เขาพอนึกภาพออกว่าปรมาจารย์ขงจะต้องเคยอยู่ในสภาวะเดียวกับตัวเขาในเวลานี้ การพึ่งพาเฉพาะยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดคงทำให้วรยุทธของเขาก้าวหน้าไปได้ถึงแค่ราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดเท่านั้น
แล้วปรมาจารย์ขงทำอย่างไรถึงได้เป็นจอมราชันย์?
“ท่านอาจารย์ของเราได้เป็นจอมราชันย์เพราะการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตอบ “มันคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุก 10 ปี ซึ่งในแต่ละครั้งก็จะนำพาทรัพยากรล้ำค่ามากมายมาสู่โลก ก็เพราะการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณเมื่อ 40 ปีก่อนที่ทำให้พวกเรากับท่านอาจารย์พัฒนาได้อย่างรวดเร็วจนถึงระดับนี้”
จางเซวียนตาโตเมื่อได้รู้
เขาเคยได้ยินเรื่องการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณมานานแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจในรายละเอียด
แต่เพียงแค่พิจารณาจำนวนของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกับราชันย์เทพเจ้าที่ต้องเสียชีวิตไปในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งก่อน ก็ไม่ยากเกินไปที่จะสรุปได้ว่าจะต้องมีทรัพย์สมบัติล้ำค่าอันน่าทึ่งมากมายที่ไม่มีใครหักห้ามใจได้
อันที่จริง ของล้ำค่าบางอย่างมีค่าถึงขนาดที่แม้แต่จอมราชันย์ก็ขาดสติได้เลยทีเดียว
ไม่อย่างนั้น เหล่าจอมราชันย์คงไม่ลงทุนถึงขนาดพาตัวบรรดาศิษย์สายตรงของเขาไป เรื่องนี้ชี้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณมากขนาดไหน
“แล้วอีกนานแค่ไหนกว่าจะเกิดการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งต่อไป?”
“ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นทุก 10 ปี แต่ไม่อาจระบุวันที่แน่นอนได้ บางครั้งมันก็มาช้าไปสักหน่อย บางครั้งก็มาเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย จากการประเมินที่ผ่านๆมา น่าจะเหลือเวลาอีกครึ่งปีก่อนที่การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งต่อไปจะมาถึง แต่การมอบตำแหน่งทรงเกียรติของโลกที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้บางอย่างเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้น ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งที่ 5 จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้แหละ” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตอบขณะเหม่อมองท้องฟ้า
การมอบตำแหน่งทรงเกียรติของโลกทำให้พลังจิตวิญญาณทั่วทั้งสรวงสวรรค์มารวมตัวกันและอบอวลอยู่ในอากาศ สภาวะแบบนี้อาจทำให้การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณมาถึงเร็วกว่ากำหนด
จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังคำตอบ
ในเมื่อยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดไม่มีประโยชน์กับเขาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเขาคงต้องรอคอยการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งต่อไปเพื่อให้ได้สมุนไพรที่มีประสิทธิภาพมากพอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ
…..
จางเซวียนยังคงอยู่บนภูเขาลูกนั้นอีก 2 วัน ใช้เวลาส่วนใหญ่สำรวจคลังหนังสือของปรมาจารย์ขง หลังจากนั้นก็กล่าวอำลานักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกับคนอื่นๆ
สิ่งที่ยังคงล้าหลังอยู่คือวรยุทธของกายเนื้อของเขา
ไก่น้อยเคยบอกไว้ว่ามันสามารถฟื้นฟูแอ่งลาวาอมตะได้หากได้กลับสู่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด จางเซวียนจึงรู้สึกว่ารีบจัดการให้เสร็จสิ้นไปน่าจะดีกว่า
เมื่อมีไก่น้อยอยู่ด้วย เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ แค่ฉีกกระชากมิติ ก็สามารถไปได้ทุกที่ตามแต่จะต้องการ
…..
2-3 อึดใจต่อมา ตัวเขา หลัวฉีฉี และไก่น้อยก็กลับมาถึงน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด
“ฝ่าบาท ยินดีเหลือเกินที่คุณกลับมา!”
ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกไฟกับคนอื่นๆ ดูเหมือนพวกเขาจะได้ข่าว จึงตัดสินใจมายืนรอที่นี่เพื่อเฝ้าคอยการกลับมาของไก่น้อย
“เตรียมยาเม็ดที่มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นไว้ให้ผมหน่อย เอามามากที่สุดเท่าที่จะหาได้นะ” ไก่น้อยสั่งการพร้อมกับโบกมือ
“ขอรับ!”
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกไฟกับพรรคพวกรีบไปจัดการ
2 ชั่วโมงให้หลัง พวกเขาก็กลับมาพร้อมกับสมุนไพรมากมาย
ไม่มีใครกล้าชักช้ายืดยาดหากได้รับคำสั่งโดยตรงจากจอมราชันย์ ทุกคนนำสมุนไพรล้ำค่าทุกชนิดที่มีอยู่ในคลังสมบัติของตัวเองมามอบให้ไก่น้อย
จางเซวียนถึงกับอึ้งตะลึงเมื่อเห็นสมุนไพรมากมายก่ายกองจนแทบไม่น่าเชื่อที่อยู่ตรงหน้า
เขาจังงังกับความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเหล่านี้
แม้จะยังมองไม่เห็นชัดๆว่ามีสมุนไพรชนิดไหนที่จะช่วยยกระดับวรยุทธให้เขาได้ แต่สิ่งที่คนพวกนี้นำมาให้ก็มากมายเกินพอจะหลอมเป็นยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดได้หลายร้อยเม็ด
ไก่น้อยรวบรวมสมุนไพรทั้งหมดเข้าด้วยกัน จากนั้นก็พาจางเซวียนเข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ไม่ช้าก็มาถึงแอ่งลาวา
ขณะที่ลาวากระเพื่อม คลื่นความร้อนรุนแรงก็ระเบิดออกมา
ไก่น้อยโบกมือ สมุนไพรชนิดต่างๆลอยตัวขึ้นไปกระจายกันอยู่กลางอากาศเหนือแห่งลาวา พวกมันระเบิดและกลายเป็นพลังจิตวิญญาณที่พุ่งเข้าสู่แอ่งลาวานั้น
ฟึ่บ!
ด้วยกระแสพลังจิตวิญญาณเข้มข้น ลาวาที่กำลังเดือดพล่านกลายร่างเป็นนกฟีนิกซ์ตัวใหญ่ สูงตระหง่านบดบังทั่วทั้งพื้นที่
ไก่น้อยกัดนิ้วและหยดเลือด 2-3 หยดลงไปในแอ่งลาวา
นกฟีนิกซ์ขยายใหญ่ขึ้นอีกเมื่อได้ซึมซับหยดเลือด ไม่เพียงเท่านั้น ยังแผ่รังสีพิเศษของจอมราชันย์ออกมา เกิดเป็นแรงกดดันหนักหน่วงที่พุ่งเข้าใส่ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น
“นายน้อย ผมจัดเตรียมแอ่งลาวาอมตะเรียบร้อยแล้ว คุณลงไปได้เลย” ไก่น้อยพูดยิ้มๆ
จางเซวียนก้าวเข้าสู่แอ่งลาวาโดยไม่ลังเล
ฟิ้ววววว!
ทันทีที่ได้สัมผัส ก็รู้สึกได้ว่ามีพลังงานเข้มข้นพุ่งเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจุดชีพจร พลังงานนั้นไหลเวียนไปตามทางเดินพลังปราณและเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับร่างกายของเขา
จางเซวียนรีบทรุดตัวลงนั่งที่ใจกลางแอ่งลาวา แล้วใช้สมาธิกับการซึมซับพลังงาน
ระดับวรยุทธของกายเนื้อของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราชันย์เทพเจ้า ขั้นต้น
ราชันย์เทพเจ้า ขั้นกลาง
ราชันย์เทพเจ้า ขั้นสูง
…..
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ขั้นสูงสุด!
4 ชั่วโมงต่อมา พลังงานภายในแอ่งลาวาก็เหือดแห้ง จางเซวียนเสร็จสิ้นการยกระดับวรยุทธ
“ในแง่พละกำลังของกายเนื้อ เราเทียบได้กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดแล้ว” จางเซวียนพึมพำด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
กายเนื้อของเขาพัฒนาขึ้นมากใน 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยกระดับวรยุทธจากราชันย์เทพเจ้าขั้นต้นไปจนถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุด!
ต่อให้ใช้แค่กายเนื้อ เขาก็สู้กับนักรบระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดและเอาชนะคนเหล่านั้นได้สบาย!
แต่ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในเวลานี้ก็ยังไม่ใช่กายเนื้อ แต่เป็นวรยุทธของจิตวิญญาณ
ในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า หากพิจารณากันแค่ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ ต่อให้ 9 ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีวรยุทธระดับเดียวกับเขาก็ไม่อาจต้านทานพละกำลังของเขาได้
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนวรยุทธ จางเซวียนก็ปล่อยตัวโคลนออกมาให้มันฝึกฝนวรยุทธด้วย
ไม่ช้า ตัวโคลนก็สำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดเช่นกัน
ส่วนไอ้โหดที่มีอัตราการยกระดับวรยุทธค่อนข้างช้า จางเซวียนมองว่าอีกฝ่ายคงยังไม่อาจพัฒนาตัวเองได้เร็วนัก เขาจึงเก็บไอ้โหดไว้ในหนังสือเทียบฟ้าเหมือนเดิม
ด้วยสิ่งนี้ ในที่สุดวรยุทธของเขาก็มาถึงด่านคอขวด จนกว่าการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งต่อไปจะมาถึง จางเซวียนก็คงไม่อาจยกระดับวรยุทธของพลังปราณได้อีก เขาจึงตัดสินใจหันกลับมาใช้สมองกับการคิดค้นศิลปะเพลงดาบ
ครู่ต่อมา ไก่น้อยก็ปรากฏตัวตรงหน้าและพูดว่า “นายน้อย จอมราชันย์มังกรเมฆเชื้อเชิญอีก 8 จอมราชันย์ให้ไปที่ทะเลท่วมท้น!”
“ทะเลท่วมท้น?”
“ใช่ มันคือพื้นที่ที่เป็นต้นกำเนิดของการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ ปรากฏการณ์นี้ครอบคลุมทั่วทั้งสรวงสวรรค์ก็จริง แต่ทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่สุดก็มักจะถูกพบในทะเลท่วมท้นนี่แหละ” ไก่น้อยพูด
“การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้หรือ?” จางเซวียนถาม
“จากการประเมินครั้งใหม่ มันน่าจะเกิดขึ้นในอีก 2 วันนับจากนี้” ไก่น้อยพยักหน้า “นั่นคือเหตุผลที่จอมราชันย์มังกรเมฆเชิญจอมราชันย์คนอื่นๆไปที่นั่นเพื่อเตรียมตัว”
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ” จางเซวียนพูดขณะลุกขึ้นยืน
ในที่สุด การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!
บางทีเขาอาจใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ยกระดับวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ…หรืออาจเป็นจอมราชันย์เลยก็ได้!
“ทะเลท่วมท้นคืออาณาเขตที่มีแต่นักรบที่มีวรยุทธต่ำกว่าจอมราชันย์เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมักเฝ้าดูจากด้านนอก”
“ทันทีที่พื้นที่นั้นเปิดออก ทั้ง 9 น่านฟ้าจะส่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกับราชันย์เทพเจ้าในสังกัดของพวกเขาเข้าไปแย่งชิงทรัพย์สมบัติล้ำค่า ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น การฆ่าฟันและปล้นสะดมเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกครั้งจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมาย ส่วนแต่ละน่านฟ้าจะคว้าทรัพย์สมบัติไปได้มากแค่ไหน หากจอมราชันย์ไม่ประกาศ ก็ไม่มีใครรู้”
หลังจากได้พละกำลังกลับคืนมา ไม่ช้าไก่น้อยก็ได้รู้เรื่องการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณจากการรายงานของเหล่าบริวาร
“นายน้อย ผมหวังว่าคุณจะเข้าไปที่นั่นในฐานะราชันย์เทพเจ้าของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเราและปกป้องคนของผมไม่ให้ได้รับอันตราย แต่หากคุณไม่สะดวกใจ ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้…”
“ฉันจะพยายามปกป้องพวกเขาอย่างดีที่สุดถ้าเห็นว่าตกอยู่ในอันตราย” จางเซวียนตอบพร้อมกับพยักหน้า
ในเมื่อราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขนนกไฟกับคนอื่นๆเป็นบริวารของไก่น้อย ก็ถือเป็นศิษย์น้องของเขาด้วย ถ้าคนเหล่านั้นพบเจออันตรายในทะเลท่วมท้น ก็เป็นหน้าที่ของเขาในฐานะศิษย์พี่ที่จะต้องช่วยเหลือ
“นี่คือตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกการเป็นตัวแทนของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด แค่คุณติดมันไว้ที่หน้าอกขณะเข้าสู่ทะเลท่วมท้น คนอื่นๆก็จะรู้ว่าคุณมาจากไหน ซึ่งจะทำให้พวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะร่วมมือหรือจะสู้กับคุณ” ไก่น้อยพูดขณะยื่นตราสัญลักษณ์ให้
จางเซวียนรับตราสัญลักษณ์มาติดไว้ที่หน้าอก
นอกจากบริวารของ 9 จอมราชันย์ ก็ยังมีนักรบพเนจรอีกมากมายที่มุ่งหน้าสู่ทะเลท่วมท้นเพื่อหวังจะได้ทรัพยากรล้ำค่า ตรานี้จะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเขาเป็นนักรบพเนจร ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
แม้ทะเลท่วมท้นจะถูกมองว่าเป็นดินแดนไร้ขื่อแป แต่ไม่ว่าใครก็ต้องใคร่ครวญให้ดีหากคิดจะสังหารบริวารของจอมราชันย์
“การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณมีความรุนแรงมากขึ้นทุกที และทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่ปรากฏในแต่ละครั้งก็มีอานุภาพไร้เทียมทานมากขึ้นเรื่อยๆ” ไก่น้อยพูด “อันที่จริง ในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณคราวก่อน มีข้าวของบางอย่างที่เป็นประโยชน์แม้แต่กับจอมราชันย์ด้วยซ้ำ เพราะเหตุนี้ จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จึงพัฒนาตัวเองให้เก่งกาจถึงขนาดเทียบชั้นกับจอมราชันย์หลินชีได้ภายในเวลาเพียงสี่สิบปี!”