ตอนที่ 43 หญิงสาวผู้จิตใจดีงาม
ลั่วหยิ่งสวมกางเกงเรียบร้อยแล้วก็เดินโกรธไปหยุดที่ข้างหน้าของหลินหยาง จ้องหลินหยางอย่างโกรธเคืองแล้วถามว่า “เมื่อกี้นายพึ่งพูดว่าจะไม่อาบดูฉันไม่ใช่หรอ”? “เมื่อกี้นายจ้องมองฉันทำไม”?
“ฉันไม่ได้แอบมอง ฉันมองอย่างเปิดเผยเลยแหละ ” หลินหยางพูดอย่างไร้ยางอาย
“พอ! หน้าไม่อาย!” กระทืบเท้าเล็กๆด้วยความอับอายขายขี้หน้าและแค้น ลั่วหยิ่งเดินไปที่ประตูใหญ่และเปิดกลอนประตูแล้วเดินสะบัดแขนไป
หลินหยางรีบล็อกกลอนประตูวิ่งตามลั่วหยิ่งแล้วพูดว่า “สาวน้อยเธอโกรธอะไร เมื่อกี้ฉันไม่ได้ดูจริงๆ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“นายโกหก? นาย——นายจ้องมองฉันแบบนั้นแล้วยังมาพูดว่าไม่เห็นอะไรอีกหรอ” น้ำตาคลอที่รอบตา ลั่วหยิ่งพูดด้วยความรู้สึกน้อยใจ
ก่อนหน้านี้เวลาส่วนใหญ่ฉันก็มองไปที่ท้องฟ้า และก่อนหน้านี้ที่เธอกำลังถ่ายเบาอยู่นั้น ฉันไม่ได้มองเธอนะ หลินหยางคนที่ก่อนหน้านี้จ้องมองที่ลั่วหยิ่งตลอด ได้เห็นเธอถ่ายเบาโดยที่เธอไม่หันหลังมาก็ปลอบหลอกล้อลั่วหยิ่งทันที
“พูดก็พูดเถอะเธอสวยขนาดนี้ คนหน้าตาออกจะสวยยังไม่อนุญาตให้คนอื่นดูอีกหรอ”? หลินหยางดูแล้วที่พูดไปเมื่อสักครู่ได้ผลเลยรีบพูดประจบสอพอไปอีกครั้ง
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าลั่วหยิ่งก็ผ่อนคลายลง แต่ก็ยังคงพูดอย่างปากแข็งว่า “สวยตรงไหน ไม่สวยเลยสักนิด”
“ทำไมจะไม่สวยหล่ะ สวยตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอหน้าตาสวย รูปร่างก็ดี ผู้ชายที่คิดจะจีบเธอน่าจะต่อแถวยาวจากปักกิ่งถึงใต้หวันเลย” หลินหยางพูดอย่างเต็มปาก
แต่ผู้หญิงก็ชอบฟังคำพูดแบบนี้แหละ และหลังจากที่หลินหยางได้พูดจาดีดีไปไม่กี่ประโยค ลั่วหยิ่งก็หน้าแดงพูดด้วยเสียงเล็กๆว่า“ครั้งนี้ฉันให้อภัยนายแล้ว ถ้ามีครั้งหน้า ฉันไม่เกรงใจนายแน่”
“ไม่มีครั้งหน้าแน่นอน เธอพาฉันไปหาน้องชายเธอเถอะ” หลินหยางเห็นลั่วหยิ่งอารมณ์ดีแล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ได้ นายตามฉันมา เออใช่! นายตามหาน้องฉันทำไม?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่จะให้เขาช่วยฉันหาเครื่องปรุงยาจีน เวลาฉันผสมยาสมุนไพรจำเป็นต้องใช้ยาตัวนี้” หลินหยางยิ้มอธิบาย
“หรือว่าจะเป็นอันที่ครั้งที่แล้ว? อันเล็กเล็ก ที่ดมแล้วหอม?” ลั่วหยิ่งถามอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ทำไม เธอเคยเห็นหรอ?” หลินหยางตื่นเต้นจึงรีบถาม
ลั่วหยิ่งพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ เคยเห็นนิดหน่อย ตอนนี้นายยังอยากได้อีกหรอ? อันที่ต้นหนึ่งมีสองเส้น?”
หลินหยางพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเกิดใช่ละก็ นี่แหละที่ฉันอยากได้”
นายจะเอาเท่าไหร่? เมื่อได้ยินหลินหยางพยักหน้า แววตาของลั่วหยิ่งก็แวววาวเล็กน้อยท่าทีคล้ายกับตอนนี้ต้องการเงินเป็นอย่างมาก
หลินหยางเห็นลั่วหยิ่งมีท่าทางที่รอคอยก็เลยหยุดและมองมาที่ลั่วหยิ่ง “ตอนนี้เธอต้องการเงินหรอ”?
ฉัน——-
เมื่อได้ยินหลินหยางถาม นัยน์ตาของลั่วหยิ่งก็แดงขึ้นมา จนสุดท้ายกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ไหลลงมาเป็นเม็ดเป็นเม็ด
เมื่อเห็นลั่วหยิ่งเป็นแบบนั้น หลินหยางก็ตกใจ มองไปรอบๆ ยังดีที่ตรงนี้พึ่งออกมาจากหมู่บ้าน ไม่มีใครเห็น ไม่งั้นคนอื่นต้องคิดว่าตนเองรังแกลั่วหยิ่งแน่
มองไปที่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าร้องไห้ดั่งสายฝน หลินหยางใจอ่อนแล้วพูดปลอบ “ถ้าเธอเชื่อใจพี่หยางคนนี้ มีอะไรก็พูดกับฉันมาเถอะ”
เมื่อได้ยินหลินหยางพูดอย่างอบอุ่น สุดท้ายลั่วหยิ่งก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้เบาๆเอนตัวไปทางตัวหลิน หยางคล้ายกับต้องการหาที่พึ่งพา
สองมือของหลินหยางดึงลั่วหยิ่งมาไว้ในอ้อมกอด ตบเธอเบาๆที่หลัง “เด็กน้อยหยิ่งไม่ร้องนะ เชื่อฟัง พูดกับฉันว่ามีเรื่องอะไร”?
ปีนี้ลั่วหยิ่งก็อายุ19แล้ว ร่างกายเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ หน้าอกที่กลมนุ่มนูนสูงแนบติดที่บนตัวของหลินหยาง ความยืดหยุ่นที่น่าทึ่งของมันทำให้หลินหยางคาดเดาในใจว่าหญิงสาวคนนี้แท้จริงแล้วได้เจริญเติบโตมากขนาดไหน
และกลิ่นหอมของความบริสุทธิ์ถ่ายทอดไปยังรูจมูกของหลินหยาง กลางอ้อมอกโอบกอดสาวสวยแบบนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ตรงส่วนนั้นของหลินหยางก็แข็งอย่างหน้าไม่อายอีกครั้ง
ลั่วหยิ่งกลับไม่รู้ว่าตอนนี้หลินหยางกำลังมีปฏิกิริยา เอาหัวพิงไปบนไหล่ของหลินหยางราวกับว่าเจ็บปวดเสียใจมาก คาดไม่ถึงเธอเอาสองแขนโอบกอดหลินหยางด้วยตนเอง
ตอนนี้ยังคงเป็นฤดูร้อน เสื้อผ้าบนตัวของทั้งสองคนก็บางมาก รับรู้ได้ถึงความอ่อนนุ่มของร่างกาย ลมหายใจของหลินหยางก็แรงขึ้นมานิดหน่อย
“พอแล้ว หยิ่งน้อย พูดกับฉัน จริงๆแล้วเป็นอะไร” หลินหยางเอ่ยถามลั่วหยิ่งโดยถือโอกาสโอบกอดเธอไว้
“คะแนนสอบของฉันพอที่จะเข้ามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้แต่ว่าฉันพูดกับพ่อแม่ฉันแล้ว พวกเขาบอกว่าลูกผู้หญิงเข้ามหาวิทยาลัยจะมีประโยชน์อะไร อีกทั้งทางบ้านก็จ่ายค่าเทอมไม่ไหวก็เลยอยากให้ฉันออกไปทำงานหาเงิน ฮือฮือ——ฉันอยากเข้ามหาวิทยาลัย อยากเข้ามากจริงๆ”
ราวกับว่าได้พบบุคคลที่ให้ระบายความทุกข์ด้วยแล้ว ลั่วหยิ่งโอบกอดหลินหยาง ความรู้สึกทะลักออกมาดั่งน้ำป่าที่ไหลหลาก
“พอแล้ว ไม่ร้องไม่ร้อง เข้ามหาลัยวิทยาลัยยังไงก็มีประโยชน์แน่นอน รอซักหน่อยฉันจะไปเกลี้ยกล่อมพ่อกับแม่เธอเอง” หลินหยางพูดพลางตบที่หลังของลั่วหยิ่ง
เพราะว่าร้องให้สะอึกสะอึ้น ลั่วหยิ่งที่อยู่บนตัวของหลินหยางก็กวัดแกว่งเสียดสีไปมา รับรู้ถึงสิ่งที่อ่อนนุ่มตรงนั้น ในหัวของหลินหยางก็เกิดความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
“ไม่มีประโยชน์ ทางบ้านไม่มีเงินให้ฉันเข้ามหาวิทยาลัย ต้องใช้ค่าเทอมหลายพันหยวน ตอนฉันเรียนมัธยมปลายก็เก็บค่าเทอมตั้งนานกว่าจะเก็บครบ” ลั่วหยิ่งเอาหัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของหลินหยาง พูดอย่างน้อยใจ ราวกับกำลังบ่นถึงความไม่ยุติธรรมของโลกใบนี้
“พอแล้ว ไม่ร้อง เธอบอกกับฉัน เธอสามารถหาต้นหญ้ากรดน้ำได้เท่าไหร่ หลินหยางจับที่หน้าลั่วหยิ่งแล้วถาม
ในตอนนี้น้ำตาลั่วหยิ่งไหลคลอมาที่หางตา ขนตายาวดูแล้วทำให้ใจละลายมากๆ พอได้ยินหลินหยางพูด ปากเล็กๆสีแดงก็พูดตะกุกตะกักออกมา “มีเยอะมาก เมื่อไม่กี่วันฉันพึ่งออกไปดู ถ้านายอยากได้สองเส้นในหนึ่งต้น หน้าร้อนนี้อย่างน้อยๆฉันสามารถขุดมาให้นายประมาณหนึ่งถึงสองพันหยวน นายยังต้องต้นหญ้านั้นอีกมั้ย?”
เมื่อหลินหยางได้ยินลั่วหยิ่งพูด หัวใจของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรงไปพักนึง หนึ่งถึงสองพันหยวน? ตนเองคิดว่าหนึ่งต้นสองเหมา ห้าต้นถึงจะหนึ่งหยวน ถ้าหนึ่งถึงสองพันหยวนหล่ะก็ต้องเอาต้นหญ้ากรดน้ำอย่างน้อยห้าพันต้นขึ้นไป จำนวนนี้ทำให้น่าตกใจมากอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าตนเอาทั้งหมดมากลั่นเป็นครีมแผลลาย งั้นต้องออกเงินของตัวเองถึงจะได้กลับมา
แต่หลินหยางก็ยับยั้บความคิดของตัวเองโดยเร็ว ครีมแผลลายถึงแม้คุณภาพจะใช้ได้แต่ว่าขายแพงขนาดนี้ จะมีคนที่ไหนมาซื้อเยอะแยะ? เมื่อก่อนเซี่ยหลินหลินสั่งซื้อหนึ่งแสนคาดว่าน่าจะเป็นเพราะอยากขอบคุณ
หลินหยางยังไม่เคยติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลในสังคมชั้นสูง ยังไม่รู้จักแวดวงสังคมชั้นสูง ที่พอจะพูดได้ว่าใช้เงินเป็นเบี้ย อย่าว่าแต่ขวดหนึ่งห้าหมื่นหยวนเลย ขวดหนึ่งห้าแสนหยวนกระทั่งขวดหนึ่งหนึ่งล้านหยวน ผู้หญิงบ้านรวยที่รักสวยรักงามก็ต้องการ
แม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองขายครีมแผลลายไม่ไหวแต่เอาต้นหญ้ากรดน้ำไปบดเก็บไว้ในสต๊อกก็เป็นความคิดที่เฉียบแหลมดีเหมือนกัน
หลินหยางระงับความตื่นเต้นของเขาและรีบถาม” ต้นหญ้ากรดน้ำพวกนั้นอยู่ไหน พาฉันไปดูหน่อย ถ้ามันใช่ฉันก็จะเอาทั้งหมด”
“เอาหมดเลยหรอ?” ลั่วหยิ่งเมื่อได้ยินหลินหยางพูดภายในแววตาก็เกิดความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ใช่เอาหมดเลย เธอรีบพาชั้นไปดูเถอะ” หลินหยางรีบพูด
ลั่วหยิ่งราวกับจะเห็นความหวังของตัวเองที่จะเข้ามหาลัยแล้ว ตอนนั้นลืมไปเลยว่าต้องกลับไปช่วยที่บ้านทำไร่ข้าวโพด พาหลินหยางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อนึกถึงต้นหญ้ากรดน้ำพวกนั้น ในใจลั่วหยิ่งไม่หยุดที่จะคิดว่าจะต้องขุดออกมาให้ดี สามารถขายสองพันหยวน! แบบนี้ความหวังที่ตนจะได้เข้ามหาวิทยาลัยก็เพิ่มมากขึ้น
แต่ทว่าในใจลั่วหยิ่งก็กังวลอีกว่าหลินหยางจริงๆแล้วไม่ได้อยากได้ต้นหญ้ากรดน้ำเยอะขนาดนี้ ฐานะครอบครัวหลินหยางเธอก็เข้าใจดี ปู่ของเขาถึงแม้จะให้มรดกกับเขาบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะเยอะ เขายังจะต้องเรียนปีสี่ สำหรับเขาแล้วสองพันหยวน ก็เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย
สำหรับการคิดคำนวนในใจของลั่วหยิ่ง หลินหยางไม่มีทางที่จะรู้เลย
แม้ว่าในใจของทั้งสองคนจะมีแผนการเป็นของตัวเอง แต่ว่าเป้าหมายก็คือต้นหญ้ากรดน้ำ พวกเขาเดินอย่างรวดเร็ว สิบกว่านาทีต่อมา ลั่วหยิ่งก็พาหลินหยางมาถึงข้างแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่ง
แม่น้ำสายนี้ถูกคนในหมู่บ้านวี่หลงเรียกว่าแม่น้ำหลงเหอ ได้ยินมาว่ามันมาจากแม่น้ำฉางเจียง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องปลอม แต่น้ำในนี้ก็เยอะตลอดทั้งปี หน้าแล้งในหมู่บ้านเวลาจะทดน้ำเข้านาล้วนแล้วแต่เอาน้ำมาจากแม่น้ำหลงเหอโดยตรง
ตรงนี้มีเยอะมาก นายดูสิ ตรงนี้ใช่ไม่ใช่? ลั่วหยิ่งพาหลินหยางไปดูที่ข้างแม่น้ำ เขาหาบนพื้นดินซักพักก็หยิบต้นหญ้าเล็กๆไม่กี่ต้นออกมาจากวัชพืช
หยางหลินสายตาค่อนข้างดี มองหาไปยังใบไม้ที่มีความละเอียดอ่อนพร้อมกับหัวใจก็เต้นแรงนิดหน่อย เขาสามารถแยกออกมาได้อย่างธรรมชาติว่านี่คือต้นหญ้ากรดน้ำ เขารีบนั่งยองลง ดึงต้นหญ้ากรดน้ำออกมาจากพื้นดินหนึ่งต้น เอามาวางที่ปลายจมูกแล้วดม มีกลิ่นอ่อนหอมสดชื่นออกมาอย่างน่ามหัศจรรย์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีดอกแต่ว่าความหอมก็ยังคงซึมซ่านไปทั่วจิตใจ
“ต้นหญ้ากรดน้ำตรงนี้มีเยอะมาก นายดูสิตรงนี้ก็มี” ลั่วหยิ่งดึงต้นหญ้าออกมา นึกไม่ถึงว่าข้างในยังมีต้นหญ้ากรดน้ำเรื่อยอยู่ข้างร่างอีกสองต้น
หลินหยางไม่เชื่อจึงหาดูไปรอบๆ เขาก็เห็นต้นหญ้ากรดน้ำจำนวนมาก ในเวลาเพียงสิบกว่านาที หยางหลินเห็นต้นหญ้ากรดน้ำไม่น้อยกว่าสามสิบต้น
ต้นหญ้ากรดน้ำเป็นหญ้าตระกูลน้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีที่ข้างแม่น้ำ เพราะที่บริเวณตรงนี้มีน้ำเพียงพอ
หลินหยางแววตาเป็นประกาย ต้นหญ้ากรดน้ำเยอะขนาดนี้ตัวเองคงพอใช้ไปอีกนาน ถ้ากลั่นออกมาเป็นครีมแผลลายทั้งหมด จะได้เงินเท่าไหร่นะ?
แม้ว่าที่เมืองเจียงหลิงตนจะขายได้ไม่เท่าไหร่ แต่ประเทศจีนกว้างขนาดนี้ ยังจะกลัวตนเองผสมออกมาขายไม่ได้อีกหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามีโอกาสก็สามารถส่งขายไปยังนอกประเทศได้
“หลินหยาง ต้นหญ้ากรดน้ำเยอะขนาดนี้ นายจะเอาจริงๆหรอ?” ลั่วหยิ่งที่อยู่ข้างๆถามด้วยความกังวล
หลินหยางที่กำลังเพ้อฝันอยู่นั้นแม้ว่าจะถูกขัดแต่เขาก็ไม่โกรธ เมื่อเห็นลั่วหยิ่งเข้ามา ก็ตื่นเต้นมากๆ คาดไม่ถึงเขาเข้าไปกอดลั่วหยิ่ง จูบไปที่บนแก้มแล้วพูดว่า “เอา เอาหมดเลย”
แม้ว่าลั่วหยิ่งจะโดนหลินหยางจูบไปทีนึง ตอนแรกทั้งโกรธทั้งอาย แต่ว่าพอฟังประโยคถัดมาของหลินหยาง ลั่วหยิ่ก็มีความสุขดีใจขึ้นมา
หลินหยางพอรู้ว่าตัวเองลืมตัวไปก็เลยรีบพูดขอโทษลั่วหยิ่ง “ก่อนหน้านี้เห็นต้นหญ้ากรดน้ำเยอะขนาดนี้ ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธออย่าเอามาใส่ใจเลยนะ”
ได้ยินดังนั้นลั่วหยิ่งก็พยักหน้า พูดอย่างหน้าแดงว่า “ครั้งนี้ไม่เป็นไร ถ้ายังกล้ามีครั้งหน้าฉันจะผลักนายลงแม่น้ำหลงเหอให้เป็นอาหารปลา”
“เธอจะลอบฆ่าสามีที่รักหรอ” เมื่อได้ยินลั่วหยิ่งพูดหลินหยางที่อยู่ข้างๆก็พูดหยอกล้อ
“นายเป็นสามีที่รักของใคร ไปตายไป๊” ลั่วหยิ่งยกแขนขึ้นมาจะตีหลินหยาง แขนอันอ่อนแรงที่กำลังจะโดนตัวหลินหยางนั้นกลับโดนเขาคว้าไว้
มือเล็กที่เหมือนไร้กระดูกไปอยู่อุ้มมือของหลินหยาง
หลินหยางคลึงบีบซักพัก ลั่วหยิ่งอยากที่จะชักออกมาแต่กลับพบว่าถูกหลินหยางดึงไว้ เธอหน้าแดงอย่างหนักเลยปล่อยเขาเลยตามเลย
“นายจะเอาหญ้าพวกนี้เมื่อไหร่? ถ้าจะเอาตอนนี้ละก็ฉันจะช่วยนายทำตอนนี้” ลั่วหยิ่งพูดด้วยเสียงเล็กๆ
“ยังไม่ต้องรีบ พูดคุยเรื่องราคาซื้อขายกันก่อน” หลินหยางยิ้มแล้วนั่งลงที่ข้างแม่น้ำ
ลั่วหยิ่งนั่งข้างๆหลินหยาง ทั้งสองคนนั่งดูแม่น้ำไหลไปทางตะวันออกอย่างไม่ขาดสวย บรรยากาศข้างหน้าตอนนี้ช่างหอมเย็นอบอุ่น
“เธอเข้ามหาวิทยาลัย ทางบ้านของเธอสามารถเตรียมเงินให้มากที่สุดเท่าไหร่?” หลินหยางถาม
“ฉันก็ไม่รู้ ฉันคิดว่าอย่างมากก็หนึ่งถึงสองพันหยวน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่ได้อยากให้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” พอพูดถึงทางบ้านดวงตาของลั่วหยิ่งก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง
“เธอแน่ใจนะว่าตรงนี้มีต้นหญ้ากรดน้ำเยอะ” หลินหยางลองถามอีกครั้ง
“ อืม ครั้งที่แล้วหู่จือบอกว่านายอยากได้ต้นหญ้าแบบนี้ ฉันเลยออกมาหาดู เดินมาไกลมาก ก็หาต้นหญ้ากรดน้ำพวกนี้เจอ ดูปริมาณก็เยอะอยู่” ลั่วหยิ่งพูดอย่างมั่นใจ