Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 101

ตอนที่ 101

เมื่อได้ยินคำพูดของวาห์น ทีโอน่าก็รู้สึกว่าความกังวลเล็กน้อยเริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจเธอ

“แต่ชาวอเมซอนทุกคนจะต้องเกิดที่หมู่บ้านนะวาห์น มันเป็นกฎและประเพณีของเรา ชาวอเมซอนจะให้กำเนิดลูกออกมาเป็นชาวอเมซอนเท่านั้น และถ้ามีทารกที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง ทุกคนในเผ่าก็จะเข้ามาแทรกแซง”

ทีโอน่าเห็นว่าวาห์นมีสีหน้าจริงจังมากและเธอต้องการให้เขาเข้าใจว่าเธอไม่ได้ทำลงไปเพราะความเห็นแก่ตัว

วาห์นขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ

สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นความโกรธขณะพูดสวนออกไป

“ฉันขอปฏิเสธ ไม่มีทางเลยที่ฉันจะให้ใครก็ไม่รู้มาเลี้ยงลูกของฉันแทน ฉันอาจยังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อก็จริง แต่ถ้ายอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันก็ไม่ ‘ควรค่า’ พอที่จะได้เป็นพ่อคนอีกแล้ว”

แม้แต่วาห์นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกหัวร้อนแบบนี้

เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวและและเศร้าๆ ของทีโอน่า เขาก็อยากที่จะปิดปากให้สนิท แต่บางอย่างภายในตัวของเขาไม่อาจยอมปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้

ทีโอน่ารู้สึกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันนี้มาก แต่เธอก็เข้าใจว่าทำไมวาห์นถึงพูดแบบนั้น

ความปรารถนาของเขาที่จะเป็นพ่อที่ดีนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมันเกี่ยวพันถึงเผ่าพันธุ์ของทั้งสอง

ถึงเธออยากจะปกป้องลูกด้วยกันกับวาห์น แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางที่ทั้งสองจะปกป้องเด็กให้ปลอดภัยจากชาวอเมซอนทุกคนออกมาตามล่าพวกเขาได้

เธอจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศต่อเผ่าพันธุ์ตัวเองและเป็นชาวอเมซอนที่ล้มเหลว

วาห์นเห็นความกลัวและความวิตกกังวลจากใบหน้าของทีโอน่า และคล้ายกับทุกครั้งที่ผ่านมา เขาคิดว่ามันไม่เหมาะกับคนร่าเริงแบบเธอเลย

เขายื่นแขนไปข้างหน้าและดึงทีโอน่าเข้ามาในอ้อมกอด

แม้เธอจะแปลกใจเล็กน้อย แต่ทีโอน่าก็ไม่แสดงท่าทีขัดขืนและยอมให้วาห์นทำตามใจชอบ

ถึงเขาจะตัวเล็กกว่าเธอแต่ทีโอน่าก็รู้สึกปลอดภัยในอ้อมแขนของเขา

เมื่อมองเข้าไปในดวงตานั่น ทีโอน่าก็เริ่มเชื่อว่าหากวาห์นพยายามมากพอ เขาก็อาจจะป้องลูกได้จริงๆ…

วาห์นเห็นว่าตอนนี้ทีโอน่าเริ่มสงบลงไปมาก

ตอนนี้เธอยังดูไม่ยิ้มแย้ม แต่เขาก็สังเกตเห็นความวิตกกังวลเมื่อกี้นี้กำลังแปรเปลี่ยนมาเป็นความคาดหวังแทน

วาห์นใคร่ครวญถึงสิ่งที่เธอพูดไปก่อนจะกล่าวต่อ

“ถ้าเรามีลูก… ฉันจะย้ายไปอยู่ในหมู่บ้านที่เธอเคยพูดถึง และแม้ฉันจะเข้าไปในเทลิสคิวร่าไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอไปอยู่ใกล้ๆ เผื่อเธอขาดเหลืออะไร ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ฉันก็จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งมากพอที่จะทำลายประเพณีแบ่งแยกครอบครัวพวกนี้ออกไปให้หมด”

วาห์นกอดทีโอน่าไว้อย่างแน่นหนาราวกับว่าจะพยายามยืนยันคำสัญญาและทำให้เธอจดจำมันไว้

เมื่อเห็นทีโอน่าพยักหน้า วาห์นก็พูดต่อ

“แต่สำหรับตอนนี้ ฉันคงต้องฝึกฝนตัวเองให้มากกว่าเดิมดังนั้นเรื่องลูกก็คงต้องรอไปก่อน มีหลายเรื่องที่ฉันอยากทำ… ไม่สิ เป็นเรื่องที่ฉันต้องทำ”

วาห์นใช้น้ำเสียงทรงพลังแบบเมื่อกี้นี้และพูดทุกคำออกมาด้วยความมั่นใจ

ทีโอน่ามองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความความแน่วแน่ และนั่นทำให้เธอรู้สึกว่าอนาคตอาจจะไม่แย่แบบที่เธอคิด

จริงอย่างที่วาห์นพูดว่าเธอนั้นอายุยังน้อย แถมตอนนี้ยังชอบสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคนในโลกิแฟมิเลียมากเลย

เธอไม่ต้องเร่งรีบเพราะยังมีเวลาให้พวกเขาได้เติบโตและแข็งแกร่งกว่านี้ไปอีกนาน

สักวันหนึ่ง พวกเขาอาจจะได้เดินเข้าไปในเทลิสคิวร่าและบังคับให้คาลียอมรับพร้อมอนุญาตให้พวกเขาเลี้ยงลูกในสถานที่ที่ห่างไกลจากหมู่บ้าน

ทีโอน่าจับมือเขาไว้แน่น ก่อนจะยิ้มและจูบเขาอย่างดูดดื่มซึ่งมันไม่เหมือนกับการจูบที่แล้วๆ มาเลย

ทีโอน่าเพิ่งแรงที่แขนของเธอและจูบวาห์นอย่างดุดัน

ความคิดที่จะแข็งแกร่งกว่านี้และแยกตัวออกจากหมู่บ้านทำให้สัญชาตญาณของเธอทำงาน

เธอตื่นเต้นมากจนเกินไปและเนื่องจากคนที่เธอชอบอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เธอจึงไม่อาจควบคุมตัวเองได้

วาห์นผู้ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงจังเมื่อตะกี้ ตอนนี้เขากลับทำถูกไม่ถูกและตื่นตระหนกไปหมด

ช่วงเวลาที่ทีโอน่าจับเขานั้นมันรู้สึกราวกับถูกคีมหนีบ

ขณะที่เธอเริ่มจูบเขา ผ่านไปไม่นานเธอก็ฝ่าแนวป้องกันและเริ่มลุกล้ำเข้ามาในปากของเด็กหนุ่มด้วยลิ้นของเธอ

วาห์นแทบจะเป็นบ้าตายแต่เขาก็ไม่อาจหยุดการบุกรุกครั้งนี้ได้ แถมยังถูกผลักลงไปบนพื้นขณะที่ทีโอน่าคร่อมตัวของเขาไว้

ทีโอน่าตรึงเขาไว้ที่พื้นด้วยเรือนร่างของเธอและยังคงจูบวาห์นอย่างดูดดื่มต่อไปเรื่อยๆ

จากมุมมองของวาห์น เขาเห็นว่าเธอเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ผิวของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ และสายตาที่แฝงไปด้วยความหิวโหย

เธอยังคงจับตัวเขาไว้แน่นด้วยพละกำลังมหาศาล

วาห์นรู้สึกเหมือนกับว่าทีโอน่ากำลังพยายามรวมร่างของเธอเข้ากับเขา

สัญชาตญาณของเขาเริ่มดังขึ้นเพื่อบอกให้รู้ถึงอันตราย ราวกับว่าถ้าวาห์นหยุดยั้งเธอไม่ได้ เธอจะกลืนกินร่างของเขาจนกว่าจะไม่มีอะไรเหลือ

ทันใดนั้นแสงสีทองส่องก็ผ่านเข้ามาในสายตาขณะที่ทีโอน่าถูกดึงออกจากร่างกายของเขา

แต่เพราะเธอจับเขาไว้อย่างแน่นหนา วาห์นจึงถูกดึงไปข้างหน้ากับเธอด้วยและเกือบจะล้มลงไปกับพื้น

เมื่อมองขึ้นไป วาห์นก็เห็นไอส์และทีโอเน่กำลังจับทีโอน่าที่กำลังบ้าคลั่ง

เธอดิ้นไปมาและส่งสายตาดุดันมาทางวาห์น

พอรู้ว่าไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากการจับกุมของนักผจญภัยเลเวล 5 ทั้งสองคนได้ ทีโอน่า จึงร้องออกมาแทน

“ไอส์ ฉันไม่สนหรอกจะว่าเธอจะอยากได้เขาหรือเปล่า แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาของฉัน!!!”

ไอส์ขมวดคิ้วและตอบกลับโดยไม่ผ่อนแรงที่แขนลงแม้แต่น้อย

“ฮึ่ม ริเวเรียก็บอกไปแล้วไงว่าที่ลับตาคน”

คำพูดของไอส์ดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อทีโอน่าไปบ้างขณะที่เธอเริ่มมองไปรอบๆ

มีนักผจญภัยหลายคนจากโลกิและเฮเฟสตัสแฟมิเลียที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าหลากหลายแบบ

บางคนมีสีหน้าขบขัน ในขณะที่คนอื่นๆ ดูน่ารำคาญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทีโอน่าเริ่มตระหนักว่าพอเธอได้ยินสิ่งที่วาห์นพูด เธอก็เลยรู้สึกตื่นเต้นเกินไปและจู่โจมเขากลางค่าย

มีคนกว่ายี่สิบคนที่เฝ้าดูเธอพุ่งเข้ามาตรึงร่างของวาห์นไว้ที่กลางทางเดิน…

นั่นทำให้จิตใจของทีโอน่าสงบลงไปมากและตอนนี้เธอก็เริ่มหน้าแดงแล้ว แต่รอบนี้กลับแดงเพราะความละอาย

เมื่อเห็นว่าทีโอน่าฟื้นสติขึ้นมาบ้าง ไอส์และทีโอเน่ก็ปล่อยตัวเธอ

แต่ไอส์ยังคงอยู่ในท่าตั้งรับเพื่อเตรียมป้องกันไม่ให้ทีโอน่า ‘จู่โจม’ วาห์นอีกครั้ง

ทีโอน่าจ้องมองไอส์ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย แต่พอเห็นวาห์นคุกเข่าบนพื้นและกำลังดิ้นรนเพื่อสูดอากาศเข้าปอด อารมณ์รุนแรงที่สุดที่เธอสัมผัสได้ในตอนนั้นคือความรู้สึกผิด

เนื่องจากตอนนี้เธอแข็งแกร่งกว่าวาห์นมาก เขาจึงไม่สามารถต้านทานการจู่โจมของเธอได้เลยแม้แต่น้อย

หากไม่มีคนมาหยุดเธอไว้ เธอก็อาจจะได้ ‘ครั้งแรก’ ของวาห์นมาอีกอย่าง… และอาจทำให้เขาเกลียดเธอไปเลย

ทีโอน่าลดหัวลงต่ำและมองไปทางวาห์นด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“ขอโทษนะวาห์น… นายดูแมนมากจนฉันหยุดตัวเองไว้ไม่ได้”

แม้แต่ตอนนี้ ทีโอน่าก็ยังรู้สึกอยากจะลองจู่โจมวาห์นอีกครั้ง แต่เธอก็ถูกตรึงไว้ด้วยบรรยากาศรอบๆ และสหายอีกสองคน

เธอรู้สึกขอบคุณและหงุดหงิดในเวลาเดียวกันแต่สิ่งที่กังวลที่สุดก็คือปฏิกิริยาของวาห์น

วาห์นเห็นว่าหน้ามุ่ยๆ นั่นกลับมาอีกแล้ว เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา

เขาพยายามทำตัวเฉยๆ กับสิ่งที่เธอเพิ่งทำลงไปเมื่อกี้

“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรีบแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ซะแล้วสิ ต้องมาเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวนี่มันอึดอัดพิกลแฮะ”

แม้วาห์นจะพยายามทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ทีโอน่าก็เห็นว่าเขายังคงรู้สึกสั่นคลอนอยู่บ้าง

เพื่อไม่ให้ความพยายามของเขาเสียเปล่า ทีโอน่าจึงส่งรอยยิ้มปลอมๆ ให้ขณะที่เธอพูดตอบกลับไป

“แข็งแกร่งขึ้นเร็วๆ นะ ครั้งต่อไปนายต้องเป็นฝ่ายรุกบ้าง โอเคไหม?”

หลังจากคำพูดจบ ทีโอน่าก็ยอมให้พี่สาวพาเธอออกไปจากตรงนั้น

ในฐานะชาวอเมซอนเช่นกัน ทีโอเน่รู้ดีว่าต้องใช้เวลาอีกสักครู่ก่อนที่น้องสาวของเธอจะสงบลง

เมื่อเห็นทั้งสองจากไปแล้ว วาห์นก็รู้สึกว่าความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งกว่านี้ได้เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย

ช่วงเมื่อกี้นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขารู้สึกกลัวจริงๆ ตั้งแต่ที่ได้รับชีวิตใหม่มา

มันถูกจัดให้ไปอยู่กลุ่มเดียวกับช่วงเวลาที่เขาเกือบตายได้เลย

ไอส์ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาค่อยๆ หันกลับมาและส่งมือให้

หลังจากที่นิ่งไปสักพัก เธอก็พูดขึ้น

“ทีโอน่าเป็นเด็กดี อย่าเกลียดเธอเลย”

ไอส์รู้จักทีโอน่ามานานกว่าและพอเข้าใจได้ว่าอาการเมื่อกี้ไม่ใช่สภาพปกติของเธอ

วาห์นถอนหายใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็แสดงรอยยิ้มออกมาแทน

“ฉันว่าฉันคงเกลียดเธอไม่ลงหรอก ถึงจะอยากทำก็คงทำไม่ได้ พอเห็นคนที่มีความรู้สึกให้กันขนาดนี้ แค่คิดจะผลักไสเธอออกไปฉันยังรู้สึกผิดเลย ฉันแค่อยากแข็งแกร่งขึ้นและอยากให้เธอมาพึ่งพาบ้างก็เท่านั้นเอง…”

ไอส์พยักหน้าให้กับคำพูดของเขาก่อนจะพูดบ้าง

“อืม นายต้องแข็งแกร่งแน่ๆ… แปลกดี” ไอส์ดูเหมือนจะมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูดเอามากๆ แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น

“อะไรแปลกเหรอ?” วาห์นถามเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอพยายามจะสื่อว่าอะไร

ดูเหมือนไอส์กำลังไตร่ตรองอย่างหนักก่อนจะพูดอะไรต่อขณะที่วาห์นยืนมองสีหน้าจริงจังของเธอ

เธอดูกังวลว่าควรพูดยังไงต่อจนคิ้วแทบขมวดติดกัน

“นายไม่เคยยอมแพ้ ถึงเจอเรื่องแย่ นายก็พยายามต่อไป ทั้งตอนดวลกัน ตอนสู้โกไลแอธ แล้วก็ตอนนี้ นายพยายามอยู่ตลอด”

หลังจากพูดจบ ไอส์ก็มองเข้าไปในดวงตาของวาห์นและหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ

“ฉันคิดว่านายจะแข็งแกร่งกว่าใครๆ ฉันอยากเห็นวันนั้น”

วาห์นมองเห็นความหลงใหลที่ซ่อนอยู่ในสายตาของไอส์ขณะที่เธอพูด

วาห์นรู้สึกว่าเธอกำลังคาดหวังไว้ในตัวเขาซึ่งทำให้เขารู้สึกกล้าหาญราวกับว่าตัวเองนั้นทำได้ทุกอย่าง

เขายิ้มให้เธอและเริ่มรู้สึกมั่นใจกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

เขานำมือขวามาวางไว้เหนือ ‘เพลิงนิรันดร์’ ตรงหัวใจ

ทุกคำพูดที่กล่าวออกมาล้วนเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

“ฉันจะแข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้!”

เพราะช่วงสุดท้ายมันเกือบจะกลายเป็นเสียงตะโกน นั่นทำให้ดวงตาของไอส์เบิกกว้างขณะที่เสียงปรบมือดังขึ้นจากรอบๆ ตัว

เมื่อได้ยินเสียงปรบมือ วาห์นเลยรู้สึกเขินๆ และมองไปทางเหล่านักผจญภัยที่กำลัง ‘เชียร์’ เขาอยู่

“เอาเลยไอ้หนู~!” & “ใช่แล้ว สู้ต่อไปนะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เพราะหลายคนต่างก็อยู่ในเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ด้วย พวกเขาจึงประหลาดใจหลังจากที่ได้เห็นวาห์นประกาศออกมาเสียงดัง เลยอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขาเล็กน้อย

ไอส์เห็นฝูงชนและวาห์นที่ดูเขินๆ เธอก็เลยลากเขาออกมาจากตรงนั้น

เมื่อเห็นการกระทำของเธอ ฝูงชนต่างก็เริ่มเชียร์หนักกว่าเดิมขณะที่ทั้งสองหายลับไปจากพื้นที่กลางค่าย

ไอส์ยังคงลากวาห์นต่อไปจนกระทั่งพวกเขาอยู่ในบริเวณรอบนอกค่ายและห่างจากสายตาสอดส่องของคนอื่น

เมื่อพวกเขา ‘ปลอดภัย’ แล้ว ไอส์ก็ปล่อยมือและหันมาจ้องเขาแทน

วาห์นซึ่งยังรู้สึกเขินๆ อยู่มองเธอกลับและกล่าวขอบคุณ

เขาเห็นว่าเธอยังมีอาการหน้าแดงอยู่เล็กน้อยขณะที่พยักหน้ารับคำขอบคุณจากเขา

หลังจากนั้นทั้งคู่ยืนนิ่งเงียบกันไปจนความรู้สึกสงบลง

วาห์นถอนหายใจออกมาและค่อยๆ นั่งลงบนพื้น

ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับว่าเขาได้ผ่านอะไรมามากมายในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วมา

ทั้งพลังกายและพลังใจของเขาต่างถูกใช้ไปเป็นจำนวนมาก

ในตอนที่เขานั่งลง ไอส์ก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิดของเธอและมองไปที่วาห์นเป็นระยะๆ

แม้อยากจะอยากถามไอส์ว่าเธอเป็นพวกที่ชอบคิดเยอะก่อนพูดหรือเปล่านะ แต่เขาก็ตัดสินใจเฝ้าเราเธอ

น่าเสียดายที่ครั้งนี้ ความอดทนของเขานับว่าเป็นความผิดพลาด เพราะในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเข้ามาผลาญพลังที่เขาเหลืออยู่ด้วยคำสั้นๆ

“ฉันอยากลอง… มีอะไรกับนาย”

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท