Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 119

ตอนที่ 119

พอวาห์นออกจากห้องของนาซ่า เขาก็เดินไปทางบริเวณต้อนรับที่ซึ่งสึบากิกำลังฝนอาวุธคล้ายดาบสองมืออยู่

เธอมองมาทางเขาและยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

“ครั้งหน้าถ้าฉันเห็นนายเป็นแบบนั้นอีกก็อย่าคิดนะว่าจะรอด

แล้วถ้ายังเล่นอะไรแผลงๆ อีกก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เดินออกจากที่นี่ในวันเดียวกัน”

วาห์นพยักหน้าขณะเดินไปที่ทางออกแต่ก็หยุดลงก่อนจะได้ข้ามประตูออกไป

เขาหันหลังกลับมาและยิ้มให้ก่อนจะพูดอย่างเจ้าเล่ห์กับสึบากิที่กำลังมองตามหลังเขามา

“ฉันแค่ต้องแข็งแกร่งพอจนเธอตามมาเอาคืนไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”

พอพูดเสร็จ วาห์นก็รีบพุ่งไปด้านหน้าและกลิ้งไปตามพื้นขณะที่มีดาบสองมือจากไหนไม่รู้มาปักตรงตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้

วาห์นเร่งความเร็วและวิ่งออกจากลานกว้างขณะหัวเราะไปทางไซคลอปส์ที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ด้านหลัง

สึบากิเดินออกมาจากห้องทำงานและหยิบดาบสองมือที่ปักอยู่บนพื้นขึ้นมา

เธอรู้อยู่แล้วว่าวาห์นเตรียมตัวหลบไว้อย่างดี แต่เธอก็เลือกที่จะเล่น ‘ตามน้ำ’ ไปกับเขาด้วย

เมื่อมองไปยังทิศทางที่เขาหนีออกไป สึบากิก็ยิ้มก่อนจะพูดลอยๆ

“เด็กๆ นี่นับวันยิ่งโตไวขึ้นนะ หวังว่าเขาจะไม่ต้องเจ็บตัวบ่อยนักล่ะ”

เธอพาดดาบสองมือไว้บนไหล่และกลับเข้าไปทำงานต่อ

วาห์นสังเกตเห็นว่าสึบากิไม่ได้ไล่ตามมา ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ ลดความเร็วลงจนกระทั่งหยุดอยู่กับที่

การได้แกล้งสึบากิผู้ที่เคยทรมานเขาอย่างหนักนั้นเป็นอะไรที่รู้สึกสะใจมากสำหรับวาห์นและเขาหมายมั่นว่าจะหาโอกาสทำแบบนั้นต่อไปอีกเรื่อยๆ

แม้สึบากิจะโกรธมาก แต่วาห์นก็รู้ว่าเธอคงจะไม่ทำอะไรจริงจังแค่เพราะเพราะเขาไปหยอกเธอเล่นหรอก

ตอนนี้ก็เกือบจะบ่าย 3 แล้วและวาห์นที่ไม่ได้วางแผนอะไรไว้จึงตัดสินใจเดินเล่นรอบเมือง

วาห์นเดินแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบภายในตัวเมืองและ ‘ทำความคุ้นเคย’ ไปกับแสงและเสียงของผู้คน

แม้ว่าทุกคนจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา แต่วาห์นก็สังเกตเห็นว่าส่วนใหญ่ดูเป็นกลางหรือไม่ก็มีความประทับใจที่ดีต่อเขา

ผู้คนมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มแทนสีหน้าสงสัยหรือสีหน้ารังเกียจแบบตอนที่เขาเข้าเมืองครั้งแรก

มีเหล่าสตรีมากมายที่อายุยังน้อยจวบจนถึงอายุมากหน่อยที่พยายามเรียกหรือชวนเขาคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่ม ‘หน้าตาดี’ คนนี้

วาห์นพบว่าหลายคนมีหน้าตาน่ารักมาก อีกทั้งหญิงสาวบางคนก็เต็มไปด้วยความเย้ายวนน่าหลงใหล

ทว่าวาห์นก็เพียงแค่ทักทายกลับและพยักหน้าให้พวกเธอแบบสั้นๆ ก่อนจะเดินต่อไป

เมื่อพิจารณาถึงทุกเรื่องที่เขาพบเจอในช่วงนี้ วาห์นไม่อาจแบ่งความสนใจให้กับผู้คนที่ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตเขาได้อีกแม้แต่คนเดียว

วาห์นใช้โอกาสนี้ทำแผนที่ของเมืองในส่วนที่เขาไม่เคยไปมาก่อนและเริ่มคิดถึงสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเดตกับเอน่าด้วย

ตั้งแต่ที่วาห์นตัดสินใจจะไปเดตกับเธอ เขาก็รู้สึกเหมือนเป็นหนี้ต่อเอน่าและอยากทำให้มันเป็นเดตที่สนุกที่สุด

แม้จะยังไม่รู้จักเธอดีนัก แต่เขาก็เดาว่าเธอคงจะชอบการเดินไปรอบๆ และชอปปิ้งเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยเห็น

วาห์นไปเดินดูสถานที่สวยงามหลายแห่งและพิกัดพวกมันลงบนแผนที่ขณะลองชิมอาหารมากมายตามแผงลอยข้างทาง

วาห์นเพลิดเพลินไปกับอาหารภายในเมืองนี้มากและไม่ว่าเขาจะลองไปกี่อย่าง ก็จะมีของใหม่ๆ มาให้ลองอีกไม่รู้จักจบสิ้น

แม้เขาจะติดใจอาหารจาก ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ มากที่สุดเหมือนเดิม แต่วาห์นก็ยังไม่เคยเจออาหารที่มีรสชาติแย่ๆ เลยแม้แต่ร้านเดียว

เขาชอบอาหารทะเลมากเป็นพิเศษ และเครปที่เขามักกินบ่อยๆ ก็กลายมาเป็นหนึ่งในอาหารที่เขาโปรดปรานที่สุด

วาห์นใช้เงินมากมายที่เพิ่งได้รับมาไปกับการลิ้มลองอาหารตามทางเรื่อยๆ ก่อนจะเดินไปจนสุดทาง

เขาจะซื้อทุกอย่างที่ตัวเองชอบในปริมาณมากและนำมาเก็บไว้ภายในช่องเก็บของแบบลับๆ

เขาจะนำมันออกมาทานในภายหลังหรือไม่ก็แบ่งให้เด็กๆ เมื่อเขากลับถึงที่พักแล้ว

วาห์นชอบที่จะแบ่งสิ่งที่เขาโปรดปรานกับผู้อื่น และเขาก็อยากเห็นสีหน้าของพวกเด็กๆ ตอนที่เห็นของกินมากมายเหลือเกิน

วาห์นมาถึงที่ทำงาน/บ้านประมาณ 2 ทุ่มและเดินตัดลานกว้างเข้าไปที่ห้องโถง

ในตอนที่เขาเข้าไป อนูบิสก็กำลังเฝ้ารออย่างอดทนเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขา

เธอยิ้มและพูดขึ้น

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ นายท่าน”

วาห์นพยักหน้าให้และถามกลับ

“ตอนนี้พวกเด็กๆ ทำอะไรอยู่เหรอ?”

อนูบิสเลิกคิ้วขึ้นหลังจากเห็นท่าทางเรื่อยๆ ของเขาขณะที่เธอตอบกลับไป

“พวกเขารอการกลับมาของนายท่านอยู่ในห้องอาหารค่ะ

ในฐานะคนใน ‘ฝูง’ ของท่าน พวกเขาจะไม่ทานอะไรจนกว่านายท่านจะสั่งหรือจนกว่าจะกลับมามาถึงค่ะ”

พอนึกถึงภาพเด็กๆ ที่กำลังนั่งและเฝ้ารอเขาอย่างอดทน วาห์นก็รู้สึกแปลกๆ แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนที่ตัวเองคิดไว้

เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับวางฝ่ามือลงบนศีรษะของอนูบิสและลูบหูของเธอเล็กน้อยก่อนจะเอามือออก

อนูบิสดูประหลาดใจกับการกระทำของเขา แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร วาห์นก็พูดขึ้นมาก่อน

“เธอเองก็กำลังรอฉันอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”

วาห์นเดินผ่านเธอและร้องเรียกเมื่อเขาเดินไปจนสุดทางแล้ว

“มาเถอะ ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมารอหรอกนะ”

หลังจากได้พบกับสึบากิ ตอนนี้วาห์นตัดสินใจได้แล้วว่าจะเผชิญหน้ากับปัญหาแบบตรงๆ

ถ้าเขาต้องมาเป็น ‘จ่าฝูง’ ในบ้านหลังนี้ เขาก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดจนกว่าพวกเด็กๆ จะพึ่งพาตัวเองได้

ถ้าอนูบิสจะเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ งั้นเขาก็จะทำตามบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อตอบรับความแน่วแน่ของเธอ

หลังจากที่เขาเดินผ่านเธอไปพักหนึ่ง วาห์นก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนภายในจิตใจบอกว่าค่าความภักดีของเธอเพิ่มขึ้นเป็น 91 แล้วซึ่งสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าให้กับเขา

อย่างที่เขาคาดไว้เลย เมื่อวาห์นก้าวเข้าสู่ห้องอาหาร พวกเด็กๆ ก็กำลังนั่งเป็นครึ่งวงกลมและเว้นที่เอาไว้ให้เขา

เขาพึมพำกับตัวเองว่าน่าจะซื้อโต๊ะเตี้ยๆ เอาไว้สักชุดหนึ่งเพราะการนั่งบนพื้นอยู่ตลอดนั้นเป็นความรู้สึกที่แปลกอยู่บ้างหลังจากที่เขาได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ของสึบากิ

วาห์นนั่งลงในตำแหน่งที่พวกเด็กๆ เว้นไว้ให้โดยไม่พูดอะไรและรอให้อนูบิสมานั่งที่ด้านซ้ายมือของเขา

เมื่อเห็นว่าเธอมานั่งอยู่ตรงด้านนอกวงกลมแล้ว วาห์นก็หันไปทางเด็กๆ และกล่าวขึ้น

“ขยายวงหน่อย เว้นที่ให้อนูบิสด้วย”

พวกเขาจ้องมองวาห์นตั้งแต่ที่เข้ามาถึงแล้วและพอเขาเปิดปากพูด พวกเด็กๆ ก็รีบเว้นที่ให้อนูบิสเข้ามานั่งลงในวงกลมด้วย

วาห์นมองไปที่อนูบิสและเธอเองก็สบสายตากับเขาก่อนจะลุกขึ้นและมานั่งลงข้างๆ

เมื่อเธอนั่งลงแล้ววาห์นก็พูดต่อ

“ตั้งแต่นี้ไป พวกเราจะทานอาหารด้วยกันเว้นแต่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้

อนูบิสเป็นเทพธิดาของพวกเธอและแม้ว่าพวกเธอจะให้ความเคารพกับเธอมาก แต่ต่อไปก็ควรปฏิบัติกับเธอให้เหมือนกับเป็นสมาชิกของครอบครัว

ตราบใดที่ยังเห็นว่าฉันคือ ‘จ่าฝูง’ อยู่ พวกเธอก็จะต้องปฏิบัติตามกฎง่ายๆพวกนี้ เข้าใจไหม?”

เสียงของเขาฟังดูหนักแน่นมาก และวาห์นก็อยากให้เด็กๆ รู้ว่าเขากำลังจริงจังแค่ไหน

ราซุยเป็นคนแรกที่ตอบออกมาเสียงดัง

“ครับ นายท่าน!”

หลังจากนั้นเด็กคนอื่นๆ ก็ทวนคำพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง

วาห์นพยักหน้าก่อนจะนำอาหารออกมาจากช่องเก็บของ

หลังจากนั้นเขาก็ส่งมันให้อนูบิสและเธอก็เริ่มส่งต่อไปให้ทุกคนในวงกลม

วาห์นคิดว่าการกระทำของเธอเหมือนกับผู้เป็นมารดาจริงๆ และเขาก็อยากให้เธอใกล้ชิดกับพวกเด็กๆ ให้มากกว่านี้

ใบหน้าโศกเศร้าของเธอที่เขาเห็นตอนก่อนที่จะออกไปข้างนอกนั้นทำให้เขารู้สึกแย่มาก

วาห์นยังคงนำอาหารออกมาเรื่อยๆ และแต่ละอย่างก็ยิ่งทำให้เด็กๆ มีสีหน้าประหลาดใจมากขึ้น

ในสายตาของพวกเขา มันราวกับว่าวาห์นกำลัง ‘เสก’ อาหารออกมาจากอากาศและทำให้ความคิดต่อต้านต่างๆ ที่เคยมีนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว

เด็กแต่ละคนค่อยๆ รับอาหารจากอนูบิสผู้ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข

เมื่อทุกคนมีอาหารมาวางอยู่ด้านหน้าครบแล้ว วาห์นก็ตระหนักว่าเขาลืมซื้อเครื่องดื่มไปซะสนิทเลย

เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังของพวกเด็กๆ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะปล่อยไก่ตัวโตก่อนที่อนูบิสจะชิงพูดขึ้นมาก่อน

“ตอนนี้ทุกคนก็ได้อาหารครบแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมชามาให้

พวกเธอคุยเป็นเพื่อนนายท่านไปก่อนและรอจนกว่าฉันจะกลับมานะ เข้าใจไหม?”

เด็กๆ พยักหน้าหลังจากได้ยินคำพูดของอนูบิส และเธอก็โค้งไปทางวาห์นที่กำลังงงๆ ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในครัว

วาห์นพบว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่ให้ความสนใจกับอนูบิส แต่เธอเองก็กำลังพิจารณาความคิดและการกระทำของเขาอยู่เช่นกัน

ตอนที่เห็นว่าเขาไม่ได้เตรียมเครื่องดื่ม เธอจึงรีบเข้ามาช่วยและดึงความสนใจออกไปจากเขา

จากนั้นเธอก็ขอตัวออกไปเพื่อช่วยกลบเกลื่อนความผิดพลาดและยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้พูดคุยกับเขาอย่างเปิดเผย

วาห์นหัวเราะให้กับความน่าประหลาดใจในการรับรู้และการปรับตัวของเทพธิดาองค์นี้ ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์มาแล้วกว่า 300 ปี

เขาเริ่มคุยเล่นกับพวกเด็กๆ ขณะที่พวกเขาเองก็ดูเหมือนจะยินดีที่ได้รับโอกาสแบบนี้เช่นกัน

แม้ว่าพวกเขาจะยังพูดแบบเกรงๆ แต่วาห์นก็เห็นว่าเด็กๆ กำลังพยายามทำตามสิ่งที่ทั้งเขาและอนูบิสคาดหวังเอาไว้

เขาตระหนักว่าพวกเด็กๆ นั้นเป็นเหมือนกับตัวเองในอดีตที่มักพยายามทำทุกอย่างให้กับคนที่ห่วงใย

นั่นทำให้วาห์นรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นและยังสาบานในใจว่าจะทำตามสิ่งที่พวกเด็กๆ คาดหวังเอาไว้ให้ได้เช่นกัน

พวกที่ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่บ้างก็คือเด็กสาวสองคนที่ชื่อมาอัตและนานูซึ่งนั่งอยู่ห่างจากตำแหน่งของเขาไปมากที่สุด

วาห์นรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นพวกเธอเพราะมันจะทำให้เขานึกถึงตอนที่ยิงลูกศรออกไป…

เพราะรู้ว่าไม่อาจขอโทษพวกเธอออกไปได้ เขาจึงสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลพวกเธอเป็นอย่างดี

ผ่านไปไม่กี่นาที อนูบิสก็กลับมาพร้อมกับถาดใส่ถ้วยเปล่าและกาน้ำชาขนาดใหญ่

เธอเดินกลับมายังที่นั่งถัดจากวาห์นและเทน้ำชาลงในถ้วยแต่ละใบก่อนจะส่งมันให้กับพวกเด็กๆ

เมื่อได้รับถ้วยกันครบแล้ว ทั้งกลุ่มก็มองไปที่วาห์นด้วยสายตาคาดหวัง

พอเห็นสีหน้าเหล่านั้น เขาก็ยิ้มๆ ก่อนจะฉีกเนื้อไก่ออกและชูขึ้นมา

เขาไม่ได้หิวอะไรนักเนื่องจากไปชิมอาหารมาตลอดทั้งวันแล้ว แต่เขาก็พร้อมที่จะกินต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะพูดขึ้น

“ทานข้าวกันเถอะ”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็กัดเข้าที่ชิ้นเนื้อกรุบกรอบและเฝ้ามองเด็กๆ ทานอาหารของตนเองอย่างสุภาพ

เมื่อได้เห็นท่าทางของพวกเขา วาห์นจึงรู้สึกเขินเล็กน้อยเพราะเขาหยิบอาหารขึ้นมาด้วยมือเปล่าก่อนจะกัดมันอย่างหนำใจ

เขาไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยพวกนี้จะได้รับการฝึกรับประทานอาหารมาเป็นอย่างดี

เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากทางด้านซ้ายจึงมองไปเห็นอนูบิสที่มองเขาพร้อมรอยยิ้มขณะค่อยๆ ทานอาหารในจานของตนอย่างช้าๆ

วาห์นรู้สึกเขินมากหลังได้เห็นวิธีการกินของเธอแล้วก็เข้าใจทันทีว่ามารยาทบนโต๊ะอาหารของพวกเด็กๆ นั้นมาจากใคร

หลังจากทานอาหารเสร็จ วาห์นก็ให้เด็กๆ ยืดเส้นยืดสายก่อนจะบอกให้พวกเขาเตรียมตัวไปอาบน้ำ

เขาเดินออกไปข้างหน้าและเริ่มออกกำลังกาย ขณะที่พวกเด็กๆ ดูเหมือนจะชอบท่าที่เขาใช้และเลียนแบบมันพร้อมรอยยิ้มและหางที่แกว่งไปมา

เมื่อทุกคนออกกำลังกายย่อยอาหารกันเสร็จแล้ว วาห์นก็บอกให้พวกสาวๆ ไปอาบน้ำและให้เด็กผู้ชายรอไปก่อน

ทุกคนมองมาทางเขาราวกับเป็นตัวประหลาด ดังนั้นวาห์นจึงมองไปที่อนูบิสจนเธอต้องอธิบายให้เขาฟัง

“เพราะว่าทุกคนยังเด็กอยู่ และทางใต้แทบจะไม่มีห้องอาบน้ำอยู่เลย ปกติแล้วพวกเด็กๆ จะช่วยอาบน้ำให้กันด้วยถังน้ำกับผ้าชุบน้ำหมาดๆ ค่ะ”

วาห์นตระหนักว่าความคิดของตัวเองนั้นต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

แม้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้เขาจะไม่ได้กังวลเรื่องการอาบน้ำกับเพศตรงข้ามสักเท่าไหร่นัก แต่เขาก็เริ่มให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้นและพยายามแยกชายหญิงออกจากกัน

ขณะที่เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิด อนูบิสก็พูดออกมาจากด้านข้าง

“อ่างอาบน้ำของที่นี่ใหญ่พอที่ทุกคนจะอาบพร้อมกันได้

ท่านไม่ควรคิดมากและเข้าไปอาบพร้อมกันเลยนะคะ

หากท่านปฏิบัติเหมือนกับพวกเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เด็กๆ ก็อาจจะเข้าใจเรื่องลำดับชั้นผิดแผกไปจากปกติ”

เธอพูดด้วยเสียงที่เบามากและวาห์นพบว่าพวกเด็กๆ กำลังพยายามเพิกเฉยต่อสิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่

เนื่องจากมีสัมผัสการได้ยินที่แหลมคม วาห์นจึงรู้ดีว่าพวกเขาจะต้องได้ยินแน่นอนหากตั้งใจฟัง

วาห์นตระหนักว่าตัวเองอาจจะมองข้ามความสัมพันธ์แบบลำดับชั้นนี่มากเกินไปหน่อยแล้ว

เขาหันไปมองเด็กๆ ก่อนจะเลิกคิดมาก

“ก็ได้ พวกเราจะเข้าไปพร้อมกัน ได้อาบด้วยกันแล้วก็ต้องอาบให้สะอาดด้วยล่ะ”

พอพูดจบ วาห์นก็เดินไปทางห้องอาบน้ำและเริ่มถอดเสื้อผ้าออก

เขาพบว่า แม้พวกเด็กๆ จะตามเขาเข้ามา แต่ตราบใดที่เขายังจำได้ว่าตัวเองเป็น ‘จ่าฝูง’ เขาก็จะสามารถ ‘สงบ’ ทั้งกายและใจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ที่จริงวาห์นก็ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องถูกเห็นอยู่แล้ว และเริ่มตระหนักว่าไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องมากังวลเรื่องที่จะเห็นหรือถูกเห็นเลย

ยังไงซะ ตามที่อนูบิสบอกและจากบทเรียนของริเวเรีย พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นเด็กอยู่และการอาบน้ำกับเด็กๆ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ทว่าปัญหาของจริงนั้นได้โผล่ออกมาหลังจากที่วาห์นถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วและกำลังเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ

นอกจากพวกเด็กๆ อนูบิสเองก็เข้ามาและเริ่มถอดเสื้อผ้าด้วยท่าทางเรื่อยๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แม้ปกติแล้ววาห์นจะไม่สนใจเรื่องการอาบน้ำกับผู้หญิง แต่การพูดคุยกับอนูบิสในวันนี้ได้ทิ้งบางอย่างเอาไว้ในจิตใจของเขา

วาห์นพบว่าเรือนร่างของเธอนั้นช่างดูต่างไปจากหญิงสาวคนอื่นๆ เหลือเกิน

ผิวสีน้ำตาลมะกอกของเธอดูมีประกายสีทองเล็กน้อยเมื่อมันสะท้อนกับแสง

เธอมีร่างกายที่ผอมเพรียวและแทบจะไม่มีไขมันส่วนเกินอยู่เลย

วาห์นยังเห็นกล้ามเนื้อบนร่างกายขณะที่เธอเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างชัดเจน

นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่วาห์นได้เห็นหญิงสาวถอดเสื้อผ้าให้ดูแบบทีละชิ้น

เสื้อผ้าแต่ละชิ้นที่เธอถอดออกนั้นยิ่งไปเพิ่มความเครียดเขม็งในร่างกายของเขาขึ้นอีกทีละนิด

ในที่สุดอนูบิสก็เปลื้องผ้าออกจนหมดและหันไปหาวาห์นที่ยืนอยู่หน้าห้องอาบน้ำ

ในจังหวะที่เธอหันมา วาห์นก็เห็นร่างของเธอได้ชัดเต็มสองตาขณะที่เธอเองก็กำลังทำเช่นเดียวกัน

ดวงตาของทั้งคู่นั้นต่างเบิกกว้างไปกับสิ่งที่เห็น

วาห์นพอบอกได้ว่าอนูบิสมีความสูงประมาณ 166 ซม. และเขายังพบว่าทุกซอกทุกมุมบนร่างกายของเธอนั้นแทบจะไร้ที่ติ

เธอมีหน้าอกขนาดปานกลาง น่าจะประมาณ 82 ซม. ส่วนโค้งเว้าที่เอวของเธอนั้นกว้างประมาณ 58 ซม. ซึ่งต่างดูสมส่วนโดยเฉพาะเมื่อเอาไปประกบกับส่วนล่างที่มีขนาด 84 ซม. เป็นการปิดท้าย

สิ่งที่ทำให้วาห์นประหลาดใจที่สุดก็คือการที่อนูบิสนั้นไม่มีเส้นขนบนร่างกายส่วนอื่นเลยนอกไปจากเส้นผม ขนที่หู ขนคิ้ว และขนหาง

ขณะที่วาห์นกำลังมองร่างกายของเธออย่างสนใจ อนูบิสเองก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงบริเวณเอวของเขามาก

แม้จะเข้าใจว่าวาห์นอยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้ว แต่เธอก็คิดว่าร่างกายของเขาน่าจะมีส่วนที่ยังเป็นเด็กอยู่บ้าง

ทว่าต่อไปเธอคงต้องเปลี่ยนความคิดแล้วหลังจากได้เห็นร่างกายที่เป็น ‘ผู้ใหญ่’ มากๆ ของเขา

แม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์กับเทพองค์อื่นบนสวรรค์มาบ้าง แต่อนูบิสก็ไม่เคยเห็นอะไรที่เทียบกับวาห์นได้เลย

เพราะเกียรติและศักดิ์ศรีทำให้เธอหลีกเลี่ยงสัมพันธ์ต่างๆ กับมนุษย์เพศชาย แต่วาห์นกลับทำให้หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้นแบบไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง

ทันใดนั้น วาห์นก็ถามออกไปแบบแกล้งโง่

“เธอก็จะเข้ามาอาบด้วยกันเหรอ?”

อนูบิสได้สติกลับมาและสบตากับวาห์นก่อนจะตอบ

“ท่านคือนายท่านของฉัน หากท่านเข้ามาอาบน้ำกับพวกเด็กๆ แน่นอนว่าฉันก็ต้องเข้าไปด้วยอยู่แล้ว

ถ้าฉันเข้ามาอาบทีหลัง มันอาจจะทำให้เรื่องลำดับชั้นวุ่นวายกว่าเดิม…”

อนูบิสกล่าวออกมาช้าๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อยหลังจากตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้

วาห์นดูเหมือนว่าจะยอมรับคำอธิบายของเธอขณะที่เขาหันไปทางห้องน้ำซึ่งเด็กๆ กำลังช่วยกันคำความสะอาดให้กันอยู่

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ…”

แม้วาห์นจะพยายามพูดด้วย ‘ความมั่นใจ’ แต่เสียงของเขาก็เริ่มเบาลงในช่วงท้ายๆ

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเดินเข้าไปในห้องท่ามกลางสายตาของเด็กๆ ทั้งเจ็ดคน

อีกครู่หนึ่ง อนูบิสก็เดินเข้ามานั่งลงทางด้านซ้ายของเขาพร้อมกับพูดขึ้น

“ฉันจะขัดหลังให้นะคะ นายท่าน”

วาห์นคิดว่าเขาเริ่มจะชินกับวิธีเรียกแบบนี้แล้ว แต่คราวนี้ดูเหมือนมันจะมีพลังทำลายสูงมากกว่าเดิมอยู่หลายเท่า

เขาอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะรู้สึกถึงฟองน้ำขัดตัวอุ่นๆ มาสัมผัสที่ไหล่

อนูบิสเริ่มขัดแผ่นหลังของเขาขณะที่วาห์นได้แต่ปล่อยให้เธอทำตามใจชอบ

เขาพบว่าแม้แต่พวกเด็กๆ เองก็มองมาทางนี้เป็นระยะๆ และวาห์นรู้สึกว่าเขาจะต้องพยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ให้ได้

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบจิตใจขณะเพลิดเพลินไปกับความสบายจากน้ำและบรรยากาศแสนอบอุ่น

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท