วาห์นเพลิดเพลินไปกับมื้อกลางวันและคุยเล่นกับซีลในช่วงที่เธอไม่ต้องไปดูแลลูกค้าคนอื่น
เธอมักจะถาม ‘รายละเอียด’ เกี่ยวกับอดีตของเขาและสิ่งที่เขาอยากจะทำต่อไปในอนาคต
แต่วาห์นก็ได้แต่ตอบแบบสั้นๆ พลางส่งยิ้มให้เท่านั้นเอง
แม้จะสนใจในตัวซีลเป็นอย่างมาก แต่ช่วงนี้เขาก็ยังรู้สึกกังวลกับปัญหาเรื่องเดิมๆ
ทว่าทัศนคติของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้ซีลรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากเธอยังคงพูดคุยกับเขาไปเรื่อยๆ จนถึงตอนจ่ายค่าอาหาร
ขณะที่วาห์นเตรียมตัวกลับ ซีลก็หยุดเขาไว้และถามขึ้น
“แล้วช่วงนี้นายจะแวะมาอีกหรือเปล่านะ?
โคลอี้น่าจะกลับมาทำงานในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ และฉันมั่นใจว่าเธอต้องดีใจมากถ้าได้พบนาย”
ซีลยิ้มนิดๆ และใช้น้ำเสียงร่าเริงขณะพูดถึงโคลอี้
วาห์นนึกถึงภาพของหญิงสาวเผ่ามนุษย์แมวที่มีท่าทางขี้เล่นก่อนจะพยักหน้าให้และตอบกลับไป
“แน่นอน ฉันจะพยายามแวะมาให้บ่อยกว่าเดิม ยินดีที่ได้พบนะ ซีล”
หลังจากบอกลาเธออย่างสุภาพ วาห์นก็เดินออกจาก ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’
ขณะที่ซีลมองตามหลังเด็กหนุ่มไป เธอก็ไม่ใช่แค่คนเดียวที่กำลังทำแบบนั้น
ริวเองก็มักจะมองวาห์นเป็นระยะในระหว่างที่เขาทานอาหารอยู่เช่นกัน
ถึงจะไม่ได้ไปพูดอะไรกับเขานับตั้งแต่ที่ทักทายกันในตอนแรก แต่เธอก็ให้ความสนใจทุกครั้งที่เขาคุยเล่นกับซีล
ตอนนี้วาห์นได้ออกไปแล้ว ริวจึงเข้ามาใกล้เพื่อนสาวและถามเธออย่างสงสัย
“เธอสนใจเขาเหรอ?”
ซีลหัวเราะอย่างเป็นจังหวะขณะเอามือขึ้นมาป้องริมฝีปากและย้อนถามเอลฟ์สาว
“คนที่สนใจไม่ใช่ว่าเป็นเธอเองหรอกเหรอ ริว?
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าเธอจะปล่อยให้เขาจับมือได้ง่ายๆ แบบนั้น~”
เนื่องจากพวกเธอเป็นเพื่อนกันมานาน ซีลจึงรู้เกี่ยวกับนิสัยส่วนตัวของริวดียิ่งกว่าใครๆ
ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะแกล้งเอลฟ์สาวผู้เงียบขรึมเสียหน่อย
พอริวได้ยินดังนั้น สีหน้าของเธอก็ดูผ่อนคลายลงขณะเบือนหน้าหนีจากซีล
“ฉันสัมผัสถึงความรู้สึกแง่ลบของเขาไม่ได้เลย…”
ซีลพยักหน้าให้กับคำพูดของริวและยิ้มร่าเริง
“เขาเป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจดีนะ ว่าไหม?”
พอพูดจบ ซีลก็เดินไปดูแลลูกค้าคนอื่นต่อขณะที่ริวเฝ้ามองแผ่นหลังของเพื่อนสาวด้วยสีหน้าขบคิด
ไม่ใช่แค่ซีลเท่านั้นที่อ่านคนอื่นได้ เพราะริวเองก็คุ้นเคยกับลักษณะท่าทางของเธอเช่นกัน
คนที่ซีลให้ความสนใจนั้นมักจะเป็นบุคคลพิเศษหรือไม่ก็มีศักยภาพสูง
ริวหันไปทางประตูที่วาห์นเดินออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ขณะมองไปตรงที่ๆ ทั้งสองทำความรู้จักกันก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นและนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ตราบใดที่ตนไม่ได้เข้าไปขวางทางซีล ริวก็อยากจะรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามากุมมือของได้เธออย่างง่ายดายเหลือเกิน…
—
ไม่นานหลังออกมาจากเจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม วาห์นก็หยุดเดินไปสองสามวินาทีก่อนมองกลับไปยังสถานที่ที่เพิ่งจะจากมา
จู่ๆ ระบบก็แจ้งเตือนว่าค่าความชื่นชอบของริวนั้นได้เพิ่มขึ้นมาอีก 8 แต้ม และตอนนี้มันก็กลายเป็น 79 (สนใจ) ไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับตัวเลขจำนวนมากตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โดยทั่วไปแล้ว หากวาห์นไม่ได้ทำอะไรที่ใหญ่โตนัก ค่าความชื่นชอบต่างๆ จะเพิ่มขึ้นมาแบบ +1 เท่านั้น
วาห์นจำได้แค่ว่าเธอมีสีหน้าทางตกใจเมื่อถูกเขากุมมือก่อนจะขอตัวออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตอนนั้นเขาจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่มันก็น่าจะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นส่งผลมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ริวที่เขาอ่านเจอในมังงะมักจะเป็นคนที่ดูเย็นชาอยู่ตลอด แต่เขาก็รู้ว่ายังมีนิสัยอบอุ่นแฝงอยู่เบื้องหลังท่าทางเงียบขรึมนั่น
ตอนนี้เขาเริ่มทำให้เธอรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว วาห์นจึงตั้งตารอที่จะได้พบสาวเอลฟ์ผู้งดงามคนนี้อีกครั้งในอนาคต
วาห์นอารมณ์ดีขึ้นมากหลังออกจากบ้าน เขาจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานของเฮเฟสตัสเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้หรือเปล่า
หลังจากมาถึงก็ต้องประหลาดใจเพราะพบว่าวันนี้โรงหลอมของเธอนั้นปิดทำการ
หลังจากสอบถามกับหนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย วาห์นก็รู้ว่าเฮเฟสตัสออกไปข้างนอกตั้งแต่ตอนเช้าเพราะมีธุระส่วนตัว
มาถึงตอนนี้ วาห์นก็มั่นใจแล้วว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน
การที่วาห์นไม่ได้รับข่าวอะไรเลยนั้นทำให้เด็กหนุ่มเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปยังที่หมายต่อไปเพื่อยืนยันลางสังหรณ์ของตัวเอง
มาถึงตอนนี้ สมาชิกทั้งหมดของอนูบิสแฟมิเลีย สามสาวจากคฤหาสน์ของสึบากิ โคลอี้ และตอนนี้ก็รวมถึงเฮเฟสตัสต่างหายตัวไปหมด
ส่วนวาห์นก็ได้แต่งงแบบคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
ด้วยปัจจัยต่างๆ ทำให้เขาเดาว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงกิลด์และยืนยันได้ว่าเอน่าเองก็ลางานเช่นกัน เขาก็มั่นใจได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
เนื่องจากเพิ่งจะได้หมั้นหมายกับเฮเฟสตัสและเอน่าไปเมื่อบ่ายวันก่อน วาห์นจึงเดาได้ว่าพวกเธอคงจะเริ่มเคลื่อนไหวโดยติดต่อกับผู้หญิงทุกคนที่เขาเกี่ยวพันด้วย
เขารู้ว่าพวกเธออยากจะช่วยเขาสร้าง ‘การยับยั้งชั่งใจ’ และตอนนี้ก็ตระหนักแล้วว่าการกระทำของตัวเองจากที่ผ่านมานั้นร้ายแรงแค่ไหน
ระหว่างทางกลับบ้าน วาห์นก็กำลังนึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและเปรียบเทียบมันกับวิธีที่เขาใช้ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นก่อนจะเข้าดันเจี้ยน
ความทรงจำในอดีตของเขาก็คือเด็กชายตัวเล็กที่มักทำตัวสุภาพและชอบช่วยเหลือคนที่ตนเองห่วงใย
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองพร้อมทำดีกับคนอื่น
ส่วนคนอื่นๆ เองก็มาทำดีด้วยเช่นกันจนทำให้เขาสามารถจดจ่อไปกับเรื่องต่างๆ ที่ตนเองอยากทำ
มีหลายคนที่ช่วยปกป้องความลับของเขาและชี้นำเส้นทางสู่อนาคตให้เขาเลือกเดิน
วาห์นรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณทุกคนอย่างแท้จริง…
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาตัวสูงกว่าตอนนั้นมาก และมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วยเวลาไม่นานนับตั้งแต่ที่เขาเริ่มออกเดินทาง
ไม่เพียงแต่จะเติบโตทางด้านร่างกายมากขึ้นเท่านั้น แต่จิตใจและความแข็งแกร่งเองก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลังได้พบกับโลกิแฟมิเลีย
เขาได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างหนุ่มสาวและให้ความสนใจในเรื่องของผู้หญิงมากขึ้น รวมไปถึงเรื่องของเพศสัมพันธ์และท่าทางใกล้ชิดอื่นๆ ด้วย
ก่อนที่จะเข้าไปยังดันเจี้ยนและพบกับทีโอน่าและไอส์ วาห์นไม่เคยให้ความสนใจในเรื่องของเด็กผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาจะรู้ ‘พื้นฐาน’ แต่ก็ยังขาดความรู้เบื้องต้นในการสานต่อความสัมพันธ์แบบคนทั่วไป
แม้แต่ตอนที่เขายังอาศัยอยู่กับสึบากิและได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของผู้หญิงหลายคน วาห์นก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาอะไรและพยายามไม่ไปจ้องเพราะกลัวว่าจะทำให้พวกเธอไม่พอใจ
แต่ในตอนนี้นั้น หากพวกเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดมันไว้ สายตาของเขาก็จะลากผ่านร่างของสาวๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
วาห์นตระหนักว่าเขากำลังให้ความสนใจกับสัมพันธ์ทางร่างกายมากขึ้นแม้ว่าจะเคยต่อต้านเรื่องนี้มาก่อน
เพียงแค่สัปดาห์เดียว เขาก็ได้สัมผัสกับสถานการณ์มากมายที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะเฉยๆ แต่ตอนนี้เขาได้ใช้ประโยชน์จากมันเพื่อสนองความสนใจและความอยากรู้ของตนเอง
เมื่อก่อนนั้นการได้ลูบหัวของพวกสาวๆ ก็ดีมากพอแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขามีพฤติกรรมที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น บวกกับความอยากแกล้งและการนวดให้พวกเธอที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ด้วย
แม้จะเคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนแล้ว แต่วาห์นก็เพิ่งจะเริ่มเข้าใจว่าทำไมเอน่าจึงสามารถมอง ‘ความผิดปกติ’ ของเขาออกได้อย่างรวดเร็วแม้จะเป็นแค่เดตแรกของทั้งสองก็ตาม
แม้แต่เขาเองยังรู้เลยว่าตัวเองมีบางอย่างที่แปลกออกไป แต่วาห์นก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง
แค่คิดว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาห่วงใยต้องมาเสียใจเพราะวาห์นไม่ได้ดูแลเธอให้ดีก็สร้างความหงุดหงิดในใจให้กับเขาแล้ว
เขายังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อยับยั้งไม่ให้ตัวเองเผลอใจไปกับการรุกหนักของอนูบิส เพราะว่าความน่ารักและส่วนโค้งเว้าแสนเย้ายวนของเธอนั้นช่างบั่นทอนกำลังใจของเขาซะเหลือเกิน
ระหว่างทางที่ไปยังจัตุรัสบาเบล วาห์นก็เดินผ่านห้องทำงานของเฮเฟสตัสอีกครั้งและพบว่ามันยังคงปิดอยู่เช่นเดิม
ตอนนี้ก็ใกล้จะ 4 โมงเย็นแล้ว และตามที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกว่าเฮเฟสตัสไม่ได้กลับมาที่นี่เลย
วาห์นรู้สึกผิดนิดหน่อยเพราะทำให้เหล่าหญิงสาวที่คอยสนับสนุนเขาต้องมาพยายามอย่างหนักเพียงเพื่อทำให้แน่ใจเขาจะมีความสุขในอนาคต
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะส่ายหัวและเดินตรงไปยังจุดหมายถัดไป
เพราะไม่อาจหักห้ามความหวังดีของทุกคนได้ วาห์นจึงตัดสินใจว่าเขาจะดูแลพวกเธอให้ดีกว่าเดิม
เนื่องจากเป้าหมายถัดไปนั้นอยู่ใกล้มาก วาห์นจึงมาถึงภายในเวลาสองสามนาทีและกำลังยืนอยู่ด้านนอกโรงแรมฮาร์ธเอ็มเบรส
พอนึกถึงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้มาพักในโรงแรมแห่งนี้ วาห์นก็รู้สึกคิดถึงมันขึ้นมาเล็กน้อยขณะเดินเข้าไปยังสถานที่อันแสนอบอุ่น
โรงแรมแห่งนี้เคยเป็นบ้านของเขาและเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในโอราริโอ้
ทั้งมิลานและทีน่าผู้เป็นลูกสาวต่างดูแลวาห์นเป็นอย่างดี และเขาก็อยากจะขอโทษพวกเธอเกี่ยวกับเรื่องดาบที่มิลานมอบให้เขาเก็บรักษาเอาไว้
เมื่อได้รู้ข่าวจากหญิงสาวเรือนผมสีม่วงที่ชื่อซาช่าว่าทั้งมิลานและทีน่าต่างออกข้างนอกกันตั้งแต่เช้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาถูหน้าผากและถอนหายใจแรงกว่าเดิม
วาห์นประหลาดใจกับเฮเฟสตัสและเอน่าที่วางแผนได้อย่างรวดเร็ว ละเอียดยิบและมี ‘ประสิทธิภาพ’ เพราะพวกเธอถึงขนาดเอาคู่แม่-ลูกเข้าไปอยู่ในแผนด้วย
วาห์นเริ่มจะสงสัยแล้วว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเจอจนถึงตอนนี้นั้นกำลังรวมตัวกันอยู่ในสถานที่ลับแห่งหนึ่งขณะปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องของเขาอย่างดุเดือด
หลังออกมาจากโรงแรม วาห์นก็ปล่อยให้จิตของตัวเองล่องลอยไปขณะจินตนาการถึงเรื่องที่พวกเธอกำลังคุยกัน
นอกจากนี้เขายังพยายามเดาว่ายังมีใครถูกเชิญไปอีก และก็ต้องประหลาดใจกับรายชื่อมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว
พอนึกภาพผู้หญิงแต่ละคนนั่งอยู่ภายในห้องและพูดคุยเกี่ยวกับตัวเอง วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นและสงสัยขึ้นมาหน่อยๆ
แม้จะกระอักกระอ่วนเล็กน้อยกับหัวข้อที่พวกเธอคุยกัน แต่เขาก็เชื่อมั่นในตัวของเฮเฟสตัสและเอน่าเป็นอย่างมาก
ตราบใดที่พวกเธอเป็นผู้ชักนำบทสนทนา วาห์นก็นึกได้อย่างเดียวว่าทั้งสองกำลังร่วมกันตัดสินใจสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับตัวของเขามากที่สุด
ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความกังวลของทั้งสองนั้นทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและภูมิใจมาก
ความอบอุ่นมาจากการที่พวกเธอคิดถึงเขาเป็นอย่างแรก ส่วนความภูมิใจนั้นมากจากการที่ตนได้รับความรักมากมายจากทั้งสองสาวที่มากไปด้วยความสามารถ
อีกคู่หนึ่งที่อยู่ในใจของเขาเป็นอันดับต้นๆ ไม่ต่างจากเฮเฟสตัสและเอน่าก็คือคู่ของทีโอน่าและไอส์
ถ้าแม้แต่มิลานและทีน่ายังได้รับคำเชิญ แน่นอนว่าคนรักในปัจจุบันของเขาก็ต้องได้มันด้วยเช่นกัน
แถมโลกิก็น่าจะเข้าไปผสมโรงกับเค้าด้วย และนั่นก็เป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้วาห์นกังวลขึ้นมาจริงๆ
ภาพของเทพธิดาแสนซุกซนที่เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องความเป็นอยู่ของเขานั้นทำให้วาห์นรู้สึกเป็นห่วงตะหงิดๆ
จนถึงตอนนี้ โลกินับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขายังอ่านไม่ออก
เพราะเขารู้ว่าถึงเธอจะเป็นคนที่เอาใจใส่เด็กๆ ของตัวเอง แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็มักจะประเมินผู้คนโดยยึดตามผลประโยชน์เป็นหลัก
วาห์นไม่ชอบความคิดที่จะตีค่าคนอื่นจาก ‘ผลประโยชน์’ สักเท่าไหร่ เพราะเขายังไม่ลืมเรื่องในอดีตไปซะทีเดียว
แต่ส่วนที่ยากที่สุด และเป็นสิ่งที่วาห์นไม่ชอบเลยก็คือเขาเองก็พอจะเข้าใจจุดยืนและเหตุผลของเธออยู่บ้าง
แม้จะเข้าเผชิญหน้ากับเธอโดยตรงเมื่อสัปดาห์ก่อน วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะคิดในแบบมุมมองของเธอบ้างและถึงกับเริ่มจะรู้สึกคล้อยตามกับเธอในบางเรื่อง
วาห์นตระหนักว่าตัวเองได้ใช้ความพยายามอย่างมากเมื่อต้องจดจ่อไปกับเรื่องบางเรื่อง
และเพราะแนวคิดที่อยากจะพัฒนาสิ่งต่างๆ เขาจึงรู้สึกคาดหวังกับคนอื่นๆ ไว้เช่นกัน
เพราะสิ่งที่เขาแสดงออกมา ผู้หญิงแบบทีน่า ลิลลี่ หรือแม้แต่นาซ่าจึงกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ ‘ได้’ มาซึ่งความรักจากเขาในอนาคต
หลังจากตระหนักถึงเรื่องนี้ วาห์นก็เริ่มไม่พอใจตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน แต่การจะไปขัดความต้องการที่จะพัฒนาตนเองของพวกเธอมันก็ฟังดูไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่
แม้ว่าตอนนั้นเอน่าอยากจะลาออกจากกิลด์เพื่อที่จะมาอยู่ดูแลเขา แต่วาห์นก็ยังอยากให้เธอทำงานต่อโดยอ้างอิงจากความคิดเห็นและความปรารถนาของตัวเอง
วาห์นไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเสียสละเพื่อเขาและก็อยากให้พวกสาวๆ ปรับปรุงตัวเองเพื่อที่พวกเธอจะได้มีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องชีวิตของตัวเองและอนาคตให้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม มันก็กำลังทำให้วาห์นรู้สึกขัดแย้งในใจ เพราะเขามักต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจของพวกเธอโดยยึดตามหลักความคิดและความชอบของตัวเอง
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไร ความสับสนของวาห์นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเพราะเขาไม่เข้าใจว่าทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดนั้นคืออะไรกันแน่
อย่างเดียวที่เขาพอเข้าใจแบบถ่องแท้ก็คือ เขามีอคติกับเรื่องกับบางเรื่อง และไม่อยากจะให้คนอื่นต้องมาเปลี่ยนแปลงวิธีใช้ชีวิตของตนเองเพียงเพื่อความสะดวกสบายของเขา
เขารู้สึกเข้าใจโลกินิดหน่อย เพราะเธอเองก็อยากให้คนอื่นพัฒนาไปเรื่อยๆ เช่นกัน แม้ว่าจุดประสงค์ของเธอจะต่างไปจากวาห์น
ความตั้งใจของเธอก็คือการพัฒนาคนเหล่านั้นเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำประโยชน์ให้มากกว่าเดิม
แม้แต่พันธมิตรที่พวกเขากำลังสร้างขึ้นนั้นก็ยึดตามหลักผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายที่มีให้กันและกันจากตอนนี้และในวันต่อๆ ไป
วาห์นถอนหายใจและส่ายหัวอีกครั้งเพื่อพยายามขจัดเรื่องพวกนี้ออกไปก่อน
เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังครุ่นคิดแบบวนไปวนมาย่างไม่รู้จบ แม้จะรู้ดีว่าคิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร
วาห์นเรียนรู้มาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าการลงมือทำย่อมดีกว่าการมานั่งกังวลและบั่นทอนตัวเองไปเรื่อยๆ
เด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนความคิดไปเป็นการรวบรวมความมุ่งมั่นและเตรียมเข้าชนกับอุปสรรคต่างๆ ในอนาคตไม่ว่ามันจะ…
ก่อนที่จะรวบรวมปณิธานของตัวเองเสร็จ วาห์นก็สะดุดไปข้างหน้าและเกือบจะชนเข้ากับคนที่เดินผ่านมาพอดี
ชายหนุ่มคนนั้นมองวาห์นแบบแปลกๆ ก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้าหงุดหงิดขณะที่วาห์นเอาแต่จ้องไปข้างหน้า
หลังจากผ่านไปเกือบนาที ในที่สุดสติของวาห์นก็กลับมาอีกครั้งและเฝ้ามองข้อมูลในหัวครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะกลัวว่าจะอ่านมันผิดไป…
//โลกิมีค่าความชื่นชอบเต็มแล้ว//
//ภารกิจสำเร็จ: [ความปราถนาของหัวใจ:C-SS]//
เกรดความสำเร็จ: A
รางวัล: 10,000OP, 1x[ความปราถนาของหัวใจ: โลกิ]
รางวัลจากเกรด: 2x[เลนส์เปลี่ยนรูปร่าง], 14,000 OP
[เลนส์เปลี่ยนรูปร่าง]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: ทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขรูปร่างของตนได้ชั่วคราวโดยไม่คำนึงถึง ขนาด รูปร่าง เพศ หรือเผ่าพันธุ์ ระยะเวลา: 24 ชั่วโมง