ท้องฟ้าสีเหลืองส้ม ราวกับก้อนเมฆที่กำลังลุกเป็นไฟ
ดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินสะดุดตาเป็นพิเศษ ทำให้ภูเขาเวหาอมตะแห่งนี้กลายเป็นสีแดงด้วย
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน หลีเหิงขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกของเขา วนอยู่กลางอากาศ ตามการดำเนินต่อของการประลอง มีหลายพื้นที่ซึ่งผู้เข้าแข่งขันได้เปิดขวดยาขอออกจากการประลอง
ทว่า หลีเหิงไม่สนใจ จะมีผู้เฝ้าฝ่ายประลองคนอื่นไปช่วยพวกเขา เขาไม่ต้องกังวลอะไร
หลังจากหลีเหิงรู้เรื่องที่เซี่ยกวางหานจะก่อการร้ายต่อชู่มู่แล้ว เขาตัดสินใจไม่จากที่นี่แล้ว ขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกของเขาบินอยู่บนฟ้าของภูเขาเวหาอมตะ มองไปยังชู่มู่จากที่ไกล
ข้างหลีเหิงเป็นถิงหลันกับซ่างเหิง พวกเขาได้เปิดขวดยาออกแล้ว เพื่ออกจากการแข่งขัน
และในด่านที่แปดนี้ ผู้เข้าแข่งขันสามารถถอนตัวบินลมการต่อสู้อยู่ที่สูงได้ แต่จำต้องมีสมาชิกเข้าแข่งขันคอยดูอยู่ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่บินอยู่ก่อกวนการแข่งขัน
ผู้ชมจำต้องเว้นระยะห่างจากพื้นดินห้าร้อยเมตร นี่นับเป็นเส้นแบ่งเขตบนฟ้า ทันทีที่มีผู้เข้าแข่งขันกับผู้ชมลงต่ำกว่าเส้นแบ่งเบตนี้ ผู้เฝ้าคนใดมีสิทธิ์ที่จะเข้าห้ามได้ทันที
หลีเหิงนอกจากจะห้ามให้เซี่ยกว่างหานลงมือแล้ว และถ้าเซี่ยกว่างหานจะจากไปเขาก็ใช่ว่าจะห้ามได้ เพราะนี่เป็นการฝ่าฝืนกฎเช่นกัน
เพื่อรับรองว่า ชู่มู่จะไม่ถูกทำร้าย หลีเหิงได้ให้ถิงหลันกับซ่างเหิงอยู่ในภูเขาเวหาอมตะก่อน และอยู่บนฟ้าด้วยฐานะผู้ชม
ถิงหลันกับซ่างเหิงย่อมต้องการชมการต่อสู้ จะเดินตามชู่มู่ตลอด แม้จะทำได้แค่มองจากที่ไกล แต่นี่เท่ากับเป็นการคุ้มกันชู่มู่ ทันทีที่เกิดอันตราย ต่อให้จะฝ่าฝืนกฎพวกเขาก็จะลงมือทันที
และด้วยเหตุนี้ หลีเหิงสามารถใช้ข้ออ้างว่าคอยดูผู้ชมสองคนนี้ ตามอยู่รอบชู่มู่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นละก็ เขาจะลงมือได้ทันที ไม่ปล่อยให้เซี่ยกว่างหานมีโอกาส
“ในเมื่อพวกเจ้าจะชมการต่อสู้ รักษากฎระเบียบด้วย ข้าขอตัวก่อน” เซี่ยกว่างหานย่อมรู้ว่าหลีเหิงจะปกป้องชู่มู่ เช่นนี้เขาทำได้แค่จากไปอย่างเยือกเย็น
เซี่ยกว่างหายไม่ได้จากไปไกล เพราะเขาจะให้คนที่ดักรอในด่านที่แปดนี้จับชู่มู่ แค่พวกเขาจับชู่มู่ได้ เขาก็จะรั้งหลีเหิงไว้ได้ ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสเข้าช่วยเหลือแน่นอน
หลีเหิงมองดูเซี่ยกว่างหานขี่เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงจากไปช้า ๆ เผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมา
คนของตำหนักวิญญาณไม่ถูกกับคนของวังมารนิรยตั้งนานแล้ว หลีเหิงเองก็ได้ยินชื่อของเซี่ยกว่างหานมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าปีที่ผ่านมานี้กลับไม่มีเรื่องของเจ้านี่…
“พวกเราตามจากที่ไกลไปเรื่อย ๆ จนกว่าด่านที่แปดนี้จะจบลงเถอะ” ซ่างเหิงบอก
อย่างไรก็ตาม ชู่มู่ได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ ตอนนี้ชู่มู่มีอันตราย แม้ซ่างเหิงจะไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้นี้ได้ แต่ยังคงปกป้องชู่มู่กับเย้ชิงจือในที่ไกลแบบนี้ได้
ถิงหลันพยักหน้า เดิมเธอคิดจะลงเขาแล้ว นำแผนการที่เซี่ยกว่างหานคิดจะจัดการชู่มู่นี้บอกกับฝ่ายจัดการประลอง แล้วให้ฝ่ายจัดการประลองยึดตำแหน่งของเซี่ยกว่างหาน
แบบนี้ผู้อาวุโสในวังมารนิรยใช่ว่าจะยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานว่าเซี่ยกว่างหานได้ทำอะไรที่ฝ่าฝืนออกมา
ดังนั้น การตามจากที่ไกลในตอนนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด แบบนี้จะรับรองว่าชู่มู่จะฝ่าด่านปกติได้
“ว่าแต่ พี่หลีเหิง เจ้าเซี่ยกว่างหานนี่คือใคร” ซ่างเหิงกวาดตามองไปยังเซี่ยกว่างหานอย่างไม่พอใจ แล้วถามขึ้น
“ไม่กี่ปีก่อน เขานับว่าเป็นหนึ่งในคู่แข่งขันของข้า ทว่า หลังจากที่เขาหายตัวไปช่วงหนึ่ง ชื่อเสียงไปเลื่องลือเหมือนก่อนแล้ว ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่”หลีเหิงบอก
“ความสามารถของเขาเป็นอย่างไร” ถิงหลันถามขึ้น ถ้าบอกว่าเป็นคู่แข่งขันของหลีเหิงละก็ ถ้าอย่างนั้นเซี่ยกว่างหานก็เคยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก่อน
“เรื่องนี้…ถ้าพูดตามจริง ข้ายังไม่รู้มากเท่าไร ได้ยินว่าเจ้านี่เปลี่ยนดวงวิญญาณตลอด แข็งแกร่งบ้างอ่อนแอบ้าง จำได้ว่าตอนที่ข้าเจอเขาครั้งสุดท้าย ข้างตัวเขามีมังกรทรายเหลืองที่ยังไม่เต็มวัยตัวหนึ่ง ผ่านไปหลายปีแล้ว เกรงว่ามังกรทรายเหลืองตัวนี้น่าจะอยู่ในลักษณะสิบแล้ว ยากที่จะจัดการได้” หลีเหิงบอก
“มังกรทรายเหลือง !!!” ถิงหลันกับซ่างเหิงต่างเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา !
มังกรทรายเหลืองนับว่าเป็นดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิขั้นสูง ก่อนจะถึงลักษณะที่แปดจะไม่เผยท่าทีของกลุ่มมังกรออกมา แต่ทันทีที่เลยลักษณะแปดไปแล้ว พลังบ้าคลั่งของมังกรทรายเหลืองจะเผยออกมาให้เห็นอย่างหมดจด อีกทั้งหลังจากอยู่ในลักษณะสิบแล้ว ต่อให้ไม่ใช้วัตถุวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่ง ระดับพลังต่อสู้ของมังกรทรายเหลืองก็พอที่จะสู้กับจักรพรรดิชั้นยอดได้ !
ถ้าบอกว่าเซี่ยกว่างหานมีมังกรทรายเหลืองระดับจักรพรรดิชั้นยอดตัวหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นเท่ากับฆ่าชู่มู่ได้อย่างง่ายดาย !
“พี่หลีเหิง หรือว่าความสามารถของผู้คุมดวงวิญญาณจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอเป็นบางครั้งเหรอ” ถิงหลันถามด้วยความสงสัย
“นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้มีคนอย่างหลีหงอยู่ เขาก็มีตอนที่ความสามารถตกต่ำด้วย ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงไม่มีทางที่จะราบรื่นตลอด ข้าคิดว่าเซี่ยกว่างหานน่าจะเป็นผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่คนหนึ่ง ก็คือที่พวกเรามักพูดถึงว่า ผู้คุมดวงวิญญาณที่ทิ้งดวงวิญญาณเก่าต่อเนื่อง แล้วสร้างดวงวิญญาณที่มีระดับสูงขึ้นมาใหม่ ทันทีที่ผู้คุมดวงวิญญาณแบบนี้ทิ้งดวงวิญญาณเก่าของพวกเขา แล้วเริ่มฝึกดวงวิญญาณใหม่ของพวกเขา ความสามารถของพวกเขาจะตกต่ำทันที แต่ว่าทันทีที่พวกเขาฝึกดวงวิญญาณใหม่จนถึงลักษณะสิบแล้ว ความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นมหาศาล จะก้าวข้ามผู้คุมดวงวิญญาณรุ่นเดียวกันหลายคน” หลีเหิงบอก
เรื่องเกี่ยวกับผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่ ถิงหลันกับซ่างเหิงเองก็เคยได้ยิน วิธีฝึกของผู้คุมดวงวิญญาณแบบนี้คือเพิ่มระดับพลังต่อสู้ของดวงวิญญาณอย่างต่อเนื่อง และทันทีที่ดวงวิญญาณตามระดับการฝึกของตัวเองไม่ได้แล้ว จะตัดสินใจเลิกสัญญาวิญญาณ แล้วตามหาดวงวิญญาณใหม่เพื่อฝึกต่อไป
ผู้คุมดวงวิญญาณแบบนี้มักต้องเจอกับวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเวลานาน มักเหมือนคนที่มีใบหน้าซีดขาว ดูเหมือนคนป่วย จำต้องใช้วัตถุวิญญาณมากมายเพื่อบำรุงวิญญาณของพวกเขา
“ในเมื่อเขาหายตัวไปหลายปีแล้ว ถ้าอย่างนั้น ความสามารถของเขาตอนนี้อยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ เขาจะเหมือนกับพี่หลีเหิงไหม ที่มีดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว” ซ่างเหิงถามขึ้น
“เรื่องนี้พูดไม่ได้ เขาอาจเก็บดวงวิญญาณเก่าเอาไว้แน่นอน และถ้าดวงวิญญาณใหม่เติบโตเต็มวัยแล้ว ถ้าอย่างนั้นความสามารถคงไม่ด้อยไปกว่าข้ามากเท่าไร” หลีเหิงบอก
หลีเหิงไม่ชอบคนของวังมารนิรย ยิ่งไม่มีความรู้สึกดีต่อเซี่ยกว่างหานที่ทำหน้าไม่พอใจด้วย แต่เขาจำต้องยอมรับว่า วิธีการฝึกดวงวิญญาณแทนที่ของเซี่ยกว่างหานน่ากลัวมาก ถ้าระเบิดความสามารถแท้จริงออกมา เขาจะแข็งแกร่งกว่าคนวัยเดียวกันมาก !
“ถ้าอย่างนั้นควรเตือนชู่มู่ไหม” ถิงหลันพูดอย่างกังวล
“ไม่เป็นไร มีข้าอยู่ เขาไม่กล้าทำอะไรมาก” หลีเหิงบอก
…
…
ชู่มู่ที่เดินไปตามเส้นทางซึ่งเขาไม่รู้ว่าซ่างเหิง ถิงหลัน หลีเหิงทั้งสามคนกำลังตามหลังตัวเองจากที่ไกลออกไป
ชู่มู่เองก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่ ความจริงชู่มู่เองก็เดาว่า เซี่ยกว่างหานเองเป็นผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่ อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่เขาเผยออกมาตอนที่อยู่บ้านแห่งภูตวิญญาณไม่สมเหตุสมผลเกินไป
ตามความเข้าใจเรื่องลำดับของความสามารถ ชู่มู่เริ่มรู้ว่า ถ้าเซี่ยกว่างหานไม่มีความสามารถจริงคงไม่มีทางที่จะได้รับลำดับเก้าในอำนาจได้ และจะไม่มีอภิสิทธิต่างๆในวังมารนิรยได้
ตอนอยุ่บ้านแห่งภูตวิญญาณ ลักษณะขั้นของดวงวิญญาณเขาต่ำมาก เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งที่มีดวงวิญญาณลักษณะสิบแล้ว แทบทนต่อการโจมตีไม่ได้ ในภาวะแบบนี้ เขาจะไม่มีทางได้ลำดับเก้าในวังมารนิรยได้ บวกกับเจ้านี่มักมีใบหน้าที่ซีดขาวตลอดเวลา ท่าทีเหมือนป่วยทุกครั้งที่พบเจอ น่าจะเป็นเพราะวิญญาณได้รับบาดเจ็บ
ด้วยเหตุนี้ ชู่มู่รู้สึกว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาเป็นผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่ ในตอนที่อยู่บ้านแห่งภูตวิญญาณ เซี่ยกว่างหานอยู่ในจุดตกต่ำของผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่
แน่นอนว่า ตอนที่ผู้คุมดวงวิญญาณอยู่ในช่วงแทนที่จะเก็บดวงวิญญาณหลักไว้ แต่ในตอนนั้นอยู่ในพื้นที่ของราชันภูตวิญญาณจักรวาลฟ้า เขาอัญเชิญออกมาไม่ได้
ผู้เฒ่าหลีเป็นคนบอกเรื่องเกี่ยวกับผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่ให้ชู่มู้รู้ และด้วยเหตุนี้ ชู่มู่รู้สึกว่า ต่อต้านเซี่ยกว่างหานในตอนนี้ยังเร็วเกินไป
ไม่ว่าเซี่ยกว่างหานเป็นผู้คุมดวงวิญญาณแทนที่หรือไม่ เป้าหมายหลักของชู่มู่ในตอนนี้คือเพิ่มขึ้นให้อยู่ในเจ็ดร่าย
หลังจากอยู่ในเจ็ดร่ายแล้ว ต่อให้เซี่ยกว่างหานจะเป็นผู้คุมดวงวิญญาณอะไร ก็จะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย !
ถ้าแบ่งระหว่างหกร่ายถึงเจ็ดร่ายเป็นสิบระดับ ในภาวะปกติ ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงจะได้ร่ายวิญญาณส่วนหนึ่ง
เท่ากับว่า ในภาวะที่ชู่มู่ไม่ใช้วัตถุวิญญาณใด ๆ ชู่มู่ต้องใช้เวลาสิบเดือนถึงจะเพิ่มจากหกร่ายเป็นเจ็ดร่ายได้
ผลของวัตถุวิญญาณที่เย้ชิงจือให้ชู่มู่เห็นชัดมาก ทำให้ชู่มู่เพิ่มขึ้นประมาณสี่ส่วน เท่ากับได้ประหยัดเวลาฝึกถึงสี่เดือน
หกส่วนที่เหลือ สำหรับผู้คุมดวงวิญญาณปกติแล้ว ทำได้แค่สะสมเวลาและอาศัยดวงวิญญาณเพื่อเพิ่มพูน ส่วนผู้คุมดวงวิญญาณที่เชื่องช้าและโง่เขลาอาจเพิ่มขึ้นไม่ได้หลายปี
แต่ว่าชู่มู่ยังมีวิธีเพิ่มร่ายวิญญาณพิเศษอีกอย่างหนึ่ง !
วิธีเพิ่มร่ายวิญญาณแบบนี้ชู่มู่มักใช้ตอนที่อยู่เกาะนักโทษ โดยเฉพาะตอนที่เผชิญหน้ากับสมาชิกวังมารนิรย !
วิธีเพิ่มความสามารถแบบนี้พิเศษมาก ซึ่งมาจากปีศาจขาวที่มีพรสวรรค์พิเศษของชู่มู่ตัวนั้น มารนิรยขาวที่เจอกับกลุ่มตระกูลเดียวกันจะตื่นเต้นอย่างมาก !
กลืนกินกลุ่มเดียวกัน !
มารนิรยขาวมีความสามารถพิเศษในการกลืนกินกลุ่มเดียวกัน !!!
ระหว่างที่กลืนกิน ความสามารถของตัวมารนิรยขาวจะเพิ่มขึ้น และร่ายวิญญาณของชู่มู่เองจะเพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย เท่ากับว่าวิญญาณของทั้งคู่จะเพิ่มขึ้นจากการกลืนกินนี้ !
ในด่านที่แปดนี้มีผู้แข็งแกร่งวังมารนิรยหลายคน โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถสามอันดับแรก สำหรับปีศาจขาวแล้ว มารนิรยที่พวกเขามีเท่ากับเป็นอาหารบำรุงชั้นดี !
สำหรับมารนิรยขาวแล้ว มารนิรยกลุ่มเดียวกันนี้เป็นอาหารบำรุง และเป็นพลังบริสุทธิ์ที่สุดที่จะเพิ่มร่ายวิญญาณของชู่มู่ในขณะเดียวกัน !!!
วิธีที่ชู่มู่พูดถึง คือการฆ่าล้างสมาชิกวังมารนิรย ! เพิ่มความสามารถผ่านมารนิรยของสมาชิกวังมารนิรยเหล่านี้ !