บทที่ 74
พร้อมสรรพ
แม้ว่ากั๋วหนูจะไม่กล้ายั่วยุเย่เย่อีก แต่เขาที่ชนะการประมูลเกราะมังกรทะยานฟ้านั้นยิ่งทำให้เขาหยิ่งผยองพองขน และเที่ยวพาลนักประมูลคนอื่นๆไปทั่ว
ผู้ร่วมประมูลนั้นต่างพากันโกรธแค้นกั๋วหนูเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาที่แพ้การประมูลนั้นก็ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ เย่เย่ที่ปรากฏตัวบนเวทีอีกครั้งทำให้สายตาของมหาชนจับจ้องมาที่เขาอีกครั้ง
เนื่องจากกั๋วหนูไม่ได้ทำผิดกฎการประมูล เย่เย่จึงไม่ได้สั่งสอนบทเรียนแก่เขา แต่อย่างไรก็ตามคำพูดประโยคต่อไปของเย่เย่ก็ฉีกหน้าของกั๋วหนูออกเป็นชิ้นๆ
“สินค้าประมูลชิ้นถัดไปนี้ คือดาบผ่าสวรรค์ ดาบที่ทรงพลังที่สุดในระดับชั้นของจ้าววรยุทธ์ มันสามารถผ่าเกราะมังกรทะยานฟ้าได้ง่ายดายราวกับมีดผ่าเนย เริ่มประมูลที่ 400,000 ตั๋วทอง เริ่มได้!!”
เมื่อสิ้นเสียงสัญญาณเริ่มการประมูล เหล่าผู้คนที่แพ้การประมูลให้แก่กั๋วหนูเมื่อสักครู่ก็เริ่มเสนอราคาอย่างไม่รีรอ กั๋วหนูที่สิ้นเนื้อประดาตัวกับการประมูลเกราะของเขาก็ได้แต่นั่งมองเหล่าอริของเขาแย่งกันประมูลดาบที่มีพลังในสะบั้นเกราะของเขาได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากศาสตราวุธที่อยู่ในระดับเดียวกันจะมีความสามารถในการหักล้างอาวุธที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าอย่างง่ายดาย ในกรณีนี้คือเกราะมังกรทะยานฟ้า และดาบผ่าสวรรค์
กั๋วหนูนั้นมั่นใจว่าเย่เย่จงใจปล่อยเกราะนั่นมาให้เขา และลบล้างพลังของมันด้วยดาบที่ประมูลชิ้นถัดมา
ไม่ได้มีเพียงแต่กั๋วหนูที่คิดแบบนี้ แต่ผู้ร่วมงานทั้งหลายต่างก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน พวกเขา
มองกั๋วหนูด้วยความสะใจ
ตัวเย่เย่เองที่ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาแค่บังเอิญใช้เหรียญจักรวาลแลกของในระดับใกล้เคียงกันออกมาประมูลเท่านั้น
ท้ายที่สุดดาบผ่าสวรรค์ก็ถูกประมูลไปด้วยราคา 540,000 ตั๋วทองโดยชายผู้ที่ถูกกั๋วหนูข่มเหง แม้ว่าราคานั้นสูงเกินไปสักนิดสำหรับเขา แต่มันก็คุ้มค่าที่เขาจะสั่งสอนบทเรียนให้กับกั๋วหนู
ผู้ทะนงตนเสียบ้าง
เมื่อชายผู้นั้นชนะการประมูล เขาก็อดไม่ได้ที่จะโบกไม้โบกมือยั่วยุกั๋วหนูคืน แม้ว่ากั๋วหนูจะอยู่ในอารมณ์โกรธถึงขีดสุด แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะสร้างปัญหาในหอการค้าของเย่เย่อีก เขาจึงตัดสินใจถอนตัวจากการประมูลในที่สุด
หลังจากที่ตัวปัญหาออกไปจากการประมูล เย่เย่ก็ได้เริ่มประมูลสินค้าชิ้นต่อไปในทันที
“สินค้าประมูลชิ้นสุดท้ายนี้ คือวิชายุทธ์ที่ทุกท่านน่าจะเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของมันเป็นอย่างดีนั่นก็คือฝ่ามือคลื่นพิโรธ! วิชายุทธ์ที่ข้าเคยใช้กำราบเทพยุทธ์ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในหลิงเฉิงอย่างเฉินเทียนหนาน! ราคาเริ่มต้นที่ 500,000 ตั๋วทอง เริ่มการประมูลได้!!”
“เอาจริงดิ !? แม้แต่วิทยายุทธ์ที่ประเมินค่าไม่ได้ก็เอาออกมาประมูลกันแบบนี้เลยเนี่ยนะ?”
“วิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดตอนนี้ คู่ควรกับข้าเป็นที่สุด!”
เมื่อสิ้นเสียงอารัมภบทของเย่เย่ เสียงของผู้ประมูลจากทั่วทุกสารทิศที่ต้องการครอบครองพลังนี้ก็อื้ออึงไปทั่วบริเวณโถงประมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักประมูลที่ได้เป็นสักขีพยานในการประลองหลิงหยวน พวกเขาตื่นเต้นที่จะมีโอกาสได้ทดสอบวรยุทธ์ขั้นสูงนั้นด้วยตัวเอง
แม้ว่าในสายตาของเย่เย่ มูลค่าของฝ่ามือคลื่นพิโรธนั้นไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ นอกจากมันจะเป็นเครื่องหมายการค้าประจำตัวเย่เย่ไปแล้ว ตัวเขาก็ยังผูกพันกับวิชายุทธ์ที่เขาลงแรงฝึกนานร่วมปีนี้อีกด้วย
ภายในช่วงเวลาไม่กี่ลมหายใจ ราคาของมันก็พุ่งทะยานถึง 700,000 ตั๋วทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท้ายที่สุดฝ่ามือคลื่นพิโรธนี้ก็ตกเป็นของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลิงเฉิงอย่างตระกูลหลิน ด้วยมูลค่า 900,000 ตั๋วทอง เย่เย่รู้สึกพึงพอใจกับราคานี้เป็นอย่างมาก
ตอนนี้เย่เย่นั้นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพยุทธ์ที่อยู่ในจุดสูงสุดของเทพยุทธ์แล้ว และเขาเชื่อว่าเขาจะบรรลุขั้นที่สูงกว่าในอีกไม่นาน ดังนั้นเขาจึงใช้ชื่อเสียงของเขาประมูลฝ่ามือคลื่นพิโรธไปอย่างไม่เสียดายมากนัก
หลังจากมหกรรมการประมูลของหอการค้าหยูเย่ได้ปิดม่านลง เสี่ยวหยูก็ได้คำนวณรายได้รวมทั้งหมดที่ได้จากการประมูลในครั้งนี้ เมื่อนางได้ผลสรุปของข้อมูลทั้งหมด นางถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาของนางเปี่ยมล้นไปด้วยความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เสี่ยวหยูจึงรีบหยิบสมุดบัญชีของนาง แล้ววิ่งแจ้นมาหาเย่เย่ในทันที เย่เย่ที่ได้ตรวจสอบบัญชีพลางลูบไปที่ไรผมของเสี่ยวหยูเบาๆด้วยความเอ็นดูก็ได้ทำการจัดสรรปันส่วนเม็ดเงินทั้งหมด
“3.24 ล้านตั่วทอง! นี่มันมากกว่าที่ข้าวาดฝันไว้ซะอีก ถ้าอย่างนั้นเจ้าเก็บเงินจำนวน 1 ล้านตัวทองไว้ใช้ในการพัฒนาหอการค้า แล้วที่เหลืออีก 2.24 ล้านไว้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
“ได้เลยเจ้าค่ะนายน้อย ข้าจะรีบนำเงินจำนวนนั้นมาให้ท่านทันทีเลยเจ้าค่ะ!”
เสี่ยวหยูไม่ได้ตั้งข้อสงสัยถึงจำนวนเงินที่เย่เย่เรียกขอไว้ใช้เลยแม้แต่น้อย นางพยักหน้าตอบรับคำขอของเย่เย่ผู้เป็นที่รักของนางอย่างรวดเร็ว และนำตั๋วทองจำนวน 2.24 ล้านใบมาให้เขาในทันที
ทันทีที่เย่เย่ได้ตั๋วทองจำนวนมหาศาลมาเขาก็รีบกลับไปที่ลานฝึกส่วนตัวของเขา และเติมเงินจำนวนนั้นเข้าไปในระบบทันที ยอดเงินของเขาก็เพิ่มขึ้นถึง 22400 เหรียญจักรวาลในทันที
เขาได้ใช้เงินจำนวน 3000 เหรียญแลกยาที่จะทำให้เขาก้าวทะลุขีดจำกัดของเทพยุทธ์อย่างไม่ลังเล แต่เขากลับไม่กินยานั้นในทันที เขาตัดสินใจที่จะฝึกฝนควบคุมพลังขั้นสูงสุดในชั้นเทพยุทธ์ของเขาให้เสถียรเสียก่อน แล้วจึงค่อยกินยานั้นทีหลัง
หลังจากนั้นเขาได้ใช้อีก 1000 เหรียญจักรวาลในการแลกเปลี่ยนสิ่งของจำนวนมากจากทุกหมวดหมู่ในระบบแลกเปลี่ยน และยัดส่งของเหล่านั้นลงในกล่องเก็บสินค้าขนาดใหญ่โดยแบ่งประเภทสินค้าออกเป็นหมวดหมู่ชัดเจน
เย่เย่ตั้งใจจะนำสินค้าคุณภาพสูงเหล่านั้นออกมาขายในหอการค้าหยูเย่โดยไม่ต้องผ่านการประมูลเท่านั้น เขาต้องการที่จะแสดงถึงศักยภาพที่แท้จริงของหอการค้าหยูเย่ให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะพลังอำนาจของห้าขั้วอำนาจในหลิงเฉิงนั้นไม่อยู่ในสายตาของเย่เย่อีกต่อไป
หลังจากการขยับขยาย หอการค้าหยูเย่จากร้านข้างทางเล็กๆ กลายเป็นอาคารสามชั้นที่ดูสมกับคำว่าหอการค้าเสียที ในขณะนี้หอการค้ามีลูกจ้างจำนวนมากที่อยู่ใต้การควบคุมดูแลของเสี่ยวหยู และกลุ่มจ้าววรยุทธ์ที่คอยคุ้มกันความปลอดภัยของหอการค้าหยูเย่ ภายใต้การบังคับบัญชาของซูฉีเจี่ยอีกด้วย ตราบใดที่หอการค้าของพวกเขาไม่ถูกรุกรานจากขุมอำนาจทั้งห้าของ หลิงเฉิง เย่เย่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกโรงเอง
หลังจากที่เย่เย่แลกเปลี่ยนสินค้าจากในระบบออกมาขาย เขามั่นใจว่าในระยะเวลาไม่เกินสองเดือนหอการค้าหยูเย่ของเขาจะพัฒนาสู่หอการค้าขนาดกลางได้อย่างไม่ยากเย็น และมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นหอการค้าขนาดใหญ่ได้ในเวลา 1 ปี
แม้แต่หอการค้าตงหยวนของตระกูลเสวี่ยที่เคยรวมหุ้นกับพวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงหอการค้าหยูเย่ของพวกเขาได้อีกเลย
เมื่อเย่เย่ได้วานเสี่ยวหยูให้นำของที่เขาแลกเปลี่ยนมาจัดเรียงบนชั้นขายของ ลูกจ้างของพวกเขาก็ต้องตกตะลึง พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่านายจ้างของพวกเขานั้นเอาของมีค่ามากมายขนาดนี้มาจากไหน แม้แต่ซูฉีเจี่ยที่สุขุมเยือกเย็นก็แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา มีเพียงเสี่ยวหยูที่ยิ้มแหะๆออกมาจากความเคยชินที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเย่เย่มาเป็นเวลานาน
“เสี่ยวหยู สินค้าพวกนี้ข้าจะขายให้ตระกูลเจิ้งเพื่อเป็นการตอบแทนมิตรไมตรีของพวกเขา ส่วนสินค้าที่เหลือเจ้าขายให้ผู้อื่นได้เลย”
เย่เย่ไม่ลืมการสนับสนุนจากตระกูลเจิ้งที่ทำให้เขารอดพ้นจากวิกฤติในครั้งก่อนมาได้ จึงสั่งเสี่ยวหยูให้จัดส่งสินค้าบางส่วนไปมอบให้แก่ตระกูลเจิ้ง
“วางใจข้าได้เลยเจ้าค่ะ นายน้อย”
เสียวหยูเม้มปาก และผงกหัวด้วยท่าทางจริงจัง
ระหว่างที่ผู้คนกำลังสนใจสินค้าใหม่ที่หอการค้าหยูเย่ได้วางขายเป็นวันแรก เย่เย่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใดเขาได้แลกเปลี่ยนสินค้าด้วยจำนวนเงิน 5000 เหรียญจักรวาลเพื่อตอบสนองความต้องการที่มากล้นจากลูกค้าของเขา
เป็นเวลาพักใหญ่ๆแล้วที่ปราการหลิงหยวนไม่ได้ส่งคนมาจู่โจมหอการค้าหยูเย่โดยตรง แต่พวกเขาก็ได้ส่งคนเข้าครอบงำ และชักใยคอยบงการหอการค้าหยวนเชินเพื่อขัดขวางการทำมาค้าขายของหยูเย่อย่างเงียบงัน…