เรื่องสำคัญที่สุดของเขาในเวลานี้คือการยกระดับวรยุทธและผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ให้ได้ ลำพังนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่มีความหมายอะไรต่อเขาอีกแล้ว ไม่คู่ควรพอให้เขาเสียเวลาด้วย
“แต่…เขาปล้นทรัพย์สมบัติของอ้าวเฟิงไปนะ ถ้าคุณเอาคืนมาได้ ก็จะได้ชดเชยที่ซึมซับพลังงานจากน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไป” หลัวฉีฉีแย้ง
เพราะอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้ว เธอจึงรู้นิสัยใจคอของจางเซวียน เขาไม่ใช่คนชนิดที่ชอบติดหนี้ใคร โดยหากรู้สึกว่าตัวเองติดหนี้ใครสักคน ก็จะต้องพยายามชดใช้ให้ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
นั่นคือเหตุผลที่เขารู้สึกกระอักกระอ่วนตอนที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็นผู้ฉกฉวยน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นไปหรือไม่
สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ชดใช้อ้าวเฟิง ถ้าเขาล้างแค้นให้อ้าวเฟิงพร้อมกับนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นกลับคืนมาได้ ก็ถือว่าหายกัน
ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไปที่ต้องเผชิญหน้ากับอ้าวเฟิง
คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนตาโต
เขามัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้อ้าวเฟิงเลิกดีอกดีใจเมื่อเขารับอีกฝ่ายเป็นศิษย์จนหลงลืมความเป็นไปได้ข้อนี้ไป หากเขาแก้ปัญหาได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรับอ้าวเฟิงเป็นศิษย์แล้ว
โล่งอกจริงๆ!
เมื่อคิดได้ จางเซวียนมองตามทิศทางที่หูเสี่ยวบินหนีไป เห็นอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตาแล้ว
“สายไปแล้วล่ะ เขาหนีไปแล้ว” หลัวฉีฉีพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ
แม้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจะทะลุมิติไม่ได้ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็แทบจะ ไม่ต่างกัน หูเสี่ยวหนีไปได้ราว 7-8 อึดใจแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแกะรอยและไล่ตามอีกฝ่ายให้ทัน
“ยังไม่สายหรอก” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
เขายกมือขึ้นและยื่นมือออกไป
ในตอนนั้น มิติที่อยู่ตรงหน้าจางเซวียนก็เริ่มบิดเบี้ยวราวกับชั้นกระดาษที่ถูกบีบอัดเข้าหากัน ระยะทางหลายร้อยลี้ถูกย่นระยะเข้าหากันอย่างปุบปับ ทำให้จางเซวียนยืดแขนออกไปได้ยาวพอที่จะคว้าตัวเป้าหมายของเขา
“อะ-อะไรกัน? แบบนี้ก็เป็นไปได้หรือ?”
หูเสี่ยวร้องโหยหวนขณะถูกดึงตัวกลับมายังจุดที่จางเซวียนกับคนอื่นๆยืนอยู่ เขาถูกทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง
เห็นภาพนั้น อ้าวเฟิงอ้าปากค้าง
บีบอัดมิติเพื่อจับตัวคู่ต่อสู้…นี่คือความสามารถที่มีแต่จอมราชันย์เท่านั้นที่ทำได้!
ชายหนุ่มคนนี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นจอมราชันย์ปลอมตัวมาหรือเปล่า?
หูเสี่ยวแทบเสียสติ
เขาคิดว่าคงปลอดภัยแน่เมื่อบินหนีไปได้ไกลแล้ว ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะคว้าตัวเขาไว้อย่างง่ายดายขนาดนั้น?
จับแมลงวันยังยากกว่านี้เลย?
“ผมเพิ่งนึกได้ว่าคุณยังไม่ได้คืนข้าวของที่ปล้นไปจากพวกเขา นำทุกอย่างที่คุณมีออกมาให้หมด!” จางเซวียนสั่งการขณะจ้องหูเสี่ยวอย่างเย็นชา
เพราะได้ตำแหน่งทรงเกียรติจากโลก อีกทั้งเมื่อครู่ยังได้ซึมซับน้ำทิพย์แห่งจิตวิญญาณในปริมาณมาก จิตวิญญาณของเขาจึงแข็งแกร่งพอจะควบคุมกฎเกณฑ์แห่งมิติในสรวงสวรรค์ได้
แม้หูเสี่ยวจะลับตาไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตการตรวจจับของการรับรู้จิตวิญญาณของเขา ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือระบุพิกัดที่แน่นอนของหูเสี่ยวและคว้าตัวมาให้ได้เท่านั้น
ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
“ได้…” หูเสี่ยวพยักหน้าขณะนำทุกสิ่งที่เพิ่งปล้นได้ออกมา
กับคู่ต่อสู้ที่คว้าตัวเขาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาส
หลังจากวางทุกสิ่งลงกับพื้น หูเสี่ยวหันกลับไปก้มศีรษะให้จางเซวียน “ผู้อาวุโส ตอนนี้ผมไปได้หรือยัง?”
เขาไม่กล้าทำตัวโอหังต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้
“ผมบอกว่านำทุกสิ่งที่คุณมีออกมาไม่ใช่หรือไง? แล้วสมบัติของคุณน่ะอยู่ไหน?” จางเซวียนย้อนถาม
ในเมื่อเขาทำขนาดนี้แล้ว ก็ต้องยึดทุกอย่างที่หูเสี่ยวมีด้วย
เขาไม่รู้สึกผิดอยู่แล้วที่จะริบทรัพย์สมบัติจากหัวขโมยที่เที่ยวปล้นใครต่อใครไปทั่ว!
“ดะ-ได้!”
หูเสี่ยวไม่กล้าขัดใจชายหนุ่ม เขารีบยื่นแหวนเก็บสมบัติให้
จางเซวียนกำจัดรอยประทับของจิตวิญญาณบนแหวนเก็บสมบัติเพื่อตรวจสอบข้าวของในนั้น ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
สมกับที่เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ในแหวนเก็บสมบัติวงนั้นมีของดีๆอยู่มาก แม้จะไม่ค่อยมีประโยชน์กับเขา แต่ก็น่าจะยังมีประโยชน์ไม่น้อยกับท่านพ่อท่านแม่ หลัวฉีฉี และซุนฉาง
“คุณไสหัวไปได้แล้ว” จางเซวียนโบกมืออย่างไม่แยแส
“ผู้อาวุโส ขอบคุณที่ไว้ชีวิตผม…”
หลังจากโค้งคำนับอย่างงามสามครั้ง หูเสี่ยวก็รีบเผ่นหนีโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขารู้ดีว่าทะเลท่วมท้นคือสถานที่ที่การเอาชีวิตรอดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เขาอาจถูกริบทรัพย์สมบัติทั้งหมดไป แต่ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ก็หาใหม่ได้
มีนักรบมากมายเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เพราะพูดพล่ามเกินขนาด เขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดแบบนั้น
…..
เมื่อหูเสี่ยวจากไป จางเซวียนมองอ้าวเฟิงกับราชันย์เทพเจ้าคนอื่นๆและโบกมือ
“นำข้าวของของพวกคุณคืนไป!”
ฝูงชนต่างมองหน้ากัน ซึ่งหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พากันก้าวออกมาเก็บทรัพย์สมบัติของตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ตอนแรก ทุกคนออกจะไม่พอใจที่เห็นชายหนุ่มไม่ทำอะไรเลยขณะที่พวกเขาเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ความคิดแบบนั้นก็หายไปหมดแล้ว
ทุกคนเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน แล้วทำไมชายหนุ่มถึงต้องช่วยเหลือพวกเขา?
พวกเขาควรสำนึกในบุญคุณมากกว่าที่อีกฝ่ายเต็มใจคืนทรัพย์สมบัติให้
“ผู้อาวุโส ขอบคุณที่ช่วยเหลือ!” อ้าวเฟิงรีบคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ก่อนจะโค้งคำนับอย่างงามเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณ
“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ “ผมไม่ได้ตั้งใจซึมซับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น แต่นั่นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ผมหวังว่าเราจะหายกันหลังจากที่ผมคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้คุณ”
“หายกันแน่นอน!” อ้าวเฟิงรับคำหนักแน่น เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถามด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความสงสัย “ผู้อาวุโส พูดก็พูดเถอะ เป็นไปได้ไหมว่า…คุณคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า?”
ด้วยความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นระหว่างการมอบตำแหน่งทรงเกียรติของโลก ไม่มีทางที่อ้าวเฟิงจะไม่รู้เรื่องนี้ เพียงแต่เขาไม่คิดว่าจะได้พบอีกฝ่ายที่นี่
แถมชายหนุ่มก็ดูอายุน้อยกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ใช่ ผมเอง” จางเซวียนตอบตามตรง
“เขาคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า? จอมราชันย์พิชิตสวรรค์…คนต่อไป?”
“ไม่แปลกใจแล้วที่เขาทรงพลังเหลือเกิน…”
“ถ้าอย่างนั้น หมู่เมฆสีแดงที่ปรากฏขึ้นเมื่อ 2 วันก่อนก็เป็นเพราะเขาใช่ไหม?”
…..
ฝูงชนส่งเสียงเซ็งแซ่เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างอ้าวเฟิงกับจางเซวียน
ตอนนั้นเองที่พวกเขาเพิ่งถึงบางอ้อว่าทำไมชายหนุ่มถึงทรงพลังขนาดนี้ทั้งที่เป็นแค่นักรบระดับราชันย์เทพเจ้า
“นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมคุณถึงสามารถซึมซับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น!” อ้าวเฟิงใช้กำปั้นทุบฝ่ามือของเขาเมื่อพลันนึกได้
พลังจิตวิญญาณที่อยู่ในน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นบริสุทธิ์มากเสียจนแม้ตัวเขาซึ่งเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจซึมซับมันอย่างผลีผลาม แต่ชายหนุ่มกลับนำไปใช้ยกระดับวรยุทธได้อย่างง่ายดาย
ที่ผ่านมา อ้าวเฟิงยังคิดอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างประหลาด แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า…บุคคลที่ฟ้าลิขิตให้เป็นจอมราชันย์ ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เขาซึมซับน้ำที่ปฐพีเข้มข้นได้อย่างง่ายดาย
อ้าวเฟิงพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขาเปรย “ผู้อาวุโส ผมรู้มาว่าที่นี่มีของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ”
“อย่างนั้นหรือ?” จางเซวียนย้อนถาม
“ไกลออกไปจากที่นี่ราว 5,000 ลี้ ผมเห็นหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์จำนวนหนึ่งขึ้นอยู่ในรอยแยกแห่งมิติ ด้วยระดับวรยุทธของผม ผมไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่นั้น แต่ถ้าเป็นคุณล่ะก็ ผู้อาวุโส, ผมเชื่อว่าคุณน่าจะเข้าไปได้สบาย” อ้าวเฟิงพูด
“หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์?” จางเซวียนตาโต “คุณกำลังพูดถึงสมุนไพรในตำนานที่มีประโยชน์แม้แต่กับวรยุทธของจอมราชันย์ใช่ไหม?”
เขาได้อ่านเรื่องสมุนไพรชนิดนี้จากหนังสือเล่มหนึ่งที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้
ในเวลานี้ สมุนไพรส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์กับเขาแล้ว เขาจึงต้องการบางอย่างที่มีระดับขั้นสูงกว่าเดิมเพื่อยกระดับวรยุทธ
อ้าวเฟิงพยักหน้า
“พาผมไปที!” จางเซวียนพูด
ในแง่ของประสิทธิภาพ หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์จะต้องเหนือชั้นกว่าน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นอย่างแน่นอน เขาอาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดได้สำเร็จ หรืออาจถึงขั้นจอมราชันย์เลยทีเดียว!
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับเขา?”
อ้าวเฟิงชี้นิ้วไปที่ราชันย์เทพเจ้าที่เพิ่งเปิดโปงเรื่องจางเซวียนกับหูเสี่ยว
“ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตเขาหรอก” จางเซวียนตอบขณะสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่แยแส
“ดะ-ได้โปรด ไว้ชีวิตผมด้วย…” ราชันย์เทพเจ้าผู้นั้นร้องขอความเมตตาขณะที่พลันรู้สึกว่าสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเอง ร่างของเขาส่ายไปมาขณะที่พลังปราณเกิดการปั่นป่วนอย่างหนัก เพียงครู่เดียว ร่างนั้นก็ระเบิด
ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณของเขาถูกกำจัดจนสิ้นซาก
ถ้าจางเซวียนไม่แข็งแกร่งพอ การเปิดโปงของราชันย์เทพเจ้าผู้นี้อาจทำให้เขาต้องเสียชีวิต ซึ่งในสถานที่อย่างทะเลท่วมท้น การร้องขอความปรานีจากศัตรูเป็นเรื่องโง่เง่าเต็มที
ใครต่อใครอาจดูแคลนเขาเพราะการประนีประนอมที่เขามอบให้อีกฝ่าย
อ้าวเฟิงกับราชันย์เทพเจ้าคนอื่นๆต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น
ตอนที่พวกเขาเห็นชายหนุ่มยอมปล่อยหูเสี่ยวไป ก็คิดว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อยและมีเมตตา แต่หลังจากได้เห็นภาพนี้…
ก็นั่นแหละ ถือว่าโง่เง่าเต็มทีที่จะปีนเกลียวกับใครสักคนที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้
อ้าวเฟิงแสนจะยินดีปรีดาที่ตัวเขายังคงยึดมั่นในหลักการและไม่ได้ทรยศชายหนุ่ม ไม่อย่างนั้น นี่คงเป็นชะตากรรมของเขาเช่นกัน
“ไปกันเถอะ!”
จางเซวียนไม่แยแสราชันย์เทพเจ้าที่เหลือ เขาเร่งอ้าวเฟิงให้นำทางไป
…..
หูเสี่ยวหน้าดำคร่ำเครียด เขากัดฟันกรอดขณะพึมพำอย่างเคียดแค้น “ไม่ใช่ใครอื่นแน่…เขาจะต้องเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า!”
การสรุปข้อเท็จจริงไม่ได้ยากเกินไป
นอกเสียจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า จะมีใครอื่นนอกจากเหล่าจอมราชันย์ที่มีพละกำลังน่าสะพรึงขนาดนี้?
“เขาอาจเก่งกาจไร้เทียมทานก็จริง แต่แล้วอย่างไรล่ะ? ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่าของเรา ที่ได้รับการบ่มเพาะจากจอมราชันย์ฟู่เหมิงด้วยตัวเองก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขาสักนิด!” หูเสี่ยวครุ่นคิดถึงสาวน้อยผู้กล้าหาญคนนั้นขณะกำหมัดแน่น