วันนี้วาห์นตื่นขึ้นมาโดยไม่มีอาการปวดศีรษะรุนแรง แม้จะมีปวดนิดๆ เพราะถูกขับออกมาจากมิติอย่างฉับพลันเนื่องจากอยู่เกินเวลา
แทนที่จะมีเวลาเยอะตามที่คิดเอาไว้ ตอนนี้เขากลับเหลือเวลาอีกประมาณ 420 วันเท่านั้น
แม้จะเป็นเวลาที่ดูมากพอสมควร แต่วาห์นก็ไม่คิดว่าเอวานเจลีนจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เมื่อนึกถึงสีหน้าไม่พอใจของเธอในขณะที่เขาสลายหายไป วาห์นก็เดาว่าครั้งหน้าคงจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่หวังไว้ก็คือ เนื่องจากไม่ได้เก็บของกลับเข้าตัว วาห์นจึงหวังว่าเธอคงจะไม่ไปยุ่งกับพวกมัน
หลังจากทำบันทึกในใจว่าจะดูเรื่องเวลาให้ละเอียดกว่านี้ วาห์นก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปดูว่าพวกเด็กๆ กำลังทำอะไรกันอยู่
เมื่อออกจากห้อง เขาก็เดินตรงไปยังจุดชุมนุมประจำและพอไม่พบใครอยู่ในห้องอาหาร เขาจึงมุ่งหน้าไปยังลานฝึกซ้อมแทน
ตอนนี้ก็ใกล้จะ 5 โมงเย็นแล้ว และวาห์นเห็นว่าที่นั่นมีเด็กๆ กำลังฝึกกันอยู่สามสี่คน
วาห์นสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาฝืนมากเกินไปในช่วงวันหยุด แต่ดูเหมือนพวกเขาคงอยากจะซ้อมกันจริงๆ
ราซุย นัวร์ อาคิล และอาตาร์กำลังฝึกกันอยู่ในลานกว้าง
พวกเขาผลัดกันดูท่าร่างของอีกฝ่ายและพูดคุยเรื่องการนำเทคนิคเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้จริง
เมื่อเห็นวาห์นเดินเข้ามาใกล้ พวกเขาก็รีบตั้งแถวและพูดพร้อมกันดังๆ
“สวัสดีครับ นายท่าน!”
วาห์นพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงในการให้คำแนะนำเพิ่มเติม
เนื่องจากวาห์นแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก เด็กๆ จึงให้ความสนใจและตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
หลังจากครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว วาห์นก็นั่งลงและเปลี่ยนมาชวนคุยเรื่องทั่วไปแทน
พวกเด็กๆ ถามเกี่ยวกับการผจญภัยต่างๆ ของวาห์นรวมถึงเหตุผลที่ทำให้เขาแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
เมื่อเด็กๆ พบว่าวาห์นเป็นยังเป็นแค่เลเวล 1 เมื่อสองสามเดือนก่อน พวกเขาก็แสดงสีหน้าหน้าตกใจ
วาห์นหัวเราะกับปฏิกิริยาของเด็กๆ และยังคงให้กำลังใจพวกเขาต่ออีกหน่อย
แม้ว่าจุดเริ่มต้นอาจช้าเร็วไม่เท่ากัน แต่พยายามมากพอ พวกเขาก็จะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน
วาห์นยังเล่าเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้กับมอนสเตอร์ประเภทต่างๆ จนทุกคนรู้สึกประทับใจมาก
เนื่องจากสามารถอ้างอิงและดูข้อมูลในหัวได้ วาห์นจึงรู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำให้พวกเขา ‘เข้าใจผิด’
แต่ถ้าทำแบบนี้แล้วพวกเขาจะจำมันได้ดีขึ้นก็คงโอเคแล้ว… จริงๆ วาห์นก็ไม่ค่อยอยากจะเสียหน้าด้วยนั่นแหละ
เมื่อถึงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม พวกเขาจึงแยกออกเป็นสองกลุ่มและวาห์นก็บอกให้ทุกคนเตรียมตัวทานมื้อค่ำ
อาคิลและอาตาร์เดินออกไปอย่างเร่งรีบ ขณะที่ราซุยและนัวร์ที่อยู่ด้านหลังกลับมีสีหน้าตึงๆ
วาห์นดูสับสนแต่ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไร ทั้งสองก็คุกเข่าและก้มหัวลงต่ำขณะพูดด้วยเสียงอันดัง
“ได้โปรดยกโทษให้เราด้วยครับ นายท่าน!”
การกระทำอย่างกระทันของพวกเขาทำให้วาห์นประหลาดใจมากแต่ก็ยังรักษาความนิ่งเพื่อรอฟังคำอธิบาย
ราซุยเงยหน้ามองวาห์นด้วยท่าทางขวัญผวาขณะพูดต่อ
“พวกเราบังอาจดมกลิ่นคู่ครองของนายท่าน
แม้ว่านานูจะเป็นของนายท่านแล้ว แต่พวกเราก็เผลอใจดมร่องรอยกลิ่นของเธอเข้าไป
นายท่าน ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วยครับ!”
วาห์นยกมือขึ้นและอธิบายด้วยน้ำเสียงอดทน
“ถ้าพวกเธอรู้สึกผิดจริงๆ งั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ
แต่ต้องจำไว้ด้วยนะว่าฉันไม่ใช่เชียนโธรปแล้วก็ไม่เข้าใจยางอย่างที่พวกนายพูดมาด้วย
แล้วไอ้ร่องรอยกลิ่นที่ว่านี่มันอะไรกัน?”
คำถามของวาห์นทำเอาเด็กหนุ่มทั้งสองเขินจนหน้าแดง และทันใดนั้นเขาก็นึกถึงการกระทำของนานูในช่วงเช้าขึ้นมาได้
เขาจำได้ว่าตอนนั้นนานูได้ยิง ‘กระสุนกลิ่น’ ออกมาซึ่งเป็นกลิ่นที่อยู่ติดทนนานมาก
วาห์นตระหนักแล้วว่าร่องรอยกลิ่นที่ราซุยพูดถึงนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำของนานู
นอกจากนี้เขายังเข้าใจแล้วว่าทำไมนานูถึงได้รีบออกไปจากที่นั่นทันที เนื่องจากมันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นหากเธอยังอยู่ตรงนั้นต่อ
ก่อนที่ราซุยจะคิดคำอธิบายได้ วาห์นก็ยกมือหยุดเขาไว้ก่อน
“ไม่เป็นไร ฉันพอเข้าใจแล้วว่าพวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไร
เนื่องจากว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันกับนานู ฉันก็จะไม่เอาเรื่อง
พวกเธอแค่ฝึกให้หนักขึ้นและลืมเรื่องนี้ไปซะ”
ราซุยและนัวร์ก้มหัวลงต่ำอีกครั้งและขอบคุณวาห์นก่อนจะเดินออกไป
เมื่อพวกเขาไปแล้ว วาห์นก็เริ่มอ่านข้อมูลที่อยู่ในหัวและรู้แล้วว่าแล้วร่องรอยกลิ่นคืออะไรกันแน่
เมื่อใดก็ตามที่เชียนโธรปเพศหญิงมีความต้องการทางเพศ พวกเธอก็จะปลดปล่อยฟีโรโมนออกมาเพื่อดึงดูดและทำให้เพศตรงข้ามรู้สึกตื่นเต้น
นี่เป็นการกระทำที่อันตรายมากหากไม่ได้ดูที่ดูทางให้ดี เพราะมันจะส่งผลอย่างรุนแรงกับเหล่าเชียนโธรปเพศผู้ทุกคน
โดยเฉพาะหากเพศผู้เหล่านั้นยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนหรือยังไม่มีคู่ครอง พวกเขาก็จะเข้าสู่สภาวะตื่นเต้นจนถึงขั้นพยายามติดตามร่องรอยกลิ่นที่เพศหญิงปล่อยออกมา
หากเพศผู้ทำแบบนั้น เหตุการณ์ก็อาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการประจันหน้าระหว่างเพศผู้กับคู่ครองหรือกับเพศผู้คนอื่นๆ
เนื่องจากทั้งราซุยและนัวร์ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน พวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นไปกับกลิ่นของนานูมากเป็นพิเศษ
หากวาห์นไม่ได้อยู่ที่นั่น พวกเขาอาจจะถึงขั้นทำตามสัญชาตญาณและตามนานูออกไปด้วย…
เหตุผลที่พวกเขาหนีไปก็เพราะ ‘ความกลัว’ ว่าจะเผลอไป ‘ท้าทาย’ วาห์นที่เป็น ‘จ่าฝูง’ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าพวกเขาจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่และอาจโดน ‘จ่าฝูง’ เนรเทศออกจากกลุ่ม
วาห์นถอนหายใจและตัดสินใจว่าจะต้องคุยกับนานูก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
แม้จะบอกให้เธอรอก่อน แต่ดูเหมือนว่าเด็กสาวยังไม่ยอมลดละความพยายามลงไปเท่าไหร่
ในขณะที่อยู่ในร่างพยัคฆ์ขาวและมีประสาทการรับรู้ที่เฉียบคมกว่าปกติ เธอก็แอบทำบางอย่างไว้ก่อนจะหนีหายไปดื้อๆ
ไม่ว่าเขาจะมองเรื่องนี้ยังไง วาห์นก็เข้าใจว่านี่เป็นแผนเพื่อปลุก ‘สัญชาตญาณ’ ของเขา
ถ้าหากเขาเป็นเชียนโธรป ทุกอย่างก็อาจจะเป็นไปตามที่เธอคิด
ในระหว่างมื้อเย็น วาห์นก็พบว่าบรรยากาศบนโต๊ะนั้นช่างดูอึดอัดไปถนัดตา
อนูบิสอยู่ทางด้านซ้ายของเขาในสภาพตึงเครียด ขณะที่นานูก็มานั่งใกล้เขามากกว่าเมื่อคืน
ราซุยและนัวร์ยังคงก้มหัวลงต่ำและหลีกเลี่ยงการมองไปที่นานู ขณะที่เด็กคนอื่นอีกสี่คนยังคงทานอาหารแบบเงียบเชียบ
วาห์นพบว่าเด็กสาวคนอื่นจ้องมองนานูด้วยสีหน้าแปลกๆ ขณะที่อาคิลและอาตาร์ดูเหมือนจะพยายามคุยเล่นกันเองเพื่อไม่ให้ไปสนใจสิ่งรอบตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะกำลังคุยกัน แต่วาห์นก็พบว่าทั้งสองยังคงสูดกลิ่นในอากาศและเหลียวมองไปที่นานูบ้างเป็นพักๆ
วาห์นถอนหายใจข้างในเพราะพอรู้แล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ถ้าเขาเดาไม่ผิด นานูน่าจะยังปล่อยกลิ่นต่อไปเรื่อยๆ และสร้างความอึดอัดให้กับทุกคนในห้อง
คนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบเลยก็เห็นจะมีแค่อนูบิส และวาห์นก็เริ่มให้ความสนใจกับเธอมากยิ่งกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบโต๊ะอาหารซะอีก
บรรยากาศชวนอึดอัดยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเด็กๆ เริ่มเข้ามาเก็บจาน
เพราะเก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหวแล้ว วาห์นจึงแปลงเป็นร่างพยัคฆ์ขาวขณะที่ทุกคนรวมทั้งอนูบิสไม่ทันมอง
ในตอนที่เขาแปลงร่าง วาห์นก็ได้กลิ่นหวานปนขมคลุ้มอยู่เต็มห้องจนยืนยันได้ว่าเขาคิดไว้ไม่ผิดเลย
วาห์นไปกลับร่างเดิมก่อนจะถอนหายใจและส่ายหัวแรงๆ หลายที
อนูบิสมองการกระทำของเขาอย่างสนใจ ขณะอยากจะลองของและปล่อยกลิ่นของตนเองออกมาอยู่บ้างเหมือนกัน
หลังจากเด็กคนอื่นแยกย้ายกันไปแล้ว นานูก็ยังคงอยู่ข้างๆ วาห์นเพื่อรอรับคำชม แต่เขากลับถามเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นานู นี่เธอเล่นปล่อยกลิ่นออกมาตลอดทั้งวันเลยเหรอ?”
ทันใดนั้นอนูบิสก็เอาแต่หัวเราะคิกคัก ขณะที่นานูเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะอธิบาย
“ค่ะ แต่มันก็มาจากการที่ฉันปล่อยมันออกมาในตอนเช้า
เว้นแต่ฉันจะได้ทานยาหรือนอนหลับไปนานๆ ร่างกายของฉันก็จะผลิตกลิ่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีอะไรกับคู่ครองค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ วาห์นก็เรียกดูข้อมูลในหัวและพบยาที่เธอพูดถึงอย่างรวดเร็ว
เขาซื้อมันออกมาในราคา 5 OP และยื่นห่อกระดาษขนาดเล็กที่มีครีมสีเขียวๆ อยู่ด้านบนให้กับนานู
ทั้งอนูบิสและนานูต่างประหลาดใจกับการกระทำของเขามาก และนานูก็ต้องรับยาไว้ด้วยสีหน้าเศร้านิดๆ
หลังจากดูข้อมูลจนแน่ใจแล้วว่าตัวยาไม่มีผลข้างเคียง วาห์นก็เริ่มลูบหัวของเด็กสาวขณะอธิบายต่อ
“ฉันบอกเธอไปแล้วไงว่าต้องรอให้โตกว่านี้ก่อนถึงจะทำอะไรแบบนั้นได้
ตอนนี้เธอทำให้เด็กคนอื่นๆ ลำบากมากนะ และพวกเขาก็มาทำตัวเกรงๆ ใส่ฉันอีก”
นานูถูหัวไปกับฝ่ามือที่เริ่มคุ้นเคยก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำๆ
“เข้าใจแล้วค่ะนายท่าน ฉันก็แค่ตื่นเต้นไปหน่อยเมื่อตอนที่นายท่านถามเกี่ยวกับกลิ่น
ต่อไปฉันจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาค่ะ”
วาห์นยิ้มให้ก่อนจูบที่หน้าผากเบาๆ และปล่อยให้เด็กสาวไปพัก
แม้ว่าเธออยากจะตามเขาไปด้วย แต่วาห์นก็ปฏิเสธก่อนจะบอกให้เธอใช้ยาและไปพักอยู่ในห้องของตัวเอง
จนกว่ายาจะเห็นผล เธอจะต้องอยู่ใกล้กับเด็กผู้หญิงคนอื่นและหลีกเลี่ยงหนุ่มๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้สงบลงและไม่ทำให้เรื่องไปกันใหญ่
อนูบิสกล่าวชมเชยวาห์นที่สามารถจัดการกับสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดีขณะที่เธอเดินตามหลังมา
เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตู วาห์นก็พบว่าออร่าของอนูบิสดูแปลกไปและหูของเธอก็เริ่มตกลงทันทีที่เขาวางมือลงบนลูกบิดประตู
แม้จะสับสนไปบ้าง แต่ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าเคยสัญญากับเธอไว้ว่าจะนวดให้ในช่วงหัวค่ำ
ระยะเวลาหลายวันที่เขาอยู่ในลูกแก้วนั้นทำให้ลืมเรื่องนี้ไปเลย
วาห์นยิ้มแห้งๆ ให้กับอนูบิสก่อนจะลูบหัวของเธอและพูดขึ้น
“ขอโทษทีนะ พอดีฉันกำลังคิดเรื่องบอื่นอยู่น่ะ เลยเกือบลืมไปเลย
แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะชดเชยให้เอง”
ในตอนที่เริ่มลูบหูของอนูบิส ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อยขณะยังคงพยายามถูหูของตนไปกับฝ่ามือของวาห์น
นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งของเผ่าเชียนโธรปที่วาห์นพบว่าน่าเอ็นดูมาก
เพราะแม้จะดูเยือกเย็นและสงบนิ่ง แต่ท่าทีของพวกเขาจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกมีความสุข
ก่อนที่จะได้มานวดกันตรงหน้าห้อง วาห์นก็รีบพาอนูบิสเข้าไปข้างในห้องโดยที่หางของเธอนั้นเริ่มจะส่ายไปมาอย่างดุเดือด
ทันทีที่เปิดประตูให้ เธอก็ก้าวเข้าไปก่อนอย่างไม่ลังเลและหยุดลงที่ด้านหน้าเตียงขณะหันหลังให้กับวาห์น
เขาเดินตามเธอไปและปิดประตูก่อนจะเดินเข้าใกล้เทพสาวมากยิ่งขึ้น
อนูบิสเริ่มทำตัวแปลกๆ และขณะที่วาห์นเข้ามาใกล้ เธอก็ใช้ขาหนีบหางเอาไว้ก่อนจะมองย้อนกลับไปที่วาห์น
“ริบบิ้น…” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
วาห์นตระหนักว่าเธออยากให้เขาเป็นคนถอดริบบิ้นออกซึ่งคล้ายกับตอนก่อนหน้านี้ และเธอก็ ‘เก็บ’ หางเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันมารบกวน
เขากลั้นหัวเราะแทบแย่ ขณะยื่นมือออกไปและดึงแถบสีทองออกซึ่งทำให้ผ้าขาวบนสะโพกของเธอหลุดร่วงลงมาบนพื้น
วาห์นไม่ได้เข้ามาจับบั้นท้ายแบบคราวที่แล้วซึ่งทำให้เธอรู้สึกผิดหวังหน่อยๆ แต่เขาก็พาเธอไปนั่งข้างเตียงและบอกให้เธอนอนลง
แม้ว่าวาห์นคาดว่าเธอคงจะนอนคว่ำหน้าแบบตอนเช้า แต่อนูบิสกลับนอนหงายขณะมองกลับมาด้วยสายตา ‘อ้อนวอน’
วาห์นขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะคิดว่าเธอกำลังพยายามยั่วเขาต่อ แม้จนจะเป็นคนบอกเองว่าแค่ ‘การลูบไล้’ ก็ดีพอแล้ว
อนูบิสพบว่าสีหน้าของวาห์นดูเปลี่ยนไป เธอจึงรีบอธิบายออกไปด้วยเสียงสั่นๆ
“ฉันรู้ว่าการนวดนั้นยังมีแบบด้านหน้าด้วย
ฉันก็อยากเห็นใบหน้าของนายท่าน… แล้วก็อยากให้นายท่านได้เห็นสีหน้าของฉันตอน…”
เขารู้ว่าที่เธอพูดนั้นมีเหตุผล เพราะยังมีวิชาหลายอย่างที่ใช้ได้เฉพาะกับด้านหน้าเท่านั้น
เนื่องจากเพิ่งจะจัดการแผ่นหลังของเธอไปเมื่อตอนเช้า เขาเลยคิดว่าแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
คนที่เคยรับการ ‘นวด’ ด้านหน้าจากเขาก็มีแค่ไอส์เพียงคนเดียวเท่านั้น และดูเหมือนเธอค่อนข้างจะชอบมันมากเลยด้วย
วาห์นอยากเห็นว่าวิชาของตนจะมีผลกับเทพธิดาที่อยู่ตรงหน้ายังไงบ้าง เขาก็เลยไม่ขัดคำขอของเธอ
อนูบิสดูจะดีใจมากที่เขายอมตกลงขณะพยายามผ่อนคลายร่างกายเล็กน้อยเพื่อเตรียมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
วาห์นเริ่มเข้าประจำตำแหน่งแต่เนื่องจากพวกเขากำลังใช้เตียงไม่ใช่โต๊ะนวดทั่วไป เขาจึงต้องนั่งคร่อมขาของอนูบิสเพื่อนวดเธอ
ราวกับว่าได้คาดคิดเอาไว้หมดแล้ว อนูบิสเริ่มยิ้มกว้างขณะเหลือบมองเขาด้วยสายตาเร่าร้อน
วาห์นไม่ทันได้มองใบหน้านั่น เพราะเขากำลังจดจ่ออยู่กับเรียวขานุ่มนิ่มซึ่งอยู่ตรงกว่างขาของตัวเองพอดี
เมื่ออนูบิสนอนหงาย หางที่เธอเก็บเอาไว้ตรงกลางก็โค้งงอขึ้นมาราวกับต้องดารจะปิดจุดซ่อนเร้นเอาไว้
ฉากนี้ทำเอาหัวใจของวาห์นสั่นระรัว และเขาก็เกือบอยากจะยื่นมือออกไปจับหางปุกปุยที่ยังไม่เคยได้จับแบบจริงจังมาก่อนเลย
ตอนนี้เขากำลังจะนวดด้านหน้าของเธอ วาห์นจึงสงสัยว่าถ้าไปแตะมันนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ?
เขาคิดว่าตราบใดที่ทำตัวตามปกติ เธอก็คงจะไม่ว่าอะไร
เขากุมมือเข้าด้วยกันราวกับกำลังสวดมนต์
แสงสีขาวเริ่มถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือขณะที่วาห์นวางมือทั้งสองข้างลงบนหน้าท้องของอนูบิส
ทันทีที่วาห์นสัมผัสหน้าท้องของเธอ ความทรมานของอนูบิสก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง
ที่จริงแล้วเธอปรารถนาจะให้วาห์น ‘จัดเต็ม’ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นน่าจะช่วยบรรเทาความทรมานของเธอลงไปได้บ้าง
วาห์นค่อยๆ ขยับมือขึ้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะลากผ่านไปตามซี่โครงของเทพสาว
เพราะว่าต้องขยับตัวตามมือ วาห์นจึงต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้อนูบิสจนได้สบตากันพร้อมกับที่เธอปล่อยเสียงครวญครางออกมา
วาห์นรู้สึกปั่นป่วนไปกับปฏิกิริยาของอนูบิสเพราะเขากำลังนวดแบบผ่อนคลายร่างกาย ไม่ใช่ทำให้เธอตื่นเต้นมากกว่าเดิน
แม้จะกำลังจิตตกที่หลวมตัวมานวดด้านหน้า แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยขณะได้เห็นสีหน้าอันหลากหลายและเสียงร้องครวญครางของคนตรงหน้า
หางของเธอกำลังแกว่งขึ้นลงใส่ร่างกายส่วนล่างของวาห์น และเขาสงสัยว่านี่อาจเป็นเจตนาตั้งแต่แรกของเธอก็ได้
โชคดีที่แม้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ดูเหมือนวาห์นจะควบคุมร่างกายของตัวเองเอาไว้ได้และไม่ถูก ‘ปลุก’ จากการกระทำของเธอ
แม้มันจะทำให้รู้สึก ‘จั๊กจี้’ นิดหน่อย แต่เขาก็สามารถป้องกันไม่ให้อสูรร้ายตื่นขึ้นมาจากการจำศีลและยังคงนวดให้เทพสาวต่อไปเรื่อยๆ
เพราะเธอสวมใส่ชุดสีดำที่บางมาก วาห์นจึงสามารถหาตำแหน่งกดจุดและใส่พลังงานเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
วาห์นเป็นคนประเภทที่เก็บงานครบทุกลายระเอียด ดังนั้นแม้มันจะเป็นเรื่องน่าอึดอัดหน่อยๆ แต่เขาก็ยังไปกดจุดตรงหน้าอก เหนือหัวใจ รวมไปถึงกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ท้องน้อยและต้นขาด้านในของเธอ
อนูบิสหยุดหายใจแรงๆ มาพักใหญ่ๆ แล้ว และกำลังนอนแบบนิ่งสนิทขณะปล่อยให้วาห์นนวดต่อไป
แม้ว่าเขามักจะมองใบหน้าของเธอเป็นระยะๆ เพื่อประเมินการตอบสนอง แต่หลังจากที่เธอเงียบไป วาห์นก็เปลี่ยนไปจดจ่อที่มือของตัวเองและส่วนที่กำลังนวดอยู่แทน
กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างของเธอมักจะกระตุกนิดๆ ส่วนหางนั้นก็แข็งทื่อไปนานแล้ว
ขณะที่วาห์นนวดตรงบริเวณขาหนีบซึ่งเชื่อมกับต้นขาด้านใน เขาก็รู้สึกว่าทุกการเคลื่อนไหวของมือนั้นจะสร้างแรงกระตุกไปทั่วเรือนร่างของเธอ
วาห์นคิดว่ามันน่าสนใจดีเพราะเขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นขณะลากมือขึ้นไปตามร่างบาง
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง อนูบิสก็หมดสติเรียบร้อยและกำลังทำสีหน้าที่… แปลกๆ ขณะมีน้ำลายไหลออกมาจากปาก
เธอไม่ได้หลับตาแบบปิดสนิทจนเห็นตาขาวเล็กน้อย แถมวาห์นยังมองเห็นความมันเงาที่ปกคลุมไปทั่วผิวกายสีน้ำตาลมะกอก
เขารู้สึกดีที่ได้ช่วยทำให้เธอผ่อนคลายขึ้น และตอนนี้ก็ยังช่วยซับเหงื่อออกให้ด้วย
ตอนที่กำลังเช็ดเหงื่ออยู่นั้น เขาก็ใช้โอกาสนี้เพื่อลูบหางของเธอนิดหน่อย แต่กลับพบว่าขนบนหางของเธอนั้นเปียกชื้นไปหมดซึ่งน่าจะเป็นเพราะ… เหงื่อ…?
เมื่อใช้มือลูบไปเล็กน้อย มันก็มีกลิ่นไอบางอย่างลอยออกมาซึ่งเป็นอะไรที่รุนแรงมากและทำให้หัวใจของเขาสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
วาห์นอยากลองใช้ร่างพยัคฆ์ขาวเพื่อตรวจสอบกลิ่นนี้ แต่สัญชาตญาณของตนกลับดังขึ้นเมื่อคิดที่จะทำแบบนั้น
วาห์นเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองและเช็ดตัวให้กับอนูบิสต่อไปก่อนจะห่มผ้าให้เธอ
หลังจากลูบศีรษะของเทพสาวและเช็ดน้ำลายออกหมดแล้ว วาห์นก็จูบลงตรงหน้าผากของข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์
“ราตรีสวัสดิ์นะอนูบิส หวังว่าคืนนี้เธอคงจะหลับฝันดี”