เขาเม้มปาก จดจ่ออยู่นานก่อนพูด “ข้าอยากขอร้องเจ้าให้ช่วยไปทักทายราชามังกรที่ทะเลสาบน้ำแข็งกับข้า และยืมกุญแจจันทราหยางของเขา”
ถึงแม้เขาไม่ได้มาเจอหน้านางเท่าไหร่ แต่ความเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ของนาง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นคดีตระกูลอ๋าวกับตระกูลอวิ๋นไม่ใช่ความลับอะไร ในเมื่อเขาสนใจกุญแจจันทรามาก่อน อยากถามถึงข้อมูลเชิงลึกย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
ตามที่เขารู้ มู่จิ่วทำคดีตระกูลอ๋าวตระกูลอวิ๋นเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้สองตระกูลปฏิบัติต่อนางอ่อนน้อมมากขึ้น กุญแจจันทราหยางมีความสามารถฟื้นคืนจิตต้นกำเนิด ชิวซื่อเป็นเพียงคนธรรมดา ยิ่งไม่ต้องการเวลานานหมื่นปีเหมือนกับราชามังกร มีสักสามหรือห้าวันสำหรับนางก็เหลือเฟือ หากคิดจะช่วยปลดปล่อยชิวซื่อจากชะตาชีวิตที่สติไม่สมประกอบทุกชาติภพโดยเร็ว ทำได้เพียงขอมู่จิ่วให้ช่วย
มู่จิ่วอึ้ง ถึงแม้นางคิดไว้นานแล้วว่ากุญแจจันทราสามารถแก้ไขความกังวลในใจเขาได้พอดี หากช่วยเขาได้นั่นก็ถือเป็นโชควาสนา แต่ตอนเขามาหาถึงหน้าประตูจริง นางกลับไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปอย่างไรดี
กุญแจจันทราหยางนั้นไม่เพียงอ๋าวเชินต้องใช้ อวิ๋นฉัวก็รอใช้ นี่คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง
ข้อที่สอง นางไม่อยากพัวพันกับตระกูลอ๋าวตระกูลอวิ๋นไปมากกว่านี้ แม้แต่งานแต่งของตระกูลอวิ๋นนางก็ไม่คิดจะไป
ข้อที่สาม การที่ตระกูลอวิ๋นตระกูลอ๋าวยกย่องนาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเห็นแก่หน้าลู่ยา อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะนางกับพวกเขาไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกัน หากเปิดปากขอยืมกุญแจจันทราหยางจากพวกเขา อย่างไรก็ดูไม่ค่อยดีนัก?
นางรู้ว่าเขาเอากุญแจจันทราหยางจะไปมีประโยชน์มาก รู้เช่นกันว่าเขาทำด้วยใจกตัญญู แต่บางเรื่องไม่ควรช่วยจนเกินความสามารถของตนเอง
“เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้ ขอโทษจริงๆ” นางพูด
หลินเจี้ยนหรูมองนางอยู่ใต้แสงจันทร์ ดวงตาคู่นั้นล้ำลึกจนมองความนัยไม่ออก
“มู่จิ่ว” เขาเรียก
มู่จิ่วไม่ได้ตอบ
“เจ้ามองข้าเป็นมารปีศาจไปแล้วใช่หรือไม่?” เขาถาม
“ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น” มู่จิ่วพูดอย่างสงบ “เรื่องนี้ข้าไม่มีหนทางช่วยจริงๆ ถึงแม้เจ้าให้ข้าช่วยไปเก็บหญ้าเซียนที่เกาะไหนด้วยอีก ข้าก็ไปกับเจ้าได้ แต่หากข้ารู้ชัดเจนถึงความสำคัญของกุญแจจันทราหยางต่อพวกเขา กลับยังกล้าเปิดปากขอมัน ข้าก็ไม่ต่างกับคนที่เห็นประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก”
“แต่ข้าต้องการมันจริงๆ” น้ำเสียงของเขาร้อนรนอยู่บ้าง “หากเพราะเรื่องหลินเซี่ยทำให้เจ้าผิดหวังต่อเพื่อนคนนี้อย่างข้า เช่นนั้นหลังจากช่วยแม่ข้าแล้วข้ายินยอมรับการลงโทษ นี่คือความปรารถนาอันดับหนึ่งในชีวิตนี้ที่ข้าต้องทำให้สำเร็จ หากข้าช้าไปหนึ่งวัน นางก็ได้รับความทุกข์เพิ่มหนึ่งวัน และตอนนี้มีเพียงเจ้าที่สามารถช่วยข้าได้”
มู่จิ่วกลั้นลมหายใจยืนนิ่ง
หลินเจี้ยนหรูเดินเข้ามาใกล้ครึ่งก้าว ก่อนกล่าวอีก “ข้าขอให้เจ้าเห็นแก่หญิงที่น่าสงสาร ช่วยข้าหน่อย เจ้าไม่ต้องมองนางเป็นแม่ของข้าหลินเจี้ยนหรู เพียงมองนางเป็นวิญญาณน่าสงสารที่เจ้าพบตนหนึ่ง นางไม่ได้ทำบาปอะไร แต่คนที่สามารถช่วยนางได้มีเพียงข้าเท่านั้น”
สายตาเป็นประกายของเขาตกลงบนหน้านาง ในนั้นแสดงความจริงใจ
มู่จิ่วไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนระหว่างความโหดร้ายตอนอยู่แรกพยับกับความกตัญญูตอนช่วยชิวซื่อได้อย่างไร แต่ความยึดมั่นที่สะท้อนออกมาจากสายตาของเขา คำพูดของเขา ทำให้หวั่นไหวได้อย่างแท้จริง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดปากร้องขอให้นางช่วยเหลือ
หากนางไม่เห็นหญิงชราสติไม่สมประกอบในตรอกเล็กนั่นด้วยตาตนเอง ไม่เห็นแรกพยับรังแกเขากับตัว บางทีนางอาจไม่เชื่อว่าเขาเคยผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง แต่นางกลับเห็นกับตาตนทั้งหมด อดีตของเขามีภาพชัดเจนในสมองนาง ความเลวและความดีของเขา ทุกๆ ครั้งที่คิดถึงแม้แต่ตัวนางเองยังสับสน ถ้าเรื่องเดียวกันเกิดกับนาง นางจะทำอย่างไร
นางถอนหายใจ เบือนหน้าไปมองไผ่เขียวตรงกำแพง
เรื่องนี้ช่างกวนใจนางเสียจริง
หลินเจี้ยนหรูเห็นรูปการณ์ จึงเข้าไปใกล้อีกก้าว “แม่ข้าเป็นคนธรรมดา หากสามารถยืมกุญแจจันทรามาได้ ยืมมาใช้ไม่กี่วันก็คืนแล้ว หากในเวลาไม่กี่วันนี้ข้าทำไม่ได้ ข้าก็ไม่ผิดคำพูด จะคืนเจ้าตรงตามเวลาแน่นอน”
มู่จิ่วรู้สึกว่าความตั้งใจของนางกำลังสั่นคลอน
นางควรยืนกรานปฏิเสธสิ?
หากไม่ปฏิเสธ นางก็ไม่อยากไปยื่นเงื่อนไขกับอ๋าวเชิน
แต่หากปฏิเสธ นางทนให้ชิวซื่อเวียนว่ายตายเกิดโดยสติไม่สมประกอบต่อไปและได้รับทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หรือ? สิ่งที่เขาพูดอย่างน้อยก็ถูกบ้าง หากชิวซื่อไม่ใช่แม่ของหลินเจี้ยนหรู แต่เป็นเพียงหญิงน่าสงสารซึ่งนางบังเอิญรู้จักโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย นางจะไม่สนใจเลยหรือ?
ไม่ ต้องไม่แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ชิวซื่อยังได้รับความทุกข์มากถึงขนาดนั้น
นางหมุนตัวมามองเขา “เจ้ารอสักหน่อยไม่ได้หรือ คิดหาวิธีอื่นเถิด?”
“ไม่ได้แล้ว” เขาถอยไปครึ่งก้าว พูดไหล่ตก “ช้าเร็วเรื่องที่ข้าสังหารหลินเซี่ยก็ต้องถูกเปิดโปง ข้ารู้ว่านี่คือผลกรรมที่ข้าควรแบกรับ แต่ข้าไม่อาจไม่สนใจแม่ข้าก่อนต้องรับกรรมนี้ไป ข้าต้องแก้ไขชาติหน้าของนางให้ดีถึงจะสามารถวางใจใช้ชีวิตของตนเองต่อไป ถึงตอนนั้นจะตายก็ดี จะอยู่ก็ดี ข้าก็ไม่ดึงดันแล้ว”
พูดถึงตรงนี้เขาค่อยเงยหน้าขึ้น “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ หากภายหลังข้าโชคดีไม่ตาย ไม่ว่าข้าอยู่ที่ไหน จะจดจำบุญคุณของเจ้าเสมอ”
“อย่าพูดเรื่องบุญคุณเลย” มู่จิ่วตัดบทเขา นางช่วยคนเพราะยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่เพื่อผลตอบแทน หลังเม้มปากกลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงพูดต่อ “เรื่องนี้ข้าต้องครุ่นคิดก่อน ช่วยหรือไม่ช่วยตอนนี้ข้าไม่สามารถรับปากได้ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
อันที่จริงลู่ยาเคยพูดมาก่อนว่าหลินเจี้ยนหรูมีสำนึกมาร ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องถามเขา
หลินเจี้ยนหรูเงยหน้ามองนางครู่หนึ่ง พยักหน้า ก่อนจากไปในที่ห่างไกล
ลู่ยาพารุ่ยเจี๋ยกับอาฝูเข้าประตูสวรรค์แดนใต้ ตลอดทางเดินไปพลางอธิบายวิชาการใช้ลมหายใจให้พวกเขา โดยไม่รู้ตัวก็มาถึงปากตรอกแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นเห็นคนคนหนึ่งกำลังมองมายังตรอกอย่างเหม่อลอย เป็นมู่จิ่วอย่างแน่แท้ จึงอดเดินเข้าไปใกล้ไม่ได้“ใครมาหรือ?”
“หลินเจี้ยนหรู” มู่จิ่วหันมาตอบ เหมือนกับรู้นานแล้วว่าพวกเขากำลังกลับมา “พวกเราเข้าไปในห้องก่อนค่อยพูดกัน”
ลู่ยาได้ยินว่าเป็นหลินเจี้ยนหรู คิ้วก็ขมวดมุ่น ชะงักอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าไปอย่างเงียบขรึม เมื่อถึงในห้องเขา มู่จิ่วขมวดคิ้วหันมาพูด “หลินเจี้ยนหรูมาขอร้องข้า อยากให้ข้าช่วยเขายืมกุญแจจันทราจากอ๋าวเชินสักหลายวันเพื่อฟื้นคืนจิตต้นกำเนิดแม่เขา ข้าไม่ได้รับปากเขา แต่…”
“แต่เจ้าใจอ่อนอีกแล้วใช่หรือไม่?” ลู่ยามองนางอย่างอารมณ์ไม่ดี ยกเสื้อนั่งลงไป
มู่จิ่วรู้สึกผิดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นิสัยเสียของนาง ตอนนี้มองคราเดียวเขาก็มองออกแล้ว นางพูด “ข้าไม่ทำโดยพลการ เจ้าบอกทีว่าข้าช่วยเขาได้หรือไม่? หากช่วยได้ข้าถึงช่วย หากช่วยไม่ได้ข้าก็จะปฏิเสธเขา”
“หากข้าไม่ให้เจ้าช่วย เจ้าคงไม่รู้สึกผิดใช่ไหม?” ลู่ยาจับมือนางขึ้นมา “ข้าดูออกว่าเจ้าอยากช่วยเขาอย่างชัดเจน”
มู่จิ่วถอนหายใจมองพื้น “จะพูดอย่างไรดี? ข้าอยากช่วยเขาจริง หากข้าสามารถทำได้ แต่ข้าก็รู้ว่าหลินเจี้ยนหรูสังหารคนไปสองคนต่อเนื่องกัน ไม่ว่าอย่างไรบาปของเขาก็ไม่น้อยลงแล้ว อีกอย่างความสัมพันธ์ของเขากับสำนักเป็นแบบนี้ จึงไม่มีคนสามารถชี้แนะเขา ข้ากังวลว่าหากภายหลังเขาเดินไปในทางที่ผิด ก็เป็นเรื่องที่ข้าควบคุมไม่ได้”
“หากเป็นเพียงตัวข้าเองก็เอาเถอะ ข้าทำข้ารับเอง สิ่งสำคัญคือข้าไม่อาจลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังมีพวกอาจารย์ของข้าอีก หากเจ้าบอกว่าไม่สามารถช่วยได้ แบบนั้นแน่นอนว่าต้องมีหายนะภายหลัง ข้าจะเชื่อฟังเจ้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย”
………………………………………………