Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 123

ตอนที่ 123

หลังจากที่ทุกอย่างสงบลงแล้ว ความกลัวของวาห์นก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและความคาดหวังแทน

เขามองไปทางทีโอน่าและไอส์ที่กำลังคุยกับริเวเรียและทีโอเน่

แค่เห็นด้านหลังของสองสาวก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก

เขายังรู้สึกสับสนกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่พอได้เห็นพวกเธอ เขาก็รู้สึกภูมิใจและมีความสุขแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย

ริเวเรียสังเกตเห็นสายตาที่เขามองมาขณะที่เธอกำลังคุยอยู่กับไอส์ได้อย่างชัดเจน

เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขนั่น เธอก็เกิดความรู้สึกหลากหลายอย่าง

แต่หลักๆ ก็คือความอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้บ้าง

เธอรู้ว่าวาห์นมีความลับอยู่เต็มไปหมดและแม้แต่โลกิเองก็ดูเหมือนจะรู้อะไรมาอย่างสองอย่างแล้ว

ริเวเรียสงสัยว่าเรื่องนี้จะทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขามากกว่าเดิมหรือเปล่า เพราะเธอคาดว่าเขาน่าจะอยากอยู่ใกล้ๆ กับสองสาวมากขึ้นอีกในอนาคต

นอกจากความอยากรู้แล้ว เธอก็อยากจะแกล้งเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความคาดหวังเสียเหลือเกิน

ดังนั้นเธอจึงหันไปพูดกับไอส์

“มากับฉัน มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกันเพื่อเตรียมเธอให้พร้อม

ร่างกายของเธอยังอยู่ในช่วงกำลังโต และมันอาจเป็นอันตรายถ้าเกิดว่ามีอะไรผิดพลาดไป”

ริเวเรียจับมือไอส์และพาเธอไปยังประตูด้านข้างขณะที่วาห์นได้แต่มองตาม

ทีโอเน่เห็นแบบนั้นก็เริ่มตระหนักถึงบางอย่างและเริ่มดึงทีโอน่าให้ไปด้วยกัน

ทีโอน่าเริ่มเข้าสู่สภาวะ ‘ตึงเครียด’ มาพักหนึ่งแล้ว แต่เธอก็รู้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องไปเตรียมไว้ก่อน

เธอจึงมองไปที่วาห์นด้วยรอยยิ้มกว้างและโบกมือให้เขาอย่างร่าเริง

“แล้วเจอกันน้า~”

ทันทีที่ทุกคนออกไปหมด วาห์นก็รู้สึกเหมือนถูกเทน้ำเย็นใส่หัว

เขาจ้องมองไปทางประตูที่สาวๆ เพิ่งผ่านเข้าไปและรู้สึกอยากเดินตามไปด้วยเหลือเกิน

ในที่สุดเขาก็ส่ายหัวแรงๆ เพื่อตั้งสติและนั่งลงบนโซฟา

แม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้รายละเอียดบางส่วนจากบทเรียนของริเวเรียแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เรียนไปมากแค่ไหนก็สู้เรียนรู้ตรงหน้างานไม่อยู่ดี

หากพวกเธอต้องไปเตรียมตัวเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง วาห์นก็จะไม่มาคิดเล็กคิดน้อยเด็ดขาด

(*ดูเหมือนในที่สุดเธอก็จะได้มีประสบการณ์ครั้งแรกกับผู้หญิงแล้วสินะ

ฉันเกือบคิดไปว่าน่าจะเป็นกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อโคลอี้หรือไม่ก็เฮเฟสตัสซะมากกว่า

น่าประหลาดใจจริงๆ ที่กลับกลายเป็นเด็กผู้หญิงสองคนที่เธอยังไม่รู้จักดีนัก แต่คิดไปคิดมาก็คงสมเหตุสมผลแล้วถ้าดูจากเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น

คนเราน่ะตกหลุมรักกันได้เร็วมากหากได้ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันนี่แหละ*)

หลังจากเวลาผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีแบบเงียบๆ วาห์นก็เริ่มรู้สึกเบื่อและนอนลงบนโซฟาขณะที่พี่สาวพูดกับเขาในหัว

คำพูดของเธอทำให้เขาเริ่มนึกถึงหญิงสาวสองคนที่เธอพูดถึง และวาห์นก็เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น

เขาถอนหายใจและถามพี่สาว

(“พี่สาว ที่ผมทำอยู่มันถูกหรือเปล่านะ? ผมรู้สึกได้ว่ามันถูกต้อง แต่พอได้ลองคิดดูแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกผิดและกลัวๆ ขึ้นมาเฉยเลย”)

พี่สาวถอนหายใจก่อนจะอธิบายต่อ

(*เรื่องของความสัมพันธ์ ชีวิต และความรักน่ะ ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดหรอกนะ

ตราบใดที่เธอทำดีที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีอะไรผิดปกติกับเรื่องต่างๆ ที่จะตามมาหรืออาจเกิดขึ้น

ปัญหาจริงๆ น่ะย่อมเกิดขึ้นเมื่อเธอมีเรื่องต้องดูแลมากเกินไปจนทุกอย่างเสียสมดุลและทำให้เธอไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองไว้ได้

หากเธอตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างอิสระและไขว่คว้าหาความสุขจริงๆ มันก็จะเป็นเรื่องยากถ้ามีคนอื่นมาตัดสินใจแทนหรือมีอิทธิพลต่อเส้นทางที่เธอเลือกเดิน*)

วาห์นเห็นด้วยกับพี่สาวอยู่บ้าง เพราะตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่ามีอยู่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่เขาตัดสินใจทำด้วยตัวเองจริงๆ

เขามักจะคล้อยตามพวกสาวๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย และตอนนี้เขาก็กำลังจะมีอะไรกับเด็กสาวสองคนทั้งๆ ที่เพิ่งจะสัญญากับเฮเฟสตัสไปว่าจะกลายเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งกว่านี้

การที่เขากำลังจะหลับนอนกับทีโอน่าและไอส์ ในขณะที่เฮเฟสตัสกำลังรอคอยเขาอยู่นั้นทำให้วาห์นรู้สึกผิดอย่างไม่น่าเชื่อ

(*ยังดีนะที่อย่างน้อยเธอก็ตระหนักในเรื่องนี้

ยิ่งเธอพยายามสร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากขึ้น ผลกระทบต่อชีวิตของตัวเธอเองรวมถึงชีวิตของพวกเธอทุกคนก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย

แม้ว่าการมีภรรยาหลายคนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับโลกใบนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนจะเต็มใจแบ่งปันคนรักให้กับคนอื่นหรอกนะ

ลองนึกภาพถ้าผู้หญิงคนแรกที่เธอคบคือลิลลี่ดูสิ คิดว่าเธอจะยอมเปิดใจเรื่องผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่าล่ะ*)

เมื่อนึกถึงสาวพลูมตัวเล็กที่เต็มไปด้วยความหึงหวง วาห์นก็พอจินตนาการออกเลยว่าเขาจะมีชีวิตแบบไหนหากยอมรับความรู้สึกของเธอตั้งแต่เนิ่นๆ

หากดูจากความเอาจริงเอาจังและการยอมทำทุกอย่างเพื่อทำให้เขาพอใจ วาห์นคงจะถูกเธอตามใจจนมีสภาพแย่ลงกว่าเดิม

เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงจะผิดเพี้ยนหนักและทำให้ความก้าวหน้าและการเติบโตของวาห์นหยุดลง

มีความเป็นไปได้ที่เขาคงได้เข้าไปพัวพันในปัญหาของโซม่าแฟมิเลียและอาจต้องฆ่าคนหลายสิบคนเพื่อช่วยเธอล้างแค้น

วาห์นถอนหายใจก่อนถามอีกครั้ง

(“ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขเลยเหรอ?

ผมแค่รู้สึกว่าเวลาที่ผู้หญิงเริ่มมาชอบ ผมก็จะเริ่มพยายามทำตามสิ่งที่พวกเธอคาดหวังเอาไว้ตลอดเลย

ผมจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ยังไงกัน…?”)

(*นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันให้คำตอบได้หรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าทิศทางในตอนนี้ก็ดูไม่เลวเลยนี่

ทีโอน่าออกจะมีส่วนคล้ายกับลิลลี่ แต่ว่าเธอกลับไม่เคยคิดที่จะเก็บเธอเอาไว้คนเดียว

ส่วนไอส์นั้น แม้เธอจะชอบปล่อยตัวไปตามสถานการณ์เพราะเป็นคนที่ชอบแข่งขันและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แต่พวกเธอทั้งคู่ (TL: วาห์นกับไอส์) ก็มีความคล้ายคลึงกันมากซึ่งจะเป็นการช่วยผลักดันอีกฝ่ายให้ก้าวหน้าต่อไปด้วยกันได้

การอยู่กับทั้งสองคนนี้จะเป็นการเปิดโอกาสมากมายและยังช่วยเปลี่ยนความคิดของคนอื่นที่มีต่อเธอให้ดีขึ้นกว่าเดิมซึ่งรวมไปถึงผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วย

แม้แต่ผู้หญิงแบบลิลลี่ก็จะถูกบังคับให้เปลี่ยนตัวเอง ไม่งั้นก็อาจจะเสียเธอให้กับผู้หญิงที่ ‘เข้าใจ’ เธอมากกว่า*)

หลังจากฟังจนพี่สาวอธิบายจบแล้ว วาห์นก็นอนเฉยๆ บนโซฟาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงในขณะที่คอยฟังบรรยากาศรอบห้องแบบเงียบๆ

มีนาฬิกาขนาดใหญ่ประดับอยู่บนกำแพงและเสียงบอกเวลาของมันนั้นดูเหมือนจะสะท้อนเข้าไปในใจของวาห์น

ราวกับว่ามันกำลังนับถอยหลังไปสู่จุดเริ่มต้นของปัญหามากมายแทนที่จะเป็นการนับเวลาไปข้างหน้าแบบปกติ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะดูหลงทางอยู่ในปัญหาที่เข้ามารุมเร้า แต่ก็มีความมั่นใจอย่างแรงกล้าสิงสถิตอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น

อย่างที่วาห์นได้บอกกับสึบากิไปแล้ว เขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ โดยไม่หันหลังกลับแน่นอน

แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคหลายอย่างพร้อมกันก็ตาม…

เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ประตูห้องก็เริ่มเปิดออกและวาห์นที่ยังนั่งอยู่บนโซฟาก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง

ช่วงเวลาที่เด็กหญิงสองคนก้าวผ่านประตูเข้ามา วาห์นก็รู้สึกอยากกระโดดแรงๆ ขึ้นมาจากโซฟาเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ยังนั่งรักษาท่าทีนิ่งๆ เอาไว้ได้

ทีโอน่าและไอส์มองเห็นสีหน้าตื่นเต้นของวาห์นจนไอส์เริ่มออกอาการหน้าแดงเล็กน้อยขณะที่ทีโอน่าเดินเข้ามาหาอย่างร่าเริงและคว้าแขนของวาห์นไว้

เธอไม่อาจเก็บความตื่นเต้นของตัวเองได้อีกและถามออกมาด้วยน้ำเสียงมีความสุข

“แล้วเราจะไปที่ไหนกันเหรอ~?”

ช่วงเวลาที่ทีโอน่าคว้าแขนของเขาและเริ่มแนบกายเข้ามานั้น จิตใจของวาห์นก็เตลิดเปิดเปิงไปครู่หนึ่งจนพูดอะไรไม่ออกเลย

จนกระทั่งไอส์มานั่งลงข้างๆ และมองมาที่ใบหน้าซึ่งทำให้สติของเขาฟื้นคืนมา

“มันเป็นสถานที่ที่อยู่นอกเมืองแต่ไม่ไกลเกินไปนักหรอก ด้วยความเร็วของเราก็น่าจะไปถึงที่นั่นได้ภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมง…”

ทีโอน่ากอดวาห์นเอาไว้ขณะที่เกือบจะพูดเป็นเสียงตะโกน

“โอเค~! “ถ้างั้นก็ไปกันเลย~!”

ทีโอน่าดึงแขนของวาห์นและยกเขาขึ้นมาจากโซฟาโดยไม่คิดจะรั้งรออะไรอีกแล้ว

เธอดูตื่นเต้นแบบสุดๆ และทำให้วาห์นรู้สึกสงบใจขึ้นมาก

ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาตอนมาที่นี่ในวันนี้คือการทำให้ทีโอน่ามีความสุข และการได้เห็นเธอดีใจ ‘แทบเต้น’ ก็ทำให้หัวใจของเขาอยากจะเต้นไปกับเธอด้วย

แม้แต่ไอส์เองก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ของทีโอน่าเช่นกัน

ในขณะที่เธอพยักหน้าและลุกขึ้นจากโซฟาเร็วกว่าที่วาห์นจะคาดคิด เขาก็สังเกตเห็นว่าเธอดูประหม่าเล็กน้อยจนถึงขั้นหวาดกลัวและทำให้เขากังวลอยู่เหมือนกัน

วาห์นถามขึ้นก่อนที่ทุกคนจะก้าวออกไปจากห้อง

“ไอส์ เธอไหวแน่นะ? วันนี้เรายังไม่ต้องทำอะไรกันก็ได้ถ้าเธอยังไม่พร้อม”

วาห์นไม่ต้องการที่จะบังคับคนอื่น และการเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ทำให้เขาเป็นห่วงสภาพจิตใจของเธอมาก

ไอส์ส่ายหัวแรงๆ ก่อนจะตอบกลับมา

“ไม่ ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากลองดู…”

พอทีโอน่าเห็นสภาพของทั้งสองแล้วก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เธอเริ่มดึงหัวของวาห์นเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบที่หู

“ริเวเรียใช้เวลาสองชั่วโมงที่ผ่านมาเพื่อติวเธอให้เข้าใจว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง รวมไปถึงเรื่องของอันตรายที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ด้วย

ดูเหมือนว่าริเวเรียจะพยายามทำให้ไอส์กลัวซะมากกว่า แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาหรอกนะตราบใดที่นายให้ทำเต็มที่~”

ลมหายใจร้อนๆ ของทีโอน่าทำให้วาห์นขนลุกซู่ ขณะที่คำพูดของเธอก็สร้างความกดดันให้เขาเล็กน้อย

เมื่อมองไปที่ไอส์ วาห์นก็อยากจะช่วยให้เธอสบายใจขึ้นและพูดปลอบเธอ

“ฉันจะทำให้ดีที่สุดเลย…”

ไอส์จ้องเขาอยู่สองสามวินาทีโดยไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดเธอก็พยักหน้าและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

“อืม ฉันรู้”

หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกจากคฤหาสน์สนธยาขณะที่สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาเมื่อพวกเขาเดินผ่านไป

การได้เห็น ‘คนแปลกหน้า’ กับหญิงสาวทั้งสองจากแฟมิเลียของตนนั้นทำให้ทุกคนเฝ้ามองวาห์นด้วยสีหน้าแปลกๆ และไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง

มีเพียงไม่กี่คนที่มองเขาด้วยใบหน้าโกรธแค้นหรือแม้แต่เกลียดชัง แต่วาห์นก็ไม่สนใจในขณะที่เดินนำทีโอน่าและไอส์ออกไปตามทาง

วาห์นนำพวกเธอออกไปทางประตูทิศเหนือของเมืองเนื่องจากคฤหาสน์สนธยาตั้งอยู่ใกล้กับทางนั้นมากที่สุด

หลังจากลงทะเบียนข้อมูลเสร็จแล้ว ทั้งสามก็เร่งความขึ้นมาในขณะที่วาห์นนำทางไปยังป่าทางทิศตะวันตก

แม้สาวๆ อยากจะรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหนกัน คนๆ เดียวที่ชอบถามอย่างทีโอน่าก็กำลังยุ่งอยู่กับการควบคุมอารมณ์ของตัวเองจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงมากขึ้นเท่านั้น

วาห์นรู้สึกได้ว่าสายตาของเธอเกาะติดอยู่ที่หลังของเขาตลอด และมันก็ทำให้เขาขนลุกก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม

เนื่องจากความเร็วที่เหลือเชื่อของแต่ละคน ทั้งสามจึงมาถึงลานกว้างที่อยู่ถัดจากแม่น้ำภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

ทีโอน่าและไอส์มองไปรอบๆ และสังเกตเห็นถ้ำที่อยู่ภายในแนวหินและมีสัญญาณบ่งบอกว่าที่นี่เคยมีคนมาอาศัยอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง

แม้ว่าวาห์นจะทำลายหลักฐานไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังมีท่อนซุงที่เขาเคยใช้ฝึกรวมไปถึงเครื่องหมายต่างๆ บนต้นไม้ตั้งแต่ตอนที่เขาฝึกซ้อมการต่อสู้ในระยะประชิดเหลืออยู่

ทีโอน่าเริ่มสงบลงเล็กน้อยหลังจากที่พวกเขาหยุดวิ่งและถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“ที่นี่คือที่ไหนกัน…”

วาห์นหันไปและเห็นว่าใบหน้าของทีโอน่ายังแดงอยู่เล็กน้อยและดูเหม่อลอยขณะที่เธอมองไปรอบๆ

ไอส์เองก็กำลังทำแบบเดียวกันจนกระทั่งวาห์นอธิบายออกมา

“ที่นี่คือบ้านของฉันในช่วงก่อนที่จะเดินทางไปโอราริโอ้

มันไม่มีอะไรมากนักแต่ถ้าเป็นที่นี่คงจะไม่มีใครมากวน และฉันก็อยากให้พวกเธอรู้เรื่องของฉันมากกว่าเดิมด้วย

ที่นี่สำคัญกับฉันมากและเป็นที่ที่การเดินทางของฉันเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ฉันอยากจะกลับมาดูมันสักครั้งและตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี…”

เมื่อได้ยินว่านี่คือบ้านของวาห์น สองสาวก็เริ่มรู้สึกสนใจมากขึ้นและเริ่มมองไปรอบๆ

ไอส์มองไปที่ทางเข้าถ้ำและถามขึ้น

“นายอาศัยอยู่ในถ้ำนั่นเหรอ?”

วาห์นพยักหน้าและเริ่มเดินผ่านทางเข้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี

เนื่องจากเขาไม่อยากให้มันกลายเป็นรังของพวกก็อบลินหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เขาจึงปิดทางเข้าเอาไว้

ทีโอน่าและไอส์เดินตามเขาเข้าไปข้างในจนกระทั่งมาถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของวาห์น

ทีโอน่าดูสนใจถ้ำนี้มากขณะเดินไปรอบๆ และหยิบหินเรืองแสงบนผนังขึ้นมาดู

ไอส์พึมพำเบาๆ ขณะที่ยืนอยู่ข้างวาห์น

“สวยจัง… เหมือนดวงดาว”

วาห์นพยักหน้าให้ เพราะเขาเคยจ้องมอง ‘ดวงดาว’ พวกนี้นานถึงเจ็ดเดือนจนสามารถตั้งชื่อให้กับ ‘กลุ่มดาว’ ต่างๆ ได้เลยด้วยซ้ำ

พอได้สำรวจทุกอย่างจนพอใจแล้ว ทีโอน่าจึงเข้ามาใกล้และถามขึ้น

“เราจะใช้ที่นี่ใช่ไหม?”

เธอยิ้มกว้างขณะเอนตัวไปข้างหน้าและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

วาห์นพยักหน้าก่อนจะเดินไปตรงกลางห้องและดึงฟูกขนาดใหญ่ออกมาจากช่องเก็บของ

ความตื่นเต้นของทีโอน่าแทบจะระเบิดออกมาเมื่อเห็นฟูกถูกวางลงบนพื้นถ้ำ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีขึ้นเยอะเลย~ ฉันไม่รังเกียจหรอกนะถ้าเราใช้พื้นถ้ำ แต่ยังไงฟูกก็ต้องสบายกว่าอยู่แล้วล่ะ!”

เมื่อพูดเสร็จ เธอก็นั่งขัดสมาธิลงบนฟูกและหยิบหมอนบางส่วนที่วาห์นนำออกมากอด

วาห์นมองเห็นเธอจ้องเขาด้วยสีหน้า ‘หิวกระหาย’ แต่เขาก็พยายามรักษาท่าทีเอาไว้ก่อนจะเตรียมอย่างอื่นต่อไป

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง แม้แต่ไอส์ก็เดินออกมาก่อนจะถอดรองเท้าบูทยาวและนั่งคุกเข่าทั้งสองข้างกับฟูก

ไอส์ดูสงบเสงี่ยมและนั่งอย่างเรียบร้อยซึ่งต่างไปจากทีโอน่าที่แทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่

ทว่าวาห์นก็ยิ้มให้กับเธอเพราะเขามองเห็นออร่าที่ผันผวนไปมาซึ่งราวกับเป็นการเยาะเย้ยท่าทาง ‘สงบนิ่ง’ ของไอส์

หลังจากทุกอย่างเข้าที่ดีแล้ว วาห์นก็นั่งลงกับสองสาวในขณะที่พวกเขาต่างจ้องหน้ากันไปมา

ทีโอน่านั่งอยู่ด้านซ้ายมือและกำลังบีบหมอนจนแทบขาดเป็นสองท่อน ขณะที่ไอส์นั่งอยู่ด้านขวาและสบตาด้วยทุกครั้งที่เขามองมา

วินาทีแปรเปลี่ยนเป็นนาทีขณะที่ทั้งสามยังคงจ้องมองกันอย่างเงียบๆ และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ในขณะที่ความตึงเครียดในอากาศพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้หัวใจของวาห์นเต้นเสียงดังมากจนเขาแทบจะไม่ได้ยินความคิดของตัวเองเลย

แม้เขาจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่พอ ‘ทำ’ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขากลับไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง

เมื่อเห็นสีหน้าคาดหวังจากสองสาว วาห์นรู้ก็สึกประหม่าแบบสุดๆ และค่อยๆ ถามออกมาเบาๆ

“แล้ว… ตอนนี้เราต้องทำยังไงต่อเหรอ?”

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท