ลานกว้างแท่นบูชา ดาบหินที่เต็มไปด้วยพลังแต่ละด้ามยกขึ้น ผู้เฝ้าหินนับสิบกว่าตัวเล็งไปยังชู่มู่หมด พลังที่รวมกันแข็งแกร่งอย่างมาก กลายเป็นความกลัวที่พอจะฉีกทุกอย่างได้ !
ในที่สุด พวกมันจะโจมตีแล้ว !!!
ชู่มู่ที่ตกอยู่ท่ามกลางผู้เฝ้าหิน จับหน้าอกของตัวเอง เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา
พลังของจักรพรรดิขั้นสูงตีบนตัวชู่มู่ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะร่างกายของชู่มู่ผ่านการชำระล้างด้วยเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกตมาก่อน การโจมตีนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างของชู่มู่สลายแล้ว !
ชู่มู่ฝืนลุกขึ้นยืน การโจมตีของเหล่าผู้เฝ้าหินไม่นับว่าไวมากเท่าไร สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอหมวดหินมหาศาลที่พัดพาจากรอบด้านนั้น ชู่มู่ไม่กล้าลังเลใด ๆ ร่ายคาถาขึ้น !
“โครม !!!”
ดาบหินสิบกว่าด้ามฟาดจากรอบด้าน พลังที่ผ่านฟ้าดินปรากฏขึ้นกะทันหัน แทบไม่ปล่อยให้ชู่มู่มีที่หลบซ่อนได้ !
พลังสิบกว่าอันเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน พลังมากถึงขั้นสิบแน่นอน ! ถ้าเปลี่ยนเป็นอยู่ในภาพแวดล้อมที่อื่น ทุกสิ่งในรัศมีพันเมตรนี้จะสลายไปแน่นอน !!!
วินาทีที่พลังเหล่านี้ถาถมเข้ามา ไฟปีศาจลุกโชนขึ้นบนตัวชู่มู่อย่างรวดเร็ว !
ไฟปีศาจแผดเผาร่างของเขา ทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นเถ้าถ่านทันที
“ฮู ฮู ฮู”
วินาทีต่อมา ชู่มู่ได้ปรากฏตัวในตำแหน่งหนึ่งร้อยกว่าเมตรออกไป ออกจากใจกลางการรวมตัวของพลัง
และแล้ว พลังเหล่านี้กลับส่งผลกระทบพันกว่าเมตรได้ การหลบของชู่มู่แค่ทำให้เขาออกจากพื้นที่ที่มีพลังรุนแรงที่สุดเท่านั้น
ในไม่ช้า แรงกระแทกของหมวดหินอันรุนแรงได้พัดพาเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ ร่างกายของชู่มู่ที่ปรากฏท่ามกลางไฟปีศาจเมื่อครู่กลับถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้าสูง เกิดรอยแผลลึกน่าหวาดกลัวบนร่างกายอีกครั้ง ราวกับกำลังฉีกร่างกายของเขา !!!
“อู อู อู อู !!!”
มั่วเย้ร้องด้วยความโกรธเคือง มันที่มีประกายสีเงินทั่วทั้งตัวก้าวเท้าออก สี่เท้าที่มีมงกุฎเพลิงพาดผ่านหัวของผู้เฝ้าหินนับไม่ถ้วน มุ่งตรงไปด้านหน้าชู่มู่…
“ซัวะ !!! ซัวะ !!!”
วินาทีที่มั่วเย้พุ่งเข้ามา มีมีดหินนับไม่ถ้วนไขว้กันกลางอากาศ เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่ามั่วเย้จะทยานขึ้นสูงเท่าไร พวกมันก็โจมตีถึงได้
มั่วเย้วิ่งหลบกลางอากาศ แต่แผลบนตัวกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราวกับเดินอยู่ท่ามกลางฝนแห่งใบมีด ยิ่งความเร็วเพิ่มขึ้นมากเท่าไร แผลยิ่งมากขึ้นเท่านั้น…แต่ว่า มันยังคงวิ่งไปยังชู่มู่เต็มแรง
ที่โชคดีคือ พลังที่อยู่ในระดับขั้นสิบก่อนหน้านี้มีแรงกระแทกต่อพวกผู้เฝ้าหินระดับหนึ่ง มั่วเย้อาศัยแรงกระแทกนี้ทำให้พวกผู้เฝ้าหินถอยกลับบินผ่านหัวของพวกมัน ถ้าเป็นภาวะปกติ ด้วยความสามารถของมั่วเย้ ทันทีที่กระโดดไปครึ่งอากาศจะถูกผู้เฝ้าหินนับไม่ถ้วนฆ่าแน่นอน
“อู อู อู อู”
ในที่สุด มั่วเย้ยังคงบินไปตรงหน้าชู่มู่ ตอนที่ชู่มู่กำลังจะล้มลงกลางฝูงผู้เฝ้าหินมันได้ใช้หางม้วนชู่มู่ที่เต็มไปด้วยบาดแผลเอาไว้
สัมผัสได้ถึงความนุ่มของหางนั้น ต่อให้ลืมตาไม่ได้ ชู่มู่ก็รู้ว่ามั่วเย้ได้วิ่งมาแล้ว
แต่ว่า ชู่มู่ในตอนนี้กลับรู้สึกขมขื่นและไร้หนทาง
“มั่วเย้ กลับไปยังใจกลางของแหล่งพลัง ตรงนั้นจะปลอดภัยกว่าเล็กน้อย” ชู่มู่ใช้ร่ายวิญญาณพูดกับมั่วเย้
ชู่มู่รู้ว่า อยู่กลางอากาศแบบนี้จะถูกผู้เฝ้าหินนับร้อยตัวโจมตีแน่นอน แบบนั้นเท่ากับหาที่ตายเอง
“อู” มั่วเย้พุ่งลงอย่างรวดเร็ว หลบการโจมตีระยะไกลของผู้เฝ้าหินจำนวนหนึ่ง มุ่งไปยังใจกลางของพลังก่อนหน้านั้น
พลังขั้นสิบยังไม่ทันได้หายไป ยังคงมีพลังหมวดหินมหาศาลออกมา ทว่า เพื่อให้ได้พักหายใจ มีเพียงมุ่งหน้ามาตรงนี้เท่านั้น มิฉะนั้น การโจมตีครั้งต่อไปของผู้เฝ้าหินจะทำให้พวกเขาตายแน่นอน
“ฮู ฮู ฮู” ขนสีเงินของมั่วเย้ถูกความกดอากาศเหล่านั้นพัดพาจนยุ่งเหยิง พลังหมวดหินที่ยังเหลืออยู่ได้ฉีกร่างกายของมั่วเย้ออก…
ในที่สุด มั่วเย้ยังคงตกอยู่ใตกลางพลังขั้นสิบ ตำแหน่งนี้กลับมีแรงกระแทกพัดพาไปรอบด้าน ตรงกลางมีช่องโหว่ค่อนข้างใหญ่ปรากฏขึ้น พลังทั้งหมดต้องใช้เวลาประมาณสิบวินาทีเพื่อให้มันสงบลง ส่วนการโจมตีครั้งต่อไปของเหล่าผู้เฝ้าหินคงเป็นวินาทีที่สิบนี้
ปีศาจขาวถูกผนึกไว้ในแท่นบูชาอสูรเลือดแล้ว ต่อให้ชู่มู่คิดจะใช้ภาวะครึ่งมารก็ไม่อาจทำได้ ถ้าเลือกที่จะทำให้เป็นภาวะครึ่งมารในตอนนี้เท่ากับเป็นการแผดเผาวิญญาณของตัวเอง…
“อู อู”
หลังจากตกถึงพื้น มั่วเย้ได้วางชู่มู่ลงพื้น
มั่วเย้รู้ว่า ไม่ว่าการโจมตีใด ๆ ก็ไม่อาจทำให้กองทัพผู้เฝ้าหินมหาศาลนี้ได้รับบาดเจ็บ มันยืนอยู่ข้างกายชู่มู่ ใช้ลิ้นของมันเลียไปยังบาดแผลบนแขนของชู่มู่ ราวกับจะลดความเจ็บปวดให้ชู่มู่
ชู่มู่ใช้มือลูบหน้าผากของมั่วเย้ ดวงตาคู่นั้นกลับไม่เผยความหวาดกลัวหรือสิ้นหวังต่อความตาย แต่กลับเต็มไปด้วยความขมขื่นและความรู้สึกโชคดี
“เจ้าเชื่อฟังมากที่สุด แต่ก็ดื้อที่สุดเหมือนกัน” ชู่มู่จะพูดอะไรได้อีก จะโทษความบ้าบิ่นแบบนี้ของมั่วเย้ก็ไร้ความหมายใด ๆ
ชู่มู่รู้ว่า ในตอนที่ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ดวงวิญญาณทุกตัวของเขาก็พร้อมที่จะเสียสละชีวิตเพื่อเขา
พวกมันมีเหตุผลที่จะสละชีวิตเพื่อชู่มู่ ความชื่นชมของจั้นเย้ การมีอยู่ของปีศาจขาว การพึ่งพาของนิ้ง ความซื่อสัตย์ของปีศาจไม้ เสียงประสานของเย้…
มีเพียงมั่วเย้ ไม่ว่าตัวเองจะทำอะไร จะไม่มีเหตุผลใด ๆ และไม่ต้องมีเหตุผลใด ๆ
เช่นเดียวกับตอนนั้น มังกรจำศีลอัมพรมรกตแข็งแกร่งยิ่งที่ปกป้องมั่วเย้ได้จะพามั่วเย้จากไป มั่วเย้กลับกลับนอนหมอบอยู่บนไหล่ของมนุษย์ผู้อ่อนแออย่างชู่มู่ เช่นเดียวกับตอนที่อยู่บ้านแห่งภูตวิญญาณ ต่อให้สัญญาวิญญาณขาดจากกันแล้ว มั่วเย้ยังคงไม่ทอดทิ้งเขาไป…
“อู อู อู”
มั่วเย้พึมพำพร้อมกับความเศร้าโศกเล็กน้อย
โดยปกติตอนที่เผชิญหน้ากับศัตรู มั่วเย้มักยืนอยู่ตรงหน้าชู่มู่
แต่ว่าตอนนี้มีศัตรูอยู่รอบด้าน มั่วเย้ทำได้แค่ยืนอยู่ข้างชู่มู่
“เจ็บใจใช่ไหม อีกไม่กี่ปี ต่อให้จักรพรรดิขั้นต่ำนับพันหมื่นก็จะไม่อยู่ในสายตาของพวกเราแล้ว” ชู่มู่ไม่มีท่าทีจะบ่น
ผู้คุมดวงวิญญาณทุกคนจะต้องเจอกับวันที่ไม่อาจเอาชนะศัตรูได้ ชู่มู่เองก็ไม่อาจโชคดีตลอดไป ชู่มู่ไม่ได้บ่นอะไร แค่เจ็บใจเท่านั้น เพื่อตัวเอง และเพื่อมั่วเย้…
“อู อู” มั่วเย้เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเงินคู่นั้นจับจ้องไปยังชู่มู่ เผยประกายแน่วแน่ที่สุดออกมา
“แน่นอน” ในตอนนี้ชู่มู่ได้ฉีกยิ้มออกมา พูดด้วยสายตาแน่วแน่เช่นกันว่า “พวกเราจะสู้ต่อไป !”
ชู่มู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ยืดตัวขึ้น
ชุดสีดำของเขาขาดจนไม่เหลือชิ้นดี ผมกระชายออก คล้ายคลึงกับคนป่าที่มีชีวิตบนเกาะนักโทษอย่างมาก
ขนสีเงินบนตัวมั่วเย๋แปดเปื้อนด้วยเลือดสีแดงฉาน เผยให้เห็นจิ้งจอกนองเลือดที่คลั่งเลือด !
ตอนที่ชู่มู่อยู่เกาะนักโทษ ต้องใช้พลังเพื่อเอาชีวิตรอด ในตอนนั้น ความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้ฝังลงในส่วนลึกในใจของชู่มู่แล้ว
ชะตาของมั่วเย้เหมือนกับชู่มู่ ในตอนที่มันเป็นแค่จิ้งจอกตัวเล็กระดับทาส ต้องการเติบโต ลอกคราบ แปรเปลี่ยนต่อเนื่อง
ในตอนนั้น ในป่าที่เต็มไปด้วยซากศพ ในตอนท้ายที่สุดมักมีเงาสีเงินกับสีดำที่จากไปอย่างสันโดษ…
ในตอนนี้ ยังคงเป็นคนเดียวกับจิ้งจอกตัวเดียว
เผชิญกับศัตรูในลานกว้างพันเมตรนี้ ต่อให้ผู้เฝ้าหินจะดุร้ายเดียงใด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่อาจปิดบังประกายที่สาดส่องออกจากตาของคนนี้และจิ้งจอกตัวนี้ได้ !
…
ดวงวิญญาณส่งสารวนรอบภายใต้เมฆสีดำ ในสายตาของดวงวิญญาณตัวเล็กนี้ กำลังเห็นภาพที่น่าสะเทือนใจยิ่ง
“ชู่มู่กับดวงวิญญาณของเขา ตกอยู่ในลานกว้างที่มีผู้เฝ้าหินจักรพรรดิขั้นต่ำพันตัว…”
ตอนที่ดวงวิญญาณส่งสารนำข่าวนี้ไปยังผู้คนที่อยู่ในลานกว้างเทียนเซี่ย คนเกือบแสนคนในลานกว้างนี้ส่งเสียงขึ้นทันที !!!
ข่าวนี้กระจายออกต่อเนื่อง ราวกับพายุที่กำลังพัดพา !
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร !!!”
“ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณกับดวงวิญญาณของเขาตายแบบนี้เหรอ”
“พวกเขาในตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่ !!!”
เสียงร้องสะเทือนต่อเนื่อง ผู้คนมากมาย ทำให้ลานกว้างเทียนเซี่ยเกิดความสะเทือนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน !!!
ซ่างเหิง ถิงหลัน จ้าวเฉิง และสมาชิกตำหนักวิญญาณมากมายนั่งอยู่บนที่นั่งของพวกเขา จากสายตาของพวกเขามองออกได้ว่า พวกเขายากที่จะรับความจริงนี้ได้
“ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสาร พวกเขายังไม่ตายใช่ไหม”
“ตอนนี้ละ ถูกฆ่าหรือยัง”
เสียงตั้งคำถามดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้ผู้คนทั้งหมดรู้ว่า ชู่มู่ไม่อาจมีชีวิตรอดแล้ว แต่พวกเขาอยากรู้ว่าผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มสะเทือนทั้งเมืองเทียนเซี่ยนี้จบลงเมื่อไร…
คนที่เคารพ นับถือชู่มู่ จะต้องรู้เวลาที่เขาพ่ายแพ้ให้ได้ !
…
ดวงวิญญาณส่งสารที่บินวนอยู่เหนือลานกว้างอสูรเลือดจะเห็นเช่นเดียวกับเจ้าของมัน ดังนั้น ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารจะเห็นสถารการณ์ตรงนั้นได้
แต่ว่าในตอนที่ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารเห็นได้ด้วยกับตา ได้อึ้งไปหลายวินาที ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรเพื่อบรรยายสิ่งที่ตัวเองเห็นในตอนนี้
ในที่สุด ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารยังคงกระจายข่าวออก
“พวกเขากำลังต่อสู้”
ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารทำได้แค่บรรยายด้วยคำว่าพวกเขากำลังต่อสู้ หรือบางทีเขาเองยังฝืนใจใช้คำนี้ แต่ว่าเขารู้สึกว่า พวกเขากำลังต่อสู้จริง ๆ !
พวกเขากำลังต่อสู้ !
นี่เป็นคำบรรยายที่ง่ายดายเพียงใด [PP1] จะมีผู้คุมดวงวิญญาณคนใดที่ต่อสู้ไม่บ่อย
แต่ว่าเผชิญกับศัตรูจำนวนมากที่ไม่อาจเอาชนะได้แบบนี้ ความหมายที่ว่าพวกเขากำลังต่อสู้ได้เปลี่ยนไปทันที !
“พวกเขากำลังต่อสู้”
แม้แต่ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองที่ส่งสารยังกดเสียงให้ต่ำ เสียงทุ้มต่ำนี้ดังขึ้นในหูของคนทั้งหมดในลานกว้างแห่งนี้
และแล้ว วินาทีนี้ ทั้งลานกว้างเทียนเซี่ยเงียบสงัด !
ชู่มู่ที่สวมชุดดำไม่เหลือชิ้นดี จิ้งจอกอัคคีเก้าหางมงกุฎเพลิงที่เต็มไปด้วยเลือด พวกเขากำลังต่อสู้ท่ามกลางกองทัพผู้เฝ้าหินมหาศาล…
ต่อให้ผู้คนมองไม่เห็น แต่พวกเขาสามารถจินตนาการภาพสะเทือนใจในหัวนี้ได้ !!!