมลูกนั้นได้