ร่างของหลินเจี้ยนหรูที่ได้รับอิสระอีกครั้งร่วงหล่นลงไป เขายันตัวกับกำแพงเพื่อพยุงร่างไว้ กุมลำคอพลางพูด “นอกจากเสื้อสีเขียวแล้ว เขามีผมยาวสยาย หน้าตาไม่เหมือนลู่ยาก็จริง แต่นี่จะยืนยันอะไรได้? สำหรับเทพชั้นสูงอย่างพวกเขา การเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเป็นเรื่องง่ายดายนัก! ประเด็นคือถึงแม้หน้าตาไม่เหมือน วิชาอาคมของเขากลับไม่ด้อยกว่าลู่ยาแน่!”
ชายชุดเขียว!
มู่จิ่วรู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นราดหัว เย็นเฉียบในพริบตาเดียว
คนที่เขาเจอที่ปรโลกเก้าแดนคือชายชุดเขียว!
ชายชุดเขียวมอบพลังบำเพ็ญและพลังวิญญาณให้หลินเจี้ยนหรู บีบให้เขาเข้าสู่ทางมาร และพลังที่เขาฝึกยังเป็นสายเสวียนหมิงอีก!
เช่นนี้หมายความว่าการคาดเดาของลู่ยาถูกต้อง คนที่อยู่ที่คลื่นจิตพสุธาคือชายชุดเขียว!
แต่ทำไมเขาถึงได้มีพลังสายเสวียนหมิงได้?
และทำไมอาคมของเขาถึงแข็งแกร่งกว่าลู่ยาอีก!
นี่มันไม่สมเหตุสมผล!
“เขายังพูดอะไรกับเจ้าอีก!” นางถาม
หลินเจี้ยนหรูกลับคืนสู่สภาพปกติ เขาลูบแขนเสื้อ พลันนึกถึงภาพในม่านแสงที่ชายชุดเขียวให้เขาดู นางในตอนนี้กับนางในอนาคตนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งชายชุดเขียวยังบอกอีกว่าอีกหมื่นปีให้หลังเขาจะตายด้วยเงื้อมมือของนาง! แต่เดิมเขาไม่เชื่อ แต่หลังผ่านเรื่องเมื่อครู่ไป เขากลับไม่อาจไม่เชื่อแล้ว
เขาตอบ “ไม่ได้พูดอะไร เขามอบพลังให้ข้าแล้วก็จากไป”
หลินเจี้ยนหรูไม่อาจพูดเรื่องเหล่านั้นออกมาได้ ไม่ว่าชายชุดเขียวจะใช่ลู่ยาหรือไม่ เขาก็เป็นคนคุ้นเคยยิ่งของนางทั้งนั้น หากนางรู้ทีหลังแล้วไปหาเขา เกรงว่าเขาก็คงเดือดร้อนไม่น้อย
มู่จิ่วมองเขาอย่างเย็นชา ก่อนนั่งลงไปบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลัง
ชายชุดเขียวที่พวกเขาตาหามาตลอด ที่แท้ก็เคยปรากฏตัวออกมา และยังเข้าใกล้หลินเจี้ยนหรูภายใต้สายตาของนาง เขาไม่ใช่ลู่ยาแน่นอน! ลู่ยาไม่ทำเรื่องพวกนี้แน่ๆ! เขาต้องไม่ช่วยคนชั่วทำเรื่องเลวร้าย รู้ว่าหลินเจี้ยนหรูทำเรื่องไม่ดีไว้ยังมอบพลังให้อีก!
ชายชุดเขียวผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่?
ไม่ นางต้องไปบอกลู่ยา!
“อาฝู!”
“ใต้เท้า!”
นางลุกขึ้นอีกครั้ง ขณะกำลังจะสั่งอาฝู เสียงของหลี่อี้ก็พลันลอยมาจากข้างนอก
นางรีบเก็บเขตพลัง ซ่างกวนสุ่นที่อยู่ใกล้ประตูเปิดประตูออก หลี่อี้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตอนเห็นหลินเจี้ยนหรูเขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ใต้เท้า เกิดเรื่องที่เขาขลุ่ยหยกแล้ว! ไม่รู้ว่าจีหมิ่นจวินได้ข่าวมาจากไหนว่าหลินเจี้ยนหรูสืบทอดตำแหน่งผู้อาวุโสของฉางหลิวเจินเหริน จึงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ตอนนี้กำลังอาละวาดอยู่ที่นั่น!”
มู่จิ่วกวาดตามองหลินเจี้ยนหรูอย่างรวดเร็ว สีหน้าหลินเจี้ยนหรูพลันเปลี่ยน ความเย็นชาในแววตากลายเป็นความรังเกียจ
“ซ่างกวนสุ่นรั้งอยู่ก่อน ส่วนพวกเจ้าตามข้ามา!”
มู่จิ่วหยิบกระบี่เดินออกไป อาฝูรีบติดตาม
เขาบัวหยกกับเขาขลุ่ยหยกห่างกันเพียงสิบกว่าลี้ กั้นด้วยหุบเขาลึกเท่านั้น
พวกมู่จิ่วเดินทางมาได้ครึ่งทางก็ได้ยินเสียงวิวาทลอยมาแล้ว
มู่จิ่วคาดเดาไว้แล้วว่าจีหมิ่นจวินอาจจะอาละวาดแบบนี้ ในใจก็อยากเห็นว่านางที่เกรี้ยวกราดอยู่ตลอดเวลาจะกู้หน้ากลับมาอย่างไร แต่เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นมาพอดี มู่จิ่วกลับไม่อาจสบายใจได้เช่นตอนแรก
ไม่นานก็มาถึงเขาขลุ่ยหยก เพิ่งเข้ามาก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของจีหมิ่นจวิน “…ตั้งใจรวมหัวกันกลั่นแกล้งพวกเราแม่ลูก! หลินเจี้ยนหรูนับเป็นอะไร? มันฆ่าพ่อฆ่าน้องสาว เป็นเพียงสวะที่สมควรถูกฟ้าลงทัณฑ์! พวกเจ้ากลับยกย่องคนอย่างมันมาเป็นผู้อาวุโสของสำนัก ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ ไม่มีทาง! หากข้ายังอยู่ คนอย่างหลินเจี้ยนหรูอย่าได้คิดเป็นใหญ่ในแรกพยับ!”
มู่จิ่วเหลือบมองหลินเจี้ยนหรูที่ตามมาด้วยกัน ใบหน้านิ่งเฉยยามเดินผ่านประตูเข้ามา
ใบหน้าหลินเจี้ยนหรูเขียวคล้ำ เขาเดินเข้าประตูมา สายตาจับจ้องไปยังจีหมิ่นจวินที่ชี้กระบี่ไปทางพวกหัวชิงและคนอื่นอยู่กลางลานเปิดโล่ง
แน่นอนว่าสีหน้าของหัวชิงและคนอื่นไม่สู้ดีนัก แต่เมื่อเห็นมู่จิ่วนำเข้ามา ก็ยังเดินขึ้นมารับเล็กน้อยอย่างอับอาย ประสานมือเอ่ยว่า “เจ้าสำนักโชคไม่ดี ให้ใต้เท้ากัวเห็นเรื่องน่าหัวเราะแล้ว”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” มู่จิ่วเดินเข้าไปข้างใน ผ่านกลางวงพวกเขา ตรงเข้าไปยังโถงหลัก
กลุ่มคนเดินตามเข้าไป หัวชิงให้นางนั่งในตำแหน่งแขก ก่อนเอ่ย “เรื่องเป็นเช่นนี้ อีกไม่นานจะมีการเลือกเจ้าสำนัก ก่อนหน้านี้กำหนดไว้แล้วว่าให้ฉางหลิวเจินเหรินเป็นผู้สืบทอด และคิดจะเลื่อนให้หลินเจี้ยนหรูขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งผู้อาวุโสของเขา คิดไม่ถึงว่าจีหมิ่นจวินกลับคัดค้าน ยืนกรานเสียงแข็ง ดังนั้นจึงเกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้น”
มู่จิ่วมองไปทางหลินเจี้ยนหรูก่อนถาม “ตามที่ข้ารู้มา หลินเจี้ยนหรูไม่ได้มีพลังบำเพ็ญเพียงแค่สองร้อยปีหรือ? ด้วยพื้นฐานเช่นนี้ของเขา จะสืบทอดตำแหน่งสำคัญอย่างผู้อาวุโสได้อย่างไร?”
มือทั้งสองของหลินเจี้ยนหรูกำหมัดแน่น เห็นได้ชัดว่าตึงเครียดอยู่บ้าง
“มีส่วนที่ใต้เท้ายังไม่รู้อีก ถึงแม้อายุของหลินเจี้นหรูจะน้อย แต่เขามีพรสวรรค์ ทั้งยังมีวาสนาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้ไม่เพียงมีพลังเท่าขั้นหัวเสิน พลังวิญญาณก็ยังเพิ่มขึ้นมาก ทั้งยังมีพลังเสวียนหมิงในร่าง ระดับความลึกล้ำไม่ได้ต่ำกว่าซ่านเซียนเลย และเขายังได้รับอิทธิฤทธิ์จากลู่ยาเต้าจู่มาอีก หากนับกันตามลำดับศักดิ์ เขาได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสก็นับว่าเหมาะสมแล้ว”
“เขาจะเป็นผู้สืบทอดของลู่ยาได้อย่างไร! เขาต้องไปฝึกวิชามารที่ไหนมาแน่!”
หัวชิงเพิ่งพูดจบ จีหมิ่นจวินก็แทรกเข้ามาทันที ชี้หลินเจี้ยนหรูพร้อมทั้งด่าทอเสียงดัง
หลินเจี้ยนหรูสีหน้าเรียบเฉย
มู่จิ่วมองหัวชิง “เจินเหรินแน่ใจได้อย่างไรว่าพลังเสวียนหมิงในร่างของเขามาจากลู่ยาเต้าจู่? หากบอกว่าคนที่ฝึกพลังเสวียนหมิงคือลู่ยา เช่นนั้นเสือขาวน้อยของข้าก็ฝึกพลังเสวียนหมิง เขาก็ต้องได้รับการเคารพยกย่องจากพวกเจ้าด้วยน่ะสิ?”
ลูกศิษย์ของลู่ยานับว่าเป็นรุ่นเดียวกับไท่ซ่างเหล่าจวิน ฐานะของอาฝูสูงกว่าพวกเขาไม่รู้ตั้งกี่เท่า ได้รับการเคารพจากพวกเขาก็ถูกแล้ว
หัวชิงพลันตอบโต้ไม่ออก
มือของหลินเจี้ยนหรูที่กำด้ามกระบี่อยู่แน่นขึ้นอีก
มู่จิ่วเห็นอยู่ แต่กลับไม่ใส่ใจ
“ไม่ผิด!” จีหมิ่นจวินรีบเข้ามาเสริม “ยืนยันได้อย่างไรว่าฝึกพลังสายเสวียนหมิงแล้วต้องเป็นลูกศิษย์ของลู่ยา? เขาไม่ได้ฝึกพลังสายเสวียนหมิงแล้ว ก็ยิ่งต้องถีบออกจากสำนักถึงจะถูก!”
“เจ้าหุบปากซะ!” มู่จิ่วหันกลับมา “พวกเราทำคดีก็ว่ากันไปตามจริง ในเมื่อเจ้าคิดว่าหลินเซี่ยกับจีหย่งฟางถูกสังหาร ทั้งยังปล่อยมานานขนาดนี้ค่อยมาร้องทุกข์ เช่นนั้นขอให้ในช่วงนี้เจ้ารีบรวบรวมหลักฐานมาให้ข้าโดยเร็ว ข้าจะได้รับสรุปเรื่องราวส่งไปให้ใต้เท้าหลิวตัดสิน”
พูดแล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมองหัวชิง “ข้าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องราวในสำนัก แต่เท่าที่ข้ารู้ ลู่ยาเต้าจู่ไม่เคยรับศิษย์ที่เป็นมนุษย์มาก่อน เจินเหรินเห็นความสำคัญของพลังเสวียนหมิงเป็นเรื่องดี แต่อย่าได้พลั้งเผลอทำเรื่องชั่วด้วยความตั้งใจดี หากลู่ยารู้ว่ามีคนอ้างชื่อเป็นศิษย์เขา หลอกคนไปทั่ว เกรงว่าถึงตอนนั้นเจินเหรินคงรับไม่ไหว!”
นางเหลือบตามองหลินเจี้ยนหรูอย่างเย็นชา ก่อนจะพาอาฝูกับหลี่อี้ออกไป
นางไม่อาจให้อภัยเรื่องที่หลินเจี้ยนหรูหมิ่นเกียรติลู่ยาได้! ถึงแม้เขาจะเล่าเรื่องขมขื่นหรือเรื่องที่จำเป็นมากกว่านี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะทำให้ลู่ยาแปดเปื้อน! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังวางแผนใช้ชื่อลู่ยาหลอกลวงผู้คน ถึงขั้นนี้นางก็ไม่อาจให้อภัยคนเช่นเขาได้แล้ว!
………………………………