Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 300

ตอนที่ 300

หลังจากทำ [กำไลจิ้งจอกมิโกะ] เสร็จแล้ว งานของวาห์นในวันนี้ก็ถือเป็นอันจบลง

เพราะการล่มสลายของอิชทาร์แฟมิเลีย เย็นนี้วาห์นเลยอยากพาทุกคนไปฉลองที่ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’

นี่เป็นโอกาสดีที่ฮารุฮิเมะจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาหลังจากโดนกักบริเวณมานานหลายปี

หลังจากไม่ได้ไปที่นั่นมาพักหนึ่ง วาห์นเองก็อยากเจอกับพวกสาวๆ ของร้านเช่นกัน

ถ้าเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด การไปที่ร้านทุกวันอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเวลา ‘ไม่กี่นาที’ นั่นจะมีอะไรเกิดขึ้นที่คฤหาสน์บ้าง

ดีที่วาห์นเสร็จงานเร็ว เขาก็เลยรีบไปแจ้งคู่แฝดไว้ก่อน พวกเธอจะได้ไม่ต้องเตรียมทำอาหารเย็น

ตั้งแต่ตอนที่อาคิย้ายเข้ามาอยู่ เอมิรุกับมาเอมิก็เริ่มขยันหนักยิ่งกว่าเก่าและมักจะใช้เวลาช่วงบ่ายไปกับการทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของตัวคฤหาสน์

วาห์นอยากพูดออกไปว่าไม่ต้องเนี้ยบขนาดนั้นก็ได้ แต่คิดไปคิดมาแล้วเขาเองก็ชอบบ้านที่ดูสะอาดสะอ้านแบบนี้เหมือนกัน แถมพวกเขาก็ไม่ได้จ้างพนักงานความสะอาดจากข้างนอกด้วย

ที่นี่เป็นทั้งฐานที่มั่นและที่พักอาศัยของทุกคนในเฮสเทียแฟมิเลีย ตามหลักแล้วงานจิปาถะควรตกเป็นของหน่วยสนับสนุนทั่วไป แต่ตอนนี้ตำแหน่งที่ว่าก็มีเพียงพรีเซียคนเดียว

หลังจากฟังที่วาห์นพูดจบ ทั้งสองก็โค้งให้และพูดอย่างพร้อมเพรียง

“ขอบคุณที่มาแจ้งให้เราทราบนะคะ ท่านวาห์น~!” x2

วาห์นได้แต่ยิ้มแห้งๆ พลางพยักหน้าให้กับพวกเธอ

ตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านกระดานค่าสถานะของทั้งสอง พวกเธอก็สำรวมท่าทางและเข้าหาวาห์นน้อยลง

ทว่ายังมีบางครั้งที่สองสาวพยายามยั่วเขาแบบเล่นๆ เช่นการโค้งให้พร้อมกระดิกหูดุ๊กดิ๊กไปมา

นี่แหละที่ทำให้วาห์นแก้นิสัยชอบ ‘ลูบๆ’ ไม่ได้สักที แถมนับวันความต้านทานของเขาก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ

หลังจากข่มใจตัวเองและบอกให้ทั้งคู่ออกไปแจ้งเฟนเรียกับพรีเซีย วาห์นก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องของมิโคโตะและฮารุฮิเมะ

ไม่นานมิโคโตะก็ออกมาเปิดให้ แต่คนที่ชิงเรียกให้เขาเข้ามาข้างในก่อนนั้นกลับเป็นฮารุฮิเมะ

เพราะไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่ตอนตกแต่งครั้งแรก ความเปลี่ยนแปลงของมันเลยทำให้วาห์นทึ่งหน่อยๆ

เนื่องจากเป็นชาวตะวันออก พวกเธอก็เลยเปลี่ยนตำแหน่งของอะไรหลายๆ อย่าง โดยรวมแล้วถือว่าบรรยากาศในห้องนั้นดูผ่อนคลายกว่าเดิมมาก

ฮารุฮิเมะที่กำลังนั่งอยู่บนหมอนรองพื้นค่อยๆ ขยับตัวขึ้นโดยนาบมือไว้กับตักก่อนจะโค้งต้อนรับเขาอย่างสุภาพ

วาห์นเองก็โค้งรับตามนิสัยและทำให้มิโคโตะยิ่งโค้งต่ำกว่าเดิม…

บรรยากาศเริ่มดูแปลกๆ จนกระทั่งฮารุฮิเมะหัวเราะแก้สถานการณ์ เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายลงทันที แม้แต่วาห์นเองก็หัวเราะตามไปด้วย ทว่ามิโคโตะนั้นเลือกที่จะยิ้มบางๆ

ทั้งสองเชิญให้วาห์นมานั่งด้วยกัน แต่เขาก็โบกมือก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่มาบอกพวกเธอว่าคืนนี้เราจะออกไปทานข้าวข้างนอกกัน

เพราะฮารุฮิเมะยังไม่เคยออกไปไหน ฉันเลยคิดว่านี่คงเป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับเธอ”

มิโคโตะพยักหน้าเล็กน้อย ทว่าดวงตาและรอยยิ้มของฮารุฮิเมะกลับดูสดใสมากกว่าปกติ

ดูเหมือนเธอจะดีใจมากจริงๆ แต่แล้ววาห์นที่อดใจไม่ไหวเพราะอยากเห็น ‘ฉากต่อไป’ ก็เริ่มพูดต่อพลางยืนบางอย่างออกมา

“นี่คือเครื่องประดับรุ่นต้นแบบที่ฉันทำขึ้นมานะ ต่อไปมันจะช่วยให้พวกเธอมีมานาสำรองไว้ใช้

กำไลนี่น่าจะเก็บมานาเข้าไปได้บางส่วน เดี๋ยวลองเอาไปใช้ดูละกัน

ที่จริงฉันวางแผนว่าจะทำกำไลคู่ให้กับพวกเธอสองคน แต่อันนี้มีชื่อว่า [กำไลจิ้งจอกมิโกะ] และเป็นอุปกรณ์สำหรับเผ่าเรนาร์ดเท่านั้น…”

ตอนแรกพวกเธอก็มองกำไลข้อมือด้วยความสงสัย แต่พอวาห์นอธิบายคุณสมบัติและข้อจำกัดเสร็จ มือของฮารุฮิเมะก็พุ่งออกไปคว้ามันไว้ด้วยความเร็วที่เทียบเท่านักผจญภับเลเวล 8! มันเร็วมากเสียจนคนมองเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายกับภาพติดตา

วาห์นเบิกตากว้างขณะจ้องมองหญิงสาวที่กำลังใช้มือสองข้างโอบกำไลไว้กับอ้อมอกพร้อมรอยยิ้ม

เธอหันกลับมาหาวาห์นด้วยดวงตาสีเขียวระยิบระยับ

“ขอบคุณค่ะคุณวาห์น มันสวยมากเลย~!”

วาห์นเก็บมือที่ยื่นคาไว้กลับมาก่อนจะยิ้มตอบ

“ไม่เป็นไรหรอก ฮารุฮิเมะ เดี๋ยวฉันต้องทำกำไลเพิ่มอีกอัน ต่อด้วยสนับแข้งแล้วก็สร้อยคอด้วย แบบนั้นมันถึงจะครบเซ็ต

อย่างที่บอกไปว่านี่คือรุ่นต้นแบบ ถ้าติดขัดอะไรตรงไหนก็มาบอกฉันได้เลยนะ”

ตอนแรกเขากะจะบอกขั้นตอนในการทำให้ฟังด้วย… แต่พอนึกไปนึกมาแล้วไม่พูดดีกว่า

จะบอกว่าใช้เลือดตัวเองด้วยก็คงไม่ดีแน่ แถมตอนที่จินตนาการตั้งชื่อก็ยิ่งเล่าไม่ได้ใหญ่เลย

เพราะแค่ตอนนี้ อีกฝ่ายก็ยกให้ไอเท็มระดับ B ชิ้นนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดไปแล้ว

วาห์นเกิดความวิตกแปลกๆ ว่าสักวันหนึ่ง เขาอาจจะเข้ามาในห้องของเธออีกครั้งและพบว่าของขวัญทุกชิ้นที่เคยมอบให้ได้ถูกบรรจุอยู่บนแท่นบูชากลางห้องแทน… ขออย่าให้วันนั้นมาถึงเลย

เหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะออกไปข้างนอก วาห์นก็เลยเอาภาพร่างออกมาให้เธอดู แค่นี้ออร่าของฮารุฮิเมะก็แทบจะกลืนเขาเข้าไปแล้ว

แม้จะไม่ได้เจาะจงตั้งแต่แรก แต่สายตาของสองสาวก็ไปบรรจบกันที่รูปชุดชั้นในเสริมพลังป้องกันที่เขาทำขึ้น

ประโยคแรกที่ฮารุฮิเมะเปล่งออกมาก็คืออยาก ‘ช่วย’ พัฒนามันออกมาให้เร็วที่สุด… ที่พูดนั้นรวมถึงชุดของตัวเธอเองด้วย

เพราะเธอมีสกิลตัดเย็บที่สูงกว่า วาห์นก็เลยรู้สึกสนใจอยู่เหมือนกัน แต่แน่นอนว่ามันคงไม่จบอยู่ที่การตัดเย็บเฉยๆ หรอก…

—————
ผลงาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

หลังหลบหนีออกมาจากห้อง วาห์นก็เดินไปบอกให้เฮสเทียและอาคิทราบ จากนั้นจะได้ถือโอกาสถามเรื่องข่าวคราวล่าสุดไปด้วยเลย

วันนี้เขาเจอหน้าเฮสเทียแค่ตอนพักเที่ยงเอง ช่วงอื่นๆ ของเธอนั้นดูเหมือนจะหมดไปกับการสื่อสารกับกลุ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่องทั้งวัน

เธอเล่าว่าทางกิลด์จะสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด จากนั้นก็รู้สึกโล่งอกที่วาห์นกับอาคิจัดการปัญหาเรื่องชาวอเมซอนได้เป็นอย่างดี

เพราะนี่เป็นความคิดของโลกิที่อาคิเอามาต่อยอด เฮสเทียก็เลยรู้สึกชื่นชอบนายกองคนนี้มากขึ้นอีกนิด และตอนที่วาห์นเข้าห้องมานั้นทั้งสองก็กำลังคุยปรึกษากันอยู่พอดี

วาห์นได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าห้องของเฮสเทียได้ทุกเวลา แต่เขาก็เลือกที่จะเคาะประตูและรอให้คนมาเปิดเพราะไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบเมื่อตอนหัววัน

ดูเหมือนว่าทางเฟรย่าแฟมิเลียจะไม่ได้พยายามกลบหลักฐานอะไรเลยด้วยซ้ำ ส่วนสาเหตุที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก็คือ ‘อิชทาร์แฟมิเลียพยายามเข้ามาตีสนิทกับพวกสมาชิกระดับสูง’

เฟรย่าเป็นคนออกมาบอกเองเลยว่าอิชทาร์พยายามใช้มนตร์เสน่ห์กับออตตาร์อยู่หลายครั้ง ซึ่งก็เป็นสาเหตุให้เธอส่งอีกฝ่ายกลับขึ้นสวรรค์ไป

ทุกอย่างที่เธออ้างนั้นดูเหมือนจะเป็นความจริง เพราะทางกิลด์เองก็ไม่อาจจับโกหกเธอได้ แต่อย่างน้อยๆ เฟรย่าแฟมิเลียก็ต้องโดนลงโทษด้วยการจ่ายค่าปรับมูลค่ามหาศาลที่จะถูกนำมาใช้ในการซ่อมแซมพื้นที่ที่โดนเผาทำลาย

แน่นอนว่าเฟรย่าตอบรับแบบไม่คิดอะไรมาก แต่เธอก็ได้ทิ้งเงื่อนไขบางอย่างไว้เช่นกัน

คร่าวๆ ก็คือเงินชดเชยก้อนนี้จะถูกใช้เพื่อซ่อมแซมเหล่าธุรกิจถูกกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนพวกตึกและอาคารของกลุ่มอาชญากรรมน่ะ… อย่าแม้แต่จะคิด

และแน่นอนว่านี่เป็นเงื่อนไขที่ทางกิลด์ต้องพยักหน้ารับแต่โดยดี

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือ ทางกลุ่มพันธมิตรจะโดนหางเลขไปด้วยหรือเปล่า?

ช่วงแรกๆ นั้นยังไม่มีใครกล้าชี้นิ้วออกมา แต่พอผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ข่าวลือก็แพร่ออกมาว่าเฟรย่านั้นแอบไปทำข้อตกลงลับๆ กับกลุ่มพันธมิตร

เพราะเป็นที่รู้กันว่าเฟรย่านั้น ‘ทน’ อิชทาร์มาช้านานแล้ว แต่พออีกฝ่ายมีเรื่องกับเฮสเทียแฟมิเลียหน่อยเดียว เฟรย่าก็เลย ‘ทนไม่ได้’ ขึ้นมาเฉยๆ งั้นเหรอ?

เหตุผลที่ถูกหยิบยกมาเสริมก็คือ ขนาดโลกิแฟมิเลียยังท้าวอร์เกมอิชทาร์แฟมิเลียอยู่ก่อนแล้วเลย

นี่แฟมิเลียอันดับหนึ่งกับสองเขาแข่งกันทำดีเอาหน้าหรือเปล่าเนี่ย?

ข่าวลืออีกอย่างก็คือเรื่องที่ทัมมุซแอบบุกเข้ามา ‘สู้’ กับวาห์นและทำให้กลุ่มพันธมิตรคิดกำจัดอีกฝ่ายอย่างเร่งด่วน

ทางกลุ่มไม่อยากมีปัญหากับกิลด์ พวกเขาก็เลยหันไป ‘เกลี้ยกล่อม’ เฟรย่าที่มีปัญหากับอิชทาร์อยู่ก่อนแทน

ยิ่งคุยกัน เฮสเทียก็ยิ่งทำหน้าจริงจังขึ้นก่อนจะหันมาหาวาห์น

“วาห์น เรื่องนี้นายห้ามไปเจรจาโดยตรงนะ ไม่ว่าใครจะพูดเรื่องเฟรย่าหรือชักชวนให้ไปหาเธอ นายก็ไม่ต้องไปตอบอะไรทั้งนั้น

แล้วก็เลิกคิดเรื่องการออกไปขอบคุณเธอด้วยตัวเองได้เลย เชื่อเถอะว่ายัยนั่นทำทุกอย่างเพื่อตัวเองล้วนๆ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายต้องเลี่ยงเธอจนกว่าเราจะหาทางกัดการกับเรื่องนี้ได้!”

วาห์นเองก็ไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่แล้ว เขาก็เลยตกปากรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะพูดเรื่องงานเลี้ยงเย็นนี้

เฮสเทียตัดสินใจไม่ไปร่วมงานเพราะเธอยังมีเรื่องต้องจัดการอีกหลายอย่าง ส่วนอาคิเองก็เลือกที่จะอยู่ด้วยเพื่อคอยอารักขาเธอ

วันนี้หน่วยเฝ้าระวังด้านนอกเองก็กำลังทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า วาห์นจึงยอมให้ทั้งสองอยู่เฝ้าคฤหาสน์ด้วยความลังเลเล็กน้อย

ข้อแม้ก็คือทั้งสองจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ในห้องทำงานลับของเขาแทน เพราะที่นั่นมีข่ายเวทมนตร์คุ้มกันอีกหลายชั้น

ก่อนจะกลับออกไป วาห์นก็ทนลูกอ้อนของเฮสเทียไม่ได้และจบลงด้วยการกอดอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น ส่วนอาคิเองก็ได้รับการลูบหัวอยู่พักนึง

สาวๆ คนอื่นมารอกันอยู่ที่ประตูหน้าหมดแล้ว และวาห์นก็ได้เรียกฟาฟเนียร์กลับมาเพื่อคอยป้องกันทุกคนไว้อีกชั้น

ด้วยจำนวนคนขนาดนี้ แม้แต่เขาเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะดูแลได้อย่างทั่วถึง

ถึงจะแทบไม่ได้เรียกมันออกมาเลย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าฟาฟเนียร์นั้นคือ ‘มอนสเตอร์สัตว์เลี้ยง’ ของวาห์นที่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางกิลด์อย่างถูกต้อง

ทางนั้นตั้งเงื่อนไขขึ้นมามากมายหลายอย่าง แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ครอบคลุมอะไรมากเพราะความสามารถของฟาฟเนียร์นั้นวาห์นไม่เคยบอกใครมาก่อน อย่างมากก็บอกแค่เอวา

ข้อห้ามที่รุนแรงสุดๆ ก็คือ ห้ามขี่ฟาฟเนียร์ในเมืองเด็ดขาด นอกเสียจากว่าจะมีเหตุฉุกเฉินที่อันตรายถึงชีวิต

หลังจากที่หัวโตๆ ของฟาฟเนียร์โผล่ออกมาจากเงามืด วาห์นก็เริ่มลูบมันพร้อมกับเติมพลังงานให้

ไม่นานฟาฟเนียร์ก็เริ่ม ‘แมวคราง’ อย่างน่าขนลุก ก่อนจะกล่าวขอบคุณวาห์นด้วยเสียงเด็กๆ และกลับเข้าไปในเงามืดอีกครั้ง

วาห์นหมายมั่นว่าครั้งหน้าจะพาฟาฟเนียร์เข้าไปอยู่ในลูกแก้วสักพัก เพื่อที่มันจะได้โตเร็วขึ้นพร้อมกับอยู่เป็นเพื่อนเอวาไปด้วย

ถึงจะไม่ได้ติดใจกับ ‘โทรจิตเด็กๆ’ นั่น แต่วาห์นก็คิดมาตลอดว่ามันควรจะมี ‘เสียง’ ที่เท่กว่านี้

เขาอยากเห็นเหมือนกันว่าฟาฟเนียร์โหมดผู้ใหญ่นั้นจะออกมาเป็นแบบไหน

วาห์นเดินพาทุกคนมาตามทางที่นำไปสู่ร้านอาหารด้วยความฮึกเหิม

นอกจากจะยิ้มออกมาเป็นครั้งคราวแล้ว เขายังใช้พลังเขตแดนเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบไปด้วย

เพราะเป็นผู้ชายคนเดียวในหมู่สาวสวย วาห์นก็เลยได้รับสายตาแปลกๆ จากคนทุกเพศทุกเผ่าพันธุ์

นอกจากพวกผู้ชายส่วนใหญ่แล้ว ออร่าของผู้หญิงบางคนที่เดินผ่านเองก็เริ่มมีสีเขียวแห่งความอิจฉาออกมาให้เห็นเช่นกัน

โชคดีที่วันนี้แทบไม่มีคนเข้ามาวุ่นว่ายด้วย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะวาห์นใช้ร่างมนุษย์ที่คนส่วนใหญ่รู้ทันทีว่านี่คือ ‘อดีต’ วัลแคนนั่นเอง

ใครมันจะกล้ามีเรื่องกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สังหารเทพถึงสององค์ ทำแฟมิเลียล่มไปแล้วสองแห่ง แถมยังมีข่าวลือหนาหูว่าได้รับการสนับสนุนจากแฟมิเลียอันดับหนึ่ง สอง และสามของเมืองอีกด้วย

แน่นอนว่ามีพวก ‘ผู้กล้า’ บางส่วนที่อยากลองเข้ามาจีบเหล่าสาวงามโดยพยายามทำเป็นไม่เห็นคนที่เดินนำพวกเธอ

เพราะพวกนี้ไม่มีออร่าชั่วร้าย วาห์นเลยไม่ได้ออกมาห้ามและเปลี่ยนไปดูท่าทีของพวกสาวๆ แทน

มีครั้งหนึ่งที่วาห์นต้องออกหน้าเพราะอีกฝ่ายพยายามเดินเข้ามาหาเฟนเรียร์กับพรีเซีย ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าทั้งสองกรณีนั้นอาจทำให้เฟนเรียร์คลุ้มคลั่งได้ง่ายๆ

หลังจากออกมาปรามเป็นครั้งที่สี่ สุดท้ายวาห์นก็เปลี่ยนใจและเริ่มใช้พลังเขตแดนเพื่อกันทุกคนให้ออกไปอย่างเท่าเทียม

พอเดินมาถึงหน้าร้าน วาห์นก็สรุปได้ว่าตัวเองน่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่ทีแรก

ตอนแรกวาห์นไม่อยากปกป้องทุกคนจนเกินเหตุ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าส่วนใหญ่ ‘คาดหวัง’ ให้เขาทำแบบนั้น หลังจากได้เห็นบางคนตีหน้าเศร้าเมื่อเขาหันไปช่วยแค่พรีเซียกับเฟนเรียร์…

วาห์นส่ายหัวแรงๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปสูดดมกลิ่นหอมที่หลั่งไหลเอามาจากตัวร้านแทน

แม้ว่าอากาศจะหนาวจนเขาต้องใช้พลังเขตแดนเข้าช่วยคนอื่นๆ แต่ร้านแห่งนี้ก็ยังดูอบอุ่นเหมือนเช่นเคย

วาห์นเดินนำเข้าไปก่อนและเรียกเอาเสียงฮือฮาได้จากทั่วทั้งร้านทันที

‘วัลแคนพาเหล่าสาวงามมาดินเนอร์’ อาจจะเป็นข่าวลือที่ร้อนแรงของวันพรุ่งนี้…

มามามีอาทำให้บรรยากาศกลับมาสงบอีกครั้งด้วยการขึ้นเสียงเพียงครั้งเดียว จากนั้นเธอก็ส่งสัญญาณให้วาห์นพาทุกคนไปที่ห้องส่วนตัว

เพราะวันนี้พวกเขามาฉลองกันและมีคนเยอะกว่าปกติ ทางร้านเลยจัดสาวเสิร์ฟให้ 2 คนซึ่งก็คือซีลและโคลอี้นั่นเอง

วาห์นรู้สึกดีใจมากที่พบโคลอี้อีกครั้งและตรงเข้าไปสวมกอดหญิงสาวทันที

โคลอี้ได้แต่หัวเราะอย่างขี้เล่นก่อนจะใช้มือลูบแผ่นหลังของเขา

“คิดถึงมากเลยเหรอเมี๊ยว~?”

วาห์นแอบลูบหางสีดำเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ

“มากสิ… แล้วเธอล่ะ?”

หางของโคลอี้กระตุกนิดๆ ขณะที่เจ้าตัวหันไปมองรอบๆ

พอเห็นว่าสายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมาทางนี้ เธอก็เริ่มหัวเราะแก้เก้อก่อนจะพึมพำเสียงเบา

“ก็ต้องคิดถึงสิ~ …ที่จริงฉันผูกเองก็ได้ แต่มันจะมีความหมายอะไรถ้านายไม่ได้ทำให้ล่ะ~เมี๊ยว”

วาห์นยิ้มกว้างและเริ่มแก้ริบบิ้นเบี้ยวๆ ที่หางของโคลอี้ออก จากนั้นเขาก็ผูกมันใหม่อีกครั้งท่ามกลางสายตา ‘แปลกๆ’ ของทุกคน

ไม่นานโคลอี้ก็เริ่มรู้สึกเขินพร้อมกับส่งสายตา ‘คาดโทษ’ มาที่วาห์น แต่แล้วเธอก็โดนจูบเบาๆ ตรงริมฝีปาก ตามมาด้วยคำพูดที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ

“ฉันคิดถึงเธอนะ โคลอี้…”

ถึงจะเขินจนแทบอยากแว้งงับอีกฝ่าย แต่โคลอี้ก็เลือกที่จะจูบตอบก่อนผลักวาห์นออกไปเบาๆ และหันไปคุยกับพวกสาวๆ แทน

วาห์นรู้ดีว่ามันอาจดู ‘ติดเรท’ ไปหน่อย แต่เขาก็คิดถึงโคลอี้มากจริงๆ และอยากทำให้เธอรู้ว่าเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาอายหรือปิดบังคนอื่น…

แต่แล้ววาห์นก็ได้ยินเสียงหัวเราะเพราะพริ้งจากด้านข้างและหันไปเห็นซีลที่กำลังป้องปากตัวเอง

พอเห็นว่าเขาหันมาหา ดวงตาสีเทาก็หรี่เล็กลงกว่าเดิม

“น่าอิจฉาจริงๆ… แบบนี้ก็แสดงว่านายไม่ได้คิดถึงฉันเลยสินะ~?”

ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยตอบ ซีลก็แลบลิ้นใส่ก่อนจะ ‘ทำเมิน’ และหันไปรับออเดอร์ของคนอื่นแทน

วาห์นได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆ ขณะถอนหายใจและหวนนึกถึงเรื่องในอดีต

เขารู้ว่าซีลมีใจให้ รู้แม้กระทั่งความปรารถนาของเธอ แต่วาห์นในตอนนั้นต้องการเวลาเพื่อคิดทบทวน

ข้ออ้างที่เขาใช้ก็คืออยากให้เหตุการณ์ต่างๆ สงบลงก่อนที่จะให้คำตอบเธอ… แม้ว่าช่วงที่ผ่านมานั้นตัวเองกลับเดินหน้าเรื่องความสัมพันธ์ของผู้หญิงคนอื่นตามปกติ

เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแอบทำอะไรหลายๆ อย่างให้ วาห์นเลยรู้สึกเหมือนกับกำลังหลอกใช้เธอหน่อยๆ… หรือจริงๆ แล้วมันจะกลับกัน? สรุปแล้วใครหลอกใครกันแน่เนี่ย?

ความไม่แน่ใจของวาห์นนั้นเกิดจากการที่ซีลใช้อิทธิพลส่วนตัวในการผลักดันคนอื่นๆ ในร้านให้เข้าหาเขา และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลซะด้วยสิ…

พอฉลองกันไปได้สักพัก ทุกคนก็เริ่มรู้สึกครึกครื้นและลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงแรกไปเลย

เพราะต่างก็เข้าสู่วัยผู้ใหญ่กันแล้ว งานนี้เลยมีเครื่องดื่มแฮลกอฮอลล์ด้วย ซึ่งแม้แต่เฟนเรียร์เองก็ได้ลิ้มลองเช่นกัน

ตอนแรกเด็กสาวพยายาม ‘ปฏิเสธ’ ออกมาแล้ว แต่สุดท้ายวาห์นก็ต้องยอมแพ้ให้กับดวงตาสีแดงที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ

ที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกอย่างที่เฟนเรียร์ทานหรือดื่มเข้าไปนั้นสุดท้ายมันก็จะถูกย่อยกลายเป็นพลังงานทั้งสิ้น

ไอ้เรื่องที่แอลกอฮอลล์ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดน่ะมันไม่มีหรอก

พอมาถึงช่วงท้าย คนที่ยังไม่เมาหัวทิ่มโต๊ะก็เหลือแค่วาห์นกับเฟนเรียร์น้อยที่สนุกกับการท้าคนอื่นดื่มและเอาชนะมาได้เพราะมีสกิลโกง -*-

การปล่อยให้พวกสาวๆ ที่ดื่มหนักจนเมาเดินทางกลับคฤหาสน์นั้นออกจะดู ‘ไม่ปลอดภัย’ เท่าไหร่ ซีลก็เลยจัดห้องในหอพักให้กับพวกเธอเป็นพิเศษ

รอบนี้วาห์นต้องจ่ายบิลที่หนักพอสมควร แต่ตอนนี้เรื่องเงินทองกลับเป็นสิ่งที่เขาห่วงน้อยที่สุดไปซะแล้ว

หลังจากที่ทุกคนออกไปหมด ในห้องก็เหลือแค่ซีลกับวาห์นที่ขมวดคิ้วนิดๆ เพราะรู้ว่าทุกอย่างคงอยู่ในการคาดการณ์ของเธอแทบทั้งสิ้น

ซีลคือคนที่นำเหล้าออกมาเสิร์ฟทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้สั่ง จากนั้นเธอคงเริ่ม ‘แผลงฤทธิ์’ บางอย่างเพราะเขาไม่เห็นโคลอี้หรือแม้แต่ริวมาพักใหญ่ๆ แล้ว

ซีลคือคนที่อ่านสีหน้าและท่าทางของคนอื่นได้เก่งมาก เธอจึงรู้ทันทีว่าโดนอีกฝ่ายตามทันและได้แต่ยิ้มตามแบบฉบับของตัวเอง

“โดนจับได้ซะแล้วสิ~”

เธอไม่ได้พูดออกมาว่ารู้สึก ‘ดี’ แค่ไหนที่โดนวาห์นอ่านออกตลอด เพราะถ้าเป็นคนอื่นก็คงมองข้ามเรื่องเล็กๆ บางอย่างไป

พอได้ยินแบบนั้น วาห์นก็เลยพยักหน้าก่อนจะพูดตอบแบบยิ้มๆ

“ซีล ขอบคุณสำหรับอะไรหลายๆ อย่างที่เธอทำให้ในช่วงนี้นะ

เพราะเธอคอยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ ฉันก็เลยได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย”

วาห์นกำลังพูดขอบคุณจากใจจริง เพราะการที่เขาได้มีโอกาสนวดพวกสาวๆ จากทางร้านนั้นก็เป็นเพราะเธอเสนอมันขึ้นมา

นอกจากนั้นแล้วซีลยังเป็นคนช่วยจัดตารางและสถานที่เดตให้วาห์นหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าตัวเธอ ที่ยังไม่ได้คบกับวาห์นอย่างจริงจัง จะได้ออกไปเดตด้วยก็ตาม

พอได้ยินแบบนั้นแล้ว ซีลก็ยกแขนขึ้นมากอดผ้ากันเปื้อนไว้ จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นพร้อมกับที่ดวงตาสีเทาปล่อยแสงบางอย่างออกมา

พวกมนตร์เสน่ห์นั้นทำอะไรวาห์นไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องยิ้มกว้างขเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูดีใจมากที่ผลออกมาเป็นแบบนั้น

ซีลขยับเข้ามายืนอยู่ตรงด้านหน้าวาห์นก่อนจะพูดต่อ

“อยากรู้จังว่าเมื่อไหร่หัวใจของนาย-”

แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบ วาห์นก็คว้าเอวบางเข้ามากอดแบบหลวมๆ

“เธออยู่ในนั้นนานแล้ว อาจจะนานกว่าที่ฉันจะรู้ตัวซะอีก

แต่ก็นะ นานแค่ไหนก็ช่างเถอะ เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะพยายามไม่ลังเลกับเรื่องแบบนี้อีก…”

วาห์นรู้ว่าแม้แต่ฉากนี้ก็คงอยู่ในการคาดเดาของซีลเช่นกัน แต่ต่อให้คนอื่นมองว่ามันดูแปลกแค่ไหน เขาก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เธอนั้นเป็นของจริง และแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากการถูกมนตร์เสน่ห์

ดูๆ ไปแล้วเธออาจจะรอเขาได้อีกหลายปี แต่วาห์นทนได้เหรอ?

เขาจะทนดูหญิงสาวที่คอยช่วยให้คนอื่นสมหวังในขณะที่ตัวเธอเองกลับต้องอดทนรอต่อไปได้จริงๆ งั้นเหรอ?

ต่อให้ทุกอย่างเป็นแผนที่เธอวางไว้ แต่นั่นคือสภาพที่เขาต้องการเจะห็นใช่ไหม?

วาห์นจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาวาววับโดยไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นใบหน้าของทั้งสองก็ขยับเอาหากันเรื่อยๆ

และแล้ว จูบแรกของทั้งคู่ก็ถือกำเนิดขึ้นโดยมีแสงจันทร์เป็นพยาน…

//[ความปรารถนาของหัวใจ: ซีล โฟลว่า] สำเร็จแล้ว ปลดล็อคค่า ‘ความรัก’ แล้ว//

[ซีล โฟลว่า]: ค่าความรัก 308(เนื้อคู่)

//สายใยผูกพันถูกเชื่อมต่อเข้ากับ [ซีล โฟลว่า]//

//เริ่มต้นภารกิจเสริม//

[ภารกิจ: ความรับผิดชอบของหัวหน้าครอบครัว, ทำซ้ำได้]

ระดับ: B – SS

เป้าหมาย: ทำให้ซีล โฟลว่าตั้งครรภ์ ดูให้แน่ใจว่าการทำคลอดเป็นไปได้ด้วยดี; จำนวนเด็กในปัจจุบัน (0)

รางวัล: 100,000 OP, 1x [ผู้พิทักษ์:(ไร้นาม)]

เงื่อนไขความล้มเหลว: เสียชีวิต, ซีล โฟลว่าเสียชีวิต, (ไร้นาม) เด็กเสียชีวิต

ผลจากความล้มเหลว: กรรมชั่ว 200 (0)

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท