มู่จิ่วรอจนร้อนใจ ลู่ยาถึงได้หันหน้ามามองนางก่อนพูด “ตอนนี้ข้าแน่ใจได้ว่าจิ้งจอกน้อยอยู่ข้างในนี้แน่นอน แต่การจะเข้าไปมีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้น และหากเข้าไปแบบนี้อาจมีอันตรายได้ เจ้ายังอยากเข้าไปหรือไม่?”
“อันตราย?” มู่จิ่วอึ้งไป “มีเท่าไหร่?”
ลู่ยาลูบจมูก “ตอนนี้ข้าก็พูดได้ไม่แน่ชัด”
มู่จิ่วลังเลอยู่บ้าง หากอันตรายถึงชีวิต แบบนั้นก็ไม่คุ้มค่า
แต่พวกเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว ก้าวเท้าเดียวก็ถึงธรณีประตูยังจะให้ถอยหลังกลับหรือ? อีกอย่างพวกเขาถูกมู่หรงเส่าชิงขังไว้ในคุกหิน ออกไปครานี้จะกลับเข้าคุกหรือออกจากชิงชิว? หากออกจากชิงชิวไป พวกจิ้งจอกเฒ่าไม่รับปากก็อาจไม่มีคนรามือ สุดท้ายยังคงตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขาอยู่ดี!
“ขอแค่ไม่ถึงตาย แบบนั้นก็ไปเถอะ!”
นางไม่มีทางให้ถอย ถึงแม้ไม่ใช่เพื่อปกป้องลู่ยาก็เพื่อสร้างบุญกุศลให้แก่ตัวนางเอง
พูดอีกอย่าง นางไม่อยากเป็นเพื่อนบ้านกับพวกหยางอวิ้นแล้วจริงๆ
ลู่ยาขมวดคิ้วมองนางอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า จากนั้นก็ลอดผ่านช่องแคบด้านล่างเขตพลังนำหน้าเข้าไป
มู่จิ่วกับซ่างกวนสุ่นก็ระวังหลังเข้าไปข้างใน
ทั้งสามไม่กล้ารั้งอยู่นาน รีบหมุนตัวเดินเข้าไป
พวกเขาเดินขึ้นไปถึงจุดที่สูงที่สุดของชั้นบันไดหินอย่างรวดเร็ว ข้ามผ่านพื้นราบบนจุดสูงสุดนี้ไป ชั้นหินก็วนลงอีกครั้ง อากาศก็ยิ่งเย็นขึ้นเรื่อยๆ
มู่จิ่วยังดีที่นางมีลูกโลหิตมังกร ลู่ยาก็ไม่รู้สึกอะไร ทว่าซ่างกวนสุ่นทรมานเล็กน้อย เพิ่งลงไปได้ไม่กี่สิบขั้นก็กอดแขนตัวสั่น คิดจะเปลี่ยนกลับเป็นร่างนก แต่ทางเดินแคบผ่านไปไม่ได้ สุดท้ายก็ยังคงเป็นลู่ยาผู้ยิ่งใหญ่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับผู้น้อย หยิบเอายาจากกระเป๋าเล็กส่งให้เขา
หลังกินยาเข้าไปซ่างกวนสุ่นก็ไม่หนาวแล้ว
ครั้นเดินลงไปอีก ชั้นหินก็ไปถึงข้างล่าง อ้อมผ่านประตูหินที่อยู่ชั้นล่างสุดเข้าไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหยดติ๋งติ๋งของน้ำ! อ้อมผ่านเสาหินอีกหลายเสา สระน้ำสีเขียวมรกตกระเพื่อมไหวก็พลันปรากฏสู่สายตา
น้ำในสระเหมือนกับหินหยกก้อนใหญ่ฝังอยู่บนพื้นหินสีเทาของภูเขา
ริมน้ำล้วนเป็นหินประหลาด และกลางสระน้ำก็มีแท่นหยกรูปร่างกลมสีเขียวสด บนแท่นหยกมีเห็ดหลินจือทองขนาดเท่าร่ม ใต้เห็ดหลินจือมีถาดมรกตเล็กๆ สองถาดวางอยู่บนก้านทองแดง บนถาดมีคางคกทองหมอบอยู่ น้ำจากปากคางคกทองไหลลงข้างล่าง ค่อยๆ รินรดลงบนเบ้าตาของจิ้งจอกน้อยสีทองที่นอนราบอยู่บนแท่นหยก
เห็ดหลินจือทองและคางคกทองต่างก็เป็นของมีค่าหายากในฟ้าดินนี้ แต่กลับมาปรากฏตัวพร้อมกันอยู่ที่กลางน้ำมรกตนี่!
สิ่งที่ยิ่งทำให้คนตกใจระคนยินดีคือ กายเนื้อของเจ้าจิ้งจอกน้อยซ่อนอยู่ที่นี่!
มู่จิ่วอดใจไม่ได้ เร่งเดินเข้าไปถึงริมน้ำ เห็นเพียงบนแท่นหยกมีจิ้งจอกน้อยขนาดราวสองฉื่อ หางทั้งเก้าแผ่ออกมาราวกับดอกไม้หลากสีสัน ร่างทั้งร่างเปล่งแสงสีทอง ช่างเป็นจิ้งจอกผู้งดงามที่มีน้อยยิ่งนัก!
เพียงแค่เข้าไปใกล้ แขนของนางก็รู้สึกเย็นอยู่บ้าง ผิวน้ำของสระน้ำนี้เปรียบกับน้ำแข็งแล้วยังเย็นกว่า คนที่ลอยอยู่ข้างบนยังรู้สึกถึงความเย็นที่ลอยมากระทบจมูก ถึงแม้มู่จิ่วจะไม่ถึงกับหนาว แต่ก็ไม่มีทางนิ่งเฉยต่อความเย็นนี้ได้ นางโค้งเอวลงไปดูอย่างละเอียด สระน้ำนี้เป็นน้ำที่ไหนกัน? เห็นชัดว่าเป็นหยกโมราที่หลอมละลาย!
หยกโมราคือของยอดเยี่ยมชั้นหนึ่งที่มีไว้เพิ่มพลังฤทธิ์ น้ำลายของคางคกทองก็ช่วยคงไว้ซึ่งอุณหภูมิเดิมของร่างกาย และเป็นของมีค่าที่ป้องกันพิษได้ดีที่สุด ยังมีเห็ดหลินจือทองขนาดใหญ่นั่นอีก มีมันอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซียนหรือปีศาจพลังฤทธิ์จะเพิ่มขึ้นไม่มีลด คิดไม่ถึงเลยว่าจิ้งจอกเฒ่าจะสร้างสระน้ำใหญ่รวมของมีค่าขนาดนี้ให้บุตรชายของเขารักษาร่างกาย หากนำสระนี้ออกไปขาย อย่างน้อยก็สามารถซื้อเมืองได้ถึงสิบเมือง!
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นจิ้งจอกน้อย” ตอนนี้ซ่างกวนสุ่นก็เดินเข้ามา “จิ้งจอกเก้าหางสีทองมีน้อยนัก! แต่เทียบกับเผ่านกต้าเผิงของพวกเราแล้วก็ไม่นับเป็นอะไร!”
มู่จิ่วถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง จากนั้นก็เรียกพลังฤทธิ์ขึ้นมาตรวจสอบว่ากลางแท่นหยกมีอันตรายหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มี
ดังนั้นจึงเหินกระบี่เข้าไปตรงกลาง ยื่นมือไปตรวจชีพจรของจิ้งจอกน้อย มันราบเรียบเหมือนกับกระจก ร่างทั้งร่างเย็นเสียดกระดูก แต่ร่างกายกลับอ่อนนุ่มมาก ตัวอ้วนพี ขนทั้งร่างยิ่งดูใกล้ยิ่งสวยงาม
ตระกูลจิ้งจอกเก้าหางแต่ละคนต่างก็รูปร่างหน้าตางดงามเสียจริง
มู่จิ่วมองดูบนล่างรอบหนึ่ง ก่อนพลิกร่างเขาดูอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็พูดกับลู่ยาที่ตามมาทีหลังว่า “ไม่มีบาดแผล”
ในความเป็นจริงแล้วนางก็เป็นผู้บำเพ็ญเป็นเซียน จึงรู้ว่าการสังหารคนมีหลากหลายวิธีนัก ไม่ใช่ว่าต้องมีบาดแผลจึงจะเอาชีวิตได้อย่างเดียว นอกจากการวางยา ตัดชีพจร ทำลายจิตต้นกำเนิด ยังมีของวิเศษอีกหลายประเภทที่ใช้ทำร้ายได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน จะมากหรือน้อยก็ต้องมีร่องรอยหลงเหลืออยู่บ้าง ตอนนี้ผิวหนังของเจ้าเด็กน้อยไม่เพียงแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลังโดนวางยา ทว่ายังไม่มีสีหน้าหวาดกลัวและตกใจหลังจากโดนทำร้ายด้วยของวิเศษ จิตต้นกำเนิดไม่อยู่ในร่างจริงๆ แต่เขาสูญเสียจิตจิ้งจอกไป จิตต้นกำเนิดไม่อยู่ก็เป็นไปตามเหตุผลแล้ว
ลู่ยามองดูก่อนพูด “เป็นการใช้ของวิเศษทำร้าย”
มู่จิ่วกำลังจะถามว่าเขาดูออกได้อย่างไร เขากลับดึงผมเส้นหนึ่งจากศีรษะของเด็กน้อยวางไว้บนฝ่ามือ พลังหยั่งรู้ปรากฏขึ้นมา ก็เห็นกลางฝ่ามือเขาเปลี่ยนเป็นกระจกบานหนึ่ง ด้านในมีภาพคนลอยเคลื่อนไหว คือจิ้งจอกน้อยที่ฝึกควบคุมพลังกับมู่หรงเส่าชิงจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตนนั้น
ในกระจก จิ้งจอกน้อยฝึกควบคุมก้อนพลังอยู่ครู่หนึ่ง นั่งจนอยากงีบหลับ มู่หรงเส่าชิงส่ายศีรษะ แล้วหยิบเหรียญหยกออกมาให้เขา ชี้ออกไปด้านนอกให้เขาไปทำอะไรสักอย่าง
จิ้งจอกน้อยกลับมาสติแจ่มใส รับเงินออกจากประตูตำหนัก มุ่งตรงไปด้านนอกวังจิ้งจอก นอกประตูวังมีคนเดินผ่านทางเขาก็ไม่ได้สนใจ ก้าวเท้าไปยังทิศตะวันออกตามถนนใหญ่อย่างดีอกดีใจ และในกระจกสามารถมองเห็นได้ ด้านหลังเขาไม่ไกลมีนักพรตเต๋าสองคนสวมเสื้อสีเรียบง่ายเดินตามอยู่
“เป็นคนของลัทธิฉ่านจริงๆ” มู่จิ่วหลุดปากพูด
ทุกสำนักภายใต้การควบคุมของลัทธิฉ่าน ถึงแม้จะมีสีของเสื้อแต่ละสำนักไม่เหมือนกัน แต่ด้านหลังล้วนปักลายแผนผังแปดทิศเหมือนกันหมด และที่สายคาดเอวก็ปักสัญลักษณ์นกเสวียน นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจนัก ไม่ต้องพูดว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร แค่เพียงสองคนนี้ตามจิ้งจอกน้อยไป ก็แน่นอนว่าไม่สามารถปฏิเสธความเกี่ยวโยงกับลัทธิฉ่านได้แล้ว
เมื่อดูต่อไป
จิ้งจอกน้อยเดินไปตามถนนใหญ่จนถึงตลาดในเมือง เจอร้านหนังสือที่จิ้งจอกเทาเปิด เขาหยิบหนังสือออกมา สุดท้ายก็ซื้อสองเล่ม แท่นฝนหมึกหนึ่งอัน ทางผ่านมีร้านขายขนมหวานที่ท่านย่าหมีเปิด ก็ยังซื้อขนมถั่วตัดมาครึ่งชั่ง หน่ายเล่า (ชีส) หนึ่งชั่ง ใช้เงินไปจำนวนไม่น้อย จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นกลับไปยังวังจิ้งจอก
ตอนนี้เอง สองคนที่ตามเขามาตลอดก็เลี้ยวเข้าไปยังร้านขายขนม ถามอะไรสักหลายคำ จากนั้นก็ตามจิ้งจอกน้อยต่อ
ในที่สุดพวกเขาก็ตามเขาทันตรงป่าไผ่ระหว่างทาง ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับเขา เห็นเพียงสีหน้าของจิ้งจอกน้อยเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นก็เดินตามการนำทางของทั้งสองคนกลับทางเดิม ก่อนจะเลี้ยวไปที่ตรอก มุ่งตรงออกไปยังนอกประตูเมืองชิงชิว!
หลังออกจากเขตพลัง พวกเขาทั้งสามก็มุ่งไปทางทิศตะวันตก จนถึงริมน้ำตรงเนินเขาทางทิศนั้น คนด้านหลังทั้งสองอาศัยตอนที่จิ้งจอกน้อยตะโกนร้องเสียงแหลมอะไรบางอย่างเลียบริมน้ำ พลันชูมือทั้งสองที่เต็มไปด้วยพลังขึ้น เล็งอย่างช้าๆ ไปยังศีรษะของจิ้งจอกน้อยที่หันหลังให้พวกเขาอยู่โดยไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย…