“ชู่มู่ ท่านอาใหญ่เรียกเจ้า” ชู่หลั่งที่นั่งอยู่ข้างชู่มู่ดันแขนของชู่มู่เบาๆ
ชู่มู่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ชู่หลั่งดันเขาแบบนี้เขาถึงได้สติกลับมา พบว่าคนทั้งหมดบนโต๊ะกำลังมองตัวเองด้วยสายตาประหลาด
“ทำไมเหรอ” ชู่มู่เบิกตากว้าง กวาดตามองไปที่ผู้คนด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงมองตัวเองแบบนี้
คนอื่นหมดคำพูดทันที ใครเขาจะสติเลื่อนลอยตอนที่ทุกคนกำลังปรึกษาเรื่องสำคัญแบบนี้ สติเลื่อนลอยก็แล้วไป ยังจะถามทุกคนกลับว่า ทำไมเหรอ ประโยคนี้ควรให้ทุกคนถามมากกว่า !
ชู่อิงที่อยู่ด้านข้างกรอกตาขาวทันที พูดตรงๆ ว่า “ท่านอาใหญ่เรียกเจ้าหลายรอบ เจ้าเหมือนวิญญาณหลุดจากร่าง ไม่ตอบใคร กำลังคิดอะไรอยู่ !”
“อ้อ อ้อ” ชู่มู่ถึงมองไปยังชู่เทียนเหิง ถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกับท่านอาใหญ่”
“ไม่มีอะไร แค่ถามความเห็นของเจ้า” ชู่เทียนเหิงบอก
ชู่เทียนเหิงเข้าใจชู่มู่ รู้ว่าชู่มู่ไม่ใช่ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ แต่มองออกว่า เมื่อกี้เขากำลังคิดปัญหาอยู่
“เมื่อกี้ประเมินจำนวนของภัยแร้งขั้นเก้าไว้ที่เท่าไร” เมื่อกี้ตอนที่ชู่มู่กำลังคิดเรื่องปัญหานี้ได้ยินเรื่องนี้บ้าง ตอนนี้ถามขึ้นอีกครั้ง
“ภัยแร้งสิบวันรวมกันเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหกตัว” ชู่เทียนเหิงทวนคำพูดอีกครั้ง
“อืม ถ้าอย่างนั้นดีมาก” ชู่มู่พยักหน้า
ภัยแร้งขั้นเก้าจะออกจากชนเผ่าขั้นหนึ่งแน่นอน ถ้าเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหกตัวละก็ จะลดภาระให้ชู่มู่ไม่น้อย !
“ดีอะไร!” คุณหญิงเสี่ยวหยุนจอมเอาแต่ใจทนไม่ไหวแล้ว พูดกับชู่มู่อย่างไม่เกรงใจ
ชู่มู่แค่ยกหนังตาขึ้น เพิกเฉยต่อคุณหญิงเสี่ยวหยุน พูดขึ้นว่า “เรื่องภัยแร้ง ทุกคนไม่ต้องกังวลมากเกินไป ทำการป้องกันที่ควรทำก็พอ จะไม่มีอะไร”
ชู่เทียนเหิงและคนของตระกูลชู่เห็นชู่มู่มั่นใจขนาดนี้ ได้แต่ฉีกยิ้มออกมาฝืนๆ ชู่อิงจับจ้องไปยังชู่มู่ อยากรู้ว่าชู่มู่มีดวงวิญญาณอะไรกันแน่
“ถ้าอย่างนั้น ความสามารถของเจ้าแข็งแกร่งมากสินะ แม้แต่ภัยแร้งแบบนี้ก็ไม่กลัว” ซุนหยวนยักคิ้วขึ้น มองดูเหมือนเป็นคำพูดที่ไม่ได้ใส่ใจ แต่ความจริงกลับไม่ชอบใจความนิ่งแบบนี้ของชู่มู่มากเท่าไร
ชู่มู่แค่มองไปยังซุนหยวนอย่างเฉยเมย ประหลาดใจที่เหมือนร่ายวิญญาณของเจ้านี่ก็ไม่ต่ำ
ในเมื่อร่ายวิญญาณไม่ต่ำ ความสามารถของเขาก็ไม่เบาแน่นอน ชู่มู่แอบแปลกใจว่า เขามาที่ตระกูลชู่ทำไม ทว่า ตอนที่เขาเห็นสายตาไม่พอใจที่ชู่อิงสนใจเขามากไป ชู่มู่เข้าใจทันที
“เฮ้อ ชู่มู่ เจ้าเพิ่งกลับมา ตระกูลได้เจอกับเรื่องลำบากแบบนี้ จะต้องให้เจ้าช่วยทุกคนจัดการอีก ทำให้ข้าไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ…” ชู่หมิงเห็นท่าทีท้าทายของซุนหยวน ในตอนนี้จึงพูดขัด
“ท่านปู่วางใจได้ ดวงวิญญาณส่วนใหญ่ของข้าอยู่ขั้นจักรพรรดิชั้นสูง ความสามารถต่อสู้กลุ่มแข็งแกร่งมาก น่าจะจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา” ชู่มู่พูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี แบบนั้นก็ดี” ชู่หมิงเห็นชู่มู่จริงจังแบบนี้ จึงพยักหน้า…แต่ว่า พอคิดดี ๆ แล้ว กลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“จักร…จักรพรรรดิขั้นสูง!!!”
จักรพรรดิขั้นสูง!!! เมื่อกี้ชู่มู่บอกว่า จักรพรรดิขั้นสูง!!!
ประโยคนี้ ทำให้คนทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นี่อึ้งหมด!
คนที่มีจักรพรรดิขั้นสูงทั้งเมืองตะวันตกน่าจะนับด้วยนิ้วได้ อีกทั้งเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงอย่างมาก แม้แต่ลูกสาวเจ้าเมืองอย่างเสี่ยวหยุนเอง ทำได้แค่เชิญผู้แข็งแกร่งสองคนที่มีจักรพรรดิขั้นสูงตัวเดียวได้เท่านั้น
ถ้าชู่มู่บอกว่าตัวเองมีจักรพรรดิขั้นสูงตัวหนึ่ง คนทั้งหมดจะต้องอึ้งแน่นอน และแล้วชู่มู่กลับบอกว่า “ส่วนใหญ่อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ใครก็เข้าใจความหมายนี้ดี !!!
“ชู่…ชู่มู่ เมื่อกี้ข้าฟังไม่ผิด เจ้าบอกว่า ดวงวิญญาณส่วนใหญ่ของเจ้าอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสูงใช่หรือไม่” ชู่หลั่งนั่งอยู่ข้างชู่มู่ ถามขึ้นคนแรก อีกทั้งยังเน้นเสียง “จักรพรรดิขั้นสูง” อีกหน่อย
ในตอนนี้ คนทั้งหมดมองไปที่ชู่มู่
ชู่มู่กลับพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ความนิ่งแบบนี้ของชู่มู่ ทำให้คนทั้งหมดรู้สึกสบายใจเกินไป นั่นเป็นถึงจักรพรรดิขั้นสูง!
“สหายคนนี้ เจ้ามีระดับจักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูงจริงเหรอ อีกทั้งยังอยู่ในลักษณะสิบหมดเหรอ” ซุนหยวนถามขึ้นอีกครั้ง
ชู่มู่มองไปยังสีหน้าและสายตาเหลือเชื่อของคนทั้งหมด ได้ฉีกยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
และแล้ว พูดเรื่องความสามารถของตัวเองออกมา พวกเขาเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง อย่างน้อยก็เป็นแค่จักรพรรดิขั้นสูง ถ้าบอกว่าจักรพรรดิชั้นยอด อีกทั้งราชัน พวกเขาคงคิดว่าตัวเองป่วยแล้ว
ชู่มู่ไม่ใช่คนที่จะอัญเชิญดวงวิญญาณของตัวเองเพื่อแสดงว่า ตัวเองมีความสามารถแข็งแกร่งมากเพียงใด ดังนั้น ตอนที่พยักหน้า “ส่วนใหญ่อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ไม่คิดว่า จักรพรรดิขั้นสูงจะก่อให้เกิดการตอบสนองแบบนี้
“หึ ข้ากินอิ่มแล้ว” คุณหญิงเสี่ยวหยุนลุกขึ้นทันที ทำท่าทีไม่พอใจอย่างมาก เดินออกจากโต๊ะอาหารก่อน
เสี่ยวหยุนไม่พอใจท่าทีโดดเด่นของชู่มู่อยู่แล้ว ส่วนเรื่อง “ส่วนใหญ่อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ใครจะเชื่อก็เชื่อ อย่างไรเสีย เสี่ยวหยุนก็ไม่เชื่อ !
ทั้งเมืองตะวันตกนี้ คนที่กล้าพูดคำนี้มีเพียงท่านพ่อของเสี่ยวหยุน วัยหนุ่มที่มาจากไหนไม่รู้ออกมาบอกว่าตัวเองมีความสามารถแบบนี้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน !
ชู่เทียนเหิงมองไปยังชู่มู่ เขาเชื่อว่า นิสัยของชู่มู่ไม่มีทางจะเอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องล้อเล่น และในเมื่อเขาบอกว่ามีจักรพรรดิขั้นสูง เขามีแน่นอน อีกทั้งไม่ได้มีแค่ตัวเดียว
เดิมชู่เทียนเหิงอยากถามต่อ แต่คำนึงถึงยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่
ถ้าชู่มู่มีความสามารถแบบนี้จริง เก็บเอาไว้จะดีที่สุด เพราะตระกูลชู่ไม่ได้มีภัยแร้งแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
“ทุกคนอย่าตื่นตัว ค่อยเจรจาปัญหานี้ทีหลังเถอะ”ชู่เทียนเหิงพูดกับทุกคน
ชู่เทียนเหิงเป็นหัวหน้ากลุ่ม เห็นได้ชัดว่า ไม่อยากให้คนทั้งหมดพูดเรื่องนี้ต่อแต่กลับมีคนไม่น้อยของตระกูลชู่มองไปยังชู่มู่ด้วยความเป็นกันเอง มองออกได้ว่า พวกเขาเชื่อว่า ชู่มู่มีความสามารถแบบนี้จริงๆ !
ชู่อิงเป็นคนแรกที่อดใจไม่ไหวอยากจะถาม และแล้วชู่เทียนเหิงจ้องเขม็งไปที่เธอ เธอทำได้แค่ระงับความอยากของตัวเอง แต่ไม่เคยละสายตาไปจากชู่มู่
สีหน้าของซุนหยวนที่อยู่ด้านข้างไม่ดีเท่าไร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชู่มู่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถแข็งแกร่งจริง ๆ แข็งแกร่งเกินกว่าที่ซุนหยวนคิดเอาไว้ อีกส่วนคือ ดวงตาของชู่อิง ไม่เคยมองเขาตั้งแต่ตอนเริ่มกินข้าว นี่ทำให้ซุนหยวนไม่สบายใจอย่างมาก
“คาดว่าจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะแปดเก้า ผู้คุมดวงวิญญาณที่เน้นเพิ่มความแข็งแกร่งไปที่ระดับ แม้คนแบบนี้จะมีน้อย แต่ยังคงมีในโลกใหญ่และเมืองเทียนเซี่ย หึ ถ้าข้าเน้นไปที่ระดับของดวงวิญญาณ ไม่แน่ดวงวิญญาณของข้าอาจอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ซุนหยวนแอบทำข้อสรุปแบบนี้ในใจ
…
หลังจากงานเลี้ยงตอนเย็นเลิกรา ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงได้ดึงชู่มู่ไปก่อน ชู่หลั่ง ชู่อิง พวกสมาชิกวัยหนุ่มต่างมองไปยังชู่มู่ที่จากไปด้วยความผิดหวัง เห็นได้ชัดว่า พวกเขากำลังต้องการความจริงจากชู่มู่
“ชู่มู่ เรื่องที่เจ้าบอกตอนกินข้าวเป็นเรื่องจริงเหรอ” ชู่เทียนหลิงถามขึ้นอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่า ท่านอาทั้งสองไม่เชื่อชู่มู่ แต่เป็นเพราะระดับจักรพรรดิขั้นสูงพบยากจริงๆ ทั้งเมืองตะวันตก คนที่มีจักรพรรดิขั้นสูงหนึ่งตัวล้วนเป็นบุคคลสำคัญ
“ท่านอาใหญ่ ท่านอาสอง ครั้งนี้ข้ากลับมาเพราะต้นเหตุของภัยแร้ง ก็คือชนเผ่าขั้นหนึ่ง” ชู่มู่กำลังจะปรึกษาเรื่องนี้กับท่านผู้ใหญ่ทั้งสอง อย่างไรก็ตามกิจการแหล่งวิญญาณต้องให้ตระกูลชู่จัดการ ตัวเองเข้าไปตรงๆ จะไม่ได้รับการช่วยเหลือแน่นอน
“ชนเผ่าขั้นหนึ่งงั้นหรือ นั่นเป็นหลายเท่าของภัยแร้งขั้นเก้าไม่ใช่เหรอ อีกทั้งได้ข่าวว่าเป็นกองทัพใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิตระดับราชัน” ชู่เทียนเหิงพูดด้วยสีหน้าตกใจ
“อืม ในชนเผ่าขั้นหนึ่งมีแหล่งทรัพยากรที่ข้าต้องการ หลังจากนี้อาจต้องให้ท่านอาทั้งสองช่วยข้าจัดการ” ชู่มู่พยักหน้า
“ชู่มู่ เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ตอนนี้แม้แต่กลุ่มขั้นเก้าพวกเรายังจัดการไม่ได้ ชนเผ่าขั้นหนึ่ง…อย่างนั้นต้องให้ผู้แข็งแกร่งโลกตะวันตกลงมือ” ชู่เทียนหลิงบอก
“เรื่องนี้ท่านอาใหญ่ ท่านอาสองไม่ต้องกังวล จักรพรรดิขั้นสูงเป็นแค่รูปแบบต่อสู้ของดวงวิญญาณรองของข้า” ชู่มู่เองก็ไม่ปกปิด อย่างไรเสีย รอให้ตัวเองจัดการชนเผ่าขั้นหนึ่ง ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองก็เดาได้ว่าความสามารถของตัวเองอยู่ในระดับใด
ชู่มู่เพิ่งพูดจบ ต้องทำหน้าหมดหนทางอีกแล้ว เพราะหลังจากที่ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองได้ยินคำพูดนี้ของตัวเอง สีหน้าตกใจอย่างมากถึงมากที่สุด
“ชู่…ชู่มู่ เจ้า…เจ้าอย่าพูดอะไรแบบนี้อย่างสบายใจได้ไหม อายุของท่านอาสอง…มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หัวใจ…อาจทนไม่ไหว!” ชู่เทียนหลิงพูดด้วยความแข็งทื่อ
สำหรับพวกเขาแล้ว จักรพรรดิขั้นสูงนับว่า เป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งยิ่งในเมืองตะวันตกแล้ว ผู้แข็งแกร่งแบบนี้ยังต้องให้ตระกูลชู่ใช้เงินมหาศาลเชิญจากอำนาจต่างๆ ต่อให้อ่อนน้อมอย่างมาก ก็ใช่ว่าจะเชิญผู้แข็งแกร่งพวกนี้มาได้
พูดได้ว่า จุดสำคัญของภัยแร้งครั้งนี้ขึ้นอยู่กับประตูเมืองหลัวกับตระกูลชู่หลักแล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีผู้แข็งแกร่งที่มีจักรพรรดิขั้นสูงหลายคนมุ่งหน้ามาที่นี่
ส่วนตระกูลชู่จะพัฒนาต่อไปได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้แข็งแกร่งที่มีจักรพรรดิขั้นสูงเหล่านี้ ! ดังนั้น ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิขั้นสูงแต่ละคน ล้วนเป็นพระใหญ่ที่ตระกูลชู่เชิดชูบูชา !
เดิมท่านผู้ใหญ่ทั้งสองของชู่มู่คิดว่า ด้วยอายุของชู่มู่ มีจักรพรรดิขั้นกลางกลุ่มหนึ่งก็ยากมากๆ แล้ว รวมกันอาจจัดการจักรพรรดิขั้นสูงได้
ที่ทำให้ผู้ชายวัยกลางคนทั้งสองคิดไม่ถึงคือ ชู่มู่กลับมีจักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูง !!!
ตอนอยู่ที่โต๊ะอาหาร จักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูงก็ทำให้หัวหน้ากลุ่มทั้งสองตื่นเต้นอย่างมากแล้ว ถ้าไม่ได้มีคนนอกอยู่ พวกเขาทั้งสองจะตื่นเต้นยิ่งกว่าพวกเด็กๆ อีกแน่นอน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูล
และแล้ว ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงยังไม่ทันได้หยุดความสะเทือนใจจาก “จักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูง” ชู่มู่พูดว่า “จักรพรรดิขั้นสูงเป็นกลุ่มดวงวิญญาณรอง” ทำให้ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองสะเทือนใจจนมึนหัวแล้ว !
จักรพรรดิขั้นสูงเป็นรูปแบบการต่อสู้ของดวงวิญญาณรอง !!!
ผู้ชายวัยกลางคนทั้งสองอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว เพิ่งเคยได้ยินคนพูดแบบนี้ออกมาเป็นครั้งแรก !
อีกทั้งยังมาจากวัยหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีของตระกูลชู่ ถ้าเป็นลูกหลานคนอื่นในตระกูลชู่พูดแบบนี้ออกมา ผู้ใหญ่ทั้งสองคนนี้จะต้องสั่งสอนอย่างหนัก แล้วให้เขาสำนึกผิดในความเพ้อเจ้อของตัวเอง
———————————————————-