ตอนถึงเป่ยอี๋ ท้องฟ้ามีดาวสว่างแล้ว ครั้นมาถึงทะเลสาบน้ำแข็ง พระจันทร์ก็ปรากฏออกมา
อาฝูโอดครวญไม่ยอมเดิน เจ้าตัวน้อยนี้ทั้งวันไม่ได้กลิ่นคาวเนื้อ ก็ไม่ค่อยพอใจแล้ว
มู่จิ่วเปิดปากเขา หยิบเอายาเซียนป้อนให้สองเม็ด เขาถึงได้ยืนขึ้นอย่างกระตือรือร้น
เมื่อถึงทะเลสาบน้ำแข็ง เลี่ยงน้ำเข้าไปข้างใน อ๋าวเจียงที่นำอยู่พลันลดความเร็วลง สุดท้ายหยุดลงที่ปากประตูเขตพลัง
“เป็นอะไรไป?” มู่จิ่วถาม
อ๋าวเจียงขมวดคิ้ว “วันนี้ทหารอารักขามีมากขึ้นมาก”
มู่จิ่วอึ้ง มองซ้ายขวา ดูเหมือนเทียบกับตอนนางอยู่เมื่อก่อนแล้วมากกว่าเล็กน้อย
ไม่มีอะไรทำไมต้องเพิ่มพลอารักขา?
เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?
ยังไม่ทันคืนสติ อ๋าวเจียงเปิดเขตพลังเดินไปข้างในเร็วๆ
มู่จิ่วรีบเดินตามเข้าไปกับอาฝู
เพิ่งเข้าประตูวัง ได้ยินเสียงขุนนางเต่าดังออกมา “ทางทะเลตะวันออกยังไม่มีข่าวหรือ? องค์ชายใหญ่ล่ะ?! องค์หญิงรองล่ะ?! รีบไปหา! เจ้าพวกไร้ประโยชน์!…” คล้อยหลังเสียงด่าทอยังมีเสียงวุ่นวายมากมาย ไม่มีสักเสียงที่ไม่เจือความกลัวและตกใจ แม้แต่กระเรียนเซียนที่ปกติเดินเชื่องช้าสบายๆ อยู่ในลาน ล้วนไม่เห็นแม้แต่เงา!
สามารถพูดได้ว่า ตอนนี้วังมังกรวุ่นวายไปหมด
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?!”
อ๋าวเจียงรีบก้าวเร็วเข้าไป เสียงก็แสดงออกชัดว่าไม่มั่นคง
“ไอหยา องค์ชาย ท่านกลับมาแล้ว!”
ขุนนางเต่าจับแขนเขาพลางปาดน้ำตา “ราชาอาการไม่ดีแล้ว! ท่านไปไหนมา!”
“เขาเป็นอะไร?!”
แม้อ๋าวเจียงเต็มไปด้วยความละอาย สีหน้าก็ยังเปลี่ยนไปมา
มู่จิ่วก็อดไม่ได้ เดินเข้ามา “ราชามังกรอาการไม่ดี?”
หรืออาการป่วยอ๋าวเชินหนักขนาดนั้นจริง? คงไม่บังเอิญขนาดนั้น ทางนั้นอวิ๋นรองเพิ่งตายไป ทางนี้ชีวิตของอ๋าวเชินก็จะรักษาไว้ไม่อยู่?
ขุนนางเต่าเห็นมู่จิ่วแล้วเช่นกัน และยังเห็นเสือขาวข้างเท้านาง จึงรีบยกไหล่ขึ้นประสานมือให้ พูดว่า “ที่แท้ใต้เท้ากัวก็มาด้วย!”
มู่จิ่วถามเขา “ราชามังกรป่วยเป็นอะไร ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
น้ำตาของขุนนางเต่าพลันไหลลงมาจากสองเบ้า กลับยังคงพูดไม่ออก เพียงยกเสื้อเดินขึ้นไปบนชั้นบันได ส่งสัญญาณให้ทั้งสองคนเดินตามเข้าไป
ปลายทางที่ไปยังคงเป็นตำหนักคลื่นหยกที่อ๋าวเชินอยู่
พูดตามจริง ก่อนมู่จิ่วก้าวเข้าไปในธรณีประตู นางไม่เชื่ออ๋าวเชินอย่างมาก ตั้งแต่ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉี่ยน นางสงสัยอ๋าวเชินยิ่งนัก ไม่ใช่แน่ชัด แต่เป็นสงสัย เพราะนางยังหาช่องโหว่ในคำพูดของอวิ๋นเฉี่ยนไม่ได้ ถึงแม้นางรู้ว่าควรฟังอ๋าวเชินพูด แต่ในใจก็ยอมรับคำของอวิ๋นเฉี่ยน
ดังนั้น เมื่อรวมกับตอนคิดถึงที่อ๋าวเจียงบอกว่าอ๋าวเชินป่วยหนักขนาดไหน นางก็นึกสงสัย หากความเจ้าเล่ห์ของอ๋าวเชินหนักหนาเพียงนั้นจริง ใครจะรู้ว่าการ ‘ป่วย’ ครั้งนี้ของเขายังมีจุดมุ่งหมายอย่างอื่นอีกหรือไม่?
แต่เข้าธรณีประตูไป เห็นความหมดอาลัยในห้อง กลิ่นยาโชยเต็มจมูก อ๋าวเชินที่ทั้งผอมและเหลืองซีดนอนอยู่ในตำหนักบรรทม ความสงสัยที่ลอยอยู่บนใบหน้าพลันกลืนกลับเข้าไปทันที!
อ๋าวเชินเมื่อก่อนน่าเกลียด แต่อย่างน้อยก็รักษาร่างสมบูรณ์กับกำลังอำนาจไว้อย่างดี ดังนั้นเมื่อแต่งเนื้อแต่งตัวจึงยังนับว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่เขาตรงหน้านี้ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำว่าน่าเกลียดอีกแล้ว ดวงตากลมที่เคยอิ่มเอิบคู่นั้นผลุบลึกลง แก้มทั้งสองข้างตอบลงไป แบบนี้ยิ่งทำให้ดวงตาโหลลึกกว่าเดิม
“ราชา องค์ชายสามกลับมาแล้ว ยังมีอีก ใต้เท้ากัวแห่งทัพสวรรค์ก็กลับมาด้วย”
ขุนนางเต่าพูดเบาๆ ข้างหูเขา เพราะในห้องเงียบ ดังนั้นมู่จิ่วจึงได้ยิน
อ๋าวเชินเปิดตา หนังตาหรี่แล้วหรี่อีก ถึงค่อยมองไปยังอ๋าวเจียงที่ยืนอยู่ตรงผ้าม่าน ไม่ได้พูดสิ่งใด เขาหันหน้ามองมู่จิ่วที่อยู่ห่างออกไปหน่อย ค่อยขมวดคิ้วก่อนพูด “เจ้าก็มา?”
เสียงแม้จะอ่อนแรง แต่ดีร้ายอย่างไรก็ไม่ได้หอบ
มู่จิ่วพยักหน้าเป็นการตอบรับ จากนั้นเดินไปข้างหน้า “ราชามังกรเป็นอย่างไรบ้าง?”
อ๋าวเชินให้ขุนนางเต่าพยุงตัวขึ้นมา ไม่ตอบนาง กลับพูด “เป็นอ๋าวเจียงพาเจ้ามา?”
อ๋าวเจียงกัดฟันก้มหน้าต่ำลง
มู่จิ่วไกล่เกลี่ยแทนเขา “องค์ชายสามบอกว่าราชามังกรป่วยเล็กน้อย และองค์หญิงอ๋าวเยวี่ยก็ยังคงหาร่องรอยไม่พบ จึงขอให้ข้าใช้ชื่อเจ้าหน้าที่สวรรค์ไปทิวเขาริ้วหยกกับเขาเพื่อหาข้อสรุป องค์ชายกังวลถึงพี่สาวร่วมอุทร ข้าว่าความรู้สึกนี้สามารถเข้าใจได้”
อ๋าวเชินไม่แสดงออกอะไร ไม่นานก็พูด “พวกเจ้าได้ข้อสรุปหรือไม่?”
มู่จิ่วชะงักไปก่อนตอบ “ตระกูลอวิ๋นบอกว่าเหยี่ยวพิษนั่นไม่เกี่ยวกับพวกเขา”
อ๋าวเชินหัวคิ้วกระตุกเล็กน้อย มองไปปลายเตียงไม่พูดจา
มู่จิ่วลูบหัวอาฝูที่นั่งอยู่บนพื้น จากนั้นเอ่ยอีก “มีข่าวหนึ่ง ไม่รู้ว่าราชามังกรรู้หรือไม่ อวิ๋นรองตายแล้ว”
ใบหน้าอ๋าวเชินเกร็งกระตุก สายตาเบนมา “ตายแล้ว?”
มู่จิ่วพยักหน้า “ข้าคิดว่าราชามังกรควรรู้ถึงจะถูก ที่จริงตระกูลอวิ๋นบอกว่าอวิ๋นรองตายเพราะกุญแจจันทราหยินหายไป พวกเราเห็นศพเขาด้วยตาตัวเอง แต่ตระกูลอวิ๋นกลับพูดว่ากุญแจจันทราหยินถูกราชามังกรขโมยไปในคืนที่พวกเราไปทิวเขาริ้วหยกคราวก่อน ตระกูลอวิ๋นยังพูดอีกว่า พวกเราไปที่นั่นเพราะราชามังกรมองขาดถึงความตั้งใจของตระกูลอวิ๋นตั้งแต่แรก จึงซ้อนแผนเสีย”
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ราชามังกรไม่คิดจะพูดอะไรหรือ?”
สายตาของอ๋าวเชินวาววับขณะมองไปข้างหน้า ในลำคอส่งเสียงไม่ชัดเจนเสียงหนึ่ง ผ่านไปแบบนี้สักครู่ เขาถึงค่อยเบือนหน้ากลับไป สีหน้านั้นดูไม่ชัดว่ากำลังตกใจหรือมีอารมณ์อื่น แต่เขาพิงอยู่อย่างนั้นไม่ขยับแม้แต่น้อย ราวกับท่อนไม้ที่ถูกห่อไว้ในผ้า
คนที่เฝ้าอยู่ด้านข้างแต่ละคนกลั้นหายใจไร้คำพูด
มู่จิ่วพูดกับขุนนางเต่า “รบกวนท่านช่วยพาอาฝูไปหาอะไรกินหน่อย”
ขุนนางเต่าถึงได้คืนสติจากการนิ่งอึ้ง คิดจะตอบ ก็มองไปยังอ๋าวเชินบนเตียง
อ๋าวเชินยกมือผอมแห้งขึ้นโบก “พวกเจ้าออกไปให้หมด”
ขุนนางเต่ารับคำสั่งไร้เสียง เรียกเหล่าผู้รับใช้ พาอาฝูเดินเรียงกันออกไป
ในตำหนักพลันโล่งขึ้น อ๋าวเชินถอนหายใจ การถอนใจครั้งนี้เคลื่อนพลังลมปราณโดยฉับพลัน เขาจับหน้าอกพลางหอบหายใจรัวเร็ว
อ๋าวเจียงกำหมัดมองเขา ยังคงไม่เดินขึ้นไป
มู่จิ่วเดินไปจับชีพจรเขา ในกระเป๋าเล็กมียารักษาพลังที่ลู่ยาให้ไว้หลายเม็ด จึงป้อนให้เขา
ยานี้มีประสิทธิภาพ ไม่นานอาการหอบของเขาก็หยุด ลมหายใจกลับมาสมดุลทีละน้อย
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมียาแบบนี้” อ๋าวเชินมองนางอย่างค้นหา พยุงร่างตนเองลุกขึ้นนั่ง “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่ไม่ผิด ตระกูลอวิ๋นพูดมาก็ไม่ผิด กุญแจจันทราหยินเป็นข้านำกลับมา”
อ๋าวเจียงกำหมัดทั้งสองแน่นจนสั่นเทา
มู่จิ่วมองเขาคราหนึ่ง ใจกลับไม่ได้ผิดคาดนัก
นางกล่าว “ไม่รู้ว่าแรงจูงใจในการนำกุญแจจันทราหยินกลับมาของท่านคืออะไร? หรือท่านไม่ได้คิดมาก่อนว่าอวิ๋นรองไม่มีมันแล้วจะตาย? หรือคิดไม่ถึงว่าทำแบบนี้ตระกูลอวิ๋นจะมองเป็นศัตรูผู้พรากชีวิต?”
“ทำไมข้าจะไม่ได้คิดมาก่อน? แต่ข้ามีหนทางอะไรอีก? อวิ๋นเฉี่ยนไม่ได้จริงใจกับข้ามาแต่แรก พันหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาเป้าหมายที่นางเข้าใกล้ข้ามีเพียงเพื่อกุญแจจันทราหยางเท่านั้น ข้าจะปล่อยให้ของของข้าตกไปอยู่ในมือพวกเขาง่ายๆ ได้อย่างไร!”
……………………………………………