ไม่นานก็ถึงเมืองหลวงของอาณาจักรหนานเซียง เห็นเพียงบ้านแต่ละหลังในเมืองปิดแน่น บนถนนไม่มีคนเท่าไหร่นัก และคนเดินเท้าที่อยู่บนถนนแต่ละคนล้วนเดินอย่างรีบร้อน ถึงแม้ที่นี่ไม่มีภัยสงคราม แต่เมื่อเทียบกับอาณาจักรโหย่วเจียงที่ได้รับภัยคุกคามจากสงคราม กลับแตกต่างกันเหมือนคนละโลก
“เซวียนหยวนฮุ่ยโหดร้ายไร้ผู้ใดเปรียบ ประชาชนในเมืองก็ลำบากลำบนหลายครั้ง ตามคำบอกเล่า ทุกเดือนเขาต้องเลือกหญิงสาวจากในอาณาจักรเข้าไปเป็นนางบำเรอในวังหนึ่งคน และหญิงที่เข้ามาเป็นนางบำเรอทุกคน หลังออกจากวังไปไม่กลายเป็นร่างไร้วิญญาณก็ไม่ต่างจากตาย ตอนนี้ประชาชนในอาณาจักรหนานเซียงล้วนอ้อนวอนต่อฟ้าไม่ให้พวกเขาตั้งครรภ์ลูกสาว แต่ระยะเวลาที่เซวียนหยวนฮุ่ยเลือกหญิงเข้าวังกลับถี่ขึ้นไม่หยุด”
พูดจบ เหลียงจีพลันเรียกพลังขึ้นมาที่นิ้ว จากนั้นทำลายเขตพลังบนเมือง
แต่ลองหลายครั้งกลับไม่มีผล ตอนถูกช่วยออกมาใหม่ๆ ลู่ยาเคยพูดว่านางยังต้องบำรุงร่างกายให้ดี หลังจากกลับมาได้ปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในวังอีกครั้ง ต่อมาก็เกิดเรื่องกับซื่ออินอีก นางเข้าไปในสนามรบด้วยตนเอง เรื่องมากมายเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน จึงกินพลังวิญญาณของนางไปมาก
มู่จิ่วพูด “ให้ข้าลองหน่อยเถิด”
พูดจบนางหยิบกระบี่ขึ้นมา เร่งพลังที่นิ้วมือ แต่กลับไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว
ลู่ยามองพวกนางทำซ้ำไปมา จึงค่อยละสายตาจากการมองไปรอบๆ สะบัดแขนเสื้อทำลายเขตพลัง ก่อนนำพวกนางมุ่งตรงเข้าไป
“ยังต้องหาที่อยู่ของซื่ออินก่อน เข้าไปดูในวังหลวงเป็นอย่างแรก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสังหารเซวียนหยวนฮุ่ย หากไม่สังหารเขา เกรงว่าพาซื่ออินไปจะเป็นเรื่องลำบาก” ลู่ยาเอ่ย จากนั้นใช้คาถาอำพรางกายซ่อนร่างทุกคน “พวกเจ้าเข้าวังไปก่อน มู่จิ่วพาอาฝูกับจื่อจิ้งไปหาเซวียนหยวนฮุ่ย พวกเหลียงจีเจ้าไปหาซื่ออิน”
“ข้าจะไปดูรอบๆ และสร้างเขตพลังป้องกันเซวียนหยวนฮุ่ยหลบหนี ใครที่เจอเขาก่อนให้คนนั้นส่งสัญญาณออกมา ข้าจะไปหาพวกเจ้าเอง”
มู่จิ่วพยักหน้า
เหลียงจีเอ่ย “พวกเราเข้าไปทางทิศเหนือ! ข้าเคยมาวังหลวงหนานเซียง รู้ว่าทางเหนือของพวกเขามีสวนดอกไม้”
นางพูดพลางชี้ไปทางเหนือ
มองเห็นไม่ชัดว่าสภาพทางเหนือเป็นอย่างไร เมื่อขี่ลมเดินเข้าไป ที่แท้ก็เป็นสวนดอกไม้ของวังหลวงหนานเซียง
ครั้นมาถึงตรงนี้ต้องแยกทางแล้ว ทั้งสองฝ่ายส่งสายตาให้กัน มู่จิ่วพาอาฝู จื่อจิ้ง และอวี๋เหิงไปทางตะวันออก พวกเขาแต่เดิมมาทางนี้เพื่อตามหาเซวียนหยวนฮุ่ย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องจงใจอำพรางตน ส่วนพวกเหลียงจียังต้องตามหาซื่ออินอย่างละเอียด ย่อมไม่อาจแสดงตัวและยิ่งต้องระมัดระวังไว้
ตามหลักแล้ว เสือลายเหลืองพ่ายแพ้สงคราม เซวียนหยวนฮุ่ยควรรักษาการณ์ที่กองทัพ ป้องกันโหย่วเจียงมาโจมตีซ้ำหลังจากชนะแล้ว ทว่าเขาไม่เพียงรีบร้อนหนีไป แม้แต่ทัพทหารยังแตกพ่ายไปแล้ว คิดดูคงเป็นตามที่ลู่ยาคาดเดาไว้ เขายังมีแผนสำรองไว้รับมือกับเผ่าพันธุ์เสือขาว แต่ไม่ว่าอย่างไรโหย่วเจียงก็มีลู่ยาคอยสนับสนุน นางแค่ต้องสังหารเซวียนหยวนฮุ่ย และช่วยซื่ออินกลับไปให้ได้ก็พอแล้ว!
“หงิงหงิง!”
คนหลายคนเดินเลียบตีนกำแพงไป อาฝูที่เงียบสงบระวังระไวมาตลอดทางพลันร้อนรนขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นอาฝู?”
มู่จิ่วลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน กลัวว่าจะเหนื่อยเพราะเพิ่งทำลายค่ายกลพันมารมา นางเองก็ลืมถามหาหยกโมราจากลู่ยาเสียด้วย
อาฝูถูตัวอยู่บนร่างนาง มองไปรอบด้านอย่างสับสน ก่อนลุกขึ้นเดินต่อ
มู่จิ่วเอ็นดูเขา จึงเดินช้าลงเล็กน้อย และใช้พลังกระตุ้นดอกบัวทองที่แขน แสงของดอกบัวทองปกคลุมทั่ววังหลวงบางๆ จุดที่พลังวิญญาณแข็งแกร่งที่สุดเป็นทิศใต้ คงจะเป็นตำแหน่งของตำหนักหลัก ผู้ที่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งที่สุดในวังและยังอยู่ในตำหนักหลักได้มีเพียงเซวียนหยวนฮุ่ยเท่านั้น มู่จิ่วหันหน้าไปเรียกพวกอวี๋เหิง แล้วขี่ลมมุ่งไปยังวังหลัก
เพิ่งเข้าใกล้ระเบียงทางเดิน ในตำหนักพลันมีพลังชั่วร้ายรุนแรงพุ่งเข้าปะทะหน้า
“เจ้าโง่! ตอนนี้เมืองหลวงของโหย่วเจียงเหลือเพียงไท่ชีกับต๋าเจา จะมีเขตพลังอะไรทำลายไม่ได้!”
เสียงตะโกนของเซวียนหยวนฮุ่ยเหมือนฟ้าผ่า ได้ยินเสียงนี้ อาฝูก็กระวนกระวายกว่าเดิมทันที
มู่จิ่วตบๆ หัวเขาเพื่อปลอบโยน จากนั้นหยิบดอกบัวทองที่ลู่ยาให้กระโจนเข้าไป “ตายซะ เจ้าคนสารเลว!”
อาฝูกับจื่อจิ้งตามติดข้างหลัง อวี๋เหิงก็ตามมา พลันใช้กระบี่ในมือสร้างรอยแยกกว้างขนาดเจ็ดแปดจั้งบนพื้น ผู้อารักขาที่อยู่ไกลออกไปหนีไม่ทัน ตกหลุมลงไป เสียงร้องโหยหวนดังต่อเนื่องไม่หยุด!
เซวียนหยวนฮุ่ยในห้องคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่เขากำลังขบคิดจะกลับไปโจมตีเมืองหลวงของโหย่วเจียง จะมีคนทำลายเขตพลังของเขาเข้ามาในวังได้!
เขาพลันหันมาแล้วยืนขึ้น รีบหยิบขวานที่พิงอยู่ด้านข้างมาทันที! และในพริบตาที่หันหน้ามา บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและความสงสัย ขณะเดียวกันก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เสือลายเหลืองหลายตัวที่คุกเข่าอยู่ตรงพื้นพลันชักกระบี่ออกมาปกป้อง แต่แสงดอกบัวทองในมือมู่จิ่วที่สาดส่องออกมาแยงสายตาจนลืมตาไม่ขึ้น!
“โฮกกก…”
อาฝูที่ร้อนใจอย่างยิ่งเปลี่ยนร่างเป็นเสือใหญ่ พุ่งทะยานเข้าไป มู่จิ่วรีบตะโกนบอก “อาฝูหลบไป!” นางรีบหมุนตัวมาบังตรงหน้าเขา ยกดอกบัวทองในมือขึ้นรับขวานของเซวียนหยวนฮุ่ย และพลิกมือโจมตีเซวียนหยวนฮุ่ยกลับไป เขาโดนกระบวนท่านั้น คล้อยหลังเสียงสบถเย็นเยียบ เขากุมมือพลางถอยหลังไปจนหลังชนกำแพง!
มู่จิ่วใช้ฐานะที่เป็นหัวเสินรับมือกับราชาแห่งเผ่าเทพ กำลังที่แท้จริงห่างชั้นกันมากนัก แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะพ่ายแพ้ เห็นได้ว่าฤทธิ์ของดอกบัวทองยิ่งใหญ่มาก! คิดได้ดังนี้นางก็มั่นใจขึ้นมาก ใช้ดอกไม้แทนกระบี่ รุกคืบกดดันโจมตีเขาไป เซวียนหยวนฮุ่ยที่โดนโจมตีมาแบบนี้ได้แต่รับมือและไม่มีหนทางโต้กลับ จึงอดตะโกนอย่างร้อนรนไม่ได้ “เจ้าเป็นใคร!”
“คนที่จะมาเอาชีวิตเจ้า!”
มู่จิ่วยกปากยิ้มเยาะ หยุดการโจมตี กำลังจะรวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ก้านดอก อาฝูกลับพลันกระโจนออกมากจากในห้อง กระโดดข้ามรอยแตกตรงหน้าประตู ร้องคำรามพร้อมบินทะยานออกไปไกล!
“อาฝู!”
หลายคนล้วนตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กระบวนท่าของมู่จิ่วช้าลง เปิดโอกาสให้เซวียนหยวนฮุ่ยซัดฝ่ามือเข้าหานาง และหนีออกไปอย่างรวดเร็ว!
“อาฝูเป็นอะไร? เขาไปไหนแล้ว?!”
มู่จิ่วไม่สนใจร่างที่โดนฝ่ามือของตน ปาดเลือดออกจากมุมปากก่อนพูด
“ไปทางตะวันออก! ไม่รู้จะทำอะไร!”
จื่อจิ้งชี้ไปทางตะวันออก
“รีบไปดูเร็ว!”
มู่จิ่วพูดจบก็รีบเร่งตามไป
ลู่ยากำลังเดินไปรอบๆ เขาหนีไม่พ้นแน่!
จากนั้นไหนเลยจะรู้ว่าเดินไปได้ไม่ไกล ก็เห็นอาฝูอยู่บนยอดหลังคา ใต้ชายคาเป็นเหลียงจีและนายพลเสืออีกหลายคน พวกเขาแต่ละคนล้วนเดินไปรอบเรือนด้วยใจไม่สงบ และยังร้องเรียกชื่อของซื่ออิน!
“ซื่ออินอยู่ด้านในหรือ?”
มู่จิ่วพลันกระโดดลงมาบนพื้นก่อนถาม
“อยู่ข้างใน! แต่พวกเราเข้าไม่ได้! ที่นี่ไม่เพียงมีเขตพลังที่แข็งแกร่ง ในห้องยังมีคนเฝ้าด้วย!” เหลียงจีสีหน้าซีดขาว ร้อนรนจนน้ำตาไหลออกมา “พวกนั้นใช้เขากดดันข้า หากไม่กลับไปให้ราชาทำลายเขตพลังลง หากไม่ยอมแพ้ให้ พวกเขาจะทำลายจิตพยัคฆ์ของเขา!”
จิตพยัคฆ์ถูกทำลายก็เท่ากับวิญญาณสลาย พวกเขาถึงกับใช้วิชาที่ต่ำช้าขนาดนี้!
มู่จิ่วกัดฟัน “ใครอยู่ข้างใน?”
“งูแดงข้างกายเซวียนหยวนฮุ่ย ยังมีนายพลใหญ่สองคนหน้ากระบวนทัพ! มนต์ปีศาจของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ข้าหวั่นเกรงนัก อับจนปัญญา!” เหลียงจีพูดอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองสั่นเทาแล้ว
………………………………………………