“คนที่มีดวงวิญญาณราชันมีจำกัด จะเพิ่มหรือลดลงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ในภาวะปกติ ราชันวิญญาณจะไม่รับคนใหม่เข้ามาง่าย ๆ เพราะถ้ามีคนเพิ่มเข้ามาแปลว่า ต้องแบ่งมากขึ้น พวกคนที่จากไปเมื่อหนึ่งร้อยคน ความจริงจำหน้าเจ้าได้แล้ว กำลังคิดว่า จะจัดการเจ้าอย่างไร ส่วนคนที่อยู่เพื่อให้คำยินดีกับเจ้า นอกจากเจี่ยซุ่นติงและคนอื่นที่จงใจหาเรื่องแล้ว ราชันวิญญาณยี่สิบกว่าคนน่าจะได้ผ่านนักวิญญาณเฒ่าเต๋อและท่านอาวุโสคนนั้นแล้ว ให้พวกเขารู้ว่า เจ้ามีเบื้องหลังอยู่ ถ้าเจอเรื่องอะไร จะพยายามดูแล เจ้าต้องจำคนเหล่านี้ไว้ ต่อจากนี้คือพันธมิตรของเจ้าแล้ว” ผู้เฒ่าหลีพูดเตือนชู่มู่
ชู่มู่มีความรู้สึกเหมือนได้ก้าวสู่วงการใหม่
ราชันวิญญาณที่เข้ามาหาตัวเองในเมื่อกี้ ชู่มู่เองก็จำได้เป็นอย่างดี จะเรียกว่าเป็นการทำความรู้จักใหม่ก็ไม่เชิง ควรจะเรียกว่าให้ระวังตัวไว้จะดีกว่า
ผู้แข็งแกร่งตำหนักวิญญาณไม่ต้องพูดถึงแล้ว จะดูแลชู่มู่อยู่แล้ว ทว่า ในบรรดาราชันวิญญาณยี่สิบกว่าคนนี้ ราชันวิญญาณตำหนักวิญญาณกลับไม่อยู่ในนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าโลกเขตโลก วังดวงวิญญาณ และราชันวิญญาณทั่วไป
ตำหนักวิญญาณมีสัญลักษณ์ตำแหน่งของตัวเอง ดังนั้น ไม่จำต้องเดินไปตรงหน้าชู่มู่ก็รู้ว่าเป็นพันธมิตรของเขาแล้ว
ส่วนราชันวิญญาณที่จากไปก่อนนั้น ต่อจากนี้ ถ้าชู่มู่เจอกับพวกเขา จะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตอนอยู่ในป่าเขา ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาไม่ดีละก็ จะลงมือกับชู่มู่อย่างไม่ลังเล เข้าชิงทรัพย์สินทั้งหมดของชู่มู่
…
ตอนแรกสุดของการประลองฟ้าดิน เป็นช่วงที่มีคนเยอะที่สุดในเมืองเทียนเซี่ย และตามเวลาที่ดำเนินต่อของการประลองฟ้าดิน มีผู้เข้าแข่งขันถูกคัดออกอย่างช้า ๆ มีหลายคนที่ไม่สามารถรอถึงผลสุดท้ายได้จากไปก่อน
จนถึงพวกคนที่อยู่ถึงตอนสุดท้าย ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยอยู่แล้ว หรือเป็นผู้คนที่อยู่ในเมืองใกล้กับเมืองเทียนเซี่ย พวกเขาย่อมอยากรู้ผลสุดท้ายของการประลองครั้งนี้แน่นอน
ตอนนี้การประลองได้จบลงในที่สุด คนที่ไม่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยก็ควรเก็บของกลับบ้านแล้ว
ชู่ซิ่งกับชู่หยู่ต้องกลับไป ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดจะเขียนจดหมายกลับไปที่บ้าน นำข่าวดีอันใหญ่นี้บอกกับทั้งตระกูล สุดท้ายทั้งสองคนรู้สึกว่า ทั้งสองคนก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว แทนที่จะเขียนเป็นจดหมาย ให้พวกเขากลับไปบอกข่าวนี้ด้วยตัวเองเลยจะดีกว่า
ดังนั้น ทั้งสองคนได้บอกกับชู่มู่ ส่วนชู่มู่เองได้ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ อยู่กับพี่ชายทั้งสอง แล้วส่งพวกเขากลับตระกูลชู่ ส่วนตัวเขาเองถ้าได้กลับโลกตะวันตกอีก จะกลับตระกูลชู่อีกแน่นอน
ตระกูลชู่ในตอนนี้กำลังเติบโตในเมืองตะวันตก ได้ข่าวว่ามีธุรกิจบางอย่างกระจายถึงเมืองอั่วกู่แล้ว นับว่าเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมานี้ อย่างน้อยโดดเด่นกว่าตอนอยู่เมืองหลัวอีก
เดิมชู่มู่คิดจะตามหาเจ้าโลกตะวันตก ให้เขาช่วยเหลือตระกูลของตัวเอง แต่กลับพบว่า เจ้าโลกตะวันตกเหมือนจะไม่อยู่ในรายการของพันธมิตร อีกทั้งเจ้าโลกหลายเขตโลกที่ค่อนไปทางตะวันตกกลับไม่อยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งพวกเขาไม่คิดจะเสนอชื่อ อีกส่วนเป็นเพราะเหมือนหลายเขตโลกตะวันตกจะเกิดเรื่องขึ้น รายละเอียดชู่มู่ยังไม่รู้เท่าไร
หลังจากบอกลาพี่ชายทั้งสองคน ชู่มู่คิดจะบอกลากับเหล่าวัยหนุ่มของตำหนักวิญญาณ
ชู่มู่ไม่ใช่คนที่ขี้เกียจ และจะไม่ถือตัวเพราะเกียรติการประลองฟ้าดินนี้ เพื่อให้หกปีหลังจากนี้จะจับตัวเด็กสาวทรยศในเมืองว่านเซี่ยงได้ เวลาต่อจากนี้ชู่มู่ต้องพยายามมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเอง
แผนเดิมของชู่มู่คือ หลังจบการประลองฟ้าดินแล้ว จะมุ่งหน้าไปทางตะวันออก มุ่งหน้าไปยังเมืองว่านเซี่ยง
แผนที่มุ่งหน้าไปตะวันออกไม่มีผิด ทว่า ผู้เฒ่าหลีบอกกับชู่มู่ว่าควรอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยนี้ก่อน เพิ่มความสามารถดวงวิญญาณทั้งหมดก่อนค่อยคิดเรื่องออกไปจากเมืองเทียนเซี่ยแห่งนี้ อาศัยแค่มั่วเย้น้อยแล้วมุ่งไปทางตะวันออกจะฝืนมากไป
อีกทั้ง ชู่มู่จำต้องเตรียมอาหารของมั่วเย๋ให้เพียงพอ สิ่งที่เหลือไว้ในแหวนช่องว่างของเด็กสาวทรยศ พอให้มั่วเย้กินแค่สองเดือน อีกทั้งนี่เป็นตอนที่ไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ถ้าได้เข้าร่วมการแข่งขันละก็ จะต้องเสียไปสิบวิญญาณ ด้วยสถานการเงินของชู่มู่ในตอนนี้ รับไม่ไหวจริง ๆ ดังนั้น ชู่มู่ต้องจัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำของระดับจักรพรรดิกับระดับราชันนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม ชู่มู่ได้กระโดดข้ามจากจักรพรรดิขั้นสูงไปยังราชันขั้นต่ำโดยตรง ระหว่างนี้มีช่องว่างอย่างมาก จำต้องปรับให้ดี ไม่เพียงแต่ความแตกต่างของความสามารถระหว่างดวงวิญญาณ อีกทั้งยังมีภาวะด้านการเงินที่มากขึ้นด้วย
ก่อนหน้านี้ชู่มู่คุยกับเย้ชิงจือแล้ว จะไปพร้อมกัน
แต่ต่อมาเย้ชิงจือเปลี่ยนใจแล้ว เธอคิดว่า ยังคงตามเย้หวันเชิงไปจะดีกว่า เพราะในคำสั่งเสียของอาจารย์ยังมีหลายอย่างที่ต้องให้เธอไปตามหา ของเหล่านี้กระจายอยู่ในที่ต่างกัน ที่ ๆ จะไปอาจไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกับชู่มู่ก็ได้
“ตอนนี้เจ้ามีดวงวิญญาณระดับราชัน ถ้าจะไปที่ ๆ พวกเราจะไปละก็ จะกลายเป็นภาระของเจ้า ถ้าเจ้าฝึกเองละก็ อาจสะดวกกว่า” เย้ชิงจือบอก
ชู่มู่ไม่ได้กังวลปัญหาเรื่องเป็นภาระ ผู้คุมดวงวิญญาณหน่วยเสริมอย่างเย้ชิงจือจะเป็นภาระได้อย่างไร แค่ชู่มู่รู้สึกว่าที่ ๆ ตัวเองจะไปต่อจากนี้จะอันตรายมากขึ้น พาเย้ชิงจือไปอาจทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น อีกทั้งดวงวิญญาณของเธอยากที่จะได้รับการฝึก กลับรู้สึกว่าไปกับเย้หวันเชิงแล้วสองพี่น้องจะค่อยๆฝึกได้มากกว่า
“ไม่ต้องห่วง หลังจากได้คำสั่งเสียอาจารย์ ความสามารถของพวกเราจะเพิ่มขึ้นไวมาก”เย้ชิงจือยิ้มด้วยความขี้เล่นออกมา
“ข้าไม่อยากให้เจ้าไป” ชู่มู่ดึงมือเล็ก ๆ ของเย้ชิงจือ มองไปที่ตาของเธอ มักรู้สึกว่า ถ้าเย้ชิงจือไม่อยู่แล้วจะขาดอะไรไป
เย้ชิงจือได้ยินแบบนี้ ตกใจทันที แอบมองไปรอบ ๆ พบว่า ไม่มีใครได้ยิน แก้มแดง ๆ จึงค่อย ๆ จางหายไป เขาพูดเสียงเบาว่า “ทุกเมืองที่ข้าผ่าน ข้าจะฝากคำไว้ที่ตำหนักวิญญาณ เจ้าคอยสังเกตก็จะรู้ว่าข้าอยู่ที่ไหนแล้วละ”
“ได้ ข้าจะคอย” ชู่มู่พยักหน้า
…
เดิมชู่มู่คิดว่า ตัวเองจะเก็บของจากไปก่อน และแล้วเย้ชืงจือกับเย้หวันเชิงไวกว่า กลับบอกลาชู่มู่ตั้งแต่วันที่สองหลังจบเรื่องการประลองฟ้าดินแล้ว
ชู่มู่เองได้ถามเรื่องคำสั่งเสียของอาจารย์จากเย้ชิงจือมาบ้างแล้ว เย้ชิงจือบอกว่า นั่นเป็นสูตรยาที่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง วัตถุวิญญาณที่สร้างจากมันจะมีประโยชน์ต่อการเพิ่มความสามารถของดวงวิญญาณ อีกทั้งยังต้องเป็นดวงวิญญาณเฉพาะ ดังนั้น ต่อจากนี้ตอนที่พวกเขาเลือกดวงวิญญาณ จำต้องเลือกตามที่กำหนดไว้แล้ว
ชู่มู่ฟังแล้วเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาฝึกดวงวิญญาณตามคำสั่งเสียของอาจารย์พวกเขาละก็ ความสามารถจะพุ่งทยานแน่นอน
“ชิงจือ รีบไปแบบนี้ไม่ดีเท่าไรหรอก เจ้าดูตอนที่ชู่มู่มาส่งเจ้า เสียใจแค่ไหน” เย้หวันเชิงขี่ปีศาจลูกม้าประกายดาวป่า มองไปยังเย้ชิงจือที่อยู่ด้านข้าง
“อยู่อีกวัน เขาก็จะรู้…” เบ้ชิงจือหันกลับไปมองเมืองเทียนเซี่ยที่หายไปจากสายตาอย่างช้า ๆ
“เห้อ ช่างเถอะ ไปเถอะ ไปเถอะ พี่ชายจะหาวิธีแก้ให้เจ้าเอง” เย้หวันเชิงถอนหายใจ ขี่ปีศาจลูกม้าประกายดาวป่าด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
ในหัวของเย้ชิงจือยังนึกถึงชู่มู่อยู่ แต่ยังคงเลือกที่จะจากเมืองเทียนเซี่ยนี้ให้เร็ว ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่
…
หลังจากเย้ชิงจือจากไป ชู่มู่อ้างว้างอย่างมาก โดยเฉพาะเย้ชิงจือจากไปอย่างเร่งรีบไม่ให้ชู่มู่มีโอกาสได้อยู่กับเธอแม้แต่น้อย
ในเมื่อคนงามไปแล้ว ชู่มู่ก็พูดอะไรไม่ได้ เขาเองก็เริ่มเก็บของ คิดจะใช้ชีวิตฝึกของตัวเองต่อไป
ตามที่ผู้เฒ่าหลีบอก ภารกิจแรกในตอนนี้คือตามหาแหล่งทรัพยากรของวิญญาณ ระหว่างที่ตามหา ให้เพิ่มความสามารถดวงวิญญาณอื่นของตัวเองด้วย
เจ้าวิญญาณร่ายสูงควบคุมเทียบเท่าราชันลักษณะสิบก็เป็นขีดจำกัดแล้ว ดังนั้น ถ้าชู่มู่ยังเพิ่มไม่ถึงระดับราชันวิญญาณ มั่วเย้ที่เป็นจักรพรรดิขั้นต่ำคาดว่าคงยากจะเพิ่มจากลักษณะเก้าเป็นลักษณะสิบได้
ความสามารถของชู่มู่เองก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ต้องเพิ่มขึ้นให้รวดเร็ว
ชู่มู่ในตอนนี้ห่างจากเจ้าวิญญาณแปดร่ายไม่ไกล อีกไม่นานน่าจะอยู่ในเจ้าวิญญาณแปดร่ายได้แล้ว ส่วนชู่มู่เองมีดวงวิญญาณระดับราชันแล้ว ช่องว่างระหว่างเจ้าวิญญาณกับราชันวิญญาณจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น คาดว่าอีกไม่นานคงถึงระดับราชันวิญญาณ
สิ่งเดียวที่ชู่มู่กังวลคือ วิญญาณที่มีอุณหภูมิสูง
ก่อนหน้านี้หลิ่วปิงฟงบอกว่า จะเจอกับชู่มู่ที่เมืองเทียนเซี่ย แต่การประลองฟ้าดินจบลงแล้ว หลิ่วปิงฟงยังไม่ปรากฏตัว นี่ทำให้ชู่มู่เองกังวลอย่างมาก
“น้ำแข็งเทพฟ้าดินคืออะไร หายากขนาดนั้นจริงเหรอ” ชู่มู่ถามผู้เฒ่าหลี
“น้ำแข็งเทพดินเป็นผลึกพลังธาตุน้ำแข็งที่สูงกว่าน้ำแข็งแก้วอัญมณี ถ้าเจอต้นกำเนิดของน้ำแข็งเทพดิน จะทำให้พลังต่อสู้ของดวงวิญญาณระดับราชันเพิ่มขึ้นได้ เจ้าน่าจะรู้ดี ในพาวะที่ทรัพยากรวิญญาณของราชันยังขาดแคลน คิดจะได้สิ่งที่เพิ่มพลังต่อสู้ของพวกมันมา เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายาก ดังนั้น ราคาของเทพน้ำแข็งดินจึงสูงมาก”
“ส่วนเหนือกว่าน้ำแข็งเทพดิน คือน้ำแข็งเทพฟ้า ซึ่งเป็นผลึกพลังธาตุน้ำแข็งขั้นหก น่าจะเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตเกินกว่าราชันมี อีกทั้งเป็นสมบัติชั้นยอดที่เพิ่มความแข็งแกร่งราชันชั้นยอดหมวดน้ำแข็งให้เกินกว่าระดับราชันได้ ! ด้วยความสามารถของท่านหญิง แทบจะไม่สามารถเจอน้ำแข็งเทพฟ้าได้ แต่น้ำแข็งเทพดินยังมีหวังอยู่” ผู้เฒ่าหลีบอก
ตอนแรกชู่มู่ไม่เข้าใจวงการของระดับราชันเท่าไร พอผู้เฒ่าหลีบอกแบบนี้ ชู่มู่ถึงรู้ว่า น้ำแข็งเทพฟ้าดินเป็นวัตถุวิญญาณที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้สิ่งมีชีวิตระดับราชันได้
อยู่ในระดับราชันแล้ว การเพิ่มขั้นแต่ละครั้ง ตำแหน่งของผู้คุมดวงวิญญาณจะต่างกัน เห็นถึงคุณค่าของน้ำแข็งเทพ !
“ยังดี ร่ายวิญญาณของนายท่านพิ่มขึ้นค่อนข้างไว มิฉะนั้น วิญญาณของท่านที่มีอุณหภูมิสูงแบบนี้ จะเป็นอันตรายต่อชีวิตมาก” ผู้เฒ่าหลีพูดต่อ
…
ควบคุมวิญญาณที่มีอุณหภูมิสูง ชู่มู่ทำได้แค่เริ่มจากการเพิ่มร่ายวิญญาณ นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยน้ำแข็งเทพฟ้าดิน นี่ต้องขึ้นอยู่กับว่าหลิ่วปิงฟังจะเจอได้หรือไม่
ชู่มู่ไม่คิดปัญหาเหล่านี้อีก หลังจากเก็บของแล้ว ได้ทำตามที่ผู้เฒ่าหลีสั่ง มุ่งหน้าไปทางตะวันตก
ผู้เฒ่าหลีเองก็มีอายุสองร้อยปีแล้ว คนแก่นี้รู้แหล่งทรัพยากรวิญญาณลึกลับแห่งหนึ่ง อยู่ทางตะวันตกของเมืองเทียนเซี่ย ชู่มู่กลับทางนี้ได้พอดี
และแล้ว ในตอนที่ชู่มู่กำลังจะออกจากเมืองเทียนเซี่ย กลับมีคนกลุ่มหนึ่งดักชู่มู่เอาไว้ !
“ข้าออกจากเมืองเทียนเซี่ยไม่ได้ คำสั่งของใคร” ชู่มู่มองไปยังผู้ชายที่มีความสามารถแข็งแกร่งยิ่งพวกนี้ ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“คำสั่งของหัวหน้าที่นั่งเทียนทิง ดังนั้น ยังขอให้ท่านชู่กลับเรือนเถอะ” ราชันวิญญาณที่เป็นหัวหน้าได้พูดกับชู่มู่อย่างสุภาพมาก