บทที่ 25-2 ต้องหนีก่อนที่จะมีอาการแปลกๆ ไปกว่านี้! / บทที่ 26-1 ถ้าลองโกอึนคังได้ทำแล้ว ก็เป็นผู้หญิงที่น่ากลัว
Xiaobei
บทที่ 25-2 ต้องหนีก่อนที่จะมีอาการแปลกๆ ไปกว่านี้!
“…ค้า คุณลูกค้า? ถึงแล้วครับ ถึงที่หมายแล้วครับ”
“อืม!”
จีฮวันลืมตาพรึ่บขึ้นมา ที่นี่ที่ไหน กะพริบตาสักครู่ก็ตกใจหันขวับ เอ๊ย ทำไมฉันเอนหัวพิงหลับอยู่กับโกอึนคังได้
จีฮวันที่ประสาทหูไว คิดไม่ถึงว่าต้องมาให้คนขับแท็กซี่ปลุกได้ เวลาอยู่กับโกอึนคัง มักได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำ ซึ่งเขาก็ไม่ได้พออกพอใจเลยด้วยซ้ำ
ขนาดนี้ผู้หญิงคนนี้ก็ยังหลับสนิทเหมือนเดิม เกาะติดเขายังกับลูกหมา โอ๊ย ให้ตาย!
ความคิดอยากจะดึงจมูกอึนคังโยกไปมาแวบเข้ามาในหัวจีฮวัน แล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่คิดจะทำอะไรเด็กๆ แบบนั้น
“คุณนักเขียน ตื่นเถอะครับ ถึงแล้ว”
จีฮวันเขย่าปลุกอึนคังอย่างระมัดระวัง อึนคังค่อยๆ ลืมตาช้าๆ บิดขี้เกียจกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บ
“มีขี้ตาติดครับ”
อึนคังขยี้ตา
“ไม่ใช่ตรงนั้น ตรงนั้นก็ไม่ใช่ โอ๊ย…”
จีฮวันที่ทนไม่ได้เอาขี้ตาออกให้อึนคัง สามสิบสามแล้ว ไม่เด็กๆ แค่ขี้ตายังเอาเองไม่ได้ เฮือก…แล้วจีฮวันก็ตัวแข็งทื่อไปทั้งๆ ที่ยังมีขี้ตาของอึนคังติดอยู่ที่นิ้ว
นี่ฉันกำลังทำอะไร เช็ดขี้ตาให้คนอื่นโดยไม่ใช้ทิชชู่? รยูจีฮวันที่ถูกขนานนามว่าเป็นโรคคลั่งความสะอาดเนี่ยนะ?
“ขอโทษนะคะคุณคนขับ มีทิชชู่เปียกไหมคะ”
อึนคังถาม คนขับหยิบทิชชู่จากที่เก็บของส่วนตัวยื่นให้อึนคัง
“ขอบคุณค่ะ”
อึนคังดึงทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่น เช็ดนิ้วของจีฮวันที่กำลังแข็งค้าง ด้วยสีหน้าไม่สนใจอะไร ประหนึ่งเช็ดอึจากก้นให้จากู
“เอ้า เรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องร้องไห้แล้วนะคะ รีบลงไปได้แล้วค่ะ”
จีฮวันลงจากแท็กซี่อย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าอึ้งๆ
บทที่ 26-1 ถ้าลองโกอึนคังได้ทำแล้ว ก็เป็นผู้หญิงที่น่ากลัว
สถานที่ที่แท็กซี่มาจอดคือหน้าตึกสูงแห่งหนึ่งในโซล ตึกที่จีฮวันคุ้นเคย มองไม่เห็นป้ายข้างนอก แต่ใต้ดินมีร้านสูท เป็นร้านตัดสูทหรูหราที่ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ที่แห่งนี้จีฮวันเคยมาหลายครั้ง เคยโดนใช้ให้หาสูทสั่งตัดให้ลูกค้าวีไอพีและเทสต์การแต่งตัวของเขาดี เลยมักจะถูกชวนให้มาช่วยเลือกด้วยกันหลายครั้ง
แต่จีฮวันไม่เคยตัดสูทเลยสักครั้ง ไอ้เรื่องแพงน่ะก็ใช่ แต่เหมือนจะหรูหรามากเกินไป
“มาร้านตัดสูท?”
“ค่ะ”
อึนคังแต่งชุดลำลองสบายๆ ตลอด ไม่น่าจะมาตัดสูท น่าจะเป็นแผนชดใช้ความเสียหายเสื้อผ้าของจีฮวันที่จากูทำพังมากกว่า จีฮวันหันหลังกลับไม่พูดอะไร
“ทางเข้าอยู่ทางนี้นะคะ”
อึนคังดึงแขนจีฮวัน
“ผมไม่เอาครับ”
“ไม่เอาอะไรกัน! ฉันจะตัดชุดให้คุณพีบีค่ะ!”
“ถึงบอกว่าไม่เอาไงครับ”
“นี่เป็นค่าข้อมูลที่คุณพีบีช่วย คนละส่วนกับค่าที่ปรึกษานะคะ!”
“ค่าข้อมูล?”
“ก็ที่เมื่อวานคุณพี่บีช่วยบอกยังไงล่ะคะ ให้นางเอกเป็นหมอปัสสาวะวิทยาน่ะ! เมื่อคืนฉันกลับบ้านไป ก็ไปดูไอ้นั่นของผู้ชาย แล้วก็ลงมือเขียนบทนำแล้ว สุดยอดไปเลยค่ะ! ฮ่าๆ”
“งะ งั้นเหรอครับ”
“ค่ะ รื้อใหม่ตั้งแต่เรื่องย่อ ความจริงขณะที่ทำ พอเอามาเปรียบเทียบกับพระเอกแล้ว ก็ดูขอไปทีจริงๆ เป็นผู้ประกาศข่าวไม่กี่ปี ก็แต่งงานไปอยู่บ้านพ่อแม่สามีที่ร่ำรวย จะว่าไปมันก็เชยมากอย่างที่คุณพีบีบอก ผู้หญิงที่ฉลาด ยึดมั่นในความคิดของตนเอง สุดท้ายจะยอมใช้อาชีพเป็นสะพานในการแต่งงานเนี่ยนะ?”
“นางเอกเป็นผู้ประกาศข่าวแต่งงานไปอยู่บ้านคนรวย? เดิมทีจะแต่งแบบนั้นเหรอครับ”
สีหน้าของจีฮวันแข็งกระด้างขึ้นมาทันที
“ค่ะ ไม่โอเคสินะคะ ฉันเองมาคิดดูก็ว่ามันพื้นๆ เกินไปจริงๆ ไม่เฉียบแหลมเลย ใกล้จะลงแล้ว ฉันเลยใจร้อนไปหน่อย ดังนั้นช่วยหลับตาอะลุ้มอล่วยไปเถอะนะคะ เพราะได้ฟังคำพูดของคุณพีดี ฉันเลยคิดอะไรได้เยอะ และก็ได้คิดทบทวนมากมายด้วย นางเอกก็เลยได้เกิดใหม่! ดีงามมาก เพราะฉันมีที่ปรึกษาแท้ๆ เพราะฉะนั้นช่วยรับไปเถอะนะคะ ค่าที่ทำให้ฉันได้ออกผลงานดีๆ!”
“ผมขอรับแค่ใจก็พอ”
จีฮวันหันหลัง แต่อึนคังยังคงดึงแขนไว้
“ฉันไม่เคยโยนใจให้คุณพีบี แล้วจะรับแต่ใจอะไรกันคะ!”
“รู้ครับ มันก็แค่การสมมติ ไม่ต้องโยนใจมาจริงๆ ก็ได้ครับ”
“สมม้งสมมติอะไรคะ ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำว่าสมมติ ถ้าทำคือทำ ถ้าไม่คือไม่ และฉันก็จองที่นี่ไว้แล้ว ที่นี่เป็นร้านตัดสูทที่มีชื่อเสียงมาก เขายอมขยับคิวให้ แต่ต้องมาวันธรรมดาตั้งแต่ร้านเปิด จองยากมากๆ ได้แค่เวลานี้ เพิ่งรู้ว่าคนที่ใส่สูทสั่งตัดมีเยอะขนาดนี้ โชคดีที่ฉันเป็นฟรีแลนซ์ แล้วคุณพีบีก็อยู่ในช่วงลาพักงาน ไม่งั้นคงจองไม่ได้ แล้วถ้าไม่มาตอนนี้ ก็ต้องรอไปอีกสองอาทิตย์ ถึงตอนนั้นฉันคงไม่มีเวลามาโซลแล้ว”
“มาไม่ได้ก็ไม่ต้องมาสิครับ ใครให้มากัน”
“เพราะงั้นถึงได้มาตอนนี้ไงคะ เมื่อคืนฉันโทรมาก่อนร้านปิด จองคิวยากแสนยากรู้ไหมคะ”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องนั้น จะจองยากจองง่ายขนาดไหนไม่สำคัญ”
“สำคัญสิคะ! การแคนเซิลเป็นปัญหาใหญ่มาก! ทั้งร้านอาหาร ร้านเสริมสวย โรงพยาบาล ต้องเสียหายเพราะคนที่นัดแล้วเบี้ยวไม่ใช่น้อยๆ คุณพีบีอยากเป็นลูกค้าที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นเหรอคะ คุณพีบีเป็นคนอย่างนั้นเหรอคะ เฮ้อ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าผิดหวังจริงๆ”
เฮ้อ นึกว่าจะล้มจนเอ๋อนับเลขไม่เป็นแล้วซะอีก แต่ก็ยังหัวไวขนาดนี้
เอานิสัยจีฮวันที่เกลียดการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นมาใช้ จองคิวโดยไม่บอกกล่าว แล้วค่อยมาเปิดเผยตอนถึงที่นี่ อึนคังมีสีหน้าปริ่มใจที่อ่านความกังวลของจีฮวันออก
“เลือกสิคะ อย่าเมินความจริงใจและความตั้งใจของฉันเลย จะยอมเป็นลูกค้าเห็นแก่ตัวที่ทำให้ร้านเสียเวลาอันมีค่างั้นเหรอคะ ถือเป็นค่าข้อมูลที่ควรรับด้วยความดีใจนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ เข้าใจแล้ว!”
จีฮวันเข้าไปในตึกเพราะหนวกหู ไม่ใช่เพราะอยากได้สูท แต่เพื่อให้อึนคังหุบปากที่พูดไม่หยุดนั่นต่างหาก
พนักงานแต่งชุดสูทเรียบร้อยสมกับเป็นร้านตัดสูทที่ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมออกมาต้อนรับพวกเขา
“เชิญครับ”
“ว้าว ว้าว…ร้านสวยมากเลยค่ะ! ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะเนี่ย!”
อึนคังกล่าวชื่นชมตาโต สีหน้าของบรรดาพนักงานยิ่งทวีความอ่อนโยน
นั่งลงที่โซฟาตามคำเชื้อเชิญ พนักงานผู้เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำที่จีฮวันเองก็คุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามาหา
“ต้องการเอาสูทไปใช้ในจุดประสงค์แบบไหนครับ”
แล้วอึนคังก็ชิงพูดก่อนที่จีฮวันจะได้ตอบ
“สูทก็มีคนหลายอาชีพใส่กัน เรียกได้ว่าเป็นเหมือนผิวที่สอง ใส่กันเป็นประจำทุกวัน คลาสสิคแต่ก็ทันสมัย หรูหรา แต่ก็เรียบๆ ให้ความรู้สึกไม่เหมือนแต่งมาเพื่อความสวยหล่อ คลุมร่างกายอย่างอ่อนโยนให้รสนิยมภูมิฐาน ดูเปล่งประกายใต้แสงแดด ในขณะเดียวก็ช่วยคืนความเซ็กซี่ให้ผู้ชาย”
จีฮวันมองอึนคังอย่างเหลื่อเชื่อ พูดนั่นนี่อะไร ชุดที่ใส่เป็นประจำทุกวัน คลาสสิค แต่ก็ทันสมัย หรูหราแต่ก็เรียบๆ?
“อืม มีความสามารถในการมองเกี่ยวกับสูทคุณผู้ชายดีเลยนะครับ”
พนักงานพยักหน้าด้วยสีหน้าพอใจราวกับเข้าใจทั้งหมด จีฮวันยิ่งไม่อยากจะเชื่อ รู้เรื่องงั้นเหรอ ฮัลโหล อย่าเออออกับลูกค้าส่งเดช!
“มีผ้าที่คิดไว้เป็นพิเศษไหมครับ”
โกอึนคังไม่มีทางยอมแพ้แน่ จีฮวันเลยคิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เขาน่าจะต้องเลือกตัดชุดที่ถูกที่สุดในร้านนี้
“เอาที่พอโอเค…”
ขณะที่เริ่มเปิดปากพูดคำแรก
“ขอดูของอิตาลีหน่อยค่ะ เอาผ้าที่ดีที่สุด”
อึนคังชิงตัดหน้าจีฮวัน
สมกับพนักงานผู้เชี่ยวชาญ เขามองสถานการณ์ทะลุปรุโปร่งทันที ว่ากระเป๋าเงินวันนี้คืออึนคัง เขาพยักหน้าให้เธอ
“เลือกได้ดีจริงๆ ครับ”
ระหว่างที่พนักงานไปเอาแบบผ้ามาให้ จีฮวันก็หันไปกระซิบกับอึนคัง
“รู้ไหมครับว่าผ้าอิตาลีราคาเท่าไหร่ แค่ค่าผ้าแบบพื้นๆ ก็หลายล้านแล้ว!”
“รู้ค่ะ คุณพี่บีก็เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าชุดที่จากูทำพังราคากว่าสองล้าน”
“ก็รู้แล้ว”
“ตัวอย่างผ้าอิตาลี ลองเลือกดูเลยครับ”
พนักงานกางแบบผ้าบนโต๊ะ
“ว้าว สวยๆ ทั้งนั้นเลย ถูกใจอันไหนคะ”
จีฮวันนั่งเอียงข้าง ไม่แม้แต่จะมองผ้า
“ชุดคราวก่อนน้ำเงินใช่ไหมคะ หรือกรมท่า เหมือนจะไม่ใช่ดำ”
อึนคังพยายามส่งแบบให้ดู แต่จีฮวันบ่นพึมพำพูดอย่างอื่น
“จะกรม แดง หรือสีรุ้งก็ตามใจเถอะครับ ยังไงผมก็ถูกลากมาตามใจคุณนักเขียนอยู่แล้วนี่ครับ”
อึนคังหันมองจีฮวันครั้งหนึ่ง แล้ววางแบบลงบนโต๊ะ ก่อนจะใช้นิ้วรูดผ้าทั้งแถว
“งั้นเอาหมดเลยค่ะ ตั้งแต่นี่ถึงนี่”
“ว่าไงนะ”
ดวงตาของจีฮวันเบิกโพลง พนักงานเองก็ดูตกใจไม่น้อย
“ขะ ขอโทษนะครับ ขอน้ำสักแก้วได้ไหมครับ”
“ได้ครับ”
จีฮวันรีบขอน้ำ หลังจากพนักงานไปเอาน้ำให้ เขาก็หันไปหาอึนคังหน้าเครียด
“บ้าไปแล้วเหรอครับ รู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่ เอาหมดตั้งแต่นี่ถึงนี่?”
“ฉันก็อยากทำแบบนี้บ้างนี่คะ เคยเห็นในละคร พระเอกรวยๆ ชอบพานางเอกไปซื้อเสื้อผ้า แล้วก็บอกว่าเอาหมดตั้งแต่นี่ถึงนู่น ป้ายราคาไม่จำเป็นต้องดู ฉันเหมาแถวนี้! ด้วยสายตาแบบนี้”
“นั่นมันละครแล้วก็ยังเป็นคนรวยอีก!”
“ได้ลองทำแล้วความรู้สึกมันดีจริงๆ ฉันดูเหมือนเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มาก อารมณ์เหมือนเขย่าโลกได้”
“จะอารมณ์ไหนก็เถอะ ก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าชุดนึงราคาเท่าไหร่ แล้วทั้งหมดนี่ บ้าใช้เงินนักหรือไงครับ”
“ถ้าบ้าแล้วไงคะ”
อึนคังจ้องจีฮวันตรงๆ สายตาน่ากลัว จนจีฮวันเครียดไปชั่วขณะ
“อะไรนะครับ”
“ฉันทำความเดือดร้อนให้คุณพีบีตั้งเยอะ ทั้งโถส้วม เสื้อผ้า แล้วก็รองเท้ากับเสื้อเชิ้ต ทั้งที่คุณพีบีช่วยสร้างคาแรคเตอร์ของนางเอก ฉันแค่อยากขอโทษด้วยชุดสักชุด แต่คุณพีบีไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณฉัน เลยกะจะทำเป็นถูกใจ ไปงั้นๆ หรือเลือกตัวที่ถูกๆ สินะคะ ฉันไม่สนใจเสื้อผ้าเท่าไหร่ เซนส์เรื่องแฟชั่นก็ไม่มี ไม่รู้รสนิยมเสื้อผ้าของคุณพีบี มีแค่เงินกับเวลาและอยากให้ของขวัญ อยากทำอะไรดีๆ ที่ทำได้ให้ แต่คุณพีบีไม่ยอมให้ความร่วมมือเลยแล้วจะให้ทำยังไงคะ อุตส่าห์เอาผ้าอิตาลีที่ชอบมากางตรงหน้า แต่ก็ยังทำไม่พอใจมองไปทางอื่น จะเอายังไงคะ! ฉันก็ได้แต่เลือกที่เห็นเอาตามใจ ถ้าเอาทั้งสิบชุดไปแขวนเรียงในตู้เสื้อผ้าคุณพีดี ก็ต้องมีสักชุดที่ถูกใจใช่ไหมคะ หรือว่าไม่? คุณเป็นคนเนี้ยบ อาจจะต้องมีสักยี่สิบ ถึงจะตรงใจสินะคะ ขอโทษนะคะ ขอดูตัวอย่างผ้าเพิ่มอีกค่ะ! ช่วยเอาที่มีอยู่ในร้านนี้มาให้หมด!”