** เกิดจากความสับสนของนักเขียนทำให้ไล่เลขตอนผิด ทั้งนี้เนื้อหายังต่อกันเหมือนเดิมค่ะ **
——
“ชู่เฉิง…” ซ่างเหิงมองไปยังชู่เฉิง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อน อีกทั้งยังเผยท่าทีร้องขอ
ซ่างเหิงรู้ว่า ความสามารถของชู่มู่ในตอนนี้เกินกว่าเขามากแล้ว ก่อนหน้านี้ซ่างเหิงกับถิงหลันและหลีจ่านตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้มีแค่ชู่มู่กับเย้ชิงจือที่ช่วยเหลือพวกเขาได้ มิฉะนั้น ด้วยนิสัยทารุณของเหล่านักโทษ ถิงหลันกับหลีจ่านไม่ถูกเหล่านักโทษปล้น แล้วส่งให้ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองง่ายแบบนั้น
“ชู่เฉิง เจ้าต้องช่วยยืดเวลาให้ถิงหลันกับหลีจ่านสิบนาทีให้ได้ ในบรรดานักโทษ มีนักโทษขั้นแปดคนหนึ่งที่มีความสามารถแข็งแกร่งยิ่ง เป้าหมายของพวกเขาคือถิงหลัน ถ้าถูกเขาจับได้ ถิงหลันจะมีอันตราย ดังนั้น ชู่เฉิง ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องลงมือ แค่ยืดเวลาสิบนาที แค่ให้ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองมาถึง พวกเขาก็จะปลอดภัยแล้ว…” ซ่างเหิงพูดอย่างจริงใจมาก
พอมาถึงด่านที่แปด เหล่าผู้แข็งแกร่งแต่ละคนน่าจะแค่ห่วงแต่ตัวเองแล้ว ซ่างเหิงรู้ว่า การร้องขอชู่มู่แบบนี้เท่ากับดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย
แต่ว่า ซ่างเหิงในตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้ว การเป็นอยู่ของผู้คุมดวงวิญญาณเป็นที่เห็นได้ชัดมากแล้ว แต่ที่ทำให้ซ่างเหิงรับไม่ได้คือ ถิงหลันเป็นผู้คุมดงวิญญาณหญิงจำนวนน้อยมาก ถ้าผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองไม่สามารถมาถึงทันเวลาได้ เธอจะถูกนักโทษร้ายเหล่านี้ทำร้าย
“ชิงจือ ลองหาว่ากลิ่นนั้นมาจากทางใดได้ไหม” ชู่มู่ถามขึ้น
“อืม” เย้ชิงจือเข้าใจความหมายของชู่มู่ ในตอนนี้จึงกระโดดขึ้นหลังของอสูรนิมิตชุดม่วง ขี่อสูรนิมิตชุดม่วงนำทางไป
ชู่มู่ไม่พูดอะไรอีก ขี่อสูรสายฟ้านิมิตราตรีตามติดข้างเย้ชิงจือ
ซ่างเหิงอึ้ง เดิมเขาคิดว่า ชู่มู่ที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักโทษขั้นแปดประมาณสี่คนและนักโทษขั้นเจ็ดประมาณสิบคนจะเกิดความลังเล อย่างไรก็ตาม ความสามารถของศัตรูแข็งแกร่งอย่างมาก
และแล้ว ชู่มู่แทบไม่ลังเล ในตอนที่เขายังไม่พูดอะไร ได้มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่นักโทษอยู่แล้ว
มองดูแผ่นหลังสีดำของชู่มู่ ในใจของซ่างเหิงก็ตื้นตันอย่างมาก เป็นความซาบซึ้งต่อชู่มู่อย่างยิ่ง !
…
…
หลังจากผ่านเส้นทางภูเขาที่คดโค้งไป จะเป็นหน้าผาที่ตั้งชันสูงขึ้น
นี่เป็นหนึ่งในเหวที่ใหญ่ที่สุดของภูเขาเวหาอมตะตะวันออก ความสูงระหว่างที่ต่ำกับที่สูงห่างกันนับร้อยเมตร และทั้งภูเขาตั้งชันขึ้น ติดจะไปถึงชั้นสูงของภูเขานี้จำต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อข้ามผ่านมังกรเวหานี้ให้ได้
ชั้นเหวนี้มีความกว้างถึงสองร้อยกว่าเมตร นอกจากเส้นทางภูเขาที่คดโค้งนั้นก่อเป็นทางชันแล้ว สองข้างที่เหลือต่างเป็นหุบเขาที่แทบจะดิ่งลง
หุบเขาเต็มไปด้วยลมที่พัดอย่างบ้าคลั่งรุนแรง ก่อเป็นพื้นที่ลมโดยธรรมชาติ ต่อให้เป็นดวงวิญญาณหมวดปีกก็ยากที่จะบินในนี้ได้ ส่วนดวงวิญญาณอื่นถ้าคิดจะลงไปในหุบเขาจากสองข้างทาง คงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายาก ถ้าบนที่สูงมีศัตรูอยู่ ทันทีที่ปล่อยทักษะลงมา ในตอนที่ไร้ที่หลบซ่อนจะตัวสลายแน่นอน
และเป็นเพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้ พูดได้ว่า ทำให้ถิงหลันกับหลีจ่านถูกต้อนจนตรอก พวกเขาไร้ที่หลบหนีแล้ว !
นักโทษขั้นแปดสี่คน นักโทษขั้นเจ็ดสิบสองคน !
นักโทษแต่ละคนต่างขี่ดวงวิญญาณสองตัว ทั้งหมดนี้มีดวงวิญญาณลักษณะสิบสามสิบสองตัว !
การฆ่าล้างก่อนหน้านี้ ถิงหลันกับหลีจ่านได้ฆ่าผู้นำลักษณะสิบตายไปแปดตัวแล้ว แต่หลังจากที่ผู้นำยี่สิบสี่ตัวควบคุมพวกเขาเอาไว้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ชีวิตของพวกเขาได้รับอันตรายอย่างแท้จริง !
ความสามารถของหลีจ่านนับเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับที่สามของตำหนักวิญญาณ จากความสามารถของเขา ย่อมเผชิญหน้ากับนักโทษขั้นเจ็ดและแปดได้ไม่มีปัญหา แต่ที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือนักโทษที่ควรกระจายตัวเช่นเดียวกับเหล่าผู้เข้าแข่งขันกลับอยู่รวมกันเป็นจำนวนมหาศาลแบบนี้ !
จำนวนของนักโทษเมื่อถึงระดับหนึ่งจะเกิดเป็นอุปสรรคระดับหนึ่ง ต่อให้เป็นผู้เข้าแข่งขันลำดับหนึ่งของอำนาจต่าง ๆ ก็ใช่ว่าจะจัดการได้ !
“คุณถิงหลัน เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นอน เชื่อข้า ! ” จ่านหลีกัดฟันจับจ้องไปยังผู้นำที่พุ่งลงมาจากทางชันอย่างรวดเร็วเหล่านั้น
ใบหน้าของถิงหลันซีดขาว ดวงตาคู่งามนั้นสูญเสียความแน่วแน่เหมือนวันที่ผ่านมา เผยความหวาดกลัวออกมา
นิ้วของเธอกำลังสั่นเบา ๆ ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะบ้าคลั่งของเหล่านักโทษ ในใจของเธอจะเกิดความรังเกียจอย่างมากขึ้น ขณะเดียวกันก็รู้สึกหนาวไปทั่วทั้งตัว
จากสายตาที่แทบจะลุกเป็นไฟของเหล่านักโทษ ถิงหลันรู้ได้ว่า ทันทีที่ตัวเองตกอยู่ในมือของพวกเขาจะมีสภาพอย่างไร ตั้งแต่ตอนนี้เธอกำลังเสียดายที่ควรจะขอความช่วยเหลือจากผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองตั้งแต่ก่อนเจอนักโทษเหล่านี้แล้ว ไม่ควรจะหัวดื้อแบบนี้ต่อไป
“ฮะฮะ รุ่นเด็กตำหนักวิญญาณสองคน อสูรศักดิ์สิทธิ์ลายเส้นทั้งเจ็ดของพวกเจ้ายังอ่อนเยาว์อยู่ ให้พวกเจ้าไปใช้แบบนี้มันน่าเสียดายเกินไปจริงๆ ! ” นักโทษหัวฟูที่เป็นหัวหน้าคนนั้นหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
ความจริงนักโทษที่อยู่ในที่นี่ต่างมีความอิจฉาต่อเหล่าผู้เข้าแข่งขันอย่างแรง ผู้คุมดวงวิญญาณวัยผู้ใหญ่อย่างพวกเขาต้องมีอายุสามสิบกว่าถึงจะมีสิทธิควบคุมดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิที่แท้จริงได้ แต่ในด่านที่แปกของการประลองฟ้าดินนี้มีผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มไม่น้อยที่มีดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิอย่างแท้จริง แต่ตอนที่นักโทษเหล่านี้อยู่ในวัยพวกเจากลับมีแค่ระดับนำ
…
“เพ้ง”
ในที่สุด อสูรเชิญหงส์ลักษณะเก้าของถิงหลันยังคงยากที่จะต่อต้านกับสิ่งมีชีวิตลักษณะสิบเทียบเท่าจักรพรรดิได้ กระแทกบนหน้าผาอย่างแรง ลึกลงไปด้านใน
ตามด้วย ดวงวิญญาณธาตุของถิงหลันถูกภูตวิญญาณหลายตัวควบคุมเอาไว้ ไม่สามารถปล่อยทักษะธาตุพื้นฐานออกมาได้แม้แต่อันเดียว
ในภาวะแบบนี้ ทันทีที่มันถูกโจมตี จะถูกฆ่าตายในเสี้ยววินาทีแน่นอน ถิงหลันไม่อยากเห็นดวงวิญญาณของตัวเองตายไปแบบนี้ ในตอนที่ดวงวิญญาณธาตุของตัวเองสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ ได้ร่ายคาถาขึ้น เก็บมันกลับเข้าช่องว่างดวงวิญญาณ
ถิงหลันมีสี่ญาณ แต่หลังจากถูกโจมตีอย่างหนัก อสูรเชิญหงส์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงวิญญาณธาตุก็ถูกเก็บกลับไป ส่วนดวงวิญญาณรองตัวอื่นต่อให้อัญเชิญออกมาก็ยากที่จะหนีรอดชะตาที่จะถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีได้ !
“ซ่า !!! ”
ผู้นำหมวดอสูรสี่ตัวยื่นกรงเล็บดุร้ายออกมาพร้อมกัน ตวัดลงบนตัวของปีศาจเสือลายของหลีจ่าน !!!
ปีศาจเสือลายเต็มไปด้วยบาดแผลตั้งนานแล้ว การโจมตีครั้งนี้ยิ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตของปีศาจเสือลาย สุดท้ายนอนล้มอยู่กลางกองเลือด
สัญญาวิญญาณที่ตัดขาด ทำให้สีหน้าของหลีจ่านซีดขาวกว่าเดิม !
“ยอมจำนนก็ดีแล้ว พวกเราไม่ฆ่าคน แค่ส่งพวกเจ้าให้ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลอง ทำไมต้องเปลืองชีวิตของดวงวิญญาณแบบนี้” นักโทษขั้นแปดชั่วร้ายพูดด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นมิตร
เป็นเช่นนั้นจริง ถ้าหลีจ่านยอมจำนน เก็บดวงวิญญาณทั้งหมดไว้ เขาจะไม่เสียหายอะไร และจะไม่มีทางตายไปแน่นอน
แต่จะให้หลีจ่านมองดูถิงหลันตกอยู่ในอันตราย เป็นถึงผู้คุมดวงวิญญาณที่มีความดีงามอันแท้จริงของตำหนักวิญญาณคนหนึ่ง หลีจ่านไม่สามารถทำได้ !!!
ในสายตาของผู้คุมดวงวิญญาณหลายคน พวกเขาต้องคอยรักษาหลายสิ่งที่มีความสำคัญกว่าชีวิตของพวกเขา หนึ่งในนั้นก็คือ คำสั่งของตำหนักวิญญาณ
หลีจ่านรู้จักกับถิงหลันตั้งแต่เด็ก ด้วยเหตุผลทางด้านตำแหน่ง หลีจ่านเองก็คอยเป็นองครักษ์ของถิงหลันมาตลอด คอยปกป้องบุตรสาวของท่านอาวุโสตำหนักเทพคนนี้ นี่เป็นหนึ่งในคำสั่งที่สมาชิกตำหนักวิญญาณอย่างเขาต้องทำ !
ถ้าต้องเอาชีวิตรอดแต่ต้องทำให้ถิงหลันตกอยู่ในอันตราย เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดทั้งชิวิตนี้ !
“คุณถิงหลัน เจ้า…เจ้ายังมีดวงวิญญาณหมวดปีกใช่ไหม” หลีจ่านกำหมัดทั้งสองมือแน่น พูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“อืม จำต้อง…จำต้องโจมตีให้พวกเขาถอยไปสักครั้ง ดวงวิญญาณหมวดปีกของข้าถึงจะบินขึ้นไปได้” หนึ่งในจุดประสงค์ที่ถิงหลันเก็บดวงวิญญาณธาตุที่ถูกควบคุมเอาไว้ก็เพื่อเตรียมอัญเชิญดวงวิญญาณหมวดปีก
“ข้า…ข้านะใช้ทักษะหมวดแสงอันหนึ่ง วินาทีที่ปล่อยทักษะหมวดแสงออกมา เจ้าร่ายคาถาอัญเชิญดวงวิญญาณหมวดปีก ข้าจะพยายามรั้งพวกเขาเอาไว้ แล้วเจ้าขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกบินขึ้นไปเรื่อย ๆ …” หลีจ่านใช้ร่ายวิญญาณพูดกับถิงหลัน
“แล้วเจ้าละ” ถิงหลันถามอย่างใจร้อน
“ข้าจะอัญเชิญดวงวิญญาณหมวดลมของข้าให้เหวี่ยงข้าขึ้นไป..จำไว้ให้ดี บินขึ้นไปอย่าหยุด หากลังเลแม้แต่น้อย ดวงวิญญาณของเจ้าจะถูกดึงลงมา” หลีจ่านพูดอย่างจริงจัง
“แต่ดวงวิญญาณหมวดลมของเจ้า…” ถิงหลันปวดใจมาก พูดอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องพูดแล้ว ! ” หลีจ่านห้ามถิงหลันไว้ ในภาวะที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บจึงร่ายคาถาขึ้น
ที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บก็จะทำให้ใช้ทักษะวิญญาณได้ยากมาก และแล้วหลีจ่านกลับร่ายคาถาทักษะหมวดแสงได้สำเร็จภายใต้ภาวะที่ยังมีบาดแผลวิญญาณอยู่ !!!
แสงแห่งอาทิตย์อัสดง !
ทันใดนั้น ประกายสีทองสาดส่องไปทั่วทุกทิศอย่างสะดุดตา!!
ประกายเหล่านี้แทบต้านทานไม่ได้ ทำให้ดวงตาของดวงวิญญาณและเหล่านักโทษร้อนระอุ อีกทั้งความสามารถรับรู้ก็ถูกทักษะหมวดแสงที่รุนแรงนี้ปิดบังหมด !
วินาทีนี้ ถิงหลันไม่กล้าลังเลใด ๆ ร่ายคาถาอัญเชิญดวงวิญญาณหมวดปีกของเธออกมา
เธอกระโดดขึ้นบนตัวดวงวิญญาณหมวดปีกอย่างรวดเร็ว มองไปยังหลีจ่านที่ปล่อยแสงแสบตานั้นออกมา
“บินเร็ว !!! ต้องบินไปยังความสูงที่พวกเขาโจมตีไม่ได้ !!! ” หลีจ่านตะโกนขึ้น ประกายแสงที่ปล่อยออกมาบนตัวรุนแรงมากขึ้น แทบไม่ปล่อยให้นักโทษเหล่านั้นมีโอกาสเล็งไปยังถิงหลัน
ถิงหลันให้ดวงวิญญาณหมวดปีกของตัวเองบินขึ้นไปตามหน้าผาที่เป็นแนวดิ่ง…
…
ในที่ไม่ไกลออกไป ประกายแสงสีทองสะดุดตาสะท้อนบนหน้าของชู่มู่กับเย้ชิงจือ ทั้งสองคนหลับตาลงทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงตาของตัวเองถูกลวง
“พวกเขาอยู่ตรงนั้น” ชู่มู่นำหน้าพุ่งไปก่อน ให้อสูรสายฟ้านิมิตราตรีปล่อยทักษะเงาไว เพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง
เส้นสีดำพาดผ่านบนเส้นทางภูเขา ชู่มู่ที่สวมชุดสีดำหล่อรวมเข้าไปกับอสูรสายฟ้านิมิตราตรี เต็มไปด้วยสีดำเข้ม แต่กลับลึกลับอย่างมากในขณะเดียวกัน
…
ถิงหลันบินไปยังความสูงร้อยเมตรแล้ว หนึ่งร้อยเมตรนี้จะกันการโจมตีจากดวงวิญญาณมากมายได้
แต่ว่า ในตอนที่บินไปถึงความสูงนี้ ร่างกายของถิงหลันกลับสั่นอย่างแรง เพราะในตอนนี้ เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่า หลีจ่านไม่มีดวงวิญญาณหมวดลม !!!
หลีจ่านไม่มีดวงวิญญาณหมวดลม หลีจ่านที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบไม่สามารถกระโดดขึ้นมาในความสูงนี้ได้ในเสี้ยววินาที !