Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 113

ตอนที่ 113

หลังจากยอมรับอนูบิสในฐานะลูกน้องแล้ว วาห์นก็รีบดูการแจ้งเตือนภายในระบบและเห็นค่าความภักดีของเธออยู่ที่ 70 แต้มซึ่งดูสูงผิดปกติหากดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

พออนูบิสได้ยินวาห์นยอมตกลงให้เธอชดใช้หนี้ เธอก็โค้งคำนับและพูดในแบบที่แทบจะเป็นคนละคนกันเลย

“เชิญสั่งฉันมาได้ตามที่ต้องการเลยค่ะ นายท่าน

ตราบใดที่มันไม่ขัดกับหลักการของฉัน ฉันจะทำตามที่นายท่านสั่งให้ดีที่สุดเลย”

เมื่อเห็นสาวงามจากต่างถิ่นโค้งคำนับให้กับเขา วาห์นก็รู้สึกว่าหัวใจของตนสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเฮเฟสตัส

ดูเหมือนเธอกำลังมองอนูบิสด้วยท่าทางครุ่นคิด แต่เมื่อเห็นสายตาที่วาห์นมองมา เธอก็หันไปพูดกับเขาแทน

“นายควรจะให้เธอกล่าวคำสาบานนะ ไม่งั้นจะไม่มีอะไรมาผูกมัดเธอไว้กับหนี้ครั้งนี้

หากนายปล่อยเอาไว้ เธอก็อาจจะหลบหนีออกจากเมืองไปในตอนที่นายไม่ทันระวังตัว”

อนูบิสเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วให้กับคำกล่าวหาของเฮเฟสตัส แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรเธอก็เห็นวาห์นส่ายหัว

“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกนะเฮเฟสตัส ถึงอนูบิสอยากจะหนีออกไปจากเมือง ฉันก็จะไม่รั้งเธอไว้

แม้จะทำอะไรที่ดูบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่เธอเองก็เป็นเหยื่อในเหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกัน

ฉันไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเธออยากจะพาเด็กๆ หนีไปใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ”

พอวาห์นพูดจบ เขาก็พบว่าค่าความภักดีของอนูบิสนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 74 จนตัวเองรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

“ฉันจะไม่ละทิ้งศักดิ์ศรีและทำสิ่งน่าละอายแบบนั้นหรอกค่ะ

จะให้สาบานหรือไม่ก็ตาม ขอให้รู้ไว้เลยว่าฉันจะไม่หนีไปจากเมืองเด็ดขาด

แม้นายท่านจะไม่มีอะไรให้ฉันทำ แต่ฉันก็จะพยายามทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามและทำให้การใช้ชีวิตของนายท่านต้องมีอุปสรรค”

อนูบิสประกาศออกมาอย่างหนักแน่นและไร้ความลังเลพร้อมกับมองสบตากับเฮเฟสตัส

ดูเหมือนว่าเฮเฟสตัสจะยังไม่เชื่อเธอเท่าไหร่นักจึงถามขึ้นมา

“แล้วเธอวางแผนว่าจะรับใช้เขาไปนานแค่ไหนกัน? หนี้ของเธอจะ ‘หมดลง’ เมื่อไรกันแน่?”

อนูบิสเอียงหัวเล็กน้อยคล้ายกับกำลังสับสน

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดตอบ

“การกระทำของฉันเกือบส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ฉันก็ต้องชดใช้แบบชีวิตแลกชีวิตเหมือนกัน

ตราบใดที่นายท่านวาห์นยังมีลมหายใจอยู่ ฉันก็จะรับใช้เขาต่อไปเรื่อยๆ”

วาห์นพบว่าเป็นอีกครั้งที่ค่าความภักดีของอนูบิสเพิ่มขึ้น

ตอนนี้เธอมีค่าความภักดีอยู่ 77 แต้มแล้ว แต่วาห์นก็ไม่ได้สนใจกับมันมากเท่าใบหูขนาดใหญ่ที่กำลังกระดิกไปมาอยู่บนหัวของเธอ

เฮเฟสตัสถอนหายใจขณะเฝ้ามองความจริงจังของอนูบิส

เธอเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาขณะเพิ่ม ‘ปัญหา’ ที่ต้องจัดการในอนาคตไปอีกหนึ่งอย่างในใจ

เมื่อรวบรวมความคิดได้ เฮเฟสตัสก็พูดขณะมองเข้าไปในดวงตาของอนูบิส

“งั้นก็เอาเลย กล่าวคำสาบาน-”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ วาห์นก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น ถึงฉันจะยอมรับอนูบิสในฐานะข้ารับใช้ไปแล้ว แต่ฉันจะไม่ยอมผูกขาดใครสักคนด้วยสัญญาหรือคำสาบานที่ยาวนานเท่ากับชีวิตของตัวเองหรอก

แค่คิดเรื่องผูกมัดอิสระของคนอื่นก็ทำให้คลื่นไส้จะแย่แล้ว…”

ทั้งอนูบิสและเฮเฟสตัสต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งที่วาห์นพูด แต่พอผ่านไปไม่นานทั้งสองก็แอบยิ้มนิดๆ ให้กับเด็กหนุ่ม

เฮเฟสตัสรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยที่เห็นความแน่วแน่ของวาห์นในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นเธอก็ต้องยอมประนีประนอมตามเช่นกัน

เธอมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของอนูบิสก่อนจะพูดขึ้น

“ถ้านั่นเป็นการตัดสินใจของเขา ฉันก็จะไม่เข้าไปวุ่นวายหรอก แต่อย่างน้อยก็อยากให้เธอสาบานว่าจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนกับทางกิลด์เพื่อจัดการเรื่องโอซิริส

คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

เมื่อได้ได้ยินเฮเฟสตัสพูดถึงโอซิริส อนูบิสก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจขณะตอบเธอ

“เจ้าสารเลวนั่นสมควรได้รับผลของทุกอย่างที่ทำลงไปจริงๆ

ในคืนที่เราไปบุกที่นั่น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีอาชญากรไม่รู้กี่คนที่หมอนั่นรับมาเป็น ‘เด็กๆ’ ของตัวเอง

เพราะโอซิริสเองก็มองเห็นดวงวิญญาณได้เหมือนกัน ดังนั้นเขาจะต้องรู้อยู่แล้วว่าคนในแฟมิเลียเคยทำอะไรมาก่อนบ้าง

การที่เขายอมรับฆาตกรและพวกจิตใจเลวทรามนั้นทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน”

สำหรับผู้ที่มองเห็นดวงวิญญาณนั้น พวกเขาพอจะมองออกว่าคนๆ นั้นเป็นแบบไหนโดยยึดตามสีที่อยู่ภายในวิญญาณ

สำหรับ ฆาตกร หัวขโมร นักข่มขืน และพวกสารเลวทั้งหลายนั้นจะมีสะเก็ดสีดำหรือสีเขียวเข้มปนเปื้อนอยู่ในดวงวิญญาณด้วย (TL: คล้ายๆ การดูออร่าของวาห์นแต่ละเอียดน้อยกว่า)

หลังจากตกลงกันได้ ทั้งเฮเฟสตัสและอนูบิสต่างก็กล่าวคำสัตย์สาบานและนัดแนะเวลาที่จะไปรายงานตัวกับทางกิลด์ด้วยกัน

เนื่องจากทางกิลด์ไม่สามารถกักตัวเทพไว้ได้นานโดยไม่มีข้อกล่าวหา พวกเธอจึงต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จภายในเวลาสองวันนับจากนี้

หลังจากคุยเรื่องนี้เสร็จแล้ว เฮเฟสตัสก็หยิบยกหัวข้อที่พวกเขาไม่ได้คุยกันตั้งแต่แรกขึ้นมา

“แล้วเด็กๆ พวกนี้ล่ะ? เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าจะติดตามวาห์น งั้นเธอก็จะปลดปล่อยพวกเขาไปเหรอ?”

เฮเฟสตัสชี้ไปทางเด็กทั้งเจ็ดคนที่นั่งเงียบตลอดการพูดคุย

หูที่ตั้งชันในตอนแรกของพวกเขาเริ่มจะลดต่ำลงขณะที่แต่ละคนมีสีหน้าเศร้าสร้อยหลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้น

อนูบิสเห็นท่าทางหดหู่ของพวกเด็กๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจแบบเศร้าๆ

“เราเดินทางมาที่เมืองนี้เพราะคำเชิญจากโอซิริส และตอนนี้เงินทุนของพวกเราก็ใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว

ฉันไม่อาจช่วยเหลือหรือส่งเสียพวกเขาต่อไปได้อีก

เมื่อเทียบกับพวกที่อยู่ในบ้านเกิดแล้วเด็กๆ พวกนี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งพอสมควร ทว่าพอเข้าไปในดันเจี้ยนแล้วกลับพบว่ามันลำบากกว่าที่คิดไว้มากเลย

ฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องมาลำบากเพื่อพยายามสนับสนุนแฟมิเลียต่อไปอีกแล้ว”

อนูบิสมองไปที่วาห์นด้วยท่าทางคาดหวัง

“ฉันไม่อาจมห้พวกเขาติดตามมาด้วยได้ เพราะหนี้ครั้งนี้เป็นหน้าที่ที่ฉันต้องแบกรับมันไว้คนเดียว

ทางเลือกต่อไปคงต้องขอให้นายท่านเป็นคนตัดสินใจแทนแล้ว…”

เขาเข้าใจสายตาของเธอเป็นอย่างดีจึงหันไปทางพวกเด็กๆ ที่เคยกลัวเขา

ตอนนี้สายตาแห่งความความกลัวได้เปลี่ยนไปเป็นสายตาอ้อนวอนแทน

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหูของพวกเด็กๆ ที่ลดต่ำลงและดวงตากลมโตเหล่านั้นทำให้วาห์นรู้สึกสะเทือนใจอย่างแรงจนต้องยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น

“ถ้าเด็กๆ อยากติดตามเธอต่อไปจริงๆ ฉันก็จะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ถึงเธอจะยอมมารับใช้ แต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการบริวารหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ

อีกอย่าง ใครจะไปกล้าปฏิเสธลงถ้าเอาแต่จ้องกันแบบนี้…”

อนูบิสเริ่มหัวเราะเสียงดังพร้อมกับหรี่ตาลงและเผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

“ฉันก็ได้แค่หวังไว้เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่านายท่านจะใจกว้างแบบนี้

เอาล่ะเด็กๆ พวกเธอยินดีที่จะติดตามนายท่านไปพร้อมกับฉันหรือเปล่า?”

ตอนที่เธอถามมันออกมานั้นราวกับว่าพวกเขาได้ซักซ้อมกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะทั่วทั้งกลุ่มพลันกระโดดขึ้นมาก่อนจะโค้งคำนับและพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ได้โปรดขอให้พวกเราได้ตามรับใช้นายท่านด้วย!”

วาห์นมองเห็นถึงความตื่นเต้นและความคาดหวังในดวงตาเหล่านั้นขณะที่เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน

พอเห็นวาห์นตกลงแล้ว หางของพวกเด็กๆ ก็เริ่มส่ายไปมาอย่างตื่นเต้นก่อนที่พวกเขาจะกลับมานั่งเงียบๆ

ตอนนี้เด็กๆ ดูมีความสุขมากและต่างไปจากเดิมแบบลิบลับ

วาห์นสงสัยว่าทำไมเด็กๆ ถึงดูเชื่อฟังมากขนาดนี้แต่เขาก็คิดว่าอนูบิสคงเป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของทุกคน

ในเวลาเดียวกันกับที่วาห์นยอมรับพวกเด็กๆ ค่าความชื่นชอบของอนูบิสก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 81 ขณะที่เธอเผยรอยยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ

เฮเฟสตัสเฝ้ามอง ‘ฉาก’ นี้ด้วยสีหน้าสงสัยก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง

“แล้วตอนนี้เธอกับแฟมิเลียไปพักอยู่ที่ไหนกันเหรอ?”

พอเฮเฟสตัสถามคำถามนี้ออกมา หางที่ส่ายไปมาของพวกเด็กๆ ก็หยุดชะงักลงขณะที่อนูบิสเองก็ทำหน้าตื่นๆ เช่นกัน

อนูบิสกระแอมแก้เขินไปพักหนึ่งก่อนจะลดหัวลงต่ำและมองไปที่วาห์นกับเฮเฟสตัสพร้อมกับพูดด้วยเสียงเบาๆ

“ตอนนี้พวกเรา… ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

เงินทุนของเราหมดไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว

พวกเราก็เลยต้องพักอยู่แถวๆ หอคอยตั้งแต่นั้นมา…”

อนูบิสดูเหมือนจะรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่ต้องสารภาพตามตรง แล้วก็ยิ่งอับอายหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าไม่อยากจะเชื่อของเฮเฟสตัส

วาห์นเริ่มหัวเราะหลังได้ยินว่าเทพธิดาที่มุ่งมั่นจะรับใช้เขาท้ายสุดแล้วกลับมีปัญหาเรื่องที่พักอาศัย

เขาเริ่มสงสัยว่าเหตุผลที่เธออยากจะมาเป็นข้ารับใช้ แท้จริงก็เพื่อจัดหาที่อยู่แบบเป็นหลักแหล่งให้กับพวกเด็กๆ ซะมากกว่า

อนูบิสดูเหมือนจะยิ่งอายกว่าเดิมหลังจากที่วาห์นเริ่มหัวเราะจนเกิดประกายสีแดงบนพวงแก้มของเธอเป็นครั้งแรก

ก่อนที่สถานการณ์จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ วาห์นก็พูดออกมาด้วยความมั่นใจ

“ไม่ต้องห่วง ถึงตอนนี้ฉันจะมีเงินไม่มากแต่ก็น่าจะพอจ่ายค่าที่พักสำหรับเธอแล้วก็พวกเด็กๆ ไปได้สักระยะ

แต่เงินก้อนนี้จะไม่ได้ให้ไปแบบเปล่าๆ หรอกนะ

ฉันหวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างหนักในอนาคตเพื่อรักษาความเป็นอยู่ของตัวเองเอาไว้”

ตอนนี้วาห์นมีเงินทั้งหมด 171,530 วาลิส ซึ่งเพียงพอสำหรับการเช่าบ้านหลังเล็กๆ หากเขาต้องการ

แม้มันคงจะไม่ใช่สถานที่หรูหราอะไรมากนัก แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับแฟมิเลียขนาดเล็ก

เฮเฟสตัสส่ายหัวและยกอีกเรื่องขึ้นมาพูดก่อนที่วาห์นจะได้พูดต่อ

“ที่จริงนายมีเงินมากกว่าที่คิดอีกนะ

จำเรื่องเงินรางวัลกับค่าชดเชยที่ได้รับจากโลกิแฟมิเลียได้ไหม?

ว่างๆ ก็ไปรับเงินจากทางกิลด์ด้วยล่ะ ฉันมั่นใจว่ามันมีมากพอที่จะช่วยเรื่องรายจ่ายไปได้สักระยะหนึ่งเลย

แต่ฉันคงต้องถามก่อนนะว่านายไม่คิดจะอยู่กับสึบากิต่อแล้วเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดช่วงแรกของเฮเฟสตัส วาห์นก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นจนกระทั่งเธอพูดจนถึงส่วนท้ายๆ

เขาไม่เคยคิดจะย้ายออกจากบ้านของสึบากิเลย แต่ถ้าเขาตกลงที่จะช่วยแฟมิเลียนี้ไปแล้ว มันก็คงดูไม่เหมาะที่เขาจะไปอาศัยอยู่ที่อื่น

วาห์นเริ่มกังวลเนื่องจากเขากำลังชนตอเข้าอย่างจัง แต่โชคดีที่ดูเหมือนเฮเฟสตัสจะเตรียมทางแก้ไว้ให้พร้อมสรรพ

เฮเฟสตัสถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ต้องกังวลมากนักหรอก ตอนที่นายเข้าร่วมแฟมิเลียใหม่ๆ ฉันก็รับรองไปแล้วนี่ว่านายจะได้รับที่พักอาศัยรวมไปถึงโรงหลอมส่วนตัวด้วย

ฉันจัดการให้ที่ทำงานใหม่ของนายไปตั้งอยู่ตรงด้านหลังคฤหาสน์ของสึบากิแล้ว

แม้มันจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากัน แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับความต้องการในตอนนี้นะ…”

วาห์นรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เฮเฟสตัสทำให้เขาเป็นอย่างมากจนต้องพูดประโยคเดียวที่คิดได้ออกไป

“ขอบคุณนะเฮเฟสตัส รักเธอจริงๆ เลย”

เมื่อวาห์นโยนระเบิดลูกใหญ่มาให้และได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้าของเขา หัวใจของเฮเฟสตัสก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นและคิดอะไรต่อไปไม่ออก

เธอทำได้แต่เพียงทวนคำพูดของเขาซ้ำไปมาอยู่ภายในหัวขณะที่ความดันเริ่มมารวมกันอยู่บนใบหน้าของเธอจนเกิดเป็นร่องรอยสีแดงก่ำขนาดใหญ่

อนูบิสจ้องมองการตอบสนองของเธอและพอได้ยินคำพูดของวาห์นแล้วก็ต้องถามขึ้น

“พวกท่านเป็นคู่รักกันหรอกเหรอ~?”

ดูเหมือนเธอจะรู้สึกสนใจมากเป็นพิเศษจนน้ำเสียงตอนท้ายๆ ประโยคนั้นฟังดูแปลกไปกว่าเดิมมาก

เฮเฟสตัสดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะยังอยู่ในสภาพมึนๆ วาห์นจึงชิงพูดก่อน

“ยัง แต่ใกล้แล้วล่ะ ฉันสัญญากับไว้ว่าจะสร้างไอเท็มที่ทำให้เธอพึงพอใจ และให้เธอมาเป็นคนรัก ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

ดวงตาของวาห์นเบิกกว้างขณะที่กำลังป่าวประกาศออกมาเสียงดัง

อนูบิสดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็ได้แต่ยิ้มๆ ให้กับเฮเฟสตัสที่หน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงต่อแล้ว

ตอนนี้เฮเฟสตัสกำลังยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าและไม่ยอมสบตากับใครทั้งนั้น

อนูบิสคิดว่าเฮเฟสตัสที่ทำตัวน่ารักนั้นดูดีกว่าปีศาจโกรธเกรี้ยวจากเมื่อหลายวันก่อนเป็นไหนๆ

วาห์นดูเหมือนจะเห็นด้วยพร้อมกับที่เขายื่นมือออกไปและเริ่มส่งพลังผ่าน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อช่วยบรรเทาความว้าวุ่นในจิตใจของเฮเฟสตัส

ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะมีผลต่อเฮเฟสตัสเป็นอย่างมากจนเธอได้แต่แอบมองวาห์นผ่านช่องว่างของนิ้วมือ

แม้เธอจะดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่วาห์นก็ยังเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังฝ่ามือนั่น

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท