หลังจากเหตุการณ์ (ภาค ชุมนุมยอดยุทธ)
โดย
หุ่นไล่กา
ห่างจากหมู่บ้านวัฒนธรรมไป 2 กิโลเมตร
บนตึกสูงที่สุด เด็กสาวสีดำยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เธอมองไปยังทิศทางของหมู่บ้านวัฒนธรรม แววตาฉายแววลุ่มลึกตกอยู่ในความคิดบางอย่าง
เมื่อแสงดวงจันทร์ผ่านพ้นหมู่เมฆส่องลงมา ทำให้สามารถมองเห็นชายในชุดคลุมสีดำของหน่วยลับ ยืนอยู่อย่างเงียบๆ เขายืนอยู่ที่ด้านหลังของเด็กสาว ด้วยท่าทางเคารพเด็กสาวอย่างนอบน้อมที่สุด ด้านหลังของเขามีคนของหน่วยลับอีก 10 คน ที่ยืนก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แผ่นหลังของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดขึ้นมาด้วยความกลัว
ชายชุดคลุมสีดำสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลั่นใจรายงาน
“ท่านหญิง ถ้าพวกเราไม่รีบไปช่วยเหลือพันเอกนาคามูระ เบื้องบนจะตั้งข้อสงสัยพวกเราได้ ถ้าพวกเขาเจาะจงสืบสวนพวกเรา พวกเขาอาจค้นพบบางสิ่งบางอย่าง การแฝงตัวเข้าไปในหน่วยเงาทั้งหมดจะสูญเปล่า…”
เกิดความเงียบงันไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เด็กสาวจะค่อยๆพูดขึ้นอย่างช้าๆ
“การต่อสู้จบแล้ว พวกเจ้าไปได้”
เหมือนได้รับการอภัยโทษ พวกเขารีบก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะเอ่ยลา
“ท่านหญิงพวกเราขอตัว”จบคำพวกเขากระโดดลงจากตึกสูงลงไปอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้น 6 โลหิตทั้งหมด ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาสามารถลงไปได้อย่างปลอดภัย
เด็กสาวสีดำถอนสายตากลับก่อนจะหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำฉายกลิ่นอายสังหารอย่างรุนแรง แต่เด็กสาวพยายามปราบปรามมันลง
ใครกันที่ทำลายหุ่นเชิดวิญญาณของข้า!
เด็กสาวโกรธแค้นจนแทบอย่างจะลงมือสังหารผู้คนทั้งหมดเบื้องล่าง แต่เธอต้องระงับมันลง
เธอวางแผนแฝงตัวมานาน ถ้าเธอลงมือทำอะไรลงไป มันจะทำให้แผนของเธอทั้งหมดเสียหายได้
เธอได้แต่ต้องฝืนกลืนความโกรธแค้นลง เธอสามารถติดตามรายงานได้ ว่าใครเป็นผู้ลงมือสังหารหุ่นเชิดวิญญาณของเธอ
เมื่อพบแล้วเธอจะลงมือทรมานคนๆนั้น ให้พบกับความทรมานที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต!
เด็กสาวสีดำกำหมัดแน่น
หมู่บ้านวัฒนธรรม จิวโมไป๋ฟื้นฟูพลังเล็กน้อยเขาก็รีบลุกขึ้น ก่อนจะตรวจสอบเด็กสาวที่ยังคงนอนไม่ได้สติ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้รับผลกระทบจากกฎของสวรรค์และโลก เขาก็เบาใจลง
จิตสัมผัสแผ่ขยายออกไปเขาก็พบกับนาคามูระ อิโทซะที่กำลังพากลุ่มเจ้าหน้าที่มาทางนี้ พวกเขาคงพบว่าการต่อสู้จบลงแล้ว จึงเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์
จิวโมไป๋อุ้มร่างของเด็กสาวและลอบออกไป เขาสวนทางกับนาคามูระ อิโทซะ โดยที่ไม่มีใครพบ เขาลอบไปตรงที่กลุ่มคนที่ถูกลักพาตัว ที่นาคามูระ อิโทซะพาออกมาอยู่
เพราะนาคามูระ อิโทซะพาคนมาอย่างฉุกละหุก และไม่ได้เป็นสถานที่สำหรับผู้ที่ถูกลักพาตัวโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ที่ถูกลักพาตัว ถูกพาไปที่โรมแรมใกล้ๆที่มีห้องโถงขนาดใหญ่ พอที่จะสามารถรองรับผู้ที่ถูกลักพาตัวได้ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มระบุตัวตนของผู้ถูกลักพาตัว แต่การระบุตัวตนเชื่องช้าอย่างมาก การตรวจสอบตัวตนผ่านไปแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
จิวโมไป๋พาเด็กสาวมาไว้ในกลุ่มคน โดยที่ไม่มีใครสังเกต นอกจากเด็กสาวแล้วยังมีคนที่หมดสติเพราะความหิว เหนื่อยล้า หรือหวาดกลัวอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เขาสามารถวางเด็กสาวเอาไว้โดยที่ไม่มีใครรู้สึกผิดปกติ
จากนั้นเขาก็ซ่อนตัวอยู่มุมมืดและแฮ็กเข้าระบบข้อมูล ไม่นานเขาก็สามารถระบุตัวตนของเด็กสาวได้ ถานหนิงเหยียน อายุ 15 ปี เธอเป็นของประเทศมังกร เธอยังมีตัวตนเป็นถึงหลานสาว ผู้นำตระกูลถาน ตระกูลชั้นสูงของเมืองหลวง
พ่อของเธอเป็นลูกชายคนเล็กของหัวหน้าตระกูล เพราะความไม่เอาไหน ทำให้เขาถูกคนในตระกูลลอยแพ นอกจากเงินช่วยเหลือของตระกูลที่ทุกคนในตระกูลต้องได้ เขาไม่ได้รับมรดกใดๆทั้งสิ้น
ถานหยิงเหยียน ไม่ได้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังมากนักและ พ่อของเธอก็เป็นคนที่ตระกูลไม่สนใจ ทำให้เธอไม่ได้รับความสนใจจากตระกูลถานมากนัก
แม้แต่การที่เธอถูกลักพาตัว คนในตระกูลถานแค่ส่งรายงานแจ้งความเพียงแผ่นเดียว ไม่ติดตามผลการค้นพาด้วยซ้ำ
ที่เธอลูกลักพาตัว ก็เพราะว่าโรงเรียนของเธอได้จัดทัศนศึกษาท่องเที่ยวประเทศเกาะ ในระหว่างที่เธอและเพื่อนๆกำลังทำกิจกรรมไปยังสถานที่สำคัญของประเทศเกาะ เธอและคนอีกสองคนจากโรงเรียนเดียวกันถูกลักพาตัว
เมื่อหาพวกเธอทั้งสามไม่พบ โรงเรียนก็จบการทัศนศึกษาก่อนกำหนด รอรายงานการค้นหาที่ประเทศมังกร
จิวโมไป๋อ่านข้อมูลเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
โชคดีที่เด็กสาวเป็นคนของประเทศมังกร ที่มีระบบรักษาความลับอย่างแข็งแกร่ง จิวโมไป๋ป้อนคำสั่งบางอย่างลงไป ในข้อมูลของเด็กสาว เขาไม่แน่ใจว่าเด็กสาวสีดำมีอำนาจแฝงอยู่ในหน่วยเงาหรือไม่ เขาทำได้แต่ป้องกันเอาไว้ก่อนเท่านั้น
เมื่อเด็กสาวถูกพากลับประเทศมังกร ข้อมูลของเด็กสาวที่บันทึกไว้ในประเทศเกาะจะถูกเปลี่ยนแปลงทันที เขาทำการปรับใบหน้าของเด็กสาวเล็กน้อย เปลี่ยนสีผมให้อ่อนลง และทำผมสั้นลง
คนที่รู้จัก อาจรู้สึกสึกคุ้นเคย แต่คนที่ไม่รู้จัก จะจำเด็กสาวไม่ได้เลย
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนตัวตนของเด็กสาว ว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า ไม่ได้เป็นคนของตระกูลถาน และเขาเพิ่มตัวเลขความสูงของเด็กสาวให้สูงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนวันเวลาที่ถูกลักพาตัว เปลี่ยนเวลาและสถานที่ ที่เด็กสาวถูกช่วยเหลือ ว่าเธอถูกช่วยเหลือในสถานที่อื่น ไม่ใช้ที่หมู่บ้านวัฒนธรรม
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจิวโมไป๋ก็ถอนหายใจ
น่าเสียดายที่มีบันทึกการแจ้งความของตระกูลถานและโรงเรียน เขาไม่รู้ว่าเด็กสาวสีดำเห็นบันทึกแจ้งความแล้วหรือไม่ ถ้าเธอเห็นก่อน ทุกอย่างที่เขาทำจะเสียเปล่าทั้งหมด
แต่ถ้าเธอไม่เห็น เมื่อเธอค้นหาเด็กสาวและพบ บันทึกแจ้งความมันจะช่วยให้เด็กสาวปลอดภัยมากขึ้น
จิวโมไป๋คิดได้เขาก็แก้ไขบันทึกแจ้งความของตระกูลถานใหม่ เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ส่งบันทึกแจ้งความมา ยังดีที่ตระกูลถาน ไม่สนใจเด็กสาวมากนัก เขาส่งมาแค่ บันทึกแจ้งความเดียวและไม่มีรายละเอียดมากนัก ทำให้ไม่ต้องแก้ไขอะไรยาก
แต่ที่ยากคือบันทึกแจ้งความของโรงเรียน
เขาปรับเปลี่ยนรายงานของบันทึกแจ้งความของโรงเรียนเล็กน้อย
เขาเปลี่ยนเป็นบันทึกว่า เด็กสาวหายไปหลังจากที่อีกสองคนหายตัวไปครึ่งวัน
เมื่อเสร็จแล้วจิวโมไป๋ก็วางมือลง
เมื่อเขากลับไปประเทศมังกร เขาจะซ่อนข้อมูลของเด็กสาว ตัดการค้นหาเด็กสาวอย่างสิ้นเชิง ถ้าเด็กสาวสีดำต้องการค้นหาว่าเด็กสาว
จิวโมไป๋ปิดโปรแกรม ก่อนจะค่อยๆออกจากโรงแรม เขาหาสถานที่เงียบสงบ ก่อนจะนั่งสมาธิ เมื่อเขาหลับตาลง
เขาก็เข้าไปในทะเลสติทันที
ภายในทะเลสติตอนนี้ปั่นป่วนวุ่นวายอย่างมาก ทะเลปราณเกิดคลื่นสูงหลายเมตร พายุหมุนนับร้อยที่พัดไปมาทั่วทะเลปราณและปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้ทะเลสติแทบจะแตกออก
ตำหนักยุทธเตาหลอม 9 สุริยันก็แตกร้าวอย่างน่ากลัว ใกล้ที่จะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
จิวโมไป๋เพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง เขาตั้งสมาธิก่อนจะวาดฝ่ามือไปที่อกซ้าย รอยสักมังกรขี่สายลมที่ส่องแสงสีเขียวอ่อนอย่างอ่อนแรง พลันส่องแสงเจิดจ้า และร้อนขึ้นราวกับไฟลวก!
ใบหน้าของจิวโมไป๋บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด สติของเขาแทบแตกสลาย แต่เขากัดที่ปลายลิ้นจนเลือดไหล เรียกสติกลับมา
“ผนึก!”
—