“ไม่พูดเรื่องเหล่านี้ก่อน เอาที่ตาเห็นเป็นหลัก ตอนนี้ข้าส่งพลังฤทธิ์กระตุ้นมัน รอตอนพลังวิญญาณของมันถูกกระตุ้นออกมา พวกเจ้าสองคนอาศัยโอกาสนี้ใช้ญาณหยั่งรู้ทดสอบดูว่าเป็นพลังวิญญาณเดียวกับที่ทำร้ายพวกเจ้าหรือไม่”
อวิ๋นฉัวกับอ๋าวเชินพยักหน้า ทันใดนั้นแยกไปด้านซ้ายขวาของเขา เรียกแท่นออกมานั่งกลางอากาศ
ลู่ยาส่งสัญญาณให้มู่จิ่วและคนอื่นถอยไป แล้วพลันเรียกแท่นดอกบัวทองสามสิบหกชั้นออกมา เขานั่งขัดสมาธิตรงกลาง พลังรวมอยู่ที่มือทั้งสองข้าง นำพลังบำเพ็ญทั้งชีวิตส่งเข้าไปกลางบ่อน้ำไม่หยุด
ลู่ยาเกิดมาจากเกสรดอกบัว แท่นนั่งเทียบกับแท่นดอกบัวสิบสองชั้นของฝอจู่แล้วจึงมีระดับชั้นสูงยิ่งกว่า
ตอนนี้ดอกบัวทองขนาดใหญ่ก็เปล่งรัศมีห้าสีมงคลตามหลังพลังที่เขาส่งออกมา แต่ละคนที่ถูกรัศมีนี้โอบล้อมล้วนอาบอยู่ในความนุ่มนวลอบอุ่น ร่างกายจิตใจรู้สึกถึงความสุขหาใดเปรียบ
และผิวบ่อน้ำที่ถูกพลังของเขากระตุ้น ไม่นานน้ำในบ่อกลับก่อร่างเป็นคลื่นยักษ์ ตอนแรกเริ่มเป็นเพียงคลื่นเล็กๆ ต่อมากลับพุ่งขึ้น น้ำในบ่อสีดำดุจน้ำหมึกเหมือนกับหินม่วงทองหมุนเคลื่อนไหวหลายชิ้น ไม่เพียงสะท้อนแสงสีทอง ยังมีแรงผลักลึกล้ำ!
หลังจากจบสงครามแต่งตั้งเทพหกภพ ทุกสิ่งกลับมาสงบ อวิ๋นฉัวกับอ๋าวเชินสองคนไม่เคยเห็นพลังยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตแบบนี้มาก่อน ขอบเขตคลื่นพลังนี้ถึงแม้จำกัดอยู่ที่กลางบ่อน้ำลึก แต่ลู่ยาควบคุมพลังได้คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติแบบนี้กลับยิ่งทำให้พวกเขาตื่นตกใจ พลังวิชาระดับนี้แน่นอนว่าต้องเป็นขั้นสูง แต่หากควบคุมพลังในร่างยิ่งต้องเพิ่มพลังบำเพ็ญที่ลึกล้ำขึ้นไปอีก
เช่นว่า เวลานี้อวิ๋นฉัวมีพลังวิญญาณแก่กล้าในร่างกาย แต่พลังบำเพ็ญเขาไม่พอ จึงไม่มีหนทางจัดการ และกลับทำให้ตนเองเหนื่อยล้า
“มีการเคลื่อนไหวแล้ว!”
สองคนกำลังแอบถอนใจ เสียงเรียกเบาๆ ของอ๋าวเจียงพลันดึงสติของพวกเขากลับมา
ในบ่อน้ำที่มีคลื่นใหญ่เคลื่อนไหวนานแล้ว ตอนนี้กลับมีเสียงเงียบงันเหมือนเสียงกระบี่ถูกชักลอยมา จากนั้น พลังคลื่นหนึ่งที่ไม่ยอมให้คนต้านทานพลันสาดขึ้นมาจากก้นบ่อน้ำ ความแรงของพลังนั้น แม้แต่ต้นไม้ตลอดทางที่ริมขอบบ่อยังถูกเผาจนไร้รูปทรง…เป็นการถูกเผาจริงๆ เพราะทุกที่ที่พลังนั้นไปถึง ต้นไม้ล้วนกลายเป็นขี้เถ้า…นอกเสียจากต้นไม้ใหญ่สามต้นเท่านั้น!
และหนึ่งเดียวที่ไม่ถูกคลื่นนั้นซัดมาถึง มีเพียงพื้นที่ที่โดนรัศมีแท่นดอกบัวของลู่ยาปกคลุมไว้ อ๋าวเจียงตกใจจนพูดไม่ออกนานแล้ว อาฝูก็หยุดเลียอุ้งเท้า ซ่างกวนสุ่นพูดอย่างตื่นตกใจ “มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบนี้อยู่ด้วย!”
นอกเหนือจากจะประหลาดใจสิ่งที่เขาพูดแล้ว มู่จิ่วยังคิดพูดว่าพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่นี้กลับซ่อนอยู่กลางบ่อน้ำลึกที่ไม่มีคนรู้!
นี่คือพลังวิญญาณธรรมชาติที่สะสมไว้หลายแสนปี!
“เป็นมัน!”
“เป็นอย่างเดียวกัน!”
ตอนนี้เอง อวิ๋นฉัวกับอ๋าวเชินที่นั่งอยู่บนแท่นพลันส่งเสียงออกมาพร้อมกัน บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ชัดเจนว่ายืนยันเรื่องที่คาดเดานี้แล้ว เมฆทะมึนที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะสลายไปมาก
ลู่ยาเก็บมือกลับมา พลังวิญญาณในบ่อน้ำค่อยๆ อ่อนลง ผิวน้ำสงบทีละน้อย
เขากลับถึงพื้นก่อนพูด “ในเมื่อยืนยันได้ว่าเรื่องที่คาดเดาไม่ผิด แบบนั้นสามารถคาดเดาไปได้อีกก้าว คนผู้นี้ที่ทำร้ายอวิ๋นฉัวตอนนั้นต้องกำลังผ่านด่านเคราะห์หรือบำเพ็ญพลังอยู่ที่บ่อน้ำดำนี้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกอ๋าวเชินที่ผ่านทางมาทำให้ตกใจ จากนั้นเขาจึงสืบหาฐานะของอ๋าวเชินได้ หรือเขาไม่อาจเปิดตัวเป็นศัตรูกับตระกูลอ๋าว ไม่ก็ขาดกำลังไปยั่วยุ จึงทำร้ายอวิ๋นฉัวที่สำคัญต่อตระกูลอวิ๋นอย่างมาก”
“ในเมื่อเขาสามารถเลือกบำเพ็ญพลังที่นี่ เป็นไปได้อย่างมากว่าต้องซ่อนตัวอยู่แถวนี้ แต่อ๋าวเชินบอกว่าอ๋าวก่วงตระกูลพวกเขาเคยมาสำรวจก็ไม่พบอะไร จึงเป็นไปได้ว่าย้ายไปแล้ว”
“ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อมาแล้วก็หาเสียหน่อย หากเขาแข็งแกร่งก็คงไม่แกร่งถึงขนาดทำร้ายคนสองคนแล้วก่อเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ได้ และตอนนี้เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ได้เพียงอธิบายว่าเขาต้องใช้วิชาควบคุมชะตาเรื่องกุญแจจันทราของพวกเจ้าทั้งสองตระกูล การสร้างผังดวงชะตาแบบนี้ขึ้นมาสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากที่สุด ดังนั้นสร้างในบริเวณนี้จึงเหมาะสมที่สุดแล้ว”
“จากนี้เป้าหมายของพวกเราคือหาผังดวงชะตานี้ให้เจอและทำลายซะ มีเพียงทำลายเจ้านี่เท่านั้นถึงสามารถช่วยตระกูลอวิ๋นได้”
อวิ๋นฉัวกับอ๋าวเชินกระตือรือร้นขึ้นพร้อมกัน “ขอเชิญท่านเทพสั่ง พวกเราต้องทำอย่างไร!”
“ที่นี่พลังวิญญาณแก่กล้า ป่าที่เติบโตในเงามืดมีไอมารมาก หลับหูหลับตาใช้พลังหยั่งรู้ธาตุไฟยิ่งเข้าแทรกได้ง่าย หากต้องการหาผังดวงชะตาก็ไม่มีทางลัด ทำได้เพียงค่อยๆ ตามหาไปทีละก้าว”
ลู่ยามองพวกเขา นับรวมอาฝูแล้วมีทั้งหมดเจ็ดคน คิดแล้วก็พูดกับพวกเขา “ซ่างกวนสุ่นเจ้าไปกับอ๋าวเชิน อาฝูไปกับอวิ๋นฉัว อาจิ่วกับอ๋าวเจียง พวกเจ้ามากับข้า พวกเราแบ่งเป็นสามทางไปตามหา หากพบอะไรให้รีบส่งข่าวบอกกันก็พอ”
ทุกคนล้วนไม่มีความเห็นอื่น อ๋าวเชินเดินนำออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือกับซ่างกวนสุ่น
อวิ๋นฉัวคารวะลู่ยาครั้งหนึ่ง จากนั้นพาอาฝูไปทางตะวันตก อาฝูตอนแรกไม่ยอม แต่มู่จิ่วคุกเข่าอยู่ข้างหูเขา กำชับกับเขาหลายประโยค จึงค่อยเชื่อฟังเดินตามอวิ๋นฉัวไป
ลู่ยาจัดแจงแบบนี้เพราะมีเหตุผลของเขา ในคนทั้งหมดอ๋าวเชินเล่ห์เหลี่ยมเยอะที่สุด เรื่องนี้ต้องป้องกันเขาเล่นตุกติกอะไรอีก ดังนั้นต้องให้คนที่เชื่อใจได้ตามไป ในพวกเขาหลายคนซ่างกวนสุ่นพลังบำเพ็ญสูงสุด ส่งเขาไปจึงเหมาะสมที่สุด ถึงแม้อวิ๋นฉัวในด้านพลังบำเพ็ญตอนนี้ไม่มีปัญหา แต่อย่างไรเขาก็สำคัญมาก ยังต้องมีอาฝูติดตามไปด้วย
ส่วนมู่จิ่วกับอ๋าวเจียงที่เหลือ พลังบำเพ็ญต่ำขนาดนี้จึงทำได้เพียงตามลู่ยา
พวกเขาเดินไปทางตะวันตกเฉียงใต้
ระหว่างทางยังคงเป็นต้นไม้ปกคลุมหนาไม่เห็นท้องฟ้า และยังคงไม่มีร่อยรอยสัตว์บกสัตว์ปีก เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่น่าตกใจแบบนั้นมา ที่นี่ไม่มีสัตว์อยู่ก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผล แต่เพราะแม้แต่สัตว์บกยังไม่มี พุ่มไม้ใต้เท้าเลยดกหนาจนผิดปกติ ถึงแม้จะเตี้ย แต่บนกิ่งใบกลับมีตะไคร่น้ำขึ้น สรุปคือดูไปแล้วเหมือนกับเข้าไปในป่ารกทึบสมัยบรรพกาล
เดินไปได้ครึ่งลี้ มู่จิ่วพลันถาม “ก้นบ่อน้ำนั้นทำไมถึงมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งแบบนี้อยู่ได้? เป็นไปได้หรือไม่ว่าซ่อนของวิเศษอะไรไว้?”
คำพูดนี้ชัดเจนว่าอ๋าวเจียงก็อยากถาม เพียงแต่ไม่กล้าถามมาตลอด ดังนั้นก็มองลู่ยา
ลู่ยาไพล่มือไปพลาง มองรอบด้านไปพลาง กล่าวว่า “ก้นบ่อน้ำไม่มีของวิเศษอะไร เพียงแค่น้ำนั้นเป็นสีดำตามธรรมชาติ สีดำรวบรวมวิญญาณ ล้านล้านปีไม่มีการเคลื่อนไหว เป็นธรรมดาที่ต้องเต็มไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดิน แต่พลังวิญญาณของบ่อน้ำนี้กลับเป็นพลังวิญญาณมรณะ หากไม่มีพลังวิญญาณอื่นชักนำก็เคลื่อนไหวไม่ได้ แต่หากใช้เพื่อฝึกพลังลมปราณหรือพลังบำเพ็ญกลับสามารถประหยัดแรง”
มู่จิ่วพยักหน้าก่อนพูดอีก “ข้ารู้ว่าในห้าธาตุน้ำก่อเกิดไม้ ดังนั้นรอบด้านไม่มีสัตว์ แต่ต้นไม้กลับเจริญงอกงามผิดปกติ ทว่าพลังวิญญาณนั้นออกมาเมื่อครู่ ทำไมถึงได้เผาทำลายต้นไม้รอบด้านไปหมด?”
“แน่นอนเพราะว่าพลังของข้าแข็งแกร่งเกินไป พลังวิญญาณของบ่อน้ำถูกกระตุ้นจนเกินไปจึงทำให้เกิดเหตุ”
ลู่ยาขึ้นเสียงสูงในตอนท้ายเล็กน้อย
มู่จิ่วเหลือบมองเขาคราหนึ่ง มุมปากกลับโค้งขึ้น
อ๋าวเจียงมองพวกเขาทั้งสอง เม้มปากแน่น มีคำพูดแต่ไม่พูดไป
………………………………………………