บทที่ 191
พันธนาการ
ข้อมือของเย่เย่ถูกโซ่ตรวนยึดติดกับเสาขนาดใหญ่ในห้องขังที่มีเพียงดวงประทีปสองดวงเล็กๆประดับซ้ายขวา
หวางเสี่ยวเดินเข้าหาเหยื่อของเขาอย่างช้าๆ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเย่เย่อย่างแผ่วเบา
“อยู่เฉยๆดีกว่าน่า ตรวนนี่ลงอาคมแน่นหนา เทพอสูรก็มิอาจต้านทาน”
“ถ้าข้าอยากจะไป เจ้าก็หยุดข้าไม่ได้” เย่เย่ชายตามองหวางเสี่ยว สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการกระวนกระวายแต่อย่างใด
“ปากเก่งไม่เบา ถูกใจข้านัก!” หวางเสี่ยวน้ำลายสอ ราวกับมีอาหารอันโอชะวางอยู่เบื้องหน้า
สาเหตุที่เย่เย่ยอมมาที่นี่มีเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือเขาตั้งใจจะนำเงินที่พวกทหารยามขูดรีดจากราษฎร์มาเป็นเงินตั้งต้นสำหรับหอการค้าสาขาใหม่ในหวางตู้
เงินที่เขาพกติดกระเป๋ามานั้น ไม่เพียงพอสำหรับก่อร่างสร้างฐานที่มั่นในเมืองหลวง และเขายังต้องการเงินที่มากพอสำหรับทรัพยากรจากระบบแลกเปลี่ยนในการบ่มเพาะวรยุทธ์ของเขาอีกด้วย
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่จะเข้ามาในเมืองโดยไม่เสี่ยงตกเป็นเป้าสายตาก็คือยอมให้อู๋เซี่ยนพาตัวเข้ามาเอง
ดูเหมือนว่าอู๋เซี่ยน และหวางเสี่ยวจะเผลอดูถูกเย่เย่ซะเต็มประตู ทั้งสองจึงยังคงหลงมัวเมาในความบันเทิงที่อยู่เบื้องหน้า
เมื่อพวกเขาจัดท่าทางเย่เย่ตามรสนิยมสุดพิสดารของพวกเขาแล้ว หวางเสี่ยวก็หยิบแส้ฟาดใส่พื้นเพื่อฟังเสียงอันรุนแรงของมัน
เปรี้ยงงงงงงง!
ด้วยแรงตวัดข้อมือที่รุนแรง ทำให้เกิดเสียงคล้ายสายฟ้าฟาด
“เจ้าไม่ใช่คนแรก และคนสุดท้ายหรอกนะที่จะได้ลิ้มรสแส้หางม้าของข้า แต่ใบหน้าของเจ้ามันทำให้ข้าอดใจไม่ไหว จนหยิบของเล่นชิ้นท้ายๆออกมาใช้ก่อนแบบนี้”
‘มันน่ายินดีตรงไหนกัน?’ เย่เย่ที่ไม่เข้าใจรสนิยมแบบนี้ได้แต่คิดในใจ
เปรี้ยง เปรี้ยงง เปรี้ยงงง!
หวางเสี่ยวฟาดแส้ใส่เย่เย่อย่างไม่ยั้งมือ เพียงเสียงของมันก็เพียงพอที่จะทำให้อู๋เซี่ยนที่ยืนดูอยู่นอกระยะซีดปากเป็นระยะๆ
“ราชทัณฑ์เมืองหลวงมีแรงแค่นี้รึไง?” แม้การฟาดแส้จะทำให้เสื้อของเย่เย่ขาดวิ่น จนเผยให้เห็นร่างที่โชกเหงื่อ และกล้ามหน้าท้องสุดเกเรของเขาที่ในยุทธภพเห็นทีจะมีเพียงซูเหลียนหยูเท่านั้นที่เคยสัมผัสมัน แต่การโจมตีของหวางเสี่ยวก็ไม่อาจระแคะระคายผิวกายของเย่เย่ได้เลย แม้แต่รอยแส้จางๆก็ค่อยๆเลือนหายไป
“นี่เจ้า!? เจ้าใช้วิชาอะไรกันแน่? เป็นไปไม่ได้ที่เทพยุทธ์จะไม่บาดเจ็บจากการโจมตีของแส้นี้!” หวางเสี่ยวถามขึ้น พลางตวัดแส้ขึ้น และฟาดใส่เย่เย่อย่างบ้าคลั่ง
เปรี้ยง เปรี้ยงง เปรี้ยงงง!
แม้ว่าจะฟาดเท่าไหร่ มันก็ไม่สร้างรอยบาดแผลให้กับ เย่เย่แม้แต่น้อย มีเพียงเสื้อของเขาที่ขาดจากแรงฟาดแส้
“พี่หวาง เรี่ยวแรงของท่านช่างไม่สมกับขนาดตัว เห็นทีว่าคงจะต้องถึงมือข้าแล้ว” อู๋เซี่ยนเริ่มพูดจาถากถางหวางเสี่ยว
“ข้าทำงานราชทัณฑ์มาสิบกว่าปี ไม่เคยเจอผู้ใช้วิชาเช่นนี้มาก่อน! เจ้าไม่เชื่อก็ลองเองให้ ประจักษ์กับตา” หวางเสี่ยวพูด ก่อนหยิบยื่นแส้ส่งให้อู๋เซี่ยน และปลีกตัวหลบออกจากระยะ
“เจ้าหนู ในกองทหารยามข้าพละกำลังสูงที่สุด ไร้ผู้เทียบเคียง ถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัวล่ะก็ จ่ายมา 10,000 ตั๋วทอง แล้วนับจากนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้าอีก” อู๋เซี่ยนนั้นต่างจากหวางเสี่ยว สิ่งที่เขาคำนึงถึงเพียงอย่างเดียวคือตั๋วทอง ทุกวันนี้ประชาชนที่เดินเข้าออกประตูทิศประจิมก็ไม่ต่างอะไรกับตั๋วทองเดินได้ในสายตาของเขา
เย่เย่ไม่พูดอะไร เขาเอาแต่จ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของอู๋เซี่ยน
“ไอ้เด็กเหลือขอนี่!”
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงง!
ด้วยกำลังวังชาสมคำอวดอ้าง มันทำให้เสื้อครึ่งท่อนบนขาดวิ่นราวกับเศษผ้าของยาจก แต่บนกายของเย่เย่นั้นกลับไร้รอยขีดข่วน
“เหอะ ดูเหมือนว่าทหารเมืองหลวงอย่างพวกท่านช่างไม่เอาถ่านเสียเลยจริงๆ แม้แต่สมาชิกระดับล่างของหอการค้าข้ายังน่าจะเอาพวกท่านลงได้อย่างไม่ยากเย็น” เย่เย่เหน็บแนมด้วยการเปรียบเทียบ ทำให้สีหน้าของอู๋เซี่ยนและหวางเสี่ยวบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแค้น
“สมน้ำหน้าไอ้พวกกังฉิน โดนเด็กมันถอนหงอกซะหัวโกร๋นเลยนี่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้พวกทหารชั่ว กระตุกหนวดเสือเข้าให้ซะแล้ว”
พวกนักโทษที่อยู่ในคุกใต้ดิน ต่างหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“หุบปาก!” หวางเสี่ยวตะโกน เหล่าผู้คุมขังใต้บังคับบัญชาของเขาก็เดินเข้าไปทุบตีพวกเดนตายให้สงบปากสงบคำ
“ได้! ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแสนสาหัส” หวางเสี่ยวหยิบแท่งเหล็กร้อนจี๋เข้ากับเตาถ่าน และยกขึ้นมาในระดับสายตาของเย่เย่
ราชทัณฑ์หวางไม่รอช้าจี้เหล็กร้อนเข้ากับท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเย่เย่โดยตรง
ซู่ววววววววววว
“อ่าาาห์”
ไอความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากแท่งเหล็ก เสียงกระเส่าของมันเท่าให้หวางเสี่ยวอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อจินตนาการถึงใบหน้าที่เจ็บปวดและเสียงร้องครวญครางของเย่เย่ มันก็แทบจะทำให้เขาถึงจุดสุดยอด
แต่จี้ค้างไว้นานเท่าไหร่ สีหน้าของเย่เย่กลับไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาเลย ไม่เพียงเท่านั้นเขายังส่งสายตาท้าทายกลับมาอีกด้วย
“ปะ เป็นไปไม่ได้! ต่อให้วรยุทธ์สูงส่งแต่แท่งเหล็กนี่เพิ่งออกมาจากเตาเลยนะ” หวางเสี่ยวร้องลั่นขึ้นอย่างตื่นตระหนก ตั้งแต่ทำงานราชทัณฑ์มาไม่มีผู้ใดทนความร้อนจากเหล็กแท่งนี้ได้
“ทำงานมาสิบกว่าปี มีปัญญาทำได้แค่นี้งั้นรึ ดูท่าว่าข้าจะตั้งความคาดหวังสูงไปหน่อย” แม้ว่าเย่เย่จะไม่ใช่มาโซคิสม์ที่ชื่นชอบความเจ็บปวด แต่ไม่ว่าจะโซ่แส้กุญแจมือหรือเหล็กร้อนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ ทำให้เขาแอบผิดหวังอยู่ลึกๆ
ผั๊วะ!
“นี่เจ้า!” อู๋เซี่ยนออกตัว ชี้หน้าเย่เย่แทนหวางเสี่ยว เขาหลังมือใส่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเย่เย่ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม
“ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ ไม่ว่าเจ้าเก็บงำความลับอะไรเอาไว้ ข้าจะทำให้เจ้าคายมันออกมาเอง อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีเจ้าล่ะ!” หวางเสี่ยวกล่าว
“พี่หวาง หรือว่าท่าน!?” จากคำพูดของหวางเสี่ยว ทำให้อู๋เซี่ยนรู้ได้ทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อไป แม้ว่าในทีแรก อู๋เซี่ยนจะปฏิเสธ แต่เมื่อนึกถึงเงินจำนวน 10,000 ตั๋วทองแล้วเขาก็ไม่ห้าม
ในฐานะหัวหน้าผู้คุมขังแห่งกรมราชทัณฑ์หวางตู้ ความโหดร้ายทารุณของหวางเสี่ยวเป็นที่ร่ำลือ นอกจากวรยุทธ์ระดับเทพยุทธ์แล้ว เขายังเป็นที่รู้จักในนาม นักหักกระดูกอีกด้วย วิชาหมัดหักกระดูกของเขาไม่เพียงสร้างความปวดร้าวทางกายแล้ว มันยังทำลายการไหลเวียนของลมปราณ ส่งผลถึงการบ่มเพาะวรยุทธ์โดยตรงอีกด้วย ว่ากันว่าหวางเสี่ยวได้รับอนุญาตให้ใช้ทรมานพวกนักโทษมองโกลเท่านั้น
“ต้องโทษเจ้า ที่ปลุกร่างนักหักกระดูกของพี่หวางขึ้นมา วางใจเถอะ มันไม่ทำให้เจ้าถึงตายหรอก แต่มันจะทำให้เจ้าเจ็บปวดทุกลมหายใจที่เหลืออยู่! โอกาสสุดท้าย ส่ง 10,000 ตั๋วทองให้ข้า!”
“เหอะ! ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าวิชาของเจ้าจะมีดีสักแค่ไหน!?” เย่เย่ถ่มน้ำลายใส่อู๋เซี่ยน ทำให้รองหัวหน้ายามยั๊วะจัด และล้มเลิกความตั้งใจที่จะรีดไถเงินจากเย่เย่
“เอาเถอะ ไว้เจ้าตายแล้วข้าค่อยเก็บเงินจากเจ้าก็ไม่สาย ถือว่าเป็นค่าผ่านทางประตูวิญญาณก็แล้วกัน! พี่หวางจัดการ!” อู๋เซี่ยนใช้ชายเสื้อเช็ดใบหน้าเปื้อนคราบน้ำลาย และพูดขึ้นด้วยความโมโห
เปรี้ยงงงงงงงงง!
วิชาหมัดหักกระดูกต่อยเข้าที่กลางอกของเย่เย่อย่างจัง เกิดเสียงดังลั่นไปทั่วคุกใต้ดิน เหล่านักโทษที่ปากดีเมื่อครู่ ก็ได้แต่กลืนน้ำลายและสงบปากสงบคำเพื่อไม่ให้ตนเป็นเหยื่อรายต่อไป…