หลินเจี้ยนหรูใจเต้นเล็กน้อย เคลื่อนตัวเข้าไปซ่อนในพุ่มดอกไม้ใต้หน้าต่าง กลั้นลมหายใจตั้งใจฟัง
แต่ไหนแต่ไรไม่มีใครกล้าแอบซ่อนอยู่รอบรัศมีสามลี้ของหัวชิงเต้าเหริน แต่ก็ต้องขอบคุณกฎนี้ ที่ทำให้คนในห้องผ่อนคลายการระมัดระวัง และไม่มีใครคิดจะใจจดใจจ่อกับการดูแลรอบด้าน
“ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ศิษย์พี่ทั้งสองของเราไม่อาจตายเปล่าภายใต้เงื้อมมือของพวกมัน…ท่านเจ้าสำนักอย่าโทษที่ข้าหยาบคาย ทุกวันนี้ศิษย์พี่อู่หยางยังไม่รู้ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่ แบบนี้มิเท่ากับเป็นการตบหน้าลัทธิฉ่านหรือ? ถึงแม้ลัทธิฉ่านจะไม่ถึงกับตั้งตนเป็นศัตรูกับชิงชิวเพราะเห็นแก่พวกเราสำนักแรกพยับ แต่ชิวชิงไม่ได้แค่ทำร้ายสำนักของเราสำนักเดียว!”
คล้อยตามเสียงนี้ ห้องทั้งห้องก็เงียบลง
ผ่านไปครู่ใหญ่ หัวชิงเต้าเหรินจึงพูด “ข้าได้รักษาลมปราณให้ศิษย์น้องสี่แล้ว เพียงแค่ใช้ยาชำระไขกระดูกอีกสักหลายครั้ง น่าจะรักษาชีวิตไว้ได้” พูดจบก็เงียบไปสักครู่ “หากยังไม่ดีอีก ข้าก็จะใช้มหาโอสถทองรักษาจิตต้นกำเนิดของเขา”
“มหาโอสถทอง?”
ในห้องมีเสียงตกใจต่ำๆ ลอยออกมา
หลินเจี้ยนหรูที่อยู่นอกห้องก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่เงียบๆ
มหาโอสถทองเป็นโอสถทองที่สืบทอดกันมาผ่านเจ้าสำนักในสำนักแรกพยับ มีเพียงเจ้าสำนักรุ่นแรกเท่านั้นที่หลอมขึ้นมาได้ กินยานี้เข้าไปไม่เพียงแต่รักษาจิตต้นกำเนิดไว้ได้พันปีไม่แตกสลาย ยังสามารถเพิ่มพลังฤทธิ์ให้ด้วย เพราะยานี้เป็นยาหลอมจากเคล็ดวิชาเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่มีธาตุหนุนธาตุพิฆาต สูงส่งดังเซียน ต่ำต้อยดุจศิษย์ก้นสำนักก็สามารถใช้ได้
ดังนั้นสำหรับศิษย์ก้นสำนัก สามารถได้มหาโอสถทองมาหนึ่งเม็ดถือเป็นเรื่องที่ถวิลหาอย่างที่สุด!
มือของเขาพลันมีน้ำมันไหลออกมาเล็กน้อย
“ใครอยู่ด้านนอก!”
ตอนนี้เอง ในห้องก็มีเสียงตะโกนดังออกมา จากนั้นก็มีเสียงสะบัดแขนเสื้อดังขึ้น!
ใจของเขานิ่งไป รีบกลั้นหายใจ อาศัยความมืดเคลื่อนตัวออกไปยังด้านนอกลานบ้าน!
“รีบตามไป!” หน้าต่างที่ปิดแน่นตอนนี้เปิดกว้างออก ซิงหังเต้าเหรินที่ไว้เครายาวตะโกนเสียงต่ำ
หลินเจี้ยนหรูวิ่งอย่างรวดเร็วออกจากยอดเขาขลุ่ยหยก ไม่กล้ากลับไปยังยอดเขาคุ้มมรกตที่หลินเซี่ยอยู่ ทำได้เพียงมุ่งไปยังยอดเขาอื่นอย่างสุดชีวิตเท่านั้น
ทหารที่ติดตามมาด้านหลังยังไล่ตามไม่เลิก ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าลมหายใจติดขัด
หากเป็นสำนักอื่น บางทีอาจจะไม่กลัวขนาดเขา แต่เขาไม่เหมือนกัน ในสำนักแรกพยับแม้แต่ตำแหน่งคนกวาดพื้นเขายังสู้ไม่ได้ แม้ว่าเรื่องเล็กน้อยมาลงที่เขาก็จะเป็นเรื่องใหญ่จนแก้ไม่ไหว หลายปีมานี้เขาเสียเปรียบมามากพอแล้ว ความเกรงกลัวการถูกจับได้เกือบจะกลายเป็นสัญชาตญาณของเขา
เขาหันกลับไปมองด้านหลัง ยกมือขึ้นสะบัดภูเขาไม่ไกลด้านหน้าให้แตกครึ่งลงมา
ยอดเขาที่แตกลงมาสามารถกั้นเหล่าคนที่ตามมาด้านหลัง เขาอาศัยจังหวะนี้พุ่งหลบลงไปนับสิบจั้ง ก่อนหนีจากสายตาของพวกเขาย้อนกลับไปยังยอดเขาขลุ่ยหยก
เขาหยุดหายใจรัวเร็วที่กำแพงหิน อาศัยเสียงของลมภูเขารีบปรับลมหายใจ จากนั้นก็จัดเสื้อผ้า ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินเข้าประตูสำนักไป
หลายปีมานี้เขาไม่ได้เรียนความสามารถอื่นใดสำเร็จ คำเดียวว่าอดทนทำให้เขาฝึกฝนจนกล้าแกร่ง
ยังมีอีกคำคือเสแสร้ง เขารู้ตัวว่าพื้นฐานไม่อ่อนนัก
จีหมิ่นจวินส่งเขามาเอายา เขาไม่อาจไม่มาหา หากกลับไปยอดเขาคุ้มมรกต แบบนั้นแล้วแปดเก้าส่วนพวกนั้นต้องสงสัยเขาเป็นแน่ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐาน แต่ด้วยความเคยชินจะต้องอาศัยโอกาสนี้ลงโทษเขา โดยเฉพาะจีหย่งฟาง ตั้งแต่เสียเปรียบไปภายใต้เงื้อมมือของมู่จิ่ว ภายหลังก็ยิ่งทุ่มเทหาเรื่องเขา หากให้นางฉวยโอกาสนี้ได้ ต้องไม่เป็นผลดีต่อเขาแน่
เซียนเด็กที่ประตูใหญ่กลับมาแล้ว ในลานบ้านกลับคืนสู่ความสงบ ผู้อาวุโสทั้งหลายแยกย้ายกันไปแล้ว เหลือเพียงหัวชิงซึ่งกำลังให้เหลียงชิวฉานคัดลอกคัมภีร์
ครั้นเห็นเขาเดินเข้ามา เหลียงชิวฉานมองเขาอย่างเย็นชา เพราะเรื่องยามเช้าบนสวรรค์ตอนนั้น เห็นได้ชัดว่าถึงวันนี้นางยังรังเกียจเขาอยู่
นี่ทำให้ใจเขาที่เพิ่งสงบลงเริ่มกระเพื่อมไหวโดยไม่รู้ตัว
แต่เขาพยายามไม่เล็ดลอดร่องรอยออกไป
“มีเรื่องอะไร?” แสงไฟตกกระทบใบหน้าของหัวชิง ดูเยาว์วัยยิ่งนัก เขามีปัญญาเฉียบแหลม สำเร็จเป็นเซียนเร็ว ดังนั้นรูปลักษณ์ภายนอกก็คงไว้ได้อย่างดี ดูแล้วอายุไม่เกินสามสิบต้นๆ
หลินเจี้ยนหรูรีบค้อมศีรษะพูดว่า “ข้ารับคำสั่งของอาจารย์แม่ให้มารับยาชำระไขกระดูก”
ตอนนี้หัวชิงถึงหยุดพู่กัน แล้วมองเขา “อาจารย์ของเจ้าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเจี้ยนหรูกำลังจะตอบ ใจพลันเต้นขึ้นน้อยๆ อดคิดถึงมหาโอสถทองที่เขาพูดไว้ก่อนหน้าไม่ได้ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก้มลงมองพื้นก่อนพูด “ตอบท่านอาจารย์ลุงเจ้าสำนัก อาจารย์…หากอาการของอาจารย์ดี คิดดูแล้วอาจารย์แม่คงไม่ส่งศิษย์มารับยาชำระไขกระดูก”
เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับมหาโอสถทอง แต่หากมีโอกาสลองดู เขาก็ยินดี
“นี่หมายความว่าอาการไม่ดี?” หัวชิงพลันวางพู่กันลง
หลินเจี้ยนหรูเงยหน้าขึ้นมองเขา จากนั้นก็ก้มหน้าลงอีก “ศิษย์ไม่กล้าพูด”
หัวชิงถอนหายใจ เงียบไปสักครู่ หมุนตัวหยิบเอากล่องผ้าไหมขนาดสองชุ่นมาจากในห้อง พูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ”
หลินเจี้ยนหรูจำตราสีทองของกล่องนั้นได้ จึงไม่กล้าชักช้า รีบยืดตัวตามเขาออกประตูไป
ทางด้านจีหมิ่นจวินเพิ่งป้อนยาหลินเซี่ยไป กำลังรอหลินเจี้ยนหรูนำยากลับมาชำระล้างกระดูก
ได้ยินด้านนอกมีเสียงฝีเท้า จีหย่งฟางก็รีบเปิดประตู ชิงพูดก่อนว่า “เจ้าเดรัจฉาน ไม่ใช่ว่าเจ้าแอบอู้…อาจารย์ลุง?!”
หัวชิงขมวดคิ้วกวาดตามองนาง ไม่พูดอะไร ก้าวเข้าประตูไป
จีหมิ่นจวินรีบต้อนรับ
หลินเจี้ยนหรูคิดจะเข้าไป จีหย่งฟางถลึงตาใส่เขา “ออกไปเฝ้าเสีย!” พูดจบก็ผลักเขาออกไป ประตูปิดลงเกือบจะโดนหน้าเขา
เหล่าศิษย์พี่น้องที่ติดตามหัวชิงมาด้วยด้านนอกพากันมองล้อเลียนมาทางเขา ก่อนเหลียงชิวฉานผลักประตูเข้าไปก็เหลือบตามองเขาสองครา เขากำหมัดแน่น แต่ก็ยังคงรอเงียบๆ อยู่ด้านนอก
หากเขาเดาไม่ผิด ข้างในกล่องในมือของหัวชิงจะต้องเป็นมหาโอสถทอง และเขามาด้วยตนเอง ยิ่งเป็นการยืนยันความมีค่าของยานี้!
มหาโอสถทอง…
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกในความมืดของค่ำคืน จากนั้นผ่อนออกมาช้าๆ
หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยาม หัวชิงออกมา สีหน้าของจีหมิ่นจวินที่ตามหลังมาเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วผ่อนคลายลงมาก รอจนส่งหัวชิงกลับไปแล้ว นางสั่งเหล่าศิษย์ทั้งสี่รวมหลินเจี้ยนหรูให้อยู่เฝ้าต่อ ไม่ได้ลงกลอนประตูไว้ กลับไปยังลานด้านหลังกับเหล่าพี่น้องจีหย่งฟาง
กลางดึกเงียบสงัด ความดำมืดของค่ำคืนทำให้คนค่อยๆ รู้สึกอ่อนเพลียลง
ศิษย์อีกสามคนที่ระเบียงทางเดินหาวกันหลายครั้ง หลินเจี้ยนหรูกลับสติแจ่มใสอย่างบอกไม่ถูก
ดูจากสีหน้าของพวกจีหมิ่นจวิน หลินเซี่ยต้องใช้มหาโอสถทองไปแล้วแน่ๆ และมหาโอสถทองหลังจากใช้ไปแล้วต้องใช้เวลาสามสิบหกชั่วยามในการไหลเวียนทั่วร่างกาย เข้าสู่เส้นโลหิตและชีพจร พูดอีกอย่างคือ เขาจำต้องนำมันออกมาจากตัวหลินเซี่ยในคืนนี้ถึงจะยังใช้ได้…
เขายังใช้ได้!
มือทั้งสองจับกระบี่ คลายแล้วแน่น แน่นแล้วคลาย จิตใจไม่เคยกระสับกระส่ายขนาดนี้มาก่อน
ตอนนี้เขากำลังรอเข้าสู่ขั้นตอนเจี๋ยตัน หากได้กินยามหาโอสถทองนี้เข้าไป เช่นนั้นไม่เพียงแต่จะสามารถหลอมรวมกลุ่มพลังในทันที แต่ยังช่วยยืนยันได้ว่าอย่างน้อยเขาก็จะมีอายุต่อไปพันปี! ถึงแม้รากฐานวิญญาณเขาจะไม่บริสุทธิ์ ขัดขวางเขาไม่ให้เลื่อนขั้น แต่อย่างน้อยรักษาจิตต้นกำเนิดไปได้พันปี ก็พูดได้ว่าเขาจะมีเวลาพันปีสำหรับการเลื่อนขั้นอย่างแน่นอน