หายนะกลุ่ม ทั้งลานกว้างมีผู้เฝ้าหินที่มีชีวิตรอดไม่กี่ตัวแล้ว
จนถึงตอนนี้ อัคคีแห่งโทษที่อยู่ในตาของผู้เฝ้าหินถึงหายไปในที่สุด เผิชญกับศพของกลุ่มเดียวกันทั้งลานกว้าง ผู้เฝ้าหินที่ได้สติกลับมาช้า ๆ ถึงพบผลที่ตามมาหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้
และในตอนที่มั่วเย้ปรากฏนลานกว้างนี้อีกครั้ง ผู้เฝ้าหินที่เหลือเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที รีบหนีไกลออกไป
ยากที่จะจินตนาการได้ว่า ผู้เฝ้าหินที่ยากจะเอาชนะได้กลับกลายเป็นผู้พ่ายแพ้แบบนี้ หนีออกไปอย่างชุลมุน
“พวกเจ้าจัดการพวกนี้ทั้งหมดเหรอ” เย้หวันเชิงหุบปากไม่ได้แล้ว มองไปยังชู่มู่ด้วยความอึ้ง
ชู่มู่แค่พยักหน้า ไม่สนใจเท่าไร แค่พูดกับเย้หวันเชิงว่า “ชิงตือต้องพิษอะไร ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้”
เย้หวันเเชิงถึงได้สติกลับมา เดินไปข้างชู่มู่ มองไปยังเย้ชิงจือแล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นทักษะวิญญาณที่เพิ่มความสามารถดวงวิญญาณโดยใช้เลือดของนักวิญญาณเอง ทันทีที่สารพิษปนเปื้อนเส้นเลือดในสมอง ชิงจือก็จะ….”
ตอนที่พูด เย้หวันเชิงได้เดินไปตรงหน้าเย้ชิงจือ เขามองไปยังหน้าของเย้ชิงจือ ในตอนนี้เขาถึงพบว่าใบหน้าซีดขาวของเย้ชิงจือเต็มไปด้วยสารพิษแล้ว !!!
ส่วนเย้ชิงจือได้สลบไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ !
“แย่แล้ว สารพิษเข้าใกล้สมองอย่างมากแแล้ว ! ตอนอยู่เมืองหลีชิงจือเคยใช้ทักษะนี้ครั้งหนึ่ง ตามปกติแล้ว ห้ามใช้ทักษะนี้อีกในสามปี ตอนนี้สารพิษยังกระจายตัวอยู่ อีกไม่นาน…” เย้หวันเชิงหน้าซีดทันที
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่า ชิงจือแค่ต้องพิษมากไปเท่านั้น แต่ในตอนนี้ ทั้งหมดนี้กำลังอันตรายถึงชีวิตของชิงจือ ถ้าไม่รักษาอีก น้องสาวของตัวเองอาจต้องพิษตายทั้งเป็นจริง !
เย้หวันเชิงไม่คิดว่า เรื่องนี้จะร้ายแรงขนาดนี้ มองดูเคร่งเครียดอย่างมาก เหงื่อบนหน้าไหลไม่หยุด !
“มีวิธีรักษาไหม” ชู่มู่เองก็ตกใจ เหมือนจะสูญเสียเย้ชิงจือไป รีบโอบหญิงงามไว้แน่นขึ้น
“มีแค่เย้ชิงจือเองที่รู้ แต่เธอสลบอยู่ในตอนนี้” เย้หวันเชิงมองไปยังองค์หญิงจิ่งโหลว หวังว่าองค์หญิงจิ่งโหลวจะรู้เรื่องนี้
ทว่า องค์หญิงจิ่งโหลวส่ายหัวเช่นกัน เห็นได้ชัดว่า เธอไม่รู้จะรักษาเย้ชิงจืออย่างไร
“ผู้เฒ่าหลี !!!” ชู่มู่ตะโกนขึ้น ดึงผู้เฒ่าหลีออกจากแหวนช่องว่าง “เลิกนับของบนตัวฉิงเย้กับเซี่ยกว่างหานได้แล้ว บอกวิธีช่วยเย้ชิงจือให้ข้ารู้เดี๋ยวนี้ !”
บนตัวดวงวิญญาณของฉิงเย้กับเซี่ยกว่างหานต่างมีชุดวิญญาณ พวกเองได้สวมเกราะวิญญาณขั้นเก้า คาดว่าผลึกเครื่องในของอสูรเลือดที่ผนึกอยู่ในนี้จะต้องอยู่ในแหวนช่องว่างของพวกเขาแน่นอน เจ้าผู้เฒ่าหลีจอมโลภนี้หลังจากจบการต่อสู้จะเก็บสิ่งเหล่านี้ไปหมด
ส่วนชู่มู่ในตอนนี้แทบไม่มีอารมณ์ไปสนใจว่าบนตัวเซี่ยกว่างหานกับฉิงเย้จะมีของมากเท่าไร แค่คิดจะคลายพิษให้เย้ชิงจือเท่านั้น
ตอนแรกผู้เฒ่าหลีไม่สนใจเท่าไร รู้สึกว่า สารพิษแบบนี้แค่รักษาก็ฟื้นขึ้นมาได้ แต่ในตอนที่พบว่า สารพิษนี้จะคืบคลานไปถึงสมองของเย้ชิงจือ สีหน้าของผู้เฒ่าหลีเปลี่ยนไปทันที !
“นี่…ทำไมถึงเป็นแบบนี้ !” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างตกใจ
“อย่าพูดมาก รีบหาวิธี !” ชู่มู่พูดอย่างใจร้อน
สารพิษได้ปกคลุมทั่วทั้งใบหน้างดงามของเย้ชิงจือ ชู่มู่ที่เห็นแล้วยิ่งใจร้อนอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไร ชู่มู่จะไม่มองดูเย้ชิงจือเสียชีวิตเพราะสารพิษเหล่านี้แน่นอน !
“นายท่าน วิธีแก้พิษธรรมดาช่วยไม่ได้ เพราะนี่เป็นบาดแผลต่อร่างกายของนักวิญญาณเอง เกรงว่า…เกรงว่ามีเพียงผลึกเครื่องในของดวงวิญญาณระดับราชันถึงจะระงับสารพิษนี้ได้ เจ้าเด็กเย้ ทำไมเจ้าโง่แบบนี้ รู้ว่าน้องสาวของตัวเองต้องพิษแล้ว ยังให้เธอปล่อยทักษะนี้ออกมา !” ผู้เฒ่าหลีต่อว่าทันที
เย้หวันเชิงเองก็เสียใจอย่างมาก ความจริงเขาไม่รู้ว่า เย้ชิงจือต้องพิษตั้งแต่ตอนอยู่เมืองหลีแล้ว ยิ่งไม่คิดว่า เรื่องนี้จะร้ายแรงถึงชีวิตของน้องสาวตัวเอง
“ผู้เฒ่าหลี เจ้าต้องหาวิธีช่วยน้องสาวข้า แค่ช่วยชีวิตน้องสาวข้าไว้ได้ จะให้ข้าทำอะไรก็ยอม !” เย้หวันเชิงคว้าแขนเสื้อของผู้เฒ่าหลีไว้ พูดอ้อนวอนอย่างจริงจัง
“เมื่อกี้ข้าบอกแล้ว จำต้องใช้ผลึกเครื่องในของดวงวิญญาณระดับราชันกลุ่มรักษา !” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างจริงจังมาก
“นี่…จะหาผลึกเครื่องในดวงวิญญาณระดับราชันกลุ่มรักษาจากที่ไหน !” เย้หวันเชิงพูดด้วยความตกใจ
เดิมดวงวิญญาณระดับราชันก็น้อยมากอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดวงวิญญาณระดับราชันกลุ่มรักษาเลย !
เมืองเทียนเซี่ยนี้มีผลึกเครื่องในของระดับราชันขายอยู่ แต่ผลึกเครื่องในระดับราชันนี้น้อยยิ่งกว่าน้อย โดยเฉพาะผลึกเครื่องในของดวงวิญญาณระดับราชันกลุ่มรักษา
“ในบรรดาดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลายเส้นทั้งเจ็ด ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์มีความสามารถรักษา และดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นดวงวิญญาณระดับราชัน” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดขึ้น
พอองค์หญิงจิ่งโหลวพูดแบบนี้ ผู้เฒ่าหลีเองก็ได้สติ “ใช่ เครื่องในของดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้”
“ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ !” ชู่มู่หนักใจทันที
ชู่มู่รู้ว่า นักวิญญาณเฒ่าเต๋อมีดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าถ้าจะช่วยเย้ชิงจือก็ต้องใช้ผลึกเครื่องในของดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ เท่ากับว่าต้องฆ่าดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ของนักวิญญาณเฒ่าเต๋อ นักวิญญาณเฒ่าเต๋อจะไม่เสียสละดวงวิญญาณของตัวเองแบบนี้แน่นอน
นักวิญญาณเฒ่าเต๋อจะไม่เสียสละแบบนี้ คนอื่นก็จะไม่ทำเช่นกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสำคัญของดวงวิญญาณระดับราชันแล้ว ไม่มีทางที่จะซื้อผลึกเครื่องในของดวงวิญญาณระดับราชันได้แน่นอน ถ้าอย่างนั้นจำต้องเข้าไปในเมืองดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปฆ่าดอกไม้ศักดิ์สิทธิตัวหนึ่งจริง ๆ
“นายท่าน นักวิญญาณเฒ่าเต๋อเคยบอกกับเจ้าไม่ใช่เหรอ มีคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขาคนหนึ่งอยู่ในเมืองเทียนเซี่ย คาดว่าเจ้านี่เป็นท่านอาวุโสของตำหนักวิญญาณ ตอนนี้เจ้ากลับเข้าเมือง ให้ท่านอาวุโสคนนี้มุ่งหน้าไปเมืองดอกไม้ศักดิ์สิทธิ ถ้าดวงดีละก็ บางทีเขาอาจเจอดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ในสิบวันก็ได้” ผู้เฒ่าหลีบอก
“บางที…ถ้าอย่างนั้นชิงจือยังมีอันตรายถึงชีวิตอยู่ดีใช่หรือไม่” ชู่มู่จะไม่ให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น ต่อให้เป็นมีความไม่แน่นอนเล็กน้อยชู่มู่ก็ไม่ให้ นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของเย้ชิงจือ !
“ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับตัวเธอแล้ว อย่างไรก็ตาม ต่อให้อยู่ในเมืองดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เป็นความสามารถระดับท่านอาวุโส จะหาดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ในเวลาสิบวันเป็นเรื่องที่ยากมาก แน่นอนว่า จะให้ท่านอาวุโสประกาศก็ได้ รับซื้อผลึกเครื่องในดอกไม้ศักดิ์สิทธิในราคาสูง…ถ้ามีบางคนสะสมไว้ เธอจะได้รับการช่วยเหลือ” ผู้เฒ่าหลีพูดเสียงต่ำ
ชู่มู่เศร้าหมองทันที วิธีที่ผู้เฒ่าหลีบอกเป็นแค่เรื่องที่เป็นไปได้ ถ้าซื้อไม่ได้ละก็ ถ้าท่านอาวุโสไม่สามารถตามหาดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าอย่างนั้นเย้ชิงจือจะหมดหนทางแล้วจริง ๆ
ตอนอยู่เมืองหลี เย้ชิงจือใช้ทักษะทำร้ายตัวเองนี้ก็เพื่อยืดเวลาให้ตัวเองได้ดูดซึมเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกต
ครั้งนี้ก็เป็นเพราะศัตรูของตัวเอง ให้เย้ชิงจือตกอยู่ในอันตราย ทำให้จำต้องใช้ทักษะวิญญาณนี้
ทั้งสองครั้งนี้เป็นเพราะตัวชู่มู่ ไม่ว่าอย่างไร ก็จะปล่อยให้เย้ชิงจือตายแบบนี้ไม่ได้
“ชู่มู่” องค์หญิงจิ่งโหลวเห็นชู่มู่ไม่พูดสักคำ ทำได้แค่ถามขึ้นเสียงเบา
“ผู้เฒ่าหลี เจ้าไปกับเย้หวันเชิง พาชิงจือกลับไปในเมือง บอกกับท่านอาวุโสคนนั้น ขอให้เขาลงมือ แล้วบอกกับนักวิญญาณเฒ่าเต๋อ ให้เขารับซื้อผลึกเครื่องในหมวดดอกไม้ หมวดน้ำระดับราชัน…” ชู่มู่ไม่ลังเลอีก พูดกับเย้หวันเชิงและผู้เฒ่าหลี
“ชู่มู่ เจ้าจะ…” เย้หวันเชิงมองไปยังชู่มู่ด้วยตาที่เป็นสีแดง ไม่เข้าใจว่าชู่มู่จะทำอะไร
ชู่มู่ไม่ได้ตอบอะไร แต่ใช้มือลูบแก้มของเย้ชิงจือ จับจ้องไปยังใบหน้าของเย้ชิงจือ
ชู่มู่ที่ยังไม่เคยมีเหตุการณ์หวั่นไหวที่แท้จริงกับเย้ชิงจือ ถ้าตัวเขาเองเสียเย้ชิงจือไป คงจะเป็นเรื่องที่เศร้าและทรมานอย่างมากแน่นอน และชู่มู่เองก็ไม่รู้ว่า ชอบเธอตั้งแต่ตอนไหน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
และแล้วในตอนที่ทั้งหมดกำลังจะก่อตัวขึ้น เรื่องทั้งหมดง่ายดายแบบนั้น แต่ชู่มู่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรแบบนี้ เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด ล้ำค่าที่สุด
ที่สำคัญที่สุดคือ ชู่มู่รู้เป็นอย่างดีว่า เย้ชิงจือคือผู้หญิงที่ตัวเองต้องการอย่างแท้จริง
ชู่มู่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องอะไรกับเย้ชิงจือ ห้ามเด็ดขาด !
ตอนที่พูดถึงดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ ในเมืองอมตะแห่งนี้ก็มีดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ และเป็นความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะช่วยเย้ชิงจือได้
เธอคือเด็กสาวทรยศ !
เด็กสาวทรยศเป็นครึ่งดวงวิญญาณครึ่งมนุษย์ หนึ่งในสายเลือดของมันเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ ชู่มู่เคยตรวจสอบกับผู้เฒ่าหลีแล้ว ว่าผลึกของหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศช่วยเย้ชิงจือได้หรือไม่
คำตอบของผู้เฒ่าหลีแน่นอนที่สุด
เดิมชู่มู่ควรจบเรื่องกับหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศแล้ว ส่วนเย้ชิงจือต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ดังนั้น ต่อให้การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ชู่มู่หมดแรงแล้ว ชู่มู่ก็จะเข้าสู่เกียรติสุดท้ายด่านที่สิบให้ได้ ตามหาหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศ !
“ชู่มู่ เจ้าจะไปฆ่าคุณท่านหญิงปิดหน้าคนนั้นหรือ” องค์หญิงจิ่งโหลวรู้ว่าชู่มู่จะทำอะไรทันที จึงพูดขึ้นเสียงเบา
ชู่มู่พยักหน้าจริงจัง พูดขึ้นว่า “มีมั่วเย้อยู่ มีโอกาสฆ่าเธออย่างมาก ตอนนี้ข้ากังวลว่าจะมีเวลาไม่มากพอ”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา จากตรงที่พวกเราอยู่ไปถึงเกียรติสุดท้ายด่านที่สิบแค่หกวัน หลังจากไปถึงแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงวัน เดินตามสัญลักษณ์สีเขียวเหล่านั้นก็จะออกจากเมืองอมตะได้แล้ว แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าคุณท่านหญิงปิดหน้าไม่ธรรมดา เกรงว่าในขั้นหนึ่งจะมีผู้แข็งแกร่งที่ทำงานให้เธอ…” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะลองดู องค์หญิง นำแผนที่เมืองอมตะให้ข้าเถอะ” ชู่มู่ไม่อยากเสียเวลา
“เจ้าไม่คุ้นเคยกับเมืองอมตะ ต่อให้มีแผนที่ก็อาจจะเดินอ้อมได้ ใช่ว่าจะกลับมาในสิบวันได้” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
“นี่…” ชู่มู่เผยสีหน้าลำบากใจออกมา
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ข้าไปกับเจ้า ให้เย้หวันเชิงพาเย้ชิงจือกลับไปในเมือง” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
ชู่มู่ยืนอึ้ง จับจ้องไปยังองค์หญิงจิ่งโหลวที่ปิดหน้าตลอด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
“เจ้าช่วยข้าไว้ ตอนนี้ข้าก็ควรช่วยเจ้า ยิ่งกว่านั้น เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าข้ามาในเมืองอมตะแห่งนี้มีจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่ง” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
“ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณองค์หญิงอย่างมาก” ชู่มู่เองก็ไม่เสียเวลาอีก ตอนนี้จำต้องให้องค์หญิงจิ่งโหลวที่คุ้นเคยกับเมืองอมตะนี้ช่วยเหลือจริง ๆ ดังนั้น จึงขอบคุณอย่างจริงใจที่สุด