ตอนที่ 59
“แคลร์ ทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้นล่ะ? ” ในตอนนี้มังกรดำยืนอยู่ข้างๆ แคลร์ถามด้วยความงงงวย
แคลร์เงียบ
สีหน้าของจินเหยียนมีการเปลี่ยนแปลง ดวงตาของเขามีประกายล้ำลึก
ทำไมถึงโกรธขนาดนี้… เฟิงอี้เซวียนโกรธเพื่อแคลร์ขนาดนี้ นั่นก็เพราะเขาต้องการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบแคลร์ เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ
แต่ว่าทำไม? มือของจินเหยียนค่อยๆ กุมที่หน้าอกของเขา เหตุใดเมื่อกี้ที่เขาได้ยินคำพูดของผู้ดูแล เขาจึงมีความโกรธที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่พุ่งตรงมาที่หัวใจอย่างรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำไม? ทำไมหัวใจของเขาถึงอยากจะลงมือฆ่าทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น? มือของจินเหยียนจับดาบแน่นยิ่งขึ้น
แคลร์มองเฟิงอี้เซวียนที่ดูราวกับยมทูตท่ามกลางคู่ต่อสู้ หัวใจของนางก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะ นี่มันความรู้สึกอะไร?
“แรนดี้! มาเร็วเข้า ถ้าข้าตายไปเจ้าจะไม่ได้รับเงินเลยนะ ท่านปู่ของข้าต้องโทษเจ้าแน่นอน” นายน้อยหนังหมูถอยห่างไปอย่างหมดหวัง ทันใดนั้นก็ร้องโหยหวนและตะโกนลงไปชั้นล่าง
ในชั่วพริบตาต่อมา กระแสน้ำแรงสูงก็ไหลผ่านนายน้อยหนังหมูแล้วกลายเป็นลูกศรน้ำที่หนาแน่นเต็มทางเดินและพุ่งเข้าหาผู้คนที่อยู่ที่ในบริเวณนั้น
แคลร์ขมวดคิ้วแล้วปล่อยโล่เวทย์ออกมาด้วยกำลังทั้งหมดของนาง เพราะคลื่นเวทย์ของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งไม่ธรรมดาเลย! ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นน่าประทับใจทีเดียว
เสียงกรีดร้องดังขึ้นตามทางเดิน ลูกศรน้ำโจมตีอย่างไม่เลือกหน้า ยกเว้นก็แต่นายน้อยหนังหมูเท่านั้น นอกจากเขาแล้วนั้นทุกคนในทางเดินล้วนเป็นเป้าหมายของการโจมตีทั้งหมด
ในพริบตาเดียว เสียงกรีดร้องในห้องโถงหายไป เหลือเพียงแต่เลือดไหลเป็นสายน้ำ พื้นทางเดินทั้งหมดเปื้อนเลือดสีแดง คนของนายน้อยหนังหมูถูกฆ่าทั้งหมด รวมไปถึงแขกที่ออกมาจากห้องอื่นๆ ก็ถูกลูกศรน้ำเจาะร่างของพวกเขาจนเสียชีวิต ทุกศพพรุนไปหมด!
ช่างเป็นวิธีที่เลวทรามมาก! ฆ่าได้ไม่เว้นแม้แต่คนของตัวเอง!
เฟิงอี้เซวียนถอยกลับไปยืนข้างแคลร์ มองบันไดทางเดินด้วยสายตาเย็นชา
“ผู้คนเสียชีวิตไปมากเลยทีเดียว” เบนส่ายหัวและเดินมาข้างแคลร์ เขามองซากศพทั่วพื้นและพูดอย่างไม่แยแส
จากนั้นเขาก็มองแคลร์อย่างคาดหวังและพูด “ข้าลงมือได้หรือไม่? ข้าจะกินนักเวทย์ผู้นั้นได้หรือไม่?”
มังกรดำพูดถึงนักเวทย์ที่ขึ้นจากบันไดมาอย่างช้าๆ
“เขาเป็นของข้า” เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างเย็นชา
“ข้าจนมาก ข้าไม่มีเงิน ดังนั้นข้าจำเป็นต้องฆ่าพวกเจ้าแล้วข้าถึงจะมีเงิน” นักเวทย์พูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ ไม่แสดงท่าทีอะไร “ดังนั้น วันนี้พวกเจ้าต้องตาย ทั้งหมดก็เพื่อเงินของข้า”
“ระวังตัวด้วย” แคลร์ขมวดคิ้วและพูดเบาๆ
นักเวทย์ผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน แคลร์เริ่มกังวลเล็กน้อย เพราะตอนนี้แคลร์ไม่เพียงแต่ใช้พละกำลังไปอย่างเต็มที่ในการปลดปล่อยโล่เวทย์ แต่นางยังแอบใช้พลังของดอกบัวเพื่อขัดขวางการโจมตีจากลูกศรน้ำของนักเวทย์อีกด้วย
มังกรดำถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและหงุดหงิด หากเขาไม่ได้รับความยินยอมจากแคลร์ เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ต้องอดกลั้น อดกลั้นเข้าไว้… แต่ดูเหมือนว่าเรื่องในคืนนี้จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถกลับไปที่ห้องและนอนหลับได้
ในขณะที่มังกรดำกำลังจะหันกลับไป “เบน” จู่ๆ แคลร์ก็เรียกเขา
“อะไร?” เบนหาวและถามอย่างเบื่อหน่าย
“ข้าจะสอนความรู้แรกให้เจ้า ตอนนี้การต่อสู้ไม่จำเป็นต้องยุติธรรม การสู้แบบกลุ่มรุมหนึ่งเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มในตำนาน เพียงแค่มุ่งมั่นที่จะชนะเท่านั้นก็อ” แคลร์พูดอย่างเคร่งขรึม “นอกจากนี้ เมื่อกี้ที่ข้าบอกให้เจ้าอดทน ตอนนี้ไม่ต้องทนแล้ว ในยามจำเป็นก็ลงมือได้เลย นี่คือความรู้ที่สองที่ข้าสอนเจ้าในวันนี้ คืนนี้เจ้าได้กำไรจริงๆ นะ”
ใบหน้าของจินเหยียนนิ่งไป มุมปากของหัวขโมยตัวน้อยกระตุกขึ้น สุ่ยเหวินโม่ก็อ้าปากค้าง เฟิงอี้ซวนก็มีสีหน้าที่บรรยายไม่ถูก ส่วนวัลโดแทบจะเป็นลม
ต่อไปนี้การต่อสู้แบบกลุ่มจะเริ่มขึ้นแล้ว…
วิกฤตแล้ว
มังกรดำส่งเสียงร้องอย่างประหลาดแล้วลูกไฟที่ดุร้ายก็ถูกพ่นออกมา น้ำและคราบเลือดที่ไหลอยู่บนพื้นในทางเดินก็ระเหยไปทันที นักเวทย์ฝั่งตรงข้ามเรียกโล่น้ำออกมา แต่กลับถูกพลังประหลาดของมังกรดำตีกลับ อย่างไรก็ตามโล่น้ำก็ยังไม่แตก
“โธ่เอ๊ย! ” เบนตะโกนอย่างโกรธเคือง เขาใช้พลังเพียงสามส่วนเพราะคิดว่าจะจัดการสิ่งนี้ได้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะต้านการโจมตีนี้ได้
นักเวทย์ผู้นั้นลอยขึ้นอีกครั้ง แต่เขาถูกโจมตีอย่างรุนแรงและไร้ยางอายโดยจินเหยียนและสุ่ยเหวินโม่ที่วิ่งพุ่งเข้าไป เฟิงอี้เซวียนก็ใช้เวทมนตร์ที่งดงามอย่างไม่หยุดยั้ง แคลร์หาว นางยืนพิงกำแพงและมองการต่อสู้ ส่วนมังกรดำก็กำลังมองขึ้นมองลงเพื่อดูว่ารอบตัวมีพื้นที่มากพอหรือไม่
“ไม่ต้องมอง เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้คืนร่างเดิม! ” แคลร์รู้ว่ามังกรดำคิดอะไรอยู่ มังกรดำที่ไร้มารยาทตัวนี้ต้องการคืนร่างเพื่อทำลายสถานที่แห่งนี้
เบนเกาหัวอย่างหดหู่
“รีบกำจัดเขาซะแล้วเราจะหนีกัน” แคลร์สั่งเบน
“หนีอะไร?” มังกรดำถามพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“คืนนี้เจ้าได้กำไรจริงๆ ข้าจะสอนความรู้ที่สามให้เจ้า หลังจากทำเรื่องแย่ๆ ให้รีบออกห่างจากจุดเกิดเหตุ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น” แคลร์ให้ความรู้อย่างจริงจัง
“หมายความว่าเราต้องกำจัดคนๆ นั้นให้ได้แล้วรีบหนีทันทีงั้นหรือ? ” เบนตระหนักได้ในทันที
“ใช่ ไปสิ” แคลร์โบกมือให้เบนเดินหน้าเข้าร่วมการต่อสู้แบบกลุ่ม
ในไม่ช้านักเวทย์ผู้ทรงพลังผู้นั้นก็พ่ายแพ้และไม่สามารถตอบโต้กลับมาได้อีกต่อไป
เขาตะโกนออกมา “ข้าไม่ต้องการเงินอีกต่อไปแล้ว ขออย่าได้เจอกับพวกเจ้าอีกเลย” หลังจากที่นักเวทย์ผู้ทรงพลังตะโกนคำเหล่านี้อย่างไร้ยางอาย เขาก็หยิบม้วนหนังสือออกมาและฉีกมันออกจากกัน
ม้วนเวทย์เคลื่อนย้ายที่งั้นหรือ?!
ทุกคนประหลาดใจ พวกเขาไม่ได้คิดว่านักเวทย์ที่ได้รับการว่าจ้างผู้นี้จะมีของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ด้วย
เป้าหมายในการต่อสู้หายได้ไปแล้ว ทุกคนจึงหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำ
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น” เบนนำความรู้อันล้ำค่าที่แคลร์สอนมาใช้แล้วพูดกับทุกคนอย่างจริงจัง
“ไปกันเถอะ” คลิฟเปิดประตูออกมาในตอนนี้และพูดอย่างเฉื่อยชา
“ไปกันเถอะ ไปทางหน้าต่างนั่น” เฟิงอี้เซวียนชี้ไปที่ประตูบานหนึ่งและให้ทุกคนออกทางหน้าต่างของห้องนั้น
เมื่อทุกคนออกทางหน้าต่าง เฟิงอี้เซวียนก็เลิกคิ้ว ลงบันไดไปพบเจอกับนายน้อยหนังหมูที่หดตัวอยู่ที่มุม เขาจัดการนายน้อยด้วยกริช จากนั้นก็รีบหันกลับไปหาแคลร์และคนอื่นๆ
“วันนี้ข้ายังไม่ได้อาบน้ำร้อนเลย ฮือๆๆ ยังไม่ทันได้อาบน้ำเลย” หัวขโมยน้อยวิ่งตามทุกคนไปที่ประตูเมืองแล้วทำเสียงร้องไห้
“ข้าสามารถกลับคืนร่างเดิมและพ่นน้ำลายเพื่อให้เจ้าอาบน้ำได้นะ” เบนพูดอย่างเคร่งขรึม
“แล้วก็ร้อนด้วยนะ” เฟิงอี้เซวียนเสริมด้วยรอยยิ้มที่น่าสมเพช
“โอ๊ย! เจ้ามังกรดำที่ไม่ได้รับมารยาทและน่าขยะแขยง เจ้ายังเป็นเจ้าชายอยู่นะ! ” ซัมเมอร์อดไม่ได้ที่จะตะคอก
มังกรดำไม่ได้โต้กลับและวิ่งไปกับทุกคน
วัลโดถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนเหล่านี้ถูกแคลร์สอนให้เรียนรู้เรื่องไม่ดีไปเสียหมดแล้ว
พวกเขาแอบออกจากกำแพงเมืองและหายวับไปในเวลากลางคืน หากมีใครค้นพบตัวตนของพวกเขา เรื่องนี้จะนำไปสู่ข้อพิพาทระหว่างสองประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายพวกเขาก็ต้องมานอนหลับกันอยู่ในป่า
ทุกคนหมดแรงจึงรับจัดการกระโจมอย่างลวกๆ แล้วหลับไป
พอพวกเขาหลับตาลงได้สักพัก ก็มีลมกระโชกแรงพัดกระโจมของพวกเขาไปทางด้านข้าง จากนั้นก็มีเสียงคำรามดังมาแต่ไกล
“หนวกหู! แบบนี้จะนอนหลับได้อย่างไร? ข้าจะไปฆ่าพวกมัน” มังกรดำลุกขึ้นมาด่าและจะเดินเข้าไปในป่า
“สัตว์เวทย์? ” ทุกคนตื่นขึ้นเพราะต่างก็ได้ยินเสียงคำรามในระยะไกล
“เสือดาวธาตุลมและงูธาตุดิน” เบนปิดหูและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เขากำลังจะวิ่งไปยังแหล่งที่มาของเสียง
แคลร์ไม่พูดอะไรแต่เดินตามเบนไป
คลิฟออกจากกระโจม เขาตั้งท่าร่ายคาถา หาว แล้วคลานกลับไปนอน
ซัมเมอร์กลับไปที่กระโจมแล้วนอนเช่นกัน
“ง่วงมากเลยแคลร์ เบนจะไปฆ่าสัตว์เวทย์ เจ้าจะตามไปทำไมล่ะ? ” เฟิงอี้เซวียนหาว มองประโจมแล้วมองแผ่นหลังของแคลร์ด้วยความสงสัยว่าจะตามไปดีหรือจะนอนต่อดี หรือว่าแคลร์จะไปเก็บแกนเวทย์หรือ? ดูจากนิสัยของแคลร์ก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ
“เจ้าไปสิ ข้าจะไปนอนก่อน” สุ่ยเหวินโม่เตะก้นของเฟิงอี้เซวียนออกจากกระโจม
เฟิงอี้เซวียนขยี้ตาที่ลืมไม่ขึ้นของเขาและเดินตามแคลร์ไปกับจินเหยียน
เมื่อพวกเขาไปถึงสถานที่ที่สัตว์เวทย์คำราม พวกเขาก็เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เสือดาวธาตุลมกำลังต่อสู้กับงูธาตุดินตัวใหญ่ เสือดาวดูเหมือนกำลังดิ้นรน ส่วนงูก็ต่อสู้ด้วยความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ หางของมันสัมผัสพื้นดินอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดหนามที่พื้นและโจมตีไปที่เสือดาวธาตุลม
“พวกมันเป็นสัตว์เวทย์ระดับเจ็ดและยังคงเติบโตได้อีก” เฟิงอี้เซวียนมองเสือดาวและงูด้วยความหวาดกลัว เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สถานที่แห่งนี้จะมีสัตว์เวทย์ระดับนี้อยู่
“น่ารำคาญจริงๆ จะให้ข้านอนหลับได้หรือไม่? ” เบนได้ยินเสียงคำรามของสัตว์เวทย์ทั้งสองก็กระซิบด้วยเสียงต่ำ เมื่อเขากำลังเตรียมจะจัดการสัตว์เวทย์ทั้งสองและสังหารพวกมัน แคลร์ก็ห้ามไว้ “เดี๋ยวก่อน”
“ทำไม?” เบนถามอย่างงงงวย
“คุ้มกันข้าก็พอ ข้าจะไปจัดการงูตัวนั้น แล้วเสือดาวก็จะเป็นของข้า” แคลร์ยิ้มที่มุมปาก
“เจ้าจะเอาลูกแมวตัวนั้นไปทำอะไร?” เบนถามอย่างสงสัย
“พรุ่งนี้เจ้าก็จะรู้เอง” แคลร์ไม่ได้อธิบายแต่รีบวิ่งเข้าไป รักษาระยะห่างไว้และเริ่มโจมตีงู
ต่อไปคือพฤติกรรมทารุณกรรมสัตว์ที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก
งูยักษ์ถูกฆ่าและถูกหั่นแบ่งออกเป็นหลายส่วน ส่วนแกนเวทย์ก็ถูกเอาไป
เสือดาวธาตุลมตกตะลึงเล็กน้อย สิ่งแรกที่มันทำหลังจากที่ได้สติขึ้นมาก็คือวิ่งหนีจากคนอันตรายเหล่านี้