บทที่ 56
แสดงความยินดี
เย่เย่นั้นตระหนักได้ถึงการมีอยู่ของสายลับพวกนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ส่วนตัวแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะงั้นแล้วในวันนี้เขาจึงเดินฝ่าคนเหล่านี้ไปยังตำหนักตระกูลจินโดยตรง
ตระกูลจินนั้นแต่ดั้งแต่เดิมเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ แต่เพราะการที่จินหยูมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ มันเลยทำให้ตระกูลจินเหมือนได้เกิดใหม่อีกรอบ ถึงแม้ว่าขนาดของตระกูลจะเล็กและมีเพียงตำหนักที่ใหญ่โตหรูหราเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะดูหมิ่นตระกูลนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะจินหยูล้วนๆเลย
ในวันนี้ จินหยูผู้ที่ตามปกติจะฝึกฝนวิชาอยู่ภายในปราการหลิงหยวน จู่ๆก็นึกสนุกอย่างกลับบ้านขึ้นมา และด้วยข้างๆเขานั้นเองก็มีหญิงสาวผู้เลอโฉมตามติดมาด้วย นางผู้นั้นคือ หลินหยูฉี ผู้ที่เป็นคนรักของเขา ณ ปัจจุบันนี้
แต่เดิมแล้วหลินหยูฉีก็มีความสามารถที่สูงเป็นทุนอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อนางได้เข้าร่วมกับปราการหลิงหยวนแล้ว นางก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านางจะได้บทเรียนอะไรมาบ้างจากเมื่อครั้งอยู่ในเฟิงเจิ้น ดังนั้นแล้วนางจึงไม่ทำตัวเป็นพวกกดขี่ข่มเหงคนอื่นและคอยแต่จะทำตัวให้ดูติดดินเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ตลอด ด้วยเหตุนี้นางจึงกลายเป็นที่โปรดปรานของเหล่าศิษย์ภายในปราการหลิงหยวนกันถ้วนหน้า พวกเขาพร้อมใจกันจะปกป้องนางไม่เว้นแม้แต่จินหยู ชายผู้ยิ่งใหญ่ในปราการ หลิงหยวนเองก็ยังต้องก้มหัวให้นางอย่างอ่อนน้อม
นอกจากนั้นแล้วการที่ตระกูลของเขานั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าตระกูลอื่นแม้ตัวเขาจะมีชื่อเสียง ดังนั้นจินหยูจึงเหมือนมังกรในหมู่มนุษย์ ที่ซึ่งไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์และพลังที่เขาแบกรับเอาไว้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ไม่มีใครคนไหนในปราการหลิงหยวนสามารถเทียบเคียงได้ และเพราะแบบนี้หลินหยูฉีจึงไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้ขึ้นไปนั่งยังบัลลังก์แห่งนี้ไปอย่างง่ายๆ นางรีบเข้าหาจินหยูและกลายเป็นคู่รักระดับเทพที่ใครต่อใครต่างต้องอิจฉา
ด้วยการนี้ชื่อเสียงของนางจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และเมื่อได้ชื่อเสียงกลับคืนมา สันดานเดิมๆของนางเองก็ค่อยๆเผยออกมา ไม่ว่าจะเป็นความทะเยอทะยานหรือความหยิ่งยโส ที่เดียวที่นางจะเสแสร้งทำตนเป็นนกตัวเล็กๆก็คือต่อหน้าจินหยูเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจมากขึ้นๆจนอยู่เหนือทุกคนในปราการหลิงหยวน ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้สึกไม่ดีกับพฤติกรรมของหลินหยูฉี แต่พวกเขาก็จำใจต้องเงียบหรือไม่ก็สรรเสริญนางไปแทน ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งหน้าของจินหยูนั่นแหละ
ความหยิ่งผยองของหลินหยูฉีนั้นยังคงเพิ่มมากขึ้นไม่หยุดเมื่อได้ยินข่าวเรื่องที่เย่เย่มาตั้งหอการค้าหยูเย่อยู่ที่หลิงเฉิง นางไม่รอช้าที่จะวางแผนเป่าเขาให้กระจุยไปในคราเดียว ทว่า สิ่งหนึ่งที่นางไม่ได้คาดคิดเลยนั่นก็คือ เย่เย่นั้นกลับเติบใหญ่ในหลิงเฉิงเร็วเกินกว่าที่นางจะตั้งตนสำเร็จ เพราะฉะนั้นหากนางยังปล่อยเขาเติบใหญ่อยู่เช่นนี้ ท้ายสุดแล้วจะเป็นนางเองที่ไม่สามารถใช้อำนาจของตนกดเย่เย่ให้ออกจากเมืองนี้ได้
ดังนั้นนางจึงตัดสินใจส่งคนจากปราการหลิงหยวนอย่างจางซวนและกูเฉิงให้ไปพาตัวเย่เย่มาหานางเพื่อที่จะได้จัดการเรื่องของนางและเขาให้จบๆไป แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่หลินหยูฉีไม่คาดคิดว่าเย่เย่จะพัฒนาตนเองได้เร็วและแข็งแกร่งขึ้นในระดับที่จางซวนและกูเฉิงไม่สามารถเทียบชั้นได้ ความกังวลเพิ่มขึ้นมาแล้ว ถ้าหากไม่ติดว่าจินหยูนั้นคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆนางตลอด บางทีนางคงจะส่งคนไปยังปราการหยูเย่อยู่เรื่อยๆ
“น้องฉี เจ้ายังคงโกรธเจ้าตัวตลกนั่นอยู่อีกหรือ? ข้าบอกไปแล้วนี่ว่าถ้าข้าได้ผู้ชนะจากงานพบปะหลิงหยวนแล้ว ข้าจะไปลากตัวเจ้านั่นมาให้เจ้าเอง! ไว้ใจข้าได้เลย ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่ๆ ไม่นานต่อจากนี้เจ้าจะต้องได้ประทับฝ่ามือลงไปที่เขาอย่างแน่นอน!”
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขากลับมายังตำหนักตระกูลจินพร้อมกับหลินหยูฉี ซึ่งด้วยความเป็นครั้งแรกมันจึงทำให้เหล่าผู้คนในตระกูลจินนนั้นต่างตื่นเต้นและวุ่นวายกับการจัดเตรียมของต้อนรับต่างๆรวมถึงไปจัดการผ่าแตงและผลไม้หวานๆมาให้เป็นของกินเล่นอีกด้วย หลายๆคนในนี้นั้นได้เข้าร่วมพิธีหมั้นของทั้งสองต่างก็รู้สึกดีกับพวกเขาในวันนี้ด้วย
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า จินหยูรู้สึกได้ถึงความพึงพอใจแบบสุดๆราวกับโลกทั้งใบอยู่ในกำมือของเขาแล้ว เขาเหมือนคนที่ยืนอยู่บนยอดเขาสูงนามว่าหลิงเฉิง และมองลงมาด้านล่างมองยังผู้คนเบื้องล่างที่ตัวเล็กเหมือนมด
มีเพียงหลินหยูฉีผู้เดียวเท่านั้นที่ทำให้สายตาของเขาต้องเหลียวตาม แม้ว่าพักหลังๆมาเขาจะเริ่มเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของนางมากขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นแล้วเขาก็ยังคงตกหลุมรักนางจนหมดหัวใจดังเดิมและพร้อมที่จะทำลายทุกๆคนที่คิดจะเป็นศัตรูกับนางโดยไม่มีข้อยกเว้นอะไรทั้งนั้น
“ข้าต้องขอบคุณท่านมากๆเลย ท่านพี่จินหยู แต่ตอนนี้ข้าแค่กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของจางซวนและกูเฉิงเฉยๆ พวกเขานั้นทำงานให้ข้าแท้ๆ แต่กลายเป็นว่างานที่ข้าฝากให้พวกเขาทำต้องทำให้พวกเขาบาดเจ็บเช่นนี้ ข้ารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดจริงๆ!”
รอยยิ้มที่นางมอบให้จินหยูนั้นเสมือนว่านางเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ที่มีจิตใจงดงาม ถึงแม้ว่าจินหยูจะรู้ดีอยู่แล้วว่านี่มันเสแสร้งแต่เขาก็ยังรู้สึกมีความสุขได้โดยไม่คิดจะคัดค้านอะไร
“ฮึ่ม พวกเบี้ย 2 ตัวนั้น! ข้าควรจะทำยังไงดีนะ ขนาดเรื่องเล็กๆแค่นี้ยังจัดการไม่ได้?”
จางซวนและกูเฉิงนั้นกำลังถูกรักษาตัวอยู่ในปราการ หลิงหยวนหลังจากที่บาดเจ็บหนักมาจากเย่เย่ ทว่าแม้จะต้องเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้แต่เขากลับไม่ได้รับการเห็นอกเห็นใจหรือกล่าวชมจากจินหยูแต่อย่างใด กลับกันเข้ายังถูกตำหนิเพราะทำงานพลาดอีกด้วย ในสายตาของจินหยูนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหากทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จก็ไม่สมควรที่จะได้เป็นผู้ติดตามเขาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จินหยูเองก็เพิ่งจะเริ่มนึกตระหนักถึงศัตรูของหลินหยูฉีขึ้นมาเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าเขามั่นใจหนักแน่นว่าจะฆ่าเย่เย่เพื่อหลินหยูฉี แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะรอไปจัดการเรื่องนี้หลังจากที่ได้ผู้ชนะจากงานพบปะหลิงหยวนเสียก่อน
อีกไม่นานงานพบปะประจำปีของหลินหยวนก็จะถูกจัดแล้ว งานนี้ถือเป็นงานที่เหล่าหัวกะทิทั้งหมดภายในหลิงหยวนต่างเฝ้ารอและฝึกฝนตนเพื่อการนี้มาอย่างดิบดี ดังนั้นแล้วหากปราการหลิงหยวนผู้เป็นเจ้าภาพไม่สามารถรักษาตำแหน่งผู้ชนะไว้ได้ เขาอาจจะต้องถูกหัวเราะเยาะจากคนทั่วหลิงเฉิงเลยก็เป็นได้ ดังนั้นแล้วจินหยูผู้เป็นผู้ปกครองที่นี่นั้นจึงเล็งเห็นว่าเรื่องนี้มันยิ่งใหญ่กว่า เช่นนั้นเขาจึงเก็บเรื่องเย่เย่เอาไว้ไปจัดการหลังงานจบแทน
ตอนนั้นเอง ขณะที่เขาตัดสินใจจะเอาเรื่องเย่เย่ไปจัดการทีหลังและปล่อยให้เย่เย่ได้ใช้ชีวิตต่อไปก่อน เย่เย่ก็เป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนเขาถึงหน้าประตูตำหนักตระกูลจินพร้อมกล่องของขวัญในมือเสียเอง
“ข้าก็นึกว่าเจ้าหมอนี่มีดีอะไร แต่ที่ไหนได้ก็ยังต้องมาขอประนีประนอมกับพวกปราการหลิงหยวนอยู่ดีนี่หว่า!”
“ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับจินหยูก็เหมือนเป็นศัตรูกับปราการหลิงหยวนนั่นแหละ นี่ก็ปกติแล้วที่จะต้องรีบมาขอความเมตตาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“น่าสมเพชจริงๆ ตอนแรกข้าก็นึกว่าในที่สุดหลิงเฉิงก็มีคนกล้าที่จะท้าสู้กับปราการหลิงหยวนด้วยตัวคนเดียว นี่ไม่คาดคิดเลยว่าหมอนั่นจะทำตัวเย่อหยิ่งได้ไม่กี่วันเท่านั้น!”
สายลับเหล่านี้ต่างมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้ต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รีบส่งข่าวที่เย่เย่มาเข้าเยี่ยมตระกูลจินกลับไปยังฝ่ายของตนทันที ฝ่ายเหล่านี้ต่างมีท่าทีเดียวกันหลังจากได้รับข่าวมาจากสายลับที่ส่งไปคอยตรวจสอบเรื่องเย่เย่ นั่นก็คือ พวกเขาหมดความสนใจในตัวเย่เย่เพราะคิดว่าเย่เย่เข้าไปประนีประนอมกับตระกูลจินแล้ว
หลังจากที่เข้าตำหนักตระกูลจินไปแล้ว เย่เย่ก็รีบเข้าไปหาจินหยูและหลินหยูฉีโดยมีคนรับใช้ของตระกูลจินเดินนำเขาไป กล่องของขวัญที่เตรียมมานั้นไม่ได้เป็นของที่นำมาไถ่โทษแต่อย่างใด หากแต่เป็นของที่นำมาแสดงความยินดีที่ซึ่งเขาให้เสี่ยวหยูเตรียมให้ก่อนหน้านี้
“เย่เย่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
เมื่อเห็นเย่เย่ หลินหยูฉีก็ลุกพรวดขึ้นมาทันทีและเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ยังไงซะเจ้าก็ยังเป็นพี่สาวข้านี่ เช่นนั้นแล้วการที่น้องชายจะมามอบของขวัญวันแต่งงานให้พี่สาวจะเป็นเรื่องแปลกอันใด?”
เย่เย่ยิ้มน้อยๆและเขย่ากล่องของขวัญในมือพร้อมกับพูดด้วยเสียงเบากับหลินหยูฉีด้วย
จินหยูที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งไม่เคยพบเจอกับเย่เย่มาก่อน แต่เขาก็สามารถรู้ได้ว่านี่คือเย่เย่จากบทสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และเมื่อเขามองไปยังกล่องของขวัญในมือและคิดว่าเย่เย่มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพวกเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างประชดประชัน
“เจ้าคิดว่าของขวัญชิ้นนี้จะช่วยให้เจ้ามีชีวิตรอดได้อย่างงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าคิดจริงๆ ข้าคงจะต้องแนะนำให้เจ้ากลับไปล้างคอรอความตายแทนจะดีกว่านะ! ตอนนี้น่ะไม่มีใครในหลิงเฉิงที่จะสามารถปกป้องเจ้าได้แล้ว! ทะนุถนอมวาระสุดท้ายของชีวิตไว้ให้ดีๆซะล่ะ!”
คำพูดของจินหยูนั้นทำให้หลินหยูฉีสะดุ้ง นางรีบกลับไปนั่งตามเดิมและมองเย่เย่ด้วยท่าทีที่ดูสูงส่งก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเพียงแค่ประหลาดใจที่นายน้อยตระกูลเย่แห่งเฟิงเจิ้นนั้นรู้จักการขอความเมตตาจากข้าด้วย? เจ้าไม่ใช้ท่าทีจองหองแบบที่เจ้าใช้บ่อยๆแล้วหรือไร? หรือว่าเจ้ากำลังเกรงกลัวในชื่อเสียงของปราการหลิงหยวนอยู่? ช่างน่าเสียดายที่ทุกสิ่งที่เจ้าทำนั้นมันไร้ประโยชน์ เพราะข้าคงจะจบเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆเสียแล้ว!”
เมื่อหลินหยูฉีระลึกได้ถึงความอับอายที่โดนขับไล่ออกมาจากอารามจ้าววรยุทธ์ได้ ความเกลียดชังที่เคยข่มไว้มันก็กลับออกมาอีก หลังจากที่นางแสดงให้เห็นถึงวรยุทธ์ที่แกร่งกล้าเหนือใครในเฟิงเจิ้นแล้ว หลินหยูฉีก็ปฏิญาณกับตนเองเอาไว้ว่าจะไม่ถูกดูถูกอีก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อลูกตระกูลเย่ผู้ที่ซึ่งเคยเลี้ยงนางมา
ทว่าเย่เย่นั้นกลับเติบใหญ่อย่างรวดเร็วจนทำให้นางรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่า และไม่ว่าหลินหยูฉีจะทำวิธีไหนเพื่อที่จะกดขี่และทำลายชื่อเสียงของเย่เย่ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลย โดยเฉพาะเมื่อตอนที่นางนั้นอยู่ในโถงบังคับใช้กฎหมายของอารามจ้าววรยุทธ์ เย่เย่ทำให้นางได้ลิ้มรสของความอับอายแบบหาที่สุดไม่ได้ นับตั้งแต่นั้นมา นางก็ตัดสินใจแล้วว่าไม่นางก็เย่เย่ที่จะต้องตายก่อน ในตอนนี้ เย่เย่นั้นอยู่ในมือของนางแล้ว หลินหยูฉีจึงไม่อดกลั้นความเกลียดชังที่มีและเลิกคิดที่จะสงบศึกกับเย่เย่อีกต่อไป
“ไม่ๆๆ พวกเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว! ถึงแม้ว่านี่จะเป็นของขวัญก็จริงนะ แต่ข้าไม่คิดหรอกว่าจะมีคนอื่นชอบมันนัก เอาเป็นว่าถ้าเห็นแล้วชอบไม่ชอบก็บอกข้าด้วยก็แล้วกัน”
สีหน้าของเย่เย่ยังคงยิ้มแย้มกระนั้นแววตากลับดูไม่แยแส เขาเปิดกล่องของขวัญออกมาและเผยให้เห็นนาฬิกาเรือนเล็กที่ดูเปราะบางที่มีคำว่า ‘หลิน หยู ฉี’ สลักเอาไว้ชัดเจนบนนั้น
“เจ้ารนหาที่ตายด้วยตัวเองนะ!”
ทันทีที่ได้เห็นสิ่งนั้นจินหยูก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที
ด้วยวรยุทธ์ขั้นสูงที่ถูกเก็บไว้ในกาย ต่อให้เขายังไม่ได้แสดงกระบวนท่าใดๆให้เห็น พลังของเขานั้นก็ห่างชั้นกับจางซวนและกูเฉิงที่พบเจอก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
ภายในห้องแห่งนี้ สายลมจากภายนอกเริ่มหลั่งไหลเข้ามารวมตัวกัน มันพัดเอาทั้งหินดินทรายจากภายนอกให้ลอยละลิ่วเข้ามาภายในด้วย เหล่าคนใช้ตระกูลจินที่นำทางเย่เย่มายังห้องแห่งนี้นก็รีบเข้าไปหลบอยู่มุมมุมหนึ่งของห้องเพราะกลัวความแข็งแกร่งที่ปลดปล่อยออกมานี้ เขากำลังกลัวที่เห็นว่าจินหยูกำลังพุ่งเข้าหาเย่เย่อย่างรวดเร็ว
“อย่ามาเสียใจที่ต้องมาตายเพราะปากตัวเองก็แล้วกันล่ะ!”
หลินหยูฉีที่มองการเข้าจู่โจมของจินหยูที่หมายเอาชีวิตของเย่เย่ นางก็แสดงสีหน้าน่ารังเกียจออกมาและพุ่งเข้าหาเย่เย่ด้วยเช่นกัน สายตาของนางนั้นเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไปราวกับว่าอยากจะฉีกหนังเย่เย่ออกมาจนหมด
“ข้าไม่มั่นใจซักเท่าไหร่ว่าใครจะตาย แต่ไม่ใช่ข้าแน่ๆแล้วหนึ่ง! ไหนๆก็เป็นพี่สาวข้าแล้ว ข้าจะสอนอะไรให้เอาบุญก่อนตายนะ ‘อย่าเมินของขวัญที่คนอื่นให้’! ”
เย่เย่พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกับจินหยูด้วยฝ่ามือข้างเดียวกัน
*ตู้ม!*
การปะทะกันของทั้งสองนั้นทำเอาลานกว้างที่เคยเงียบสงบเกิดเสียงดึงครึกโครมราวกับฟากฟ้ากำลังพิโรธ เหล่าสมาชิกตระกูลจินต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาต้องพากันมารวมตัวเพื่อดูการปะทะกันอันหนักหน่วงเช่นนี้
ไม่เพียงแต่คนในตระกูลจินเท่านั้นที่ออกมาดู แต่เหล่าสายลับที่ได้ยินเสียงดังโครมครามเช่นนี้เองยังต้องเร้นกายเข้าใกล้ตำหนักตระกูลจินเพื่อรับชมการต่อสู้ระหว่างเย่เย่และจินหยูด้วย
“ก-การต่อสู้นี่มันอะไรกันน่ะ?! จินหยูกับภรรยาของเขาไม่ยอมให้อภัยเย่เย่งั้นเหรอ?”
สายลับเหล่านี้ดูจะงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเมื่อเขาเห็นกล่องที่คุ้นตาตกไปอยู่บนพื้น พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“นั่นมันระเบิด! ของขวัญที่นำมาส่งในวันแต่งงานของจินหยูไม่ใช่ของไถ่โทษแต่เป็นระฆังลั่นเพื่อเปิดศึกงั้นเหรอ!!”
เหล่าสายลับที่เดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนนี้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นแบบสุดๆ พวกเขารีบส่งข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้กลับไปให้ฝ่ายของตนต่อทันที และเพียงไม่นาน ทั่วทั้งหลิงเฉิงก็อยู่ในความตกตะลึง
“ตายไปซะ!”
ขณะที่เย่เย่กำลังปลีกตัวถอยออกมาหลังจากที่ปะทะ ฝ่ามือกับจินหยูเสร็จ หลินหยูฉีก็ใช้จังหวะนี้ในการชักกระบี่ของนางออกมาและแทงเย่เย่จากด้านหลัง ส่วนเย่เย่ที่ได้ยินดังนั้นเขาก็หันกลับไปแล้วถีบนางจนกระเด็นไกลออกไป