‘มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครให้มาตามใจ มีสิทธิอะไร!’
สายตาของจีฮวันที่มองพ่อที่แอบมาที่เก็บอัฐิของแม่คือความโกรธแค้น
‘แม่ผมเป็นคนถนัดซ้าย ที่แขนขวาก็มีรอยแบบนี้มาตลอดชีวิต ส่วนใหญ่ข้างที่ใช้บ่อยๆ จะไม่โดน เป็นการเอาใจใส่สุดท้ายของสุภาพบุรุษจอมปลอม ใช่ไหมครับท่านผู้พิพากษา’
นึกถึงสายตาที่เห็นร่องรอยความรุนแรงเด่นชัดที่ข้อมือแม่เลี้ยง สายตาแบบนั้นคือรังเกียจและดูหมิ่น เสียงตวาดลั่นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสายตาน่ากลัวที่จ้องมองพ่อ นึกถึงเรื่องพวกนั้นแล้วอึนคังก็ตัวสั่น
พ่อที่ชิงชังถึงขนาดนั้น พ่อที่อยากหนีไปให้พ้น
“เพราะงั้นถึงเลือกแบบนั้น… เพราะงั้นถึงได้ทำหมัน…”
“พูดว่าอะไรนะ”
อึนคังตกใจหันหน้าไป แล้วหันกลับมาหลบสายตาของราฮีที่จ้องมา แต่ราฮียังคงคาดคั้น
“ทำหมัน? ใครกัน”
“เอ่อ ฉัน ยะ ยุ่ง ไปก่อนนะคะ”
อึนคังลุกพรวด คิดว่าจะหนีออกจากคาเฟ่ แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกดึงไว้ที่หน้าประตู
“ทำหมันอะไร! รยูจีฮวัน ทำหมันอย่างนั้นเหรอ แบบนั้นใช่ไหม!”
ท่าทางที่จ้องมาราวกับจะจับกินของราฮี กดดันให้อึนคังต้องเล่าออกมา
“ใช่! สามปีหรือสี่ปีก่อน! ไปทำที่โรงพยาบาลของเพื่อน! พอใจหรือยัง”
มือของราฮีที่เคยจับแขนของอึนคังคลายออก ราฮีได้แต่กะพริบตาด้วยใบหน้าตกใจ แขนทั้งสองถูกทิ้งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อกับคำพูดนั้น
อึนคังเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน
“นึกว่าทำหมันเพราะจะไม่แต่งงาน เพราะเป็นคนที่เพียบพร้อมมาก ถ้าลงทุนถึงขนาดทำหมัน คงจะเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของตัวเอง คิดว่าเป็นคนที่สุดยอดจริงๆ เคยถามว่าทำเมื่อไหร่ ทำไมถึงทำ บอกว่าตัวเองมียีนไม่ดี ไม่อยากทิ้งยีนแย่ๆ ของตัวเองเอาไว้… ก็นึกว่าล้อเล่น ฉันเคยยิ้มและคิดว่าเข้าใจ แต่ความจริงการทำหมันนั่นคือการลงโทษตัวเอง…”
อึนคังหายใจลำบาก รู้สึกแน่นในอก
น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาจากดวงตาของราฮี
“เพราะฉัน เป็นเพราะฉัน…”
ราฮีเริ่มสะอึกสะอื้นตัวสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าขาวซีด น้ำตาที่รู้สึกได้ว่ามาจากใจจริง เปลี่ยนราฮีที่เหมือนมนุษย์หุ่นยนต์และตุ๊กตา เป็นมนุษย์จริงๆ ในชั่วพริบตา
ไม่ใช่เพราะคุณไม่ใช่เหรอ รยูจีฮวันที่ทำร้ายคุณต่างหากที่ผิด เพราะฉะนั้นอย่าตำหนิตัวเองเลย น้ำตาของราฮีไหลเป็นก๊อกแตก น้ำตาของอึนคังก็เช่นกัน
“คุณที่โดนแฟนที่เชื่อใจทำร้ายก็น่าสงสาร รยูจีฮวันที่ทำแบบเดียวกับพ่อที่เกลียดจนไปทำหมันก็น่าสงสาร แต่คนที่น่าสงสารที่สุดคือฉันเอง ที่ต้องมาเจ็บปวดใจและสงสารรยูจีฮวัน”
ราฮีจับคอตัวเองและกำลังจะกรีดร้องออกมา แต่ก็อึ้งมองอึนคังที่ซบหน้ากอดเข่านั่งร้องไห้ตรงนั้น
ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่ เพราะฉันเอง เป็นเพราะฉัน…
* * *
จีฮวันรีบวิ่งขึ้นบันไดเข้าไปในออฟฟิศ ‘มูลนิธิบูกยองปันรัก’ มาโพฟิตเนสเซ็นเตอร์ชั้นสาม ที่รีโนเวทเกือบจะเสร็จแล้ว
ถึงจะยังติดตั้งอุปกรณ์สำนักงานไม่เสร็จ หน้าต่างห้องประชุมก็ยังไม่เรียบร้อย แต่ราฮีกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ยกเลิกสัญญา มันคืออะไร!”
ราฮีหันกลับมาช้าๆ
“ก็ตามที่บอกนั่นแหละ ฉันทำงานร่วมกับคุณจีฮวันไม่ได้ อาทิตย์นี้จะจ่ายค่าปรับที่ยกเลิกสัญญาสามเดือนที่ทำไว้ ขอบคุณนะคะที่ช่วยเซ็ตกำลังคนให้เหมาะสมกับความสามารถและจัดการข้อเสนอยากๆ ให้ภายในระยะเวลาสั้นๆ”
“เหตุผลคืออะไร! ผมก็ทำตามมกฎมาตลอด!”
“ฉันไม่มีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับคุณจีฮวันอีกต่อไปค่ะ”
“เพราะผมปฏิเสธงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ เวลาเห็นคุณจีฮวันแล้วทำให้ฉันรับรู้ว่าตัวเองนั้นแย่แค่ไหน มันเจ็บปวดมาก”
ดวงตาของราฮีแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้
“มันเกิดอะไร…”
“ไม่ต้องทำหมัน ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยสักนิด”
ใบหน้าของจีฮวันซีดลงทันที
“ฉันโทรถามคุณซอกยองในรอบหลายปี เขาขอร้องฉันอย่างจริงจัง ว่าอย่าทำให้คุณจีฮวันเจ็บปวดอีก เพราะคุณจีฮวันรู้สึกผิดมากจนทำหมัน”
“เฮ้อ…”
จีฮวันก้มหน้าลง
“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณจีฮวัน”
เสียงราฮีสั่นเครือ
“คุณไม่ได้ทำผิดกับฉัน คุณไม่ได้ทำร้ายฉัน”
“อะไรนะ”
“ฉันบอกว่าคุณไม่ได้ทำร้ายฉัน!”
จีฮวันอึ้งมองราฮีที่ระเบิดร้องไห้
“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคะคุณจีฮวัน ฉัน… โกหก ตอนที่คุณจีฮวันวางแผนสำหรับอนาคต ทางบูกยองก็มาขอฉัน ฉันรักคุณจีฮวัน แต่ฉันอยากไปอยู่ตรงนั้นมาก ตอนนั้นการงานก็สั่นคลอน คิมฮยอนกยองเหมือนจะขึ้นมาแทนที่ฉัน… และเขายื่นข้อเสนอให้ฉันได้ร่วมบริหาร ฉันเลยหน้ามืดตามัวที่จะได้เป็นภรรยาทายาทกลุ่มมหาเศรษฐีวัยสามสิบ”
คำสารภาพผสมความรู้สึกของราฮีพรั่งพรูออกมา ใบหน้าบิดเบี้ยวของราฮีที่ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ทำให้รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์
“ฉันไม่สามารถบอกเลิกกับคุณจีฮวันได้ ฉันไม่อยากให้คุณรู้เรื่องที่ฉันหน้ามืดตาบอดเพราะเงิน ก็เลย…”
เรื่องที่น่าตกใจทั้งหมดกระจ่างขึ้นในเสี้ยววินาที
“ก็เลยทำให้ผมเป็นคนพูดเอง โดยให้ผมกินเหล้าแล้ว… ถ้างั้นแผลนั่น หรือว่าทำร้ายตัวเอง?”
ราฮีที่น้ำตานองหน้าพยักหน้าหงึกๆ
“ขอโทษ ขอโทษนะ คุณจีฮวัน!”
ราฮีทรุดตัวลงนั่ง เสียงร้องไห้ดังไปทั่วสำนักงานที่ว่างเปล่า ความอึดอัดที่คับแน่นอยู่ในใจของจีฮวันค่อยคลายลงทีละน้อย ทีละน้อย
เขาเมาหลับตื่นมาตอนเช้ามืด ราฮีนั่งเหมือนคนสติหลุด ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด หลังจากนั้นความทรงจำบางช่วงก็เหมือนฟิล์มที่ถูกตัด
และความทรงจำก็ตัดมาที่เพดานสีขาวในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลของซอกยองเลย จิตใจของเขาหมดกังวลที่ได้ตัดบันทึกเหตุการณ์อันชั่วร้ายด้วยมือของตัวเอง แต่ความรู้สึกผิดเกี่ยวกับราฮีก็ยังคงหลงเหลืออยู่
ความรู้สึกผิดค่อยๆ เบาบางลงทีละน้อย แต่ความหมดหวังเกี่ยวกับตัวเองยิ่งนานวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น และทำให้จีฮวันเป็นทุกข์ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องโกหก เขาจะไม่ต้องดูถูกตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“ขอบคุณนะ ที่บอก”
ขอบคุณจากใจจริงเลย จีฮวันทิ้งราฮีที่กำลังร้องไห้ออกจากออฟฟิศไป
* * *
หลังจากขับรถไปร้องไห้ไปจากมาโพมายังอิลซาน จีฮวันก็โทรหาอึนคัง
“สวัสดีค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเธอ น้ำตาก็เหมือนจะระเบิดออกมาอีกรอบ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ยินเสียงจนอยากหัวเราะออกมา เดี๋ยวอยากร้องไห้เดี๋ยวอยากหัวเราะ ไร้สติเหมือนอึนคัง
“ตอนนี้อยู่ไหนครับ”
“ทำไมคะ”
“ผมถามว่าอยู่ไหน!”
เสียงดังออกไปด้วยความร้อนใจ
“เอ๊ะ ทำไมต้องมาขึ้นเสียงใส่ด้วย! อยู่สวนริมทะเลสาบ! ทำไมคะ!”
“อีกยี่สิบนาทีผมจะไปถึง อยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน เข้าใจไหม ถ้าจะไปก็บอกด้วย ไม่สิ อยู่ที่สวนนั่นแหละ ห้ามขยับเขยื้อนไปไหนเด็ดขาด!”
“พูดอะไร…”
แล้วจีฮวันก็กดตัดสาย และหัวเราะ “ฮ่าๆ!” เสียงดัง เขามักเดือดเสมอเพราะอึนคังชอบตัดสายก่อน ในที่สุดก็แก้แค้นได้สำเร็จ การแก้แค้นช่างเป็นอะไรที่หวานหอมขนาดนี้
* * *
สวนสาธารณะริมทะเลสาบยามเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มาเดินเล่น แต่จีฮวันใช้เวลาไม่นานก็หาอึนคังเจอ
รอบๆ อึนคังดูสว่างสดใสอย่างน่าประหลาด เธอกำลังยืดเส้นยืดสายข้างม้านั่งที่เคยมานั่งกับเขาบ่อยๆ ไม่รู้ว่าวอร์มร่างกายก่อนวิ่ง หรือคลายกล้ามเนื้อหลังวิ่งเสร็จ
จีฮวันข่มใจที่อยากจะวิ่งเข้าไปกอดอึนคัง และค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เพื่อจะแกล้งเธอ
เหลืออีกไม่กี่เมตร ก็มีบางสิ่งทำให้เขาตกใจหยุดชะงัก ด้านขวาของจีฮวันปรากฏเงาดำขนาดใหญ่
สิ่งมีชีวิตที่จีฮวันคิดว่าเป็นเงาดำก็คือ หมาพันธุ์โดสะสีดำตัวใหญ่
“หลบไปครับ! หลบไป!”
ได้ยินเสียงตะโกนของผู้ชายพร้อมกับที่หมาพันธุ์โดสะพุ่งมาหาเขา จีฮวันตัวแข็งอยู่กับที่