สิ่งเดียวที่เย่เย่ยังคงเสียใจอยู่นั่นก็คือ 3 ล้านหยวนนี่เขาไม่สามารถเติมมันลงไปในระบบได้ ทางเดียวที่จะใช้มันได้นั้นคือสนับสนุนการเจริญเติบโตของกิจการของหอการค้าหยูเย่เท่านั้น ถึงแม้ว่าเสวี่ยหยูพูดแล้วว่าจะไม่เข้ามาก้าวก่ายกับการจัดการภายในหอการค้าหยูเย่ก็ตามที แต่นางผู้นี้จะต้องมองการเคลื่อนไหวของเงิน 3 ล้านเหรียญทองนี่อยู่อย่างแน่นอน ถ้าหากเย่เย่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง หอการค้า ตงหยวนอาจจะต้องสงสัยในตัวเขาแน่ๆ
เสวี่ยหยูและเจิ้งซูได้แต่กลอกตามองหน้ากันเองหลังจากที่ได้ยินคำตอบเย่เย่เช่นนั้น กระนั้นแล้วพวกเขาทั้งสองก็รู้งานพอที่จะไม่ถามต่อให้มากความ
กองเหรียญทองจำนวนมากตกไปอยู่ในมือของเสวี่ยหยูผู้ที่กำลังตกตะลึงกับการดูแลพวกมันอยู่ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เย่เย่จะเคยให้เงินนาง 600,000 เหรียญทองเพื่อให้ขยายกิจการรวมไปถึงใช้จ่ายกับการซื้อของและจ้างคนงานเพิ่มก็จริง แต่จากการใช้เงินเพื่อสิ่งต่างๆตามที่เย่เย่ว่าไว้นั้นมันทำให้เม็ดเงินลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็วจนรู้สึกได้
ทว่าในตอนนี้ เม็ดเงินที่โดนใช้ไปนั้นกลับโดนเพิ่มด้วยเงินที่จำนวนมหาศาลมากกว่าแล้ว นั่นจึงทำให้เสวี่ยหยูไม่ลังเลที่จะตั้งหน้าตั้งตาขยายกิจการอย่างเต็มกำลัง คราวนี้ล่ะ นางจะซื้อทุกอย่างที่คิดว่าสามารถช่วยขยายกิจการของหอการค้าได้โดยไม่ลังเลแล้ว! แบบนี้จะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร
นอกจากนางแล้วเจิ้งซูเองก็รู้สึกดีใจมากๆเหมือนกัน ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนที่เขาได้เข้ามาทำงานภายในหอการค้าแห่งนี้ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของที่นี่เป็นอย่างมากตั้งแต่ที่เย่เย่มาถึง นี่มันยิ่งทำให้เขามั่นใจในตัวเย่เย่มากขึ้นไปอีก ราวกับว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เย่เย่ทำไม่ได้อีกแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ เย่เย่นั้นยังใจดีที่จะช่วยชดใช้หนี้ที่ยืมมาจากคนอื่นครั้นที่แม่ของเขาป่วยเมื่อไม่กี่วันหลังจากที่เขาเข้ามาเป็นคนงานให้กับหอการค้าหยูเย่อีกด้วย เพราะแบบนี้มันทำให้เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้คำสั่งและทำในสิ่งที่หัวใจเขาไม่ปรารถนาอีกต่อไป ดังนั้นแล้วชีวิตของเจิ้งซูตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ที่นี่นั้นจึงนับว่าถูกเติมเต็มไปด้วยความสุขจนมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ความสุขมักจะอยู่กับพวกเขาไม่นาน ในขณะที่เจิ้งซูนั้นต้องการที่จะอาศัยอยู่ในหอการค้าหยูเย่เพื่อทดแทนบุญคุณเย่เย่ต่อไปเรื่อยๆ แต่ใครบางคนกลับไม่ต้องการให้เขาอยู่ในโลกนี้ต่อพร้อมๆกับวางแผนที่จะฆ่าเขาอย่างดิบดีแล้ว
ทันทีที่หอการค้าหยูเย่นั้นได้ร่วมทุนกับหอการค้า ตงหยวนเพื่อการก้าวหน้าที่ดีขึ้น กลุ่มสายน้ำหลั่งไหลก็กลับมาอีกครั้งเพื่อระรานหอการค้าหยูเย่ หลังจากที่คนเหล่านี้ขับไล่ลูกค้าออกไปจากหอการค้าหมดแล้ว พวกเขาทุกคนก็พากันมาล้อมสถานที่แห่งนี้เอาไว้ราวกับจะก่อสงครามก็มิปาน
“เจ้าอีกแล้วงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าครั้งที่แล้วข้าไม่ควรจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆจริงๆสินะ?”
เสี่ยวหยูเมื่อเห็นว่าพวกตนถูกห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มสายน้ำหลั่งไหล นางก็ยั้วะขึ้นมาทันที ครั้งที่แล้วคนเหล่านี้ก็เพิ่งมาสร้างปัญหาให้แท้ๆ แบบนี้เรียกไม่หลากไม่จำสินะ?
เหล่าชายที่ดูแข็งแกร่งเมื่อจำเสี่ยวหยูได้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผลอถอยกลับออกไปนิดหน่อย สีหน้าของพวกเขาแสดงความหวาดกลัวออกมาแต่ไม่เพียงไม่นานนัก เมื่อตระหนักได้ว่ากลุ่มสายน้ำหลั่งไหลนั้นไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว พวกเขาก็เดินกลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับมองทั้งเสี่ยวหยูและเจิ้งซูด้วยแววตาก้าวร้าว
“เจ้าเป็นเจ้าของกิจการหอการค้าหยูเย่หรืออย่างไร?”
คราวนี้ชาย 2 คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าคนใหม่ของกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลเดินนำขึ้นมา หนึ่งในพวกเขาเอ่ยถาม เสี่ยวหยูเสียงเบาแต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความทะนงตน แม้ว่าชายอีกคนหนึ่งจะไม่ได้พูดอะไร แต่ตัวเขาก็ดูจะโอหังไม่ทิ้งกันเสียเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าพวกเขาดูเหมือนจะคุยอยู่กับเสี่ยวหยูก็จริง แต่จริงๆแล้วพวกเขากำลังสังเกตเจิ้งซูที่อยู่ข้าวๆเสี่ยวหยูแบบลับๆอยู่ต่างหาก เพื่อที่จะยืนยันว่าเป็นคนจากตระกูลเจิ้งจริงๆ และเพราะการกระทำนี้มันค่อนข้างแนบเนียนมาก จึงไม่มีใครรับรู้ได้ถึงสิ่งที่แอบแฝงนี้
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวหยูและเจิ้งซูก็ไม่ได้ไล่คนเหล่านี้ออกไปทันที นั่นเพราะเด็กๆทั้งสองสัมผัสได้ว่าชาย 2 คนตรงหน้านี้แข็งแกร่งมากยิ่งนัก
สีหน้าของเสี่ยวหยูนั้นไม่สู้ดีนักแต่นางก็ทำได้แค่ผายมือไปทั้งชายผู้ที่ถามเพื่อตอบกลับ “ใช่แล้ว! ข้าน่ะมีสิทธิ์เต็มที่ภายในหอการค้าหยูเย่แห่งนี้เช่นเดียวกับนายน้อยของข้านั่นแหละ มีเรื่องอะไรก็บอกข้าได้เหมือนกัน”
ชายคนดังกล่าวไม่พูดพร่ำทำเพลงและอธิบายถึงจุดประสงค์ที่กลุ่มสายน้ำหลั่งไหลมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ทันที “ก่อนหน้านี้เจ้าทำร้ายพรรคพวกของข้า ครั้งนี้ข้ากลับมาเพื่อแก้แค้น! จากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีหอการค้าหยูเย่อยู่ในเมืองนี้อีก!”
“ลูกพี่ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!”
“คราวนี้แหละ พวกเราสายน้ำหลั่งไหลชนะแน่!”
เหล่าสมาชิกกลุ่มสายน้ำหลั่งไหล่มีใจลุกขึ้นสู้กันมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นนาย พวกเขาต่างกู่ร้องพร้อมๆกันราวกับกำลังร้องปลุกใจให้กันเอง ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดจากที่โดนเสี่ยวหยูสั่งสอนไปนั้นจะมลายหายไปหมดแล้ว
หากเป็นพวกเขาเมื่อในอดีตล่ะก็ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว ทางฝั่งของหอการค้าหยู่เย่นั้นมีทั้งจ้าววรยุทธ์และเทพยุทธ์อยู่ ในขณะที่สมาชิกกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกตนเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าพวกเขาจะกล้ามากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะกลับมาแก้แค้นหอการค้าหยูเย่แห่งนี้แน่ๆ
ทุกอย่างมันเป็นเพราะเมื่อคืนก่อน ชายสองคนที่แข็งแกร่งนี้ปรากฏตัวขึ้นที่กลุ่มสายน้ำหลั่งไหล ทั้งสองคนนี้ฆ่าหัวหน้ากลุ่มคนเก่าด้วยพลังของสายฟ้าและเข้ายึดกลุ่มนี้ในทันที มันทำให้กลุ่มนี้เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นผู้มีวรยุทธ์อันแกร่งกล้า ทันทีที่พวกเขาได้ขึ้นเป็นใหญ่ พวกเขาก็ประกาศก้องว่าจะเข้าโจมตีหอการค้าหยูเย่เพื่อล้างแค้นให้เหล่าพรรคพวกที่เคยถูกเล่นงานมาก่อน นั่นจึงทำให้เหล่าสมาชิกกลุ่มต่างพากันตื่นเต้นและดีใจกันถ้วนหน้า
และด้วยการที่ภายในกลุ่มคนเหล่านี้ มีคนที่เสี่ยวหยูเคยสั่งสอนมาก่อนรวมอยู่ด้วย ดังนั้นแล้วคนพวกนี้จึงดูมีชีวิตชีวามากกว่าใครเพื่อนเลย
ทางฝั่งเสี่ยวหยูตอนนี้ดูจะถูกกดดันมากที่สุดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายเหล่านี้ ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ใส่ใจคนอื่นแล้วคอยระวังแค่สองคนตรงหน้านี้ก็ตาม นางก็ยังรู้สึกว่าคนพวกนี้มีอะไรที่นางยังคาดไม่ถึงซ่อนอยู่ บางทีแม้แต่เย่เย่ก็อาจจะกำจัดคนเหล่านี้ไม่ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น เสี่ยวหยูเองก็พึงระวังตัวให้มากขึ้นไปอีก
“เจ้าโดนเป่าหูแล้ว! ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกน้องของเจ้าเข้ามาสร้างปัญหาในหอการค้าของข้าก่อน ข้าจะยื่นมือเข้าไปสั่งสอนลูกน้องเจ้าหรือ? เพราะฉะนั้นสิ่งที่เจ้าต้องจัดการก็คือลูกน้องของเจ้า ไปจัดการกันให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาสรุปกับข้า!”
เสี่ยวหยูเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่คนของกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลนั้นเข้ามามีปากเสียงกับนางในหอการค้านี้ก่อน ทางฝั่งเจิ้งซูและคนงานคนอื่นๆของหอการค้าหยูเย่เองก็ต่างพยายามช่วยพูดเพื่อให้เสี่ยวหยูชนะ พวกเขาเหล่านี้ไม่อยากจะให้หอการค้าหยูเย่ต้องมาพังทลายด้วยเงื้อมมือของกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลเช่นนี้
“พอ! ยังไงเสียความจริงที่เจ้าทำร้ายพรรคพวกของข้ามันก็ยังไม่แปรเปลี่ยนอยู่ดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นเหตุผลให้ข้ากลับมาแก้แค้น! เอาล่ะ จัดการหอการค้านี่ให้ย่อยยับเลย!”
ชายคนนี้ดูจะไม่สนใจฟังเสี่ยวหยูอธิบายใดๆทั้งสิ้น เขาผละความสนใจจากนางแล้วหันไปสั่งเหล่าลูกน้องที่ตามมาด้วยให้เริ่มทำลายหอการค้านี้ทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ใครหน้าไหนกล้าที่จะมาพังร้านของข้า ข้าจะซัดให้อ่วมเลย!”
เมื่อเสี่ยวหยูเห็นคนของกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลเริ่มจะเดินไปตามชั้นวางของต่างๆภายในหอการค้า นางก็รีบพุ่งเข้าไปและจัดการคนเหล่านั้นด้วยฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
*ตุ้บ!*
เพียงไม่นาน คนที่คอยปิดทางเข้าออกของหอการค้าต่างก็ร้องโอดครวญและพากันกระเด็นลอยลงไปกองกับพื้น ซึ่งมันทำให้คนของกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลอีกหลายคนที่รับคำสั่งมาต่างก็ต้องหยุดชะงักก่อน พวกเขานั้นกำลังเกรงกลัวในพลังของจ้าววรยุทธ์อย่างเสี่ยวหยู
“เจ้าพวกโง่!”
หัวหน้าทั้งสองของกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลที่เห็นลูกน้องของตนพ่ายแพ้หมดท่าก็รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว ชายคนที่พูดกับเสี่ยวหยูนั้นเคลื่อนไหวเข้าหานางอย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยหมัดตรงเข้าเต็มๆ ส่วนชายอีกคนหนึ่งก็แยกไปทางเจิ้งซูโดยตั้งใจจะจัดการเด็กหนุ่มให้ตายด้วยการตบลงไปที่หัวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“พวกเจ้ารนหาที่ตายเองนะ!”
ในตอนนั้นเอง เสียงที่ฟังดูเกรี้ยวกราดดังระงมไปทั่วหอการค้าหยูเย่ และทันใดนั้นร่างของเย่เย่ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชายทั้งสองคนราวกับเป็นวิญญาณพร้อมกับแยกคนเหล่านี้ออกจากกันด้วยมือเพียงข้างเดียว
*ผั้วะ!* *ผั้วะ!*
หลังเสียงปะทะ 2 ครั้ง ร่างของหัวหน้ากลุ่มสายน้ำหลั่งไหลผู้แข็งแกร่งต่างก็พากันถอยออกมาตั้งหลักกันทั้งคู่ พวกเขานั้นตกอยู่ในภวังค์ของความตกใจที่ได้เห็นเย่เย่ปรากฏตัวพร้อมกับมือที่ยังรู้สึกชาอยู่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรับรู้มานานแล้วว่ามีเทพยุทธ์ที่แข็งแกร่งอยู่ในหอการค้าหยูเย่ แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าความแข็งแกร่งของคนคนนี้จะเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาประเมินไว้เป็นอย่างมาก
กว่า 10 ปีที่เฝ้าฝึกฝนมา ในที่สุดพวกเขาเองก็ได้เป็นเทพยุทธ์ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังพยายามฝึกฝนตนเองต่อจนวรยุทธ์ในกายมันมั่นคงอีกด้วย แต่มันกลับกลายเป็นว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เย่พวกเขาก็ดูจะพัฒนาตนเองช้าไปเลย ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะเพิ่งก้าวขึ้นเป็นเทพยุทธ์ได้ไม่นาน แต่เพราะเขาใช้ยาวรยุทธ์ที่เติบใหญ่ไปแล้วจำนวนมาก มันจึงทำให้วรยุทธ์ในกายของเย่เย่ตอนนี้เข้าใกล้จุดสูงสุดของเทพยุทธ์ขึ้นไปทุกทีๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันมากกว่าทั้งสองคนนี้อยู่ราวกับฟ้าและเหวเลย
ในทันทีที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้พบกัน เด็กๆนั้นกำลังสั่นกลัวกันแบบสุดๆรวมไปถึงสีหน้าก็ดูจะกลัวเอาเสียมากๆด้วย
“เสี่ยวหยู เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
เย่เย่ไม่สนใจพวกกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลและชี้มายัง เสี่ยวหยูกับคนอื่นๆที่อาจจะบาดเจ็บอยู่
“นายน้อย ข้าไม่เป็นไร ทั้งสองคนนั้นเป็นหัวหน้าคนใหม่ของกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลเจ้าค่ะ คนพวกนี้ต้องการที่จะแก้แค้นให้กับพรรคพวกของพวกมัน ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ข้าไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงได้ง่ายๆ!”
เมื่อเสี่ยวหยูเห็นเย่เย่ปรากฏตัว ความกังวลทั้งหมดก็หายไป นางเหลือบตากลับไปมองหัวหน้ากลุ่มสายน้ำหลั่งไหลทั้งสองอีกครั้งด้วยความสงสัยและรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลจากคนเหล่านี้
พูดกันง่ายๆก็คือ ถ้าหากคนทั่วๆไปมีเรื่องกับจ้าววรยุทธ์ คนพวกนั้นก็ย่อมต้องถูกลงโทษอยู่แล้ว หลักๆนั่นก็เพราะคนเหล่านี้ทำตัวเอง ถ้าเกิดตัวเองถูกฆ่าตายไปก็ยังไม่สามารถเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย เพราะงั้นแล้วการที่เสี่ยวหยูลงโทษชายพวกนี้หลังจากมาสร้างปัญหาในหอการค้า มันก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไรหรือมีค่าขนาดที่ต้องมาล้างแค้นเช่นนี้ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่าตกใจคือ กลุ่มสายน้ำหลั่งไหลมากกว่า เพราะแต่เดิมกลุ่มคนเหล่านี้เป็นเพียงอันธพาลที่ก่อตัวอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น แต่จู่ๆพวกเขาก็มีเจ้านายใหม่ขึ้นมาถึง 2 คนที่อยู่ในระดับเทพยุทธ์อันหาได้ยากมากๆในเมืองนี้
และเพราะเทพยุทธ์นั้นหลักๆจะมีพลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้นแล้วร้อยทั้งร้อยพวกเขาจึงสามารถเข้าร่วมกับฝ่ายใดก็ได้ใน หลิงเฉิง พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลนี่เลย หรือถ้าจะบอกว่าเพราะมันง่ายที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า แต่ยังไงเสียผลประโยชน์ที่ได้จากการอยู่กับกลุ่มนี้มันก็ช่างหากไกลกับฝ่ายอื่นอยู่อีกมากเลย
ด้วยเหตุนี้เสี่ยวหยูจึงคิดว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาเพราะโกรธแค้นแทนพรรคพวกที่เคยโดนสั่งสอนไปอย่างแน่นอน ต้องมีเหตุผลที่ลึกกว่านั้น เย่เย่ที่ได้ฟังเสี่ยวหยูคาดเดาก็ยังคงจ้องไปยังศัตรูด้วยแววตาที่ดุร้ายจนหาที่เปรียบไม่ได้อยู่ ชัดเจนเลยว่าเย่เย่เองก็จะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ออกไปง่ายๆเช่นกัน
“พวกเจ้าจะเลือกยอมแพ้ในเรื่องนี้แต่โดยดีแล้วอยู่นิ่งๆ หรือจะให้ข้าซ้อมจนกว่าพวกเจ้าจะร้องไห้หาพ่อหาแม่แล้วค่อยยอมแพ้? เลือกเอาได้เลย!”
เพราะเสี่ยวหยูและคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับหอการค้าหยูเย่เกือบจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเย่เย่จึงไม่คิดจะไยดีกับกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลนี่แต่อย่างใด ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ปล่อยให้หัวหน้าทั้งสองของกลุ่มออกไปได้แล้ว เดี๋ยวลูกน้องคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกก็จะได้รับการสั่งสอนที่สาสมกับความโกรธของเย่เย่ด้วย
“ไอ้หนู เจ้าคิดว่านั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกข้าทำได้งั้นเหรอ? เลิกพูดจาโอ้อวดได้แล้ว!”
หัวหน้ากลุ่มสายน้ำหลั่งไหลคนใหม่นี้ คนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นพี่และอีกคนเป็นน้อง แต่เดิมพวกเขาตั้งใจจะยอมถอยทัพไปแล้ว แต่พอได้ยินเย่เย่พูด เขาก็รู้สึกว่าโดนหยามเกียรติมากเกินไป ซึ่งมันทำให้เขาตัดสินใจอยู่ต่อและสู้กับเย่เย่แทน
ตอนนั้นเองผู้เป็นน้องก็รีบวิ่งเข้ามาอยู่ข้างๆพี่ที่กำลังคิดสู้กับเย่เย่โดยที่เขาเองก็คอยดูท่าทีของเย่เย่ไว้ตลอดเช่นกัน
ทั้งสองคนนี้เป็นนักฆ่าที่รู้จักกันดีในช่วงตะวันตกเฉียงใต้ของแผ่นดินฉางหลาง เมื่อคนเหล่านี้มาเพื่อฆ่าคนในหลิงเฉิง พวกเขาไม่คิดว่ามีครั้งไหนที่ทำไม่สำเร็จ ถึงแม้เย่เย่จะทำให้พวกเขารู้สึกตึงมือบ้าง แต่ความรู้ใจของสองพี่น้องนี้ไม่เป็นสองรองใครทั้งนั้น มันจึงทำให้พวกเขายิ่งมั่นใจขึ้นไปอีกว่าหากร่วมมือกัน พวกเขาต้องฆ่าเย่เย่ได้อย่างแน่นอน
ในทันทีที่เสียงของผู้เป็นพี่ใหญ่เงียบลง ทั้งสองก็พุ่งเข้าหาเย่เย่อย่างพร้อมเพรียงกันควบคู่ด้วยหมัดจากทั้ง 4 มือก็โจมตีดักหน้าดักหลังไปพร้อมๆกันจนทำให้เย่เย่ไม่มีทางให้ถอยกลับไปไหนแล้ว