ตอนที่ 62 ถึงตัวจะเล็กแต่ใจใหญ่ซะอย่าง
หลินหยางนวดๆ ถูๆ จางเยว่อย่างแผ่วเบาทำให้จางเยว่รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ยิ่งมีความรู้สึกจากระหว่างโคนขาอ่อนเข้ามาอย่างถาโถมยิ่งทำให้เธอหน้าแดงก่ำขึ้นมา
“อยู่คนเดียวก็สบายดีนะ” จางเยว่ที่นอนอยู่บนเตียงสูดหายใจเข้าออกพลางพูด “ฉันเองก็คิดจะหาใครสักคนเหมือนกันแต่ยังไม่เจอที่เหมาะสมเสียที”
“แล้วคุณคิดจะหาผู้ชายแบบไหนกันล่ะ?” ขณะที่หลินหยางกำลังนวดโคนขาของจางเยว่อยู่ ความรู้สึกอันอ่อนนุ่มก็ไหลผ่านมือเข้ามาจนทำให้ระหว่างโคนขาของเขาเองก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน
“ก็อยากจะหาคนที่มีฝีมือที่ดีดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์ไม่นอกใจอะไรแบบนี้” จางเยว่คิดไปด้วยพลางพูดไปด้วย
หลินเยว่ได้ยินก็ยิ้มตอบ “อย่างหลังยังพอว่า แต่คุณจะหาคนที่มีฝีมือดีไปทำอะไรกัน? หรือคิดจะหาคนที่มีฝีมือดีมาต่อล้อต่อเถียงกับคุณอย่างนั้นหรือ?”
“ไร้สาระน่า ใครต้องการคนที่จะมาทะเลาะด้วยกันล่ะ หากมีผู้ชายเข้ามาสักคนแต่คนนั้นแม้แต่จับไก่ก็ยังไม่มีแรงแล้วแบบนี้จะไปรู้สึกอะไรกันล่ะ” จางเยว่พูดพลางจ้องหลินหยางไปด้วย
พอหลินหยางได้ฟังในหัวของเขาก็พลันมีความคิดแปลกๆ เกิดขึ้นทันที ผู้ชายที่ไม่มีแรงจะจับไก่อย่างนั้นหรอ หรือก็คือคนที่ไม่มีน้ำยา ใช้แล้วไม่รู้สึกอะไรหรืออาจจะเป็นเพราะในใจไม่รู้สึกอะไรกันแน่นะ? ระหว่างตกอยู่ในห้วงความคิดสายตาของหลินหยางก็มาหยุดอยู่ที่เนินป่าของจางเยว่แบบพอดิบพอดี
สีตรงนั้นถึงจะไม่ได้เข้มมากแต่ก็ไม่ได้เป็นสีชมพูทั้งหมด พลางคิดถึงช่วงเวลาที่เธอแต่งงานมาปีกว่าๆ เธอก็คงจะมีความสุขยามค่ำคืนมาไม่มากก็น้อย
เหมือนจางเยว่จะรู้สึกได้ว่าสายตาของหลินหยางตอนนี้กำลังจ้องร่างกายของเธออยู่ ในใจก็เริ่มรู้สึกอายกับโกรธผสมกันไป ตัวเองอายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบแล้ว ทำไมต้องมารู้สึกเขินอายกับเด็กอย่างหมอนี่ด้วยนะ?
“นายมองไปที่ไหนกัน? ถึงจะมองแต่นายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” พอจางเยว่พูดจบเธอก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมาทันที แบบนี้มันเหมือนกับไปยั่วยุหลินหยางให้ทำเลย
พอหลินหยางเห็นจางเยว่ในท่าทางแบบนี้แล้ว เขาก็ยิ้มมุมปากในหัวก็พลางบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา ขณะที่เขากำลังนวดโคนขาของจางเยว่อยู่นั้นเขาก็เลยเอานิ้วโป้งค่อยๆ ถูสูงขึ้นไปจนมันไปสะกิดโดนจุดที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ ความรู้สึกแปลกๆ ก็ประดังเข้ามาหาจางเยว่ทันที
ดั่งถูกไฟช็อต ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มไปทั่วพลางส่งเสียงครางอันยั่วยวนออกจากปากอันจิ้มลิ้มของจางเยว่
ถึงตอนนั้นจางเยว่ก็จ้องหลินหยางพร้อมตะโกนใส่ด้วยความโมโห “นายทำอะไร?”
“ก็ช่วยคุณนวดยังไงล่ะครับ” หลินหยางแสร้งยิ้ม
ถึงแม้ว่าจางเยว่ในตอนนี้จะโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ในใจกลับไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิด สายตาเธอยังจ้องไปที่หลินหยางอย่างขุ่นเคือง “นายคิดจะแก้เผ็ดฉันหรือไงที่ฉันพูดว่ายังไงนายก็ไม่มีทางทำอะไรได้? ดูจากขากับแขนที่อ่อนแรงของนายแล้ว ถึงแม้ว่าจะฉวยโอกาสก็ตามก็คงไม่มีทางทนได้ถึงห้านาทีหรอก”
“แล้วคุณจะลองดูหน่อยไหมล่ะ?” พอหลินหยางได้ยินดังนั้นจึงพูดกระเซ้าเย้าแหย่กลับไป
“ไปให้พ้นซะ” จางเยว่มองหลินหยางด้วยสายตาว่างเปล่า
หลินหยางก็หัวเราะพลางใช้โคลนพิศุทธิ์นวดจางเยว่ต่อไป ขณะที่เขากำลังนวดอยู่ที่ท้องอันราบเรียบนุ่มลื่นของจางเยว่ผ่านไปครู่เดียวก็ไปถึงจุดที่อยู่ด้านใต้ของเนินอกของเธอพอดี
เมื่อเขาได้มองเนินอกคู่นั่นของเธอแล้ว หลินหยางก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แต่มือของเขายังไม่หยุดง่ายๆ พลางนวดขึ้นไปที่เนินอกที่นวลนุ่มคู่นั้นอย่างรวดเร็ว
จางเยว่เลือดสูบฉีดทันที่ที่รู้ว่าหลินหยางไปนวดตรงจุดนั้นของเธอ พร้อมทั้งขมวดคิ้วมองหลินหยาง “นายไม่ได้คิดจะตั้งใจฉวยโอกาสใช่ไหม?”
“ถ้าหากผมคิดจะฉวยโอกาสผมคงเลื่อนลงไปนวดที่จุดนี้ของคุณแล้วไม่รอให้เสียเวลาหรอก เดี๋ยวรอดูสภาพผิวของคุณพรุ่งนี้ก็จะรู้ว่าที่ผมทำอยู่น่ะคือการรักษาจริงๆ” หลินหยางถึงจะพูดอยู่แต่มืออันหนาใหญ่ของเขายังนวดก้อนเนื้อตั้งชันนั้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ก้อนเนื้ออันอ่อนนุ่มสมบูรณ์สองก้อนนั้นเปลี่ยนรูปทรงไม่หยุดในมือของหลินหยาง
ขณะที่หลินหยางก็นวดไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงลมหายใจของจางเยว่ก็เริ่มถี่ขึ้น เธอมองหลินเยว่ด้วยสีหน้าแดงก่ำ สายตาของเธอเต็มไปด้วยประกายยั่วยวนใจที่คล้ายจะดลใจให้มีความรู้สึกที่มีชีวิตชีวา
มองดูจางเยว่ที่หายใจระส่ำระสายร่างกายของหลินหยางก็เริ่มร้อนขึ้น การหายใจก็เริ่มหนักขึ้นเช่นกัน
ถึงแม้อายุจะน้อยแต่สติปัญญาเกินอายุจริงๆ! จางเยว่ก็ถือได้ว่าเป็นตำรวจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเพราะมีทั้งเชาวน์ปัญญาที่หลักแหลม แต่ตอนนี้เธอมองหลินหยางด้วยความรู้สึกต้องการผสมปนเปไปมา จึงทำให้เธอที่หน้าแดงก่ำตอนนี้พยายามสาปแช่งตัวเองไม่หยุด
“ที่ตรงนี้ถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ถ้าหากไม่รักษามันดีดีล่ะก็มันก็จะเสียรูปได้ คุณลองไตร่ตรองดูนะครับ” หลินหยางส่ายหัวพลางถอนหายใจ การจะเป็นแพทย์นั้นไม่ง่ายเลย เพราะมีมากที่รักษาคนอื่นด้วยความจริงใจแต่กลับถูกเอาเปรียบเสียอย่างนั้น
“อยากจะจับก็จับ ฉันโดนนายฉวยโอกาสขนาดนี้แล้ว พูดอะไรไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร” จางเยว่เผยความคิดของตนออกมาหมด เธอนอนเหยียดบนเตียงอย่างไม่เขินอายอีกต่อไปพร้อมทั้งปิดตารับความรู้สึกที่หลินหยางนวดอย่างเต็มที่ จางเยว่พลันหน้าแดงก่ำขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เข้ามาจากหน้าอกของเธออย่างไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดจางเยว่ก็อดทนต่อการปลุกเร้าแบบนี้ไม่ไหวพลันเปิดปากส่งเสียงอย่างมีความสุขไปทั่วทำให้ทั้งห้องรู้สึกเหมือนไร้ที่จำกัดอย่างไรอย่างนั้น
…
หลังจากที่รอหลินหยางเช็ดทำความสะอาดโคลนพิศุทธิ์จนหมดจดแล้ว จางเยว่ก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างกระหืดกระหอบ การนวดครั้งนี้หลินหยางสูญเสียพลังชี่ไปส่วนหนึ่งในการนวดไปทั่วร่างกาย จึงทำให้ตอนนี้เขารู้สึกอ่อนเพลียหน่อยๆ
เขาหันไปมองจางเยว่ก็เห็นเพียงใบหน้าเธอที่แดงก่ำคล้ายคนเมาเหล้า ขาสองข้างที่บิดไปบิดมา แล้วยังคล้ายจะมีลำธารเล็กๆ ไหลออกมาจากตรงนั้นอีกด้วย ดูแล้วมันช่างน่าเย้ายวนเสียจริง
พอจางเยว่รับรู้ได้ว่าหลินหยางมองอยู่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา มือของเธอก็พลันปิดเนินป่าจุดนั้นของเธอด้วย แต่ยิ่งเอามือปิดแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ความคิดเตลิดมากขึ้นไปอีก
“อยากดูมากขนาดนั้นเลยหรือ?” จางเยว่ถามขึ้นทันควัน
“ถ้าหากคุณอยากให้ผมดู ผมเองก็ไม่ติดขัดอะไร” หลินหยางตอบ
“นายเคยเห็นร่างกายของผู้หญิงมาก่อนรึเปล่า?” จางเยว่ถามขึ้นอีก
“ผม…” หลินหยางช็อตไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
มองดูท่าทางที่สงสัยของหลินหยางแล้วจางเยว่ก็พลางคิดถึงก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าไม่เคยมีแฟนมาก่อน แถมยังไม่เคยเห็นร่างกายผู้หญิงจริงๆ มาก่อน ในใจก็เริ่มรู้สึกอยากจะเล่นอะไรบางอย่างขึ้นมา จึงใช้น้ำเสียงยั่วยวนพูดว่า “อยากจะลองจับดูสักหน่อยไหมล่ะ?”
หลินหยางกลืนน้ำลายอึกใหญ่พยายามข่มใจไว้ไม่ให้หลงไปกับก้อนเนื้อขาวโพลนที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ แล้วเขาพูดเสียงเบาขึ้น “ถ้าหากคุณเห็นด้วยล่ะก็ผมก็ไม่ติดขัดอะไรหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นขอทดสอบนายหน่อยนะว่าพอจะมีคุณสมบัตินั้นรึเปล่า?” พูดจบสาวตาของจางเยว่ก็พุ่งไปที่จุดยุทธศาสตร์ของหลินหยางทันที
ในหน้าร้อนที่อากาศร้อนระอุแบบนี้หลินหยางก็ยังคงสวมกางเกงชั้นในไว้อีกตัวหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะสวมอะไรไว้ก็ไม่สามารถปกปิดบางสิ่งที่พร้อมจะตั้งตระหง่านอยู่ภายใต้ผ้าชิ้นน้อยนั้นได้ มองเห็นหลินหยางท่าทางแบบนี้แล้วยิ่งทำให้จางเยว่มองมันอย่างไม่ละสายตา
จางเยว่พยายามอดกลั้นใจไว้พลางค่อยๆ เขยิบไปหาหลินหยาง เธอใช้มือจับสิ่งนั้นเอาไว้แล้วเล่นไปมาอยู่หลายรอบจนเธออ้าปากหวอขึ้นมา
“เสี่ยว…เสี่ยวหยาง นายไม่ใช่คนปรกติแล้วแบบนี้ ตอนแรกฉันคิดว่าแบบนี้จะมีแค่ในภาพยนตร์เท่านั้นนะ” พูดถึงตรงนี้ใบหน้าจางเยว่ก็ร้อนฉ่าขึ้นมา ถึงแม้ว่าสี่ปีที่ผ่านมาจะไม่เคยผ่านชายใดเลยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเซ็กซ์ของเธอจะขาดรสชาติเสียทีเดียว จุดยุทธศาสตร์ของหลินหยางช่างเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ แค่มองปราดเดียวก็ทำให้ใจเต้นระส่ำระสายได้แล้ว
จากที่จางเยว่ฟื้นตัวจากการหมดสติได้ไม่นาน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะฟื้นฟูกลับมาหน่อยตั้งแต่ได้กินข้าว แต่ร่างกายก็ยังไม่ไหวขนาดนั้น แล้วอีกอย่างจากเมื่อสักครู่ที่หลินหยางนวดเธอยิ่งรู้สึกเหมือนพลังกายหายไปเกือบครึ่ง จึงทำให้ตอนนี้เธอหายใจอย่างกระหืดกระหอบ
เมื่อหลินหยางเห็นจางเยว่หายใจอย่างกระหืดกระหอบขึ้นมานั่นยิ่งทำให้ก้อนเนื้อที่ตั้งชูชันคู่นั้นกระเพื่อมแรงขึ้นไปอีก หลินหยางจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับมัน เขาใช้มือวนเล่นอยู่ที่เม็ดองุ่นเม็ดนั้นอยู่นาน นั่นทำให้จางเยว่รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่มีมาก่อนจนกลั้นไม่ไหวที่จะร้องครางออกไป
หลินหยางคลำอยู่ครู่หนึ่ง มือของเขาก็ค่อยๆ เลื่อนลงไปด้านล่างไปสู่โซนเนินป่าของจางเยว่ เป็นความรู้สึกที่นุ่มชื้นพุ่งเข้าสู่โสตประสาทของหลินหยางทันที
จุดที่ไวต่อความรู้สึกทั้งสองจุดของจางเยว่โดนกระตุ้นแบบนี้จากที่เธอก็ไม่มีแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ตอนนี้เธอนอนบนเตียงด้วยท่าทางที่อ่อนปวกเปียก พลางหรี่ตามองหลินหยางพร้อมซึมซับความรู้สึกที่หลินหยางกระทำต่อเธอด้วย
จนถึงตอนนี้มือของเธอมุดเข้าไปในกางเกงของหลินหยางทันทีพร้อมทั้งจับจุดยุทธศาสตร์นั้นไว้ ความรู้สึกอันรุ่มร้อนของทั้งสองคนเริ่มผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งมีเสียงกระดิ่งดังขึ้น
เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นมาขัดตอนช่วยปลุกทั้งสองคนให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ จางเยว่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักหลินหยางออกไป พลางนอนเขินอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงอยู่บนเตียง
หลินหยางพยายามอดกลั้นไม่ให้หุนหันพลันแล่นเกินไป เขาหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะขึ้นพลางคิดอย่างเงียบๆ ว่าถ้าหากไม่มีอะไรมารบกวนแล้วล่ะก็ตัวเองก็คงได้เสื่อมเสียเป็นแน่
เมื่อหลินหยางมองเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วเขาก็รู้ทันทีว่านั่นคือเซี่ยหลินหลินพลางถอนหายใจเบาๆ แล้วกดรับสายขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้จะทำให้ขุ่นเคืองอะไรไม่ได้เพราะเธอคือผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ เขาคงต้องยอมต่อไปเพื่อชีวิตที่สุขสบายล่ะนะ
“สวัสดี หลินหยาง พรุ่งนี้นายอยู่บ้านรึเปล่า?” เสียงหวานๆ ของเซี่ยหลินหลินพุ่งทะลุออกมา
“อยู่บ้านครับ” หลินหยางตอบ
“พรุ่งนี้ฉันกับป้าจางจะเข้าไปที่บ้านนะ นายเตรียมครีมบำรุงนั่นไว้รึยัง?” เซี่ยหลินหลินถาม
“วางใจเถอะ ปริมาณพอแน่นอนอยู่แล้วอีกทั้งยังดีกว่าครั้งก่อนอีก” หลินหยางหัวเราะ ตอนนี้ครีมบำรุงของตนที่เหลือสองขวดครึ่งตรงนี้รวมกับที่บรรจุอยู่ในขวดกระเบื้องเล็กๆ อีกยี่สิบขวดก็น่าจะเหลือเฟือ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ” เซี่ยหลินหลินหัวเราะแล้วก็วางสายตัดไป
“ว่ายังไง คนใกล้ชิดหรอ?” จางเยว่ถามหลินหยางอย่างหยอกล้อ ถึงแม้ว่าจางเยว่จะได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูดไม่ชัดแต่ก็รู้ได้ว่าในสายนั้นเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน
“เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งที่จะซื้อโคลนพิศุทธิ์เท่านั้นครับ เธอได้สั่งจองสินค้าเอาไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอจะมารับไป” หลินหยางอธิบาย
จางเยว่ยังถามต่อด้วยความสงสัย “ใช่ตัวที่นายเอามานวดให้ฉันใช่ไหม? สองขวดกว่าๆ นี่ก็หนึ่งล้านใช่ไหม?”
“ใช่ พรุ่งนี้เขาก็จะมารับสินค้าแล้ว” หลินหยางพยักหน้า
“เป็นยาอะไรที่แพงขนาดนี้ แล้วนายยังเอามาให้ฉันใช้อีกเนี่ยนะ?” จางเยว่มองหลินหยางด้วยสายตายากที่จะเข้าใจ
“การรักษาช่วยคนไข้เป็นจรรยาบรรณของแพทย์อยู่แล้ว เงินกับชีวิตเอามาวัดกันไม่ได้มากหรอก ถึงผมจะชอบเงินมากแค่ไหน แต่จะให้เห็นคนป่วยแล้วไม่เข้าไปช่วยผมทำไม่ได้จริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของราคาหนึ่งล้านนี้เลย ต่อให้เป็นยาหรือสมุนไพรราคาสิบล้านผมก็จะเอาออกมาช่วยแน่นอน” หลินหยางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
จางเยว่มองดูท่าทางที่เคร่งขึมแบบนี้ของหลินหยางก็รู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปในภวังค์ชั่วขณะ อุปนิสัยของหลินหยางแบบนี้ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ทันทีจากรูปร่างที่เป็นแค่เด็กหนุ่ม เด็กนักเรียนแพทย์คนนี้ช่างทรงเสน่ห์และดูเด่นเป็นสง่าเสียจริง
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณนายมาก ถ้าฉันหาเงินได้ครบแล้วจะเอามาคืนนะ” จางเยว่พูดเสียงเบา
“ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้คุณใช้จนหมดผมก็ไม่คิดเงินหรอกครับ วางใจเถอะแล้วก็นอนพักฟื้นเสีย” หลินหยางพูดแบบทื่อๆ
“อืม แล้วเมื่อไหร่ร่างกายของฉันจะฟื้นฟูกลับไปเป็นปรกติล่ะ?” หลังจากผ่านอะไรมามากมายทำให้จางเยว่ตอนนี้ตกอยู่สภาพอิดโรย
“ตอนนี้คุณอยู่ในสภาพอ่อนแออย่างมาก หากจะฟื้นฟูกลับไปเหมือนเดิมอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนทีเดียว แต่ถ้าคอยฟื้นฟูดีดีล่ะก็แค่ครึ่งเดือนก็น่าจะเห็นผลแล้ว “หลินหยางเว้นช่วงสักพักแล้วพูดขึ้นต่อ “แล้วคุณเตรียมจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ?”
“ฉัน…” จางเยว่ทำท่าทีลังเลอยู่สักพักจึงพูดขึ้นด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยม “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากกลับไป จะเป็นไปได้ไหมถ้าหากว่าฉันจะขออยู่ที่นี่ด้วยสักระยะหนึ่ง?”
“ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าไม่รังเกียจผมที่อาศัยอยู่แบบนี้ก็เชิญพักที่นี่เถอะ” หลินหยางเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจใดๆ ยิ่งมีผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้มาอยู่เป็นเพื่อนด้วยแล้วตนเองยิ่งยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้ผิวหนังของจางเยว่จะยังมีบางส่วนที่ซีดขาว แต่เมื่อได้ผ่านการนวดด้วยโคลนพิศุทธิ์สักนิดสักหน่อยแล้วผิวของเธอก็ดูเหมือนว่าจะกลับมาเป็นปรกติดีขึ้น
“แล้วอีกอย่างฉันยังไม่มีเสื้อผ้าเลยสักชิ้น แล้วฉันจะอยู่ที่นี่อย่างไรล่ะ? หากว่าพรุ่งนี้มีคนมาแล้วเห็นฉันอยู่ในสภาพนี้แล้วจะทำอย่างไร?” จางเยว่มองหลินหยางด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเป็นที่สุด
“ส่วนนี้ก็…” พอหลินหยางได้ยินเขาก็ลุกเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าพลางหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาชุดหนึ่งแล้วโยนให้กับจางเยว่ “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณใส่ชุดนี้ก็แล้วกัน”
จางเยว่พลันเลือดสูบฉีดขึ้นมาเมื่อรับเสื้อผ้าที่หลินหยางโยนมาให้ เพราะพบว่ามีแค่กางเกงกับเสื้อเชิ้ตเท่านั้น “แล้ว…แล้ว…ไม่มีชั้นในอย่างนั้นหรือ?”
หลินหยางได้ฟังก็เหงื่อซึม แต่เขาก็ยังหยิบชั้นในของเขาจากตู้เสื้อผ้าโยนไปให้จางเยว่แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณใส่ตัวนี้ไปก่อน เดี๋ยวผมจะโทรศัพท์ให้ใครสักคนเอามาให้คุณในวันพรุ่งนี้ล่ะกัน”
“อ๊ะ!” จางเยว่พยักหน้ารับ ทันใดนั้นจู่ๆ หลินหยางก็มาขยำหน้าอกของเธอ เธอจึงส่งเสียงตกใจแล้วถามกลับไปอย่างโมโห “นี่นายทำอะไร?”
“ผมก็แค่ลองวัดดูว่ามันจะใหญ่แค่ไหนผมจะได้ซื้อเสื้อชั้นในให้คุณได้ถูก ตรงนี้ของคุณมันใหญ่ซะขนาดนี้แล้วถ้าเกิดซื้อตัวเล็กขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อ