บทที่ 157
ข้อเสนอที่แยบยล
“ถ้าท่านหลินมีแผนอะไรในใจ เชิญบอกมาได้เลย” ลั่วหยูรู้ดีว่าหลินซิวเหยียนนั้นรู้จักเย่เย่ดีกว่าตน แทนที่จะตอบคำถามชายชรากลับตั้งคำถามกลับไป
“ง่ายมาก ใช้ยาพิษยังไงล่ะ!” หลินซิวเหยียนตอบอย่างไม่อ้อมค้อมราวกับเขาคิดแผนมาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว
หลังจากที่เย่เย่โค่นมูหลงลงได้เขาก็กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ หลินซิวเหยียนนั้นรู้ดีว่าต่อให้เขาร่วมมือกับลั่วหยูก็ไม่อาจต่อกรกับเย่เย่ได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีสกปรก
“ยาพิษงั้นรึ? ไร้สาระสิ้นดี เย่เย่เป็นถึงประธานหอการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เขาย่อมมีวิธีรับมือกับยาพิษอยู่แล้ว เลิกคิดไปได้เลย!” เมื่อฟังแผนของหลินซิวเหยียน ลั่วหยูก็ขมวดคิ้วและปฏิเสธแผนดังกล่าว
อย่างไรก็ตามหลินซิวเหยียนยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะผายมืออธิบายแผนการต่อไป
“ท่านผู้อาวุโสใจเย็นๆก่อน ข้าบอกเมื่อไหร่กันล่ะว่าจะใช้ยาพิษธรรมดาๆน่ะ”
“เช่นนั้นเชิญว่ามา” ลั่วหยูยืนกอดอก พลางใช้หลังพิงกำแพง
หลังจากพูดคุยกันเป็นระยะเวลานาน ทั้งสองก็ตกลงร่วมมือกันอย่างลับๆโดยที่ไม่มีใครรู้ เมื่อชายชราจากนิกายวิถีสวรรค์กลับออกไป หลินซิวเหยียนก็หันหน้าไปยังทิศที่ตั้งของ หลิงเฉิงพลางแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
เช้าวันถัดมา ที่สนามประลองใจกลางเมืองหลิงเฉิง ผู้เข้าประลองจากทั้งสองฝ่ายก็พร้อมที่จะประลองกันอย่างเต็มที่ เย่เย่ได้ส่งเจิ้งซูไปพร้อมกับสมาชิกระดับเทพยุทธ์อีกหลายคนเพื่อให้เกียรติคู่ต่อสู้ แต่แท้จริงแล้วมีเพียงเจิ้งซูเท่านั้นที่จะร่วมประลอง
หลังจากได้รับคัมภีร์อาชาพยศฉบับปรับปรุงจากเย่เย่แล้ว เจิ้งซูก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการ ฝึกฝนมันจนเชี่ยวชาญ ด้วยวิชายุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตระกูลเจิ้งผนวกกับการขัดเกลาของเย่เย่ทำให้วรยุทธ์ของเจิ้งซูในตอนนี้ไม่ด้อยไปกว่าเทพอสูรขั้นต้นเลยทีเดียว
อัฒจันทร์แน่นขนัดไปด้วยฝูงชนจากทั่วสารทิศ แต่โดยส่วนมากคือชาวเมืองหลิงเฉิง พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตารอชมการประลองระดับสูงด้วยความตื่นเต้น
เสวี่ยหยูและหวางฉีเจี่ยตัวแทนของแต่ละฝ่ายปรากฏตัวขึ้นที่กลางสนาม ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อยเพื่อกระชับมิตร และกล่าวประกาศเปิดสนามพร้อมกับอธิบายกฎกติกาของการประลอง
“ก่อนจะเริ่มการแข่งขัน ข้ามีอะไรอยากเสนอท่านเย่ สักหน่อย หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ” ทันทีที่ทั้งสองประกาศกฎกติกาเสร็จสิ้น หวางฉีเจี่ยก็ได้แหงนมองเย่เย่และพูดขึ้น
“เชิญท่านว่ามา”
“การประลองครั้งนี้เป็นการประลองเพื่อกระชับมิตรของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นข้าจึงเห็นสมควรว่าควรเป็นการประลองที่ปราศจากอาวุธ ท่านจะว่าอย่างไร?”
ทุกคนที่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าวต่างตกตะลึงไปตามๆกัน เนื่องจากสำนักดาบบูรพาไร้พ่ายนั้นขึ้นชื่อเรื่องการใช้อาวุธในการต่อสู้ แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเรื่องที่คนคิดกันไปเองเท่านั้น
เป้าหมายที่แท้จริงของหวางฉีเจี่ยคือเพื่อไม่ให้สมาชิกของหอการค้าหยูเย่ใช้อาวุธหรือยุทโธปกรณ์ต่างๆที่เย่เย่มอบให้
‘เจ้าเล่ห์นักนะ ท่านผู้เฒ่า’ เย่เย่คิดในใจ
“ย่อมได้ ข้ายอมรับข้อเสนอของท่าน” เย่เย่ผายมือพร้อมพูดกับหวางฉีเจี่ยด้วยรอยยิ้มปั้นแต่ง
หวางฉีเจี่ยยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาคำนับแก่เย่เย่ ก่อนเดินกลับไปที่ของตน
“ในเมื่อทุกท่านพร้อมแล้ว เริ่มการประลองได้!” เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว เย่เย่ก็ให้สัญญาณเริ่มการประลอง
เฮ้ เฮ้ เฮ้ เฮ้ เฮ้ ~
ทันทีที่สิ้นเสียงของเย่เย่ เสียงเชียร์ของฝูงชนก็ดังกระหึ่มขึ้น ทันใดนั้นเองศิษย์แห่งสำนักดาบก็เหาะเหินลงจากอัฒจันทร์ขึ้นไปบนเวทีตรงกลางสนามประลอง
“ข้า ซูเห่าอี้ ขอรับคำชี้แนะ!” ชายผมยาวสีดำขลับ พูดขึ้นพลางกวักมือท้าทายเหล่าสมาชิกหอการค้าหยูเย่
“ซูเห่าอี้ ใจกล้าไม่เบานี่” เจิ้งซูปรากฏตัวขึ้นที่สนามประลอง ด้านหลังของศัตรู
เมื่อเห็นเจิ้งซูขึ้นไปบนเวที เย่เย่ก็ยิ้มระรื่นอย่างมั่นใจพลางส่งสายตาให้กับหวางฉีเจี่ยราวกับบอกเขาว่า ‘คอยดูให้ดีเถอะ’
แม้ว่าข้อเสนอของหวางฉีเจี่ยจะทำให้สมาชิกหอการค้า หยูเย่เสียเปรียบ แต่ไม่ใช่กับเจิ้งซูที่หมั่นฝึกซ้อมวิชายุทธ์ด้วยมือเปล่า
เมื่อซูเห่าอี้เห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือเจิ้งซู ก็อดประหม่าไม่ได้
“ช่างเป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้ประลองกับท่าน!” เขาประสานมือคำนับคู่ต่อสู้ ก่อนจะพุ่งทะยานใส่เจิ้งซูด้วยความรวดเร็ว…