คู่ชะตาบันดาลรัก – บทที่ 43 เต้นรำ

บทที่ 43 เต้นรำ

บทที่ 43 เต้นรำ
Ink Stone_Romance
ทางด้านคนที่กำลังสนุกสนานอยู่ในห้องนั้นยังไม่รู้ตัว เจียงจ้านผู้มากรักชื่นชมเอวขาวๆ บางๆ ของนางระบำ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านนอก แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยและได้ยินไม่ชัดเจน แต่เขาก็รู้สึกไม่ชอบใจที่ถูกรบกวน

เขากวักมือเรียกหัวหน้าพ่อบ้านของสวนซิ่นมาถามเสียงดุ “ข้างนอกเกิดอันใดขึ้น เสียงดังเอะอะโวยวาย ไม่รู้กฎของที่นี่หรืออย่างไร”

หัวหน้าพ่อบ้านรีบตอบ “ซื่อจื่อได้โปรดอย่าเพิ่งโกรธ ข้าน้อยจะออกไปดูเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ซื่อจื่อไม่พอใจหัวหน้าพ่อบ้านเองก็ไม่พอใจเช่นกัน เขาเป็นผู้ดูแลสวนซิ่นแห่งนี้ เป็นเรื่องยากที่เจ้านายจะโผล่หน้ามาที่นี่ในวันปกติ

คุณชายหยางพักอาศัยอยู่ที่สวนซิ่นถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาในการสร้างความดีความชอบ สองสามวันที่ผ่านมานี้การจัดเตรียมที่พักดำเนินไปได้ด้วยดี คุณชายหยางและซื่อจื่อต่างมีช่วงเวลาที่ดี เหตุใดวันนี้ถึงได้มีเรื่องเกิดขึ้น

อยากรู้จริงว่าสตรียั่วยวนนางไหนเป็นคนก่อเรื่อง และเขาจะต้องแก้ไขมัน!

หัวหน้าพ่อบ้านพาคนออกไปยังด้านนอกด้วย “พวกเจ้าทำอะไรกัน” เมื่อเห็นสาวใช้วิ่งไปมาในสนาม ความโกรธของหัวหน้าพ่อบ้านก็เพิ่มขึ้น “พวกเจ้าคิดว่าสวนซิ่นคือที่ใดกัน หากไม่รู้ก็ไม่ต้องมา! ที่ตรงนี้ใครเป็นผู้ดูแลกัน”

“อา!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นขัดจังหวะหัวหน้าพ่อบ้าน

หัวหน้าพ่อบ้านโกรธมาก “ยังสนุกกันอยู่อีกหรือ! พวกเจ้า! ผู้ใดร้องตะโกนให้ลากออกไปซะ!”

แต่กลับไม่มีใครขยับ “พวกเจ้าตายกันแล้วหรืออย่างไร” หัวหน้าพ่อบ้านโกรธมากขึ้น และหันไปรอบๆ กลับเห็นเด็กรับใช้สองคน คนหนึ่งเบิกตากว้าง อีกคนตัวสั่นราวกับเห็นผี

หัวหน้าพ่อบ้านใจกระตุก เขาเป็นคนเข้มงวดมากจนผู้อื่นยังต้องเกรงกลัว คนสนิทของเขาไม่น่าเป็นไปด้วยเช่นนี้

เขาจึงถามตามนิสัย “เกิดอันใดขึ้น”

“มี มีผีเจ้าค่ะ!” สาวใช้กรีดร้องตอบเขา

“อะไรนะ…” หัวหน้าพ่อบ้านยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นข้างหู

เสียงหัวเราะนั้นดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว แค่ได้ยินเขาก็รู้สึกขนลุก ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ก็ไม่มีเงาผู้ใดอยู่รอบกายเขา

“ผู้ใดกัน! ผู้ใดแกล้งทำตัวเป็นผี” หัวหน้าพ่อบ้านกัดฟันแน่น เด็กรับใช้ชี้ไปที่ด้านหลังของเขาด้วยสีหน้าหวาดผวา หัวหน้าพ่อบ้านก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบอะไร

ในขณะที่กำลังสงสัย จู่ๆ ม่านก็ถูกยกขึ้นแล้วมีเสียงหัวเราะดังขึ้นตามมา “ฮิๆๆๆ มาเล่นกัน…”

“อาา…” คราวนี้เสียงกรีดร้องเป็นของเด็กรับใช้ที่เขาเป็นคนพามา ผู้ใดบอกกันว่าบุรุษกรีดร้องไม่ได้ กรีดร้องเสียงแหลมไม่น้อยหน้าสตรีเชียว!

“หัวหน้าพ่อบ้าน ที่หลังท่าน…”

เด็กรับใช้ทั้งสองกลัวมากจนขยับเข้ากอดกันเอง พวกเขาต่างมองไปยังด้านหลังของอีกฝ่าย แล้วก็ต้องกระโดดร้อง ‘หวา’ แล้วชี้หาอีกฝ่ายกัน “เจ้าๆๆ…ที่หลังของเจ้าก็มี!”

“ฮิๆๆ สนุกจัง…” ม่านหนาที่แม้จะถูกลมพัดก็ไม่ขยับ แต่ตอนนี้กลับแกว่งขึ้นสูง

เทียนขนาดใหญ่ เห็นชัดว่าไม่มีลม แต่แสงเทียนยังคงพลิ้วไหวไม่หยุด

หัวหน้าพ่อบ้านมองไม่เห็น ความกลัวในใจของเขาจึงกลายเป็นความโกรธ “เจ้าเป็นใคร! ออกมานะ!”

พอเดินไปได้สองก้าวก็เกิดความปั่นป่วนที่ใต้เท้าของเขา จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดัง ‘ตุบ’

มี ‘คน’ หายใจข้างหูเขา เขารู้สึกหนาวเหน็บที่หัวใจ “ฮิๆๆ…”

……..

ภายในห้อง เจียงจ้านมีอาการเมาจนตาพร่ามัว ข้างกายมีร่างบอบบางของสตรี ด้านหน้ามีสาวงามกำลังเต้นรำอยู่มันช่างวิเศษจริงๆ

เขาดื่มสุราแล้วหยอกล้อกับนางขับร้องหญิงข้างกายเขา “เสียงขลุ่ยนี้ไพเราะยิ่งนัก ทำให้รู้สึกคันที่หัวใจ สาวน้อยเจ้าเป่าได้หรือไม่”

นางขับร้องหญิงเข้าใจความหมายอย่างชัดเจนจึงยิ้มแล้วตอบไปว่า “ไม่เพียงแค่เป่าได้ แต่ยังเป่าได้ดีกว่านางด้วยเจ้าค่ะ”

มืออ่อนนุ่มล้วงเข้าไปใต้โต๊ะแล้วบีบราวกับบอกเป็นนัย เจียงจ้านหัวเราะออกมา เอนตัวไปคลอเคลียใบหน้างามแล้วหัวเราะเบาๆ “คืนนี้เจ้าอย่าเพิ่งไปไหนเลย รอเป่าให้ซื่อจื่อก่อน”

ทั้งสองคนคุยกันแล้วหัวเราะ แต่แล้วก็มีมือข้างหนึ่งยื่นเข้าไปลูบที่หว่างขาของเขา เขารู้ว่านางขับร้องหญิงอีกคนไม่อยากทนเหงาจึงรั้งมือเอาไว้แล้วบอกนางว่า “ไม่ต้องรีบร้อนมีส่วนของเจ้าด้วย!”

พูดจบทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านนอกจึงไม่พอใจหัวหน้าพ่อบ้านคนนั้นปกติดูมีความสามารถ แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังจัดการไม่ได้!

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นก็มีเด็กรับใช้คนหนึ่งคลานเข้ามาจากด้านนอกแล้วตะโกนร้องออกมาโดยไม่สนว่ามีการแสดงร้องเต้นรำกันอยู่ “ผี! ซื่อจื่อ มีผีขอรับ!”

เจียงจ้านโกรธมาก ความวุ่นวายด้านนอกยังจัดการไม่ได้แล้วยังมาร้องโวยวายต่อหน้าเขาอีก ลืมกฎระเบียบกันไปหมดแล้วหรือ

แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจ เขาเห็นผ้าม่านยกสูงขึ้นแล้วมีเงาไม่ชัดเจนลอยเข้ามาจากข้างนอก…

“ฮิๆ!” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู “ข้าก็อยากเป่าด้วย…” เลือดในกายของเจียงจ้านแข็งตัวแล้วเขาก็พบว่ามือที่ตนทาบทับอยู่นั้นเย็นเยียบจนน่ากลัว

เขาค่อยๆ ก้มลงมองมีกลุ่มเงาสีเทานอนอยู่บนตักเงยหน้าดำ และยิ้มให้เขาด้วยสีหน้าเขินอายเช่นเดียวกับนางขับร้องหญิงเมื่อครู่นี้

“อาาา” แล้วเสียงกรีดร้องราวกับหมูโดนเชือดก็ดังขึ้น

………..

หมิงเวยวางขลุ่ยในมือลงแล้วมองดูเหล่าภูติผีที่เต้นรำอยู่ภายในห้องเครื่องดนตรีเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครมาขยับมัน แต่เสียงกลับดังขึ้นเอง

เงาที่ดูเหมือนจะไม่มีอยู่จริงลอยเข้ามาในห้องโถงแล้วทำท่าเต้นรำยังมี ‘คน’ ที่ร้องไปเต้นไปอยู่ คนที่ตายแล้วจิตวิญญาณออกจากร่าง จะพูดจาอ้อๆ แอ้ๆ ใครทำอะไรก็ทำตามซึ่งยิ่งทำให้คนตกใจกลัวมากยิ่งขึ้น

นางขับร้องหญิงตกใจมากจนหยุดร้องเต้นไปโดยปริยาย เหล่าคุณชายหน้าถอดสี บางคนกระโดดเข้ากอดนางขับร้องหญิงแล้วกรีดร้อง วิญญาณเหล่านั้นเอนตัวลงบนตัวของพวกเขาแล้วหัวเราะ บางคนวิ่งหนีไปรอบๆ แต่วิญญาณเร่ร่อนก็วิ่งตามมาข้างหลัง บางคนมีสีหน้างงงวยเพราะไม่เห็นอะไร แต่ก็กลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไร

ชี่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมองเห็น บางคนมองไม่เห็น คนที่มองเห็นแน่นอนว่าตกใจกลัวเป็นอย่างมาก ส่วนคนที่มองไม่เห็นก็ดีไป ชัดเจนว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างเพียงแต่มองไม่เห็นจึงทำให้รู้สึกน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น

ท่ามกลางความจราจลเหลยหงชักกระบี่ของเขาออกมาและตั้งท่าป้องกัน

แต่ในไม่ช้าเขาก็พบว่าวิญญาณเร่รอนเหล่านี้ไม่มีความสามารถทำร้ายคนได้ พวกมันไม่สนใจสิ่งใด ทั้งหมดที่ทำไปนั้นล้วนเป็นไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

เห็นว่าที่นี่สนุกสนานจึงร้องเต้นเลียนแบบพวกเขาทั้งที่จริงแล้วไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

เขาจึงตะโกนขึ้นเพื่อปลอบใจทุกคน “ทุกท่านอย่าไปกลัว พวกมันไม่ทำร้ายพวกเรา!”

“อย่าวิ่งหนี หากท่านวิ่งพวกมันจะวิ่งตาม”

“หากยืนดีๆ พวกมันก็ไม่อยู่แล้ว พวกมันจะจากไปทันที” แต่น่าเสียดาย เหล่าคุณชายกลัวอย่างหนัก ผู้ใดจะมีใจฟังเขากัน

บางคนเอาม่านคลุมหัว บางคนตกใจกลัวจนกอดกันกลม แล้วยังมีคนหนีออกไปด้านนอก หมิงเวยมองเหลยหงแล้วยิ้ม

คนผู้นี้เป็นคนดีจริงๆ นางมองไปยังคุณชายหยาง

ภายในห้องตกอยู่ในความวุ่นวายอีรุงตุงนัง แต่คุณชายหยางกลับไม่มีท่าทีอะไร ซ้ำยังหาวอย่างเกียจคร้านแล้วพูดว่า “องครักษ์เหลย ที่นี่น่ากลัวจริงๆ รีบมาปกป้องข้าเร็วเข้า”

“….” เหลยหงตอบ “คุณชายโปรดวางใจ พวกมันไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย ไม่มีทางทำร้ายคนได้”

เขายื่นหน้าไปดู “ไม่ทำอันตรายก็ไม่ทำอันตราย หากข้าเกิดเหตุร้าย ท่านต้องรับผิดชอบ”

เหลยหงทำได้แค่ตอบว่า “ข้าน้อยจะปกป้องท่านอยู่ที่นี่”

“ไม่ดีๆ ท่านต้องพาข้าไปยังที่ปลอดภัย” น้ำเสียงหาเรื่องเช่นนี้ เหลยหงทำอะไรไม่ได้นอกจากพาเขาออกไป เมื่อแน่ใจว่าวิญญาณพวกนี้ไม่ทำอันตรายจริงๆ จึงตอบไปว่า “คุณชายตามข้าน้อยมาขอรับ”

…………………………………………………….

คู่ชะตาบันดาลรัก

คู่ชะตาบันดาลรัก

Status: Ongoing

เหตุชะตาถึงฆาตทำให้วิญญาณของ ‘หมิงเวย’ หญิงสาวผู้มีวรยุทธ์เก่งกล้า ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลหมิงผู้อ่อนแอ

แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเมื่อทันทีที่ลืมตา นางกลับพบว่าในสวนอวี๋ฟางที่นางและฮูหยินสามผู้เป็นมารดาอาศัยอยู่นั้นมีสิ่งอัปมงคล!

สองแม่ลูกเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับไสยศาสตร์มืด จึงได้ลงมือสืบความจริงของเรื่องนี้อย่างลับๆ

และยิ่งตามสืบปริศนามากมายที่เกิดขึ้นในจวนและตระกูลหมิงแห่งนี้… กลับยิ่งเจอความลับอันดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่

แต่ท่ามกลางความมืดมิดและสิ่งชั่วร้าย โชคชะตากลับลิขิตให้หญิงสาวได้ไขประตูสู่ความจริง… รวมถึงนำไปสู่ความรัก!

นับตั้งแต่ที่ ‘หยางชู’ เหลนของฮ่องเต้จอมเสเพลแฝงกายมายังเมืองที่นางอาศัยอยู่เพื่อภารกิจบางอย่าง

นางและเขาจึงได้ตกลงร่วมกันทำภารกิจไขปริศนา แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปเพราะโชคชะตารักบันดาลอยู่เบื้องหลัง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท